พระเมตตาของพระเยซูเจ้า

จงบอกมนุษยชาติที่กำลังเจ็บป่วย ให้เข้ามาใกล้หัวใจอันเมตตาของเรา แล้วเราจะประทานสันติภาพให้แก่มนุษยชาติ พระเมตตาของเราไม่มีวันสิ้นสุดเลย

พระวาจาวันอาทิตย์ที่ 9 มีนาคม 2025 ปีศาจมาประจญพระเยซูเจ้า

           พระเยซูเจ้าทรงได้รับพระจิตเจ้าเต็มเปี่ยมทรงพระดำเนินจากแม่น้ำจอร์แดน