พระเมตตาของพระเยซูเจ้า

จงบอกมนุษยชาติที่กำลังเจ็บป่วย ให้เข้ามาใกล้หัวใจอันเมตตาของเรา แล้วเราจะประทานสันติภาพให้แก่มนุษยชาติ พระเมตตาของเราไม่มีวันสิ้นสุดเลย

พระวาจาวันอาทิตย์ที่ 6 เมษายน 2025 หญิงที่ถูกกล่าวหาว่าทำผิดประเวณี

           พระเยซูเจ้าเสด็จไปยังภูเขามะกอกเทศ เช้าตรู่วันรุ่งขึ้น พระองค์เสด็จไปในพระวิหารอีก ประชาชนเข้ามาห้อมล้อมพระองค์ พระองค์ประทับนั่ง แล้วทรงเริ่มสั่งสอน บรรดาธรรมาจารย์และชาวฟาริสีนำหญิงคนหนึ่งเข้ามา หญิงคนนี้ถูกจับขณะล่วงประเวณี เขาให้นางยืนตรงกลาง แล้วทูลถามพระองค์ว่า “อาจารย์ หญิงคนนี้ถูกจับขณะล่วงประเวณี ในธรรมบัญญัติ โมเสสสั่งเราให้ทุ่มหินหญิงประเภทนี้จนตาย ส่วนท่านจะว่าอย่างไร” เขาถามพระองค์เช่นนี้ เพื่อทดลองพระองค์ หวังจะหาเหตุปรักปรำพระองค์ แต่พระเยซูเจ้าทรงก้มลง เอานิ้วพระหัตถ์ขีดเขียนที่พื้นดิน เมื่อคนเหล่านั้นยังทูลถามย้ำอยู่อีก พระองค์ทรงเงยพระพักตร์ขึ้น ตรัสว่า “ท่านผู้ใดไม่มีบาป จงเอาหินทุ่มนางเป็นคนแรกเถิด” แล้วทรงก้มลงขีดเขียนบนพื้นดินต่อไป เมื่อคนเหล่านั้นได้ฟังดังนี้ ก็ค่อย ๆ ทยอยออกไปทีละคน เริ่มจากคนอาวุโส จนเหลือแต่พระเยซูเจ้าตามลำพังกับหญิงคนนั้น ซึ่งยังคงยืนอยู่ที่เดิม พระเยซูเจ้าทรงเงยพระพักตร์ขึ้น ตรัสกับนางว่า “นางเอ๋ย พวกนั้นไปไหนหมด ไม่มีใครลงโทษท่านเลยหรือ” หญิงคนนั้นทูลตอบว่า “ไม่มีใครเลย พระเจ้าข้า” พระเยซูเจ้าตรัสว่า “เราก็ไม่ลงโทษท่านด้วย ไปเถิด และตั้งแต่นี้ไป อย่าทำบาปอีก”
(ยอห์น 8:1-11)








วันพุธที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

การล่มสลายของลัทธิคอมมิวนิสต์1

การจัดระเบียบใหม่ของยุโรป
ภายหลังสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่สอง สหภาพโซเวียต ได้ก่อตั้งระบอบการปกครองคอมมิวนิสต์ในยุโรปตอนกลาง และยุโรปตะวันออก  การดำเนินชีวิตในสังคม การเมืองและเศรษฐกิจในกลุ่มประเทศเครืออาณานิคมฝั่งตะวันออกต่างยึดเอาสหภาพโซเวียตเป็นแบบอย่าง  กระบวนการดังกล่าวเริ่มต้นขึ้นจากการสร้างการผูกขาดทางการเมืองให้กับพรรคคอมมิวนิสต์ การสร้างกองกำลังตำรวจรักษาความมั่นคง การใช้ระบบเซ็นเซอร์ และการควบคุมสื่อทุกประเภท ซึ่งสำคัญมากสำหรับการใช้โฆษณาชวนเชื่อ
สหภาพโซเวียตได้ทำให้ลัทธิคอมมิวนิสต์แพร่หลายไปยังประเทศต่างๆทั่วโลก




