Pages
พระเมตตาของพระเยซูเจ้า
จงบอกมนุษยชาติที่กำลังเจ็บป่วย ให้เข้ามาใกล้หัวใจอันเมตตาของเรา แล้วเราจะประทานสันติภาพให้แก่มนุษยชาติ พระเมตตาของเราไม่มีวันสิ้นสุดเลย
พระวาจาวันอาทิตย์ที่ 24 สิงหาคม 2025 จงเข้าทางประตูที่แคบ
พระเยซูเจ้าเสด็จผ่านเมืองและหมู่บ้าน ทรงสั่งสอนประชาชนและทรงเดินทางมุ่งไปกรุงเยรูซาเล็ม คนคนหนึ่งทูลถามพระองค์ว่า ‘พระเจ้าข้า มีคนน้อยคนใช่ไหมที่รอดพ้นได้’ พระองค์ตรัสกับเขาทั้งหลายว่า ‘จงพยายามเข้าทางประตูแคบ เพราะเราบอกท่านทั้งหลายว่าหลายคนพยายามจะเข้าไป แต่จะเข้าไม่ได้ ‘เมื่อเจ้าของบ้านจะลุกขึ้นเพื่อปิดประตู ท่านจะยืนอยู่ข้างนอก เคาะประตูพูดว่า “พระเจ้าข้า เปิดประตูให้พวกเราด้วย” แต่เขาจะตอบว่า “เราไม่รู้ว่าพวกเจ้ามาจากที่ใด” แล้วท่านก็จะพูดว่า “พวกเราได้กินได้ดื่มอยู่กับท่าน ท่านได้สอนในลานสาธารณะของเรา” แต่เจ้าของบ้านจะตอบว่า “เราไม่รู้ว่าพวกเจ้ามาจากที่ใดไปให้พ้นจากเราเถิด เจ้าทั้งหลายที่กระทำการชั่วช้า”
(ลูกา 13:22-30)
พระวาจาวันอาทิตย์ที่ 24 สิงหาคม 2025 จงเข้าทางประตูที่แคบ
พระเยซูเจ้าเสด็จผ่านเมืองและหมู่บ้าน ทรงสั่งสอนประชาชนและทรงเดินทางมุ่งไปกรุงเยรูซาเล็ม คนคนหนึ่งทูลถามพระองค์ว่า ‘พระเจ้าข้า มีคนน้อยคนใช่ไหมที่รอดพ้นได้’ พระองค์ตรัสกับเขาทั้งหลายว่า ‘จงพยายามเข้าทางประตูแคบ เพราะเราบอกท่านทั้งหลายว่าหลายคนพยายามจะเข้าไป แต่จะเข้าไม่ได้ ‘เมื่อเจ้าของบ้านจะลุกขึ้นเพื่อปิดประตู ท่านจะยืนอยู่ข้างนอก เคาะประตูพูดว่า “พระเจ้าข้า เปิดประตูให้พวกเราด้วย” แต่เขาจะตอบว่า “เราไม่รู้ว่าพวกเจ้ามาจากที่ใด” แล้วท่านก็จะพูดว่า “พวกเราได้กินได้ดื่มอยู่กับท่าน ท่านได้สอนในลานสาธารณะของเรา” แต่เจ้าของบ้านจะตอบว่า “เราไม่รู้ว่าพวกเจ้ามาจากที่ใดไปให้พ้นจากเราเถิด เจ้าทั้งหลายที่กระทำการชั่วช้า”
(ลูกา 13:22-30)
วันศุกร์ที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2559
วันพฤหัสบดีที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2559
สาส์นจากบราซิล-เอดสัน
เรื่องราวของ เอดสัน เกลาเบอร์ ที่เมือง อิตาปิแรงกาซึ่งอยู่ริมแม่น้ำอะเมซอน ทางตะวันตกของบราซิล เขาเห็นแม่พระตั้งแต่วันที่ 2 พ.ค. 1994 และได้รับการรับรองจาก Archbishop Carillo Gritti of Itacoatiara พระสังฆราชของท้องถิ่นนั้น
>>>อ่านต่อ
>>>อ่านต่อ
วันพุธที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2559
ปูตินวิจารณ์โลกตะวันตก
MOSCOW
