พระเมตตาของพระเยซูเจ้า

จงบอกมนุษยชาติที่กำลังเจ็บป่วย ให้เข้ามาใกล้หัวใจอันเมตตาของเรา แล้วเราจะประทานสันติภาพให้แก่มนุษยชาติ พระเมตตาของเราไม่มีวันสิ้นสุดเลย

พระวาจาวันอาทิตย์ที่ 19 มกราคม 2025 งานแต่งงานที่หมู่บ้านคานา

           สามวันต่อมามีงานสมรสที่หมู่บ้านคานาในแคว้นกาลิลี พระมารดาของพระเยซูเจ้าทรงอยู่ในงานนั้น พระเยซูเจ้าทรงได้รับเชิญพร้อมกับบรรดาศิษย์มาในงานนั้นด้วย เมื่อเหล้าองุ่นหมด พระมารดาของพระเยซูเจ้าจึงมาทูลพระองค์ว่า “เขาไม่มีเหล้าองุ่นแล้ว” พระเยซูเจ้าตรัสว่า “หญิงเอ๋ย ท่านต้องการสิ่งใด เวลาของเรายังมาไม่ถึง” พระมารดาของพระเยซูเจ้าจึงกล่าวแก่บรรดาคนรับใช้ว่า “เขาบอกให้ท่านทำอะไร ก็จงทำเถิด” ที่นั่นมีโอ่งหินตั้งอยู่หกใบ เพื่อใช้ชำระตามธรรมเนียมของชาวยิว แต่ละใบจุน้ำได้ประมาณหนึ่งร้อยลิตร พระเยซูเจ้าตรัสกับบรรดาคนรับใช้ว่า “จงตักน้ำใส่โอ่งให้เต็ม” เขาก็ตักน้ำใส่จนเต็มถึงขอบ แล้วพระองค์ทรงสั่งเขาอีกว่า “จงตักไปให้ผู้จัดงานเลี้ยงเถิด” เขาก็ตักไปให้ ผู้จัดงานเลี้ยงได้ชิมน้ำที่เปลี่ยนเป็นเหล้าองุ่นแล้ว ไม่รู้ว่าเหล้านี้มาจากไหน แต่คนรับใช้ที่ตักน้ำรู้ดี ผู้จัดงานเลี้ยงจึงเรียกเจ้าบ่าวมา พูดว่า “ใคร ๆ เขานำเหล้าองุ่นอย่างดีมาให้ก่อน เมื่อบรรดาแขกดื่มมากแล้ว จึงนำเหล้าองุ่นอย่างรองมาให้ แต่ท่านเก็บเหล้าอย่างดีไว้จนถึงบัดนี้” พระเยซูเจ้าทรงกระทำเครื่องหมายอัศจรรย์ ครั้งแรกนี้ที่หมู่บ้านคานา แคว้นกาลิลี พระองค์ทรงแสดงพระสิริรุ่งโรจน์ของพระองค์ และบรรดาศิษย์เชื่อในพระองค์
(ยอห์น 2:1-11)








