Pages
พระเมตตาของพระเยซูเจ้า
จงบอกมนุษยชาติที่กำลังเจ็บป่วย ให้เข้ามาใกล้หัวใจอันเมตตาของเรา แล้วเราจะประทานสันติภาพให้แก่มนุษยชาติ พระเมตตาของเราไม่มีวันสิ้นสุดเลย
พระวาจาวันอาทิตย์ที่ 23 พฤศจิกายน 2025 สมโภชพระเยซูเจ้า กษัตริย์แห่งสากลจักรวาล
ประชาชนยืนดูอยู่ที่นั่น ส่วนบรรดาผู้นำเยาะเย้ยพระองค์ว่า ‘เขาช่วยคนอื่นให้รอดพ้นได้ ก็ให้เขาช่วยตนเองซิ ถ้าเขาเป็นพระคริสต์ผู้ที่พระเจ้าทรงเลือกสรร’ แม้แต่บรรดาทหารก็เยาะเย้ยพระองค์ด้วย เขานำเหล้าองุ่นเปรี้ยวเข้ามาถวาย พลางกล่าวว่า ‘ถ้าท่านเป็นกษัตริย์ของชาวยิว ก็จงช่วยตนเองให้รอดพ้นซิ’ มีคำเขียนไว้เหนือพระองค์ว่า ‘ผู้นี้คือกษัตริย์ของชาวยิว’
(ลูกา 23:35-43)
พระวาจาวันอาทิตย์ที่ 23 พฤศจิกายน 2025 สมโภชพระเยซูเจ้า กษัตริย์แห่งสากลจักรวาล
ประชาชนยืนดูอยู่ที่นั่น ส่วนบรรดาผู้นำเยาะเย้ยพระองค์ว่า ‘เขาช่วยคนอื่นให้รอดพ้นได้ ก็ให้เขาช่วยตนเองซิ ถ้าเขาเป็นพระคริสต์ผู้ที่พระเจ้าทรงเลือกสรร’ แม้แต่บรรดาทหารก็เยาะเย้ยพระองค์ด้วย เขานำเหล้าองุ่นเปรี้ยวเข้ามาถวาย พลางกล่าวว่า ‘ถ้าท่านเป็นกษัตริย์ของชาวยิว ก็จงช่วยตนเองให้รอดพ้นซิ’ มีคำเขียนไว้เหนือพระองค์ว่า ‘ผู้นี้คือกษัตริย์ของชาวยิว’
(ลูกา 23:35-43)
วันพุธที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2562
ธรรมเนียมวันอิสเตอร์ของประเทศต่างๆ
ในสหรัฐ มีการแข่งขันหาไข่ในทำเนียบขาว
ในฮังการีมีธรรมเนียมสาดน้ำใส่หญิงสาว
ในสาธารณรัฐเช็คมีธรรมเนียมหวดก้นของหญิงสาวและร้องเพลง
ที่กรีซมีธรรมเนียมโยนคนโทลงมาจากหน้าต่าง
ที่สวีเดนและฟินแลนด์เด็กๆจะไปตามบ้านขอขนมและอวยพร
บางแห่งในอเมริกามีการเผาไฟชาวยิวเพราะพวกเขาถือว่าชาวยิวทำร้ายพระเยซูเจ้า
ในเมืองฟลอเรนซ์ของอิตาลีมีการแห่แหนกระโจมและจุดพลุไฟ
คือรูปภาพของสามี ภรรยา และลูกสาวของพวกเขาซึ่งมาทำพิธีรับศีลมหาสนิทครั้งแรกเมื่อวันที่ 22 เมษายน 2019 ที่โบสถ์แห่งหนึ่งในศรีลังกาที่มีการระเบิด ทั้งสามคนได้เสียชีวิตในการระเบิดครั้งนี้ด้วย ยอดผู้เสียชีวิตมีทั้งหมด 321 คนแล้ว
วันอังคารที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2562
การประท้วงในฝรั่งเศส
ดิฉันเห็นโบสถ์หลายแห่งปิดตัวลง มีความทุกข์ยากมากมายในทุกที่, มีสงครามและการนองเลือด มีการก่อม็อบประท้วงที่ป่าเถื่อนเกิดขึ้นเป็นความรุนแรง แต่ไม่นานมันก็จะสิ้นสุดลง"
>>>อ่านต่อ
>>>อ่านต่อ
วันจันทร์ที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2562
เหตุก่อการร้ายในวันอิสเตอร์ที่ศรีลังกา
วันอาทิตย์ที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2562
วันเสาร์ที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2562
แอนตี้ไครส์ระบบดิจิทัล