— ในสงครามเย็นระหว่างอเมริกากับโซเวียตรัสเซีย กลุ่มหัวอนุรักษ์นิยมชาวอเมริกันเรียกสหภาพโซเวียตว่าเป็น
“ประเทศที่ไม่มี พระเจ้า”
มากกว่าสองศตวรรษผ่านไป ประวัติศาสตร์ก็กลับมาซ้ำรอยเดิม
ขณะที่เครมลินได้ประสานร่วมมือกับศาสนจักรออร์โธดอกซ์ ทางฝากฝั่งตะวันตก
อันได้แก่ยุโรปและอเมริกาก็มีปัญหาเช่นเดียวกัน
ประธานาธิบดีปูตินแห่งรัสเซียกล่าวเมื่อไม่นานมานี้ว่า
“หลายประเทศใน ยูโร-แอตแลนติก (ประเทศยุโรปและอเมริกา) ได้ละทิ้งรากฐานของตนเอง อันได้แก่ คุณค่าของคริสตศาสนา”
“นโยบายหลายอย่างมุ่งไปที่การมีครอบครัวที่รับลูกมาเลี้ยงหลายคนจากเชื้อชาติต่างๆกัน และการอยู่กินของเพศเดียวกัน ไม่เชื่อในพระเจ้าแต่เชื่อในซาตาน สิ่งเหล่านี้เป็นหนทางแห่งความเสื่อมถอย”
ปูตินได้กล่าวสุนทรพจน์ดังกล่าวต่อคนในประเทศเมื่อกลางเดือนธันวาคม ปูตินยังกล่าวว่า รัสเซียเป็นประเทศที่ปกป้อง “คุณค่าของวัฒนธรรม”
และต่อต้านสิ่งที่ทางตะวันตกได้ทรยศต่อการอนุรักษ์สังคมและศาสนา
เขายืนยันว่าสิ่งที่รัสเซียทำอยู่นี้เป็นหนทางเดียวที่จะปกป้องโลกจากการตกไปสู่
“ความมืดมนอลเวง”
ในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งในการปกป้อง “คุณค่าของคริสตศาสนา” รัสเซียได้ออกกฏหมายต่อต้าน “การโฆษณาชวนเชื่อของพวกรักร่วมเพศ” และกฎหมายอื่นๆที่เป็นการดูหมิ่นศาสนาของผู้มีความเชื่อทั้งหลาย
กฏหมายเกี่ยวกับความอ่อนไหวของศาสนาถูกบัญญัติขึ้นเนื่องมาจากมีการเดินขบวนประท้วงในอาสนวิหารที่ใหญ่ที่สุดในกรุงมอสโคว
นำโดยกลุ่มพังก์ร็อคสตรีที่ต่อต้านศาสนจักรออร์โธดอกซ์ซี่งปูตินให้การสนับสนุนอยู่ ทางเครมลินได้ออกรายการโทรทัศน์กล่าวหาว่ากลุ่ม
“ลัทธิปีศาจ”นี้ ได้รับเงินทุนสนับสนุนจาก “ชาวอเมริกันบางคน” Patriarch Kirill I
แห่งมอสโคว ผู้เป็นผู้นำของศาสนจักรออร์โธดอกซ์ ได้กล่าวหาประเทศตะวันตกที่มายุ่งกับ
“การปลดเปลื้องทางจิตวิญญาณ” ของประชาชนของท่าน
Patriarch
Kirill ได้วิจารณ์กฎหมายของประเทศยุโรปหลายประเทศที่ไม่ยอมให้ผู้มีความเชื่อแสดงสัญลักษณ์ทางศาสนาในที่สาธารณะซึ่งได้แก่ไม้กางเขนและสร้อยคอศาสนภัณฑ์ต่างๆ
เป็นต้น
“ทิศทางทางการเมืองโดยทั่วไปของทางฝั่งตะวันตกนั้น เป็นปฏิปักษ์ต่อคริสต์ศาสนาโดยไม่ต้องสงสัย และแอนตี้คุณลักษณะต่างๆของศาสนา”
“เราเคยผ่านเหตุการณ์ของการไม่มีความเชื่อในพระเป็นเจ้ามาก่อน และเรารู้ว่าเป็นเช่นไรในการมีชีวิตอยู่โดยปราศจากพระเป็นเจ้า”
“เราต้องการร้องตะโกนบอกโลกทั้งมวลว่า
‘จงหยุด’”
มีการวิพากษ์วิจารณ์ตะวันตกจากทางศาสนจักรออร์โธดอกซ์อีก อย่างเช่น พระสงฆ์ที่ชื่อ Vsevolod