โปสเตอร์โฆษณาชวนเชื่อ   มีข้อความที่แปลว่า:  ‘Soviet Army, guardian of peace’ โปสเตอร์โฆษณา ตัวอักษรที่เขียน: 'กองทัพโซเวียตผู้พิทักษ์แห่งสันติภาพ'

วันอังคารที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

พลังอำนาจของการสวดภาวนา3

พลังอำนาจจากการสวดภาวนาของเรานั้น  เกิดจากพระเป็นเจ้าผู้ทรงฟังคำภาวนาของเรา  ใน 1ยอห์น 5:14-15 บอกเราว่า “ความมั่นใจของเราต่อพระเป็นเจ้ามีอยู่ว่า  ถ้าเราวอนขอสิ่งใดที่เป็นไปตามพระประสงค์ของพระองค์  พระองค์จะทรงฟังเรา  และถ้าเรารู้ว่าพระองค์ทรงฟังสิ่งที่เราวอนขอ ไม่ว่าเราจะวอนขอสิ่งใด  เราย่อมรู้ว่า เราจะได้รับตามที่เราวอนขอนั้น” เหตุนี้ ไม่ว่าผู้ใดจะวอนขอสิ่งใด ด้วยจุดประสงค์อันใด พระเป็นเจ้าจะทรงประทานตามวอนขอก็ต่อเมื่อสิ่งนั้นเป็นไปตามน้ำพระทัยของพระองค์เท่านั้น พระองค์อาจไม่ประทานให้ตามที่เราวอนขอเสมอไป แต่จะทรงประทานให้เพื่อประโยชน์ที่ดีและเหมาะสมที่สุดสำหรับเรา  เมื่อความปรารถนาของเราสอดคล้องกับน้ำพระทัยของพระองค์ และเราจะเข้าใจเมื่อถึงเวลา  ดังนั้นเมื่อเราสวดภาวนาด้วยสุดหัวใจของเราวอนขอสิ่งที่สอดคล้องกับน้ำพระทัยของพระเป็นเจ้า  พระองค์จะทรงตอบสนองคำภาวนาของเราอย่างแน่นอน

วันอาทิตย์ที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

ประธานาธิบดีสหรัฐกับเมดจูกอเรจ์


หลังจากท่านประธานาธิบดีได้อ่านจดหมายแล้วท่านพูดว่า เวลานี้ผมกำลังจะไปพบกับกอบาชอฟด้วยจิตใจใหม่”

วันเสาร์ที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

พลังอำนาจของการสวดภาวนา2


อย่าประเมินพลังอำนาจของการสวดภาวนาต่ำเกินไป  ยากอบ 5:16-18 กล่าวว่า “...คำภาวนาของผู้ชอบธรรมมีพลังอำนาจมากและมีประสิทธผล  เอลียาห์ก็เป็นคนธรรมดาเหมือนเรา  ท่านสวดาภาวนาด้วยสิ้นสุดจิตใจวอนขออย่าให้มีฝนตก  และฝนก็ไม่ตกบนแผ่นดินอิสราแอลเป็นเวลาสามปีครึ่ง  ท่านสวดภาวนาอีกครั้งหนึ่งและสวรรค์ก็ประทานฝนให้ตกลงมาทำให้แผ่นดินเกิดผลผลิตงอกงาม”  พระเป็นเจ้าทรงฟังคำภาวนาอย่างแน่นอนและทรงตอบสนองคำภาวนาเหล่านั้น
พระเยซูเจ้าทรงสอนว่า “...เราบอกความจริงแก่ท่านว่า  ถ้าท่านมีความเชื่อเพียงเท่าเมล็ดมัสตาดเล็กๆ  ท่านจะสามารถย้ายภูเขา จากที่นี่ไปที่นั่น และมันก็จะย้าย  ไม่มีสิ่งใดที่เป็นไปไม่ได้สำหรับท่าน” (มท. 17:20) และ 2 โครินทร์ 10:4-5 บอกเราว่า “อาวุธที่เราใช้ต่อสู้ไม่ใช่อาวุธของโลกนี้ ตรงกันข้าม  พวกมันเป็นอาวุธจากสวรรค์ที่ทำลายอำนาจของศัตรู  เราทำลายการโต้เถียงและการโอ้อวดทุกชนิดที่ต่อสู้กับความรู้ของพระเป็นเจ้า  และเราทำลายความสงสัยในความคิด ทำให้มันเชื่อฟังพระคริสตเจ้า”  พระคัมภีร์ยังกระตุ้นเตือนเราว่า “จงอธิษฐานภาวนาอยู่เสมอ  ขอพระจิตเจ้าทรงดลใจคำอธิษฐานวอนขอต่างๆทุกโอกาส  จงตื่นเฝ้า  อย่าท้อถอยที่จะวอนขอเพื่อบรรดาผู้ศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย” (อฟ. 6:18)