มีเรื่องน่าคิดเกี่ยวกับตัวเลขของแอนตี้ไครส์ หมายเลข 666 เพราะสมัยนี้เป็นยุคของดิจิตัล (ดิจิตัล = ตัวเลข) อุปกรณ์หลายอย่างเป็นระบบดิจิตัล
>>>อ่านต่อ
>>>อ่านต่อ
วันศุกร์ที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2562
พระศาสนจักรในฮ่องกง
Hong Kong (AsiaNews) – พระศาสนจักรในฮ่องกงเตรียมต้อนรับคริสตชนใหม่จำนวน 2,800 คนในวันอิสเตอร์ที่จะมาถึงนี้
Fr Giorgio Pasini อธิการใหญ่ของคณะ Pontifical Institute for Foreign Missions (PIME) ในฮ่องกง ได้บอกกับทาง AsiaNews ว่า จะมีการประกอบพิธีสาบานตนของผู้จะรับศีลล้างบาปขึ้นที่โบสถ์ St Francis of Assisi’s Church, in Shek Kip Mei โดยมีพระคาร์ดินัล John Tong Hon เป็นประธาน พิธีนี้ถือเป็นหัวใจของพระศาสนจักรในฮ่องกง
“มีผู้สมัครรับศีลล้างบาปและได้เรียนคำสอนแล้วจำนวนมากในปีนี้ พวกเขามีความตื่นตัวในเรื่องนี้มาก ผู้รับศีลล้างบาปเหล่านี้ช่วยทำให้พระศาสนจักรท้องถิ่นมีชีวิตชีวาขึ้น พวกเขาส่วนใหญ่เป็นผู้ใหญ่และได้รับการเตรียมพร้อมมานานหนึ่งปีครึ่ง”
“เป็นสิ่งที่หาได้ยากที่จะมีคริสตชนใหม่ที่มาจากความเชื่อทางศาสนาพุทธ โดยปกติ ผู้คนในอดีตที่เข้ามาเป็นคริสตชนใหม่มักจะเป็นคนที่ไม่ได้นับถือศาสนาใด หรือเป็นคนที่นับถือบรรพบุรุษเสียมากกว่า”
“ผู้สมัครนั้นมาจากทุกระดับฐานะและทุกอาชีพ หลายคนเป็นผู้มีชื่อเสียง ครอบครัวของเขาหรือเพื่อนของเขาได้แนะนำพวกเขาให้มาโบสถ์ แต่พวกเขาก็สามารถหาข้อมูลได้จากทางอินเตอร์เน็ตด้วย ในหลายกรณี, พวกเขาถูกดึงดูดโดยบทบาทของพระศาสนจักร อย่างเช่น เรื่องของสิทธิมนุษยชน” โดยส่วนตัวของท่านอธิการ PIME ท่านรู้สึกว่า “นี่เป็นจุดเริ่มต้นสำหรับการค้นหาความหมายของชีวิต ซึ่งนำพวกเขามาพบกับความเชื่อคาทอลิกและได้พบความหมายของชีวิตที่แท้จริง”
Fr Giorgio Pasini อธิการใหญ่ของคณะ Pontifical Institute for Foreign Missions (PIME) ในฮ่องกง ได้บอกกับทาง AsiaNews ว่า จะมีการประกอบพิธีสาบานตนของผู้จะรับศีลล้างบาปขึ้นที่โบสถ์ St Francis of Assisi’s Church, in Shek Kip Mei โดยมีพระคาร์ดินัล John Tong Hon เป็นประธาน พิธีนี้ถือเป็นหัวใจของพระศาสนจักรในฮ่องกง
“มีผู้สมัครรับศีลล้างบาปและได้เรียนคำสอนแล้วจำนวนมากในปีนี้ พวกเขามีความตื่นตัวในเรื่องนี้มาก ผู้รับศีลล้างบาปเหล่านี้ช่วยทำให้พระศาสนจักรท้องถิ่นมีชีวิตชีวาขึ้น พวกเขาส่วนใหญ่เป็นผู้ใหญ่และได้รับการเตรียมพร้อมมานานหนึ่งปีครึ่ง”
“เป็นสิ่งที่หาได้ยากที่จะมีคริสตชนใหม่ที่มาจากความเชื่อทางศาสนาพุทธ โดยปกติ ผู้คนในอดีตที่เข้ามาเป็นคริสตชนใหม่มักจะเป็นคนที่ไม่ได้นับถือศาสนาใด หรือเป็นคนที่นับถือบรรพบุรุษเสียมากกว่า”