Chaplin ผู้เป็นประชาสัมพันธ์ของศาสนจักร ท่านเหน็บแนมว่า โลกตะวันตกสมัยใหม่นั้นก็ไม่ดีไปกว่าสหภาพโซเวียตในสมัยก่อนในเรื่องที่เกี่ยวกับคริสตชนผู้มีความเชื่อ”
ในสมัยโซเวียต
ได้มีการประหารชีวิตพระสงฆ์นักบวชและผู้มีความเชื่อไปประมาณ 200,000 คนตั้งแต่ปี
1917 ถึง 1937
ตัวเลขนี้นำมาจากรายงานการประชุมต่อประธานาธิบดีในปี 1995 มีโบสถ์นับพันแห่งที่ถูกทำลาย โบสถ์ที่ไม่ถูกทำลายก็ถูกเปลี่ยนเป็นโกดังเก็บสินค้า โรงรถ
หรือพิพิทธภัณฑ์ของลัทธิไม่นับถือพระเจ้า
พระสงฆ์ท่านนี้กล่าวว่า
“การแยกศาสนจักรออกจากอาณาจักรเป็นความผิดพลาดของทางตะวันตก
มันเป็นปรากฏการณ์ยิ่งใหญ่ที่เกิดกับทางตะวันตกที่เจริญแล้วเท่านั้นและมันจะฆ่าตะวันตกทั้งในด้านการเมืองและศีลธรรม”
นโยบายส่งเสริมคุณค่าวัฒนธรรมของทางเครมลินทำให้เกิดความตื่นตัวของออร์โธดอกซ์
และทำให้เกิดกลุ่ม Union of Orthodox Banner Bearers ซึ่งเป็นกลุ่มอนุรักษ์นิยมสุดขีดที่มีสโลแกนว่า
“ออร์โธดอกซ์หรือไม่ก็ความตาย”
Patriarch
Kirill ได้กล่าวสรรเสริญผู้นำกลุ่มนี้ ที่ได้รับใช้พระศาสนจักรออร์โธดอกซ์ กลุ่มนี้แต่งกายด้วยชุดดำมีรูปโครงกระดูกประดับที่ชุด
พวกเขาจะเผชิญหน้ากับกลุ่มเกย์และกลุ่มเสรีนิยมตามท้องถนนในกรุงมอสโคว
นาย Yevgeny
Bazhanov
ผู้เป็นอธิบดีว่าการกระทรวงต่างประเทศได้เขียนบทความเมื่อไม่นานมานี้ว่า “คุณค่าของฝั่งตะวันตก จากลัทธิเสรีนิยมที่ยอมรับสิทธิทางเพศของคนกลุ่มน้อย และจากความต้องการของคาทอลิกและโปรแตสแตนท์ให้ลดหย่อนการลงโทษต่อนักโทษประหารซึ่งเป็นฆาตกร
ได้สร้างความประหลาดใจให้แก่พวกเราเป็นอย่างยิ่ง”
ในการทำโพลล์ระบุว่า ชาวรัสเซีย 70 เปอร์เซ็นต์บอกว่าเขาเป็นคริสตชนออร์โธดอกซ์ และผู้ที่เห็นต่างในอดีตได้เรียกร้องให้ทางศาสนจักรแสดงบทบาทในการเป็นคนกลางระหว่างเครมลินกับผู้ประท้วง
“เพราะปูตินได้กลายมาเป็นอนุรักษ์นิยม จึงทำให้ทางศาสนจักรมีความกล้ามากขึ้น ปูตินไม่ได้เข้าข้างทางศาสนจักรมากเกินไป แต่จะพูดเน้นถึงคุณค่าของวัฒนธรรม เขาจึงได้รับความนิยมและการสนับสนุนจากทางศาสนจักร”
วันอังคารที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2559
วันจันทร์ที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2559
วันอาทิตย์ที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2559
ซี่โครงของอาดัม
คุณรู้ไหมว่าเรื่องในพระคัมภีร์ตอนนี้สอดคล้องกับความรู้ทางวิทยาศาสตร์อย่างเหลือเชื่อ? เป็นเรื่องประจวบเหมาะหรือที่พระคัมภีร์กล่าวถึงซี่โครง ไม่ใช่ฟันหรือนิ้วมือ?