วันพุธที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2560

มีการเบียดเบียนคริสตชนเพิ่มมากขึ้น


นี่คือใบหน้าของเด็กๆที่บริสุทธิ์, ผู้ชายและผู้หญิงที่มี จำนวนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆจนถึง 215 ล้านคน
ตัวเลขนี้คือจำนวนประชาชนที่ได้รับความทุกข์ยากลำบากเพราะพวกเขาเป็นคริสตชน
มีสถิติที่เปิดเผยในรายงานล่าสุดจัดทำโดย Open Doors ซึ่งได้จัดทำนาน 60 ปีรวบรวมจำนวนผู้ได้รับการเบียดเบียนทางศาสนาในโลก
ผู้สำรวจได้วิเคราะห์จาก 50 ประเทศทั่วโลกและจำนวนประชากร 4,800 ล้านคน  จากจำนวนนี้เป็นคริสตชน 215 ล้านคนที่ได้รับความทุกข์จากการถูกเบียดเบียนในระดับที่สูง  สูงมาก  และสูงสุดขีด
จากตัวเลขนี้ประมาณการได้ว่าคริสตชน 1 ใน 12 คนจะเป็นเหยื่อของความรุนแรงอันเนื่องมาจากศาสนา 
เกาหลีเหนืออยู่ในอันดับแรก  เนื่องจากประชาชนในประเทศไม่มีเสริภาพจึงทำให้ไม่เสรีภาพทางศาสนาเลย 
โซมาเลียเป็นประเทศที่ติดตามมา  ชาวมุสลิมในประเทศที่กลับใจเปลี่ยนมานับถือคริสต์ศาสนาจะถูกฆ่าตาย 
อัฟกานิสถาน , ปากีสถาน ,ซีเรีย และ อิรัก ก็อยู่ในบัญชีรายชื่อด้วย  กลุ่มหัวรุนแรงทางศาสนาและผู้ก่อการร้ายจิฮัดเป็นตัวการที่ทำการกีดขวางประชาชนไม่ให้เปลี่ยนศาสนา
เยเมนก็ติดอยู่ในท็อปเท็น 1 ใน 10 ของรายชื่อด้วยในปีนี้  ประเทศที่ยากจนที่สุดในตะวันออกกลางนี้ยังคงทำสงครามกลางเมืองกับคริสตชน  ตัวอย่างหนึ่งของความรุนแรงนี้ก็คือการลักพาตัว คุณพ่อทอม  พระสงฆ์คณะซาเลเซียน โดยกลุ่มนักรบจิฮัดซึ่งเคยฆ่ามิชชันนารีแห่งเมตตาธรรมไป 4 องค์
รายงานสถิติยังกล่าวถึงความรุนแรงในประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อย่างเช่น อินเดีย บังกลาเทศ ลาว ภูฐาน และเวียตนาม  Open Doors รายงานว่าทางตอนเหนือของอินเดียมีคริสตชนราว 40 ล้านคนที่ได้รับความเดือดร้อนเป็นอย่างมากจากกลุ่มหัวรุนแรงชาวฮินดู
รายงานบอกว่าใน 21 จาก 50 ประเทศ คริสตชนถูกเบียดเบียน 100 เปอร์เซ็นต์  อย่างไรก็ตาม แม้จะมีสถานการณ์ที่เลวร้าย แต่ก็ยังมีความหวังอยู่บ้าง  มีสถาบันมากขึ้นและการริเริ่มมากขึ้นที่จะคอยเตือนภัยถึงการเบียดเบียนเหล่านั้น  และยิ่งกว่านั้นมีการช่วยเหลือคริสตชนที่ชีวิตของเขากำลังอยู่ในอันตรายจากการไม่ยอมปฏิเสธพระเยซูคริสต์

วันอังคารที่ 24 มกราคม พ.ศ. 2560

ชีวิตคริสตชนต้องเป็นการต่อสู้กับปีศาจอยู่เสมอ


VATICAN CITY (CNS) —พระสันตปาปาฟรังซิสตรัสเทศน์สอนระหว่างพิธีมิสซาที่วัดน้อยนักบุญมาร์ทาเมื่อวันที่ 19 ม.ค.2017 ว่า การเข้าใกล้พระคริสต์มากขึ้นหมายถึงการต้องต่อสู้กับการประจญล่อลวงและต่อสู้กับปีศาจทุกวัน
เมื่อพระเยซูเจ้าทรงเข้าใกล้ประชาชนที่มาฟังพระองค์และรับการรักษาโรคจากพระองค์ “จิตที่สกปรกพยายามหยุดยั้งประชาชนเหล่านั้น  มันเริ่มทำสงคราม”  เหตุใดประชาชนที่แสวงหาและติดตามพระเยซูเจ้าจึงเผชิญกับอุปสรรค
พระสันตะปาปาตรัสว่า จากพระวรสารประจำวัน มาร์โก 3:7-12 ทำให้เราอยากรู้ว่าเรื่องจะจบลงอย่างไร  จิตสกปรกเหล่านั้นร้องตะโกนต่อพระเยซูว่า”ท่านเป็นบุตรของพระเจ้า”  เมื่อประชาชนจำนวนมากมาดู ฟังพระเยซูเจ้า  และรับการรักษาโรคจากพระองค์
 “นี่เป็นความจริง นี่เป็นความรู้สึกของประชาชนแต่ละคนเมื่อพระเยซูเจ้ามาใกล้พวกเขา”
“คนที่บอกว่าเขาไม่เคยถูกประจญนั้น ไม่ใช่คริสตชน พวกเขาเป็นพวกที่นับถือรูปเคารพ หรือนับถือผีปีศาจ”
เมื่อพระเป็นเจ้าดึงดูดประชาชนโดยทางพระเยซูเจ้า ปีศาจก็พยายามดึงพวกเขาไปทางอื่น “และมันทำสงครามในจิตใจของเรา” พระสันตะปาปาตรัส “เพราะเหตุนี้นักบุญเปาโลจึงพูดว่าชีวิตคริสตชนคือการทำสงคราม ทุกๆวัน”
 “พระเยซูเจ้าเสด็จมาเพื่อมีชัยชนะในสงคราม “เพื่อทำลายซาตาน ทำลายอิทธิพลของมันในหัวใจของพวกเรา”
เราต้องเลือกว่า  ต้องการความสะดวกสบาย สิ่งที่ง่ายๆ และชีวิตที่เงียบสงบ หรือต้องการให้หัวใจของเขา “รู้สึกว่าต้องทำสงครามกับปีศาจ” และช่วยพระเยซูเจ้าให้ได้รับชัยชนะ?
“ให้เราพิจารณาเกี่ยวกับจิตใจของเรา  เรารู้สึกถึงสงครามนี้หรือไม่?”  และปรารถนาที่จะรับใช้พระเจ้า สวดภาวนา  สรรเสริญพระบิดาและทำสิ่งที่ดีงามหรือไม่?  หรือมีบางสิ่งที่มาหยุดยั้งเราไว้และหันเหเราด้วยการประจญจากความสะดวกสบายและความบันเทิงต่างๆ?”