“ผู้สมัครนั้นมาจากทุกระดับฐานะและทุกอาชีพ หลายคนเป็นผู้มีชื่อเสียง ครอบครัวของเขาหรือเพื่อนของเขาได้แนะนำพวกเขาให้มาโบสถ์ แต่พวกเขาก็สามารถหาข้อมูลได้จากทางอินเตอร์เน็ตด้วย ในหลายกรณี, พวกเขาถูกดึงดูดโดยบทบาทของพระศาสนจักร อย่างเช่น เรื่องของสิทธิมนุษยชน” โดยส่วนตัวของท่านอธิการ PIME ท่านรู้สึกว่า “นี่เป็นจุดเริ่มต้นสำหรับการค้นหาความหมายของชีวิต ซึ่งนำพวกเขามาพบกับความเชื่อคาทอลิกและได้พบความหมายของชีวิตที่แท้จริง”
วันพฤหัสบดีที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2562
พระสันตปาปานักบุญ
เมื่อวันที่ 12 เมษายนที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส พระชนมายุ 82 พรรษา ประมุขแห่งคริสตจักรโรมันคาทรอลิก ได้ทรงแหวกธรรมเนียมของสำนักวาติกัน และสร้างความเซอร์ไพรส์อันซาบซึ้งด้วยการก้มพระวรกายลงจูบยังเท้าของของผู้นำทางการเมืองในซูดานใต้ หรือประเทศ เซาท์ซูดาน ขณะที่ทั้งสองมาเข้าเฝ้าที่พระราชวังพระสันตะปาปา (Apostolic Palace) ในนครรัฐวาติกัน สร้างความตะลึงให้กับคนทั้งโลกหลังภาพดังกล่าวปรากฎออกไป
เหตุการณ์ครั้งนี้เกิดขึ้นระหว่างที่ นายซัลวา คีอีร์ มายาร์ดิต ประธานาธิบดีเซาท์ซูดาน นายรีค มาชาร์ ว่าที่รองประธานาธิบดี และนาง รีเบคคา เนียนเดง เดอ มาบิเออร์ รัฐมนตรี ขณะที่ทั้งสามเข้าเฝ้า โดยสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสทรงมีพระดำรัสต่อผู้แทนซูดานใต้ทั้งสามว่า
"ข้าพเจ้าขอในฐานะพี่น้อง จงรักษาสันติภาพ ข้าพเจ้าขอร้องจากใจ"
สำหรับนายซัลวา และนายมาซาร์ ทั้งสองต่างเป็นคู่ขัดแย้งทางการเมือง และต่างฝ่ายต่างมีผู้สนับสนุนที่เป็นชนกลุ่มชาติพันธุ์ โดนายซัลวากว่าหาว่านายมาซาร์เป็นต้นเหตุของการก่อรัฐประหาร และเป็นศัตรูทางการเมือง จนส่งผลให้เกืดสงครามกลางเมืองในเซาท์ซูดานในปี 2014 จนเป็นเหตุให้มีประชาชนล้มตายกว่า 4 แสนคน และประชาชนต้องอพยพออกจากประเทศอีกว่า 4 แสนราย รวมถึงมีผู้ผลัดถิ่นในประเทศจากการถูกไล่ที่อีกนับล้านคน
เมื่อปี 2018 ที่ผ่านทั้งสองฝ่ายได้ลงนามในสัญญาสันติภาพที่ประเทศเอธิโอเปีย และพยายามจัดตั้งรัฐบาลผสมร่วมกันภายในเดือนพ.ค.นี้ แต่ก็ยังไม่เป็นผลสำเร็จ เนื่องจากทั้งสองยังไม่สามารถบรรลุข้อตกลงสันติภาพได้อย่างชัดเจน และต้องเลื่อนเวลาการจัดตั้งรัฐบาลผสมไปอีกอย่างน้อยราว 6 เดือน ซึ่งอาจส่งผลให้ประชาชนชาวซูดานใต้กว่า 12 ล้านคนยังคงมีชีวิตอย่างอยากลำบาก
ด้วยเหตุนี้ สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสจึงทรงแสดงสัญลักษณ์แห่งสันติภาพและการให้อภัยอย่างถึงที่สุด เพื่อเรียกร้องให้ทั้งสองฝ่ายสร้างสันติภาพแก่ประชาชน
ทำให้นึกถึงพระสันตะปาปายอห์นปอลที่2 พระองค์ทรงก้มลงจูบพื้นดินของประเทศที่เสด็จไปเยี่ยมด้วยเช่นกัน
สมัครสมาชิก:
ความคิดเห็น (Atom)