วันพฤหัสบดีที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

พลังอำนาจของการสวดภาวนา


               นางมอนิกาสวดภาวนาเพื่อลูกชายคนเดียวของเธอที่ดำเนินชีวิตในบาปหนัก  เธอสวดภาวนาด้วยสุดจิตใจของเธอ  เฝ้าวิงวอนพระเป็นเจ้าโปรดดลใจในออกัสตินลูกชายกลับใจ  บางครั้งเธอสวดภาวนาไปร้องไห้ไป  พระเป็นเจ้าเป็นเพียงความหวังเดียวของเธอเท่านั้น  เพราะลูกชายไม่ฟังคำเตือนของเธอเลย  เธอสวดภาวนานานเป็นเวลาหลายปี  แล้วในที่สุด  ออกัสตินก็ได้พบแสงสว่างจากพระวาจาในพระคัมภีร์ซึ่งสะดุดใจของเขา 
                 วันหนึ่งเขาได้ยินเสียงเด็กร้องเพลงว่า “หยิบขึ้นอ่าน หยิบขึ้นอ่าน”  ออกัสตินจึงหยิบพระคัมภีร์ขึ้นมาอ่านและพบตอนที่เขียนว่า “ให้เราเดินไปอย่างซื่อสัตย์ในเวลากลางวัน  อย่าเอาแต่ดื้อดึงขัดขืนและดื่มจนเมามาย  อย่าเอาแต่เสเพลและทำสิ่งที่ไม่บริสุทธิ์ อย่าทะเลาะวิวาทกันและอิจฉาริษยากัน  แต่จงมอบตนเองไว้ในพระเยซูคริสตเจ้า  และละทิ้งสิ่งที่เป็นเรื่องของเนื้อหนังและกิเลสตัณหา”
“แสงสว่างเข้ามาเปี่ยมล้นหัวใจของข้าพเจ้า  และความมืดมิดและความสงสัยทั้งหลายก็สูญสิ้นมลายไป” ออกัสตินเขียนเล่าไว้ในเวลาต่อมา
จากคนบาปออกัสตินได้กลายเป็นนักบุญผู้ยิ่งใหญ่  พระศาสนจักรประกาศให้ท่านเป็นนักปราชญ์ของพระศาสนจักร  สิ่งนี้เกิดขึ้นเพราะคำภาวนาของนักบุญมอนิกาผู้เป็นมารดา
นักบุญออกัสตินกล่าวว่า “พระเป็นเจ้าทรงรักเราแต่ละคน  ราวกับว่าพระองค์มีแต่เราเพียงคนเดียวเท่านั้น”

วันพุธที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

อนุสาวรีย์คุณพ่อการ์โล


พิธีเล็กๆแต่อบอุ่นท่ามกลางลูก เชิญหีบบรรจุร่างของคุณพ่อการ์โล เดลลา โตร์เร
สู่อนุสาวรีย์แห่งความรัก....อนุสาวรีย์คุณพ่อการ์โล เดลลา โตร์เร
>>>อ่านต่อ