วันจันทร์ที่ 23 มกราคม พ.ศ. 2560

ปีศาจมีอยู่จริง

พระอัครสังฆราชเอริโอ คาสเตลลุกซี พูดถึงคนที่คิดว่าปีศาจไม่มีอยู่จริง  ท่านกล่าวว่า “พวกเขาคิดผิด”
>>>อ่านต่อ

วันอาทิตย์ที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2560

พระนางมารีย์ยอดสตรีเหนือใครทั้งปวง

พระนางมารีย์ทรงเป็นที่รักยิ่งของพระเป็นเจ้า  พระบิดา  พระบุตร และพระจิต
>>>อ่านต่อ

วันเสาร์ที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2560

พระสันตปาปาส่งสาส์นถึงทรัมป

 
Vatican Radio : พระสันตปาปาฟรังซิสทรงส่งสาสน์แสดงความปรารถนาดีแก่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ในโอกาสการสาบานเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีอย่างเป็นทางการเมื่อวันศุกร์ที่ 20 ม.ค.2017 ใจความในสาส์นของพระสันตปาปาบางตอนมีดังนี้
“ในเวลาที่ครอบครัวมนุษยชาติของเรากำลังตกอยู่ในวิกฤตการณ์อันยากลำบากนี้  ได้เรียกร้องความรับผิดชอบและการมองการณ์ไกลจากทางฝ่ายการเมือง  ข้าพเจ้าสวดภาวนาขอให้การตัดสินใจของท่านจะได้รับการนำทางโดยจิตสำนึกที่สูงส่งและคุณค่าของคุณธรรม  ที่ซึ่งได้ก่อรูปร่างในประวัติศาสตร์ของประชาชนชาวอเมริกันและพันธกรณีแห่งชาติของท่านที่จะส่งเสริมศักดิ์ศรีของมนุษย์และอิสระเสรีภาพของโลก”
“ภายใต้ความเป็นผู้นำของท่าน ขอให้เกียรติภูมิของอเมริภาจงดำรงอยู่ต่อไปและเจริญยิ่งขึ้นในด้านความเอาใจใส่ต่อบรรดาคนยากจน,คนที่ถูกขับไล่และคนที่ต้องการความช่วยเหลือผู้เป็นเหมือนลาซารัส  นั่นคือกำลังนอนอยู่ที่ปากประตู”

สาส์นของแม่พระแห่งซานนิโคลัสได้รับการรับรอง


การประจักษ์ของแม่พระแห่งสายประคำแห่งซานนิโคลัสได้รับการรับรองว่าเป็น “สิ่งเหนือธรรมชาติ” และมีค่าต่อการเชื่อถือ โดยพระสังฆราช Hector Sabatino Cardelli of San Nicolas de los Arroyos ของประเทศอาร์เจนตินา

วันศุกร์ที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2560

อิตาลีจะกลายเป็นประเทศมุสลิม?


ผู้ลี้ภัยชาวมุสลิมที่เข้ามาในอิตาลีก่อความเดือดร้อนวุ่นวายมากมายให้แก่ชาวอิตาลี  แต่รัฐบาลก็ยังคงเปิดประเทศให้แก่พวกเขา