>>>อ่านต่อ
>>>อ่านต่อ
วันเสาร์ที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2559
ทะเลสาปสองแห่งในปาเลสไตน์
มีทะเลสาปสองแห่งในปาเลสไตน์ ทะเลสาบแห่งแรกเป็นน้ำจืดบริสุทธิ์ มีปลาและสัตว์น้ำอาศัยอยู่อย่างอุดมสมบูรณ์
ริมฝั่งทะเลมีพืชพันธ์ต่างๆขึ้นงอกงามประดับทะเลให้ดูสวยสดชื่น น้ำจากทะเลคอยหล่อเลี้ยงสรรพชีวิตบนแผ่นดิน ทะเลสาปอีกแห่งหนึ่งปราศจากชีวิต ไม่มีพืชพันธ์หรือแม้แต่เสียงนกร้อง มีแต่ความเงียบเหงาวังเวง...ทะเลสาปกาลิลีคือทะเลสาบแห่งแรก
เป็นทะเลสาบที่หล่อเลี้ยงชีวิตของสรรพชีวิต
ทะเลสาบแห่งที่สองเป็นทะเลสาบที่ปราศจากชีวิต
เพราะเหตุนี้มันจึงได้ชื่อว่าทะเลตาย Dead Sea ทะเลทั้งสองต่างได้รับน้ำมาจากแม่น้ำจอร์แดน แล้วเหตุใดจึงทำให้ทะเลทั้งสองจึงแตกต่างกันอย่างสุดขั้วเช่นนี้ เป็นเพราะทะเลกาลิลีเมื่อได้รับน้ำแล้วก็ถ่ายเทน้ำไปสู่ที่ต่างๆ ส่วนทะเลตายเป็นทะเลที่รับเอาน้ำเข้ามาอย่างเดียว โดยไม่ยอมปล่อยน้ำไปที่อื่น ดังนั้นน้ำทะเลจึงเค็มจัด
มีคนสองประเภทในโลกนี้ คนแรกเปรียบเหมือนทะเลกาลิลี เขาแบ่งปันสิ่งที่ตนมีแก่ผู้อื่น จิตใจของเขาจึงสดชื่นร่าเริงอยู่เสมอ มีคนที่รักเขาและช่วยเหลือเขา ส่วนคนอีกประเภทหนึ่งเปรียบเหมือนทะเลตาย คือคนที่เห็นแก่ตัวไม่ยอมใช้จ่ายทรัพย์สินของตนเพื่อช่วยเหลือผู้อื่นบ้าง จิตใจของคนเช่นนี้ก็จะแห้งแล้ง เงียบเหงา ไม่มีชีวิตชีวาเช่นเดียวกัน
มีคนสองประเภทในโลกนี้ คนแรกเปรียบเหมือนทะเลกาลิลี เขาแบ่งปันสิ่งที่ตนมีแก่ผู้อื่น จิตใจของเขาจึงสดชื่นร่าเริงอยู่เสมอ มีคนที่รักเขาและช่วยเหลือเขา ส่วนคนอีกประเภทหนึ่งเปรียบเหมือนทะเลตาย คือคนที่เห็นแก่ตัวไม่ยอมใช้จ่ายทรัพย์สินของตนเพื่อช่วยเหลือผู้อื่นบ้าง จิตใจของคนเช่นนี้ก็จะแห้งแล้ง เงียบเหงา ไม่มีชีวิตชีวาเช่นเดียวกัน
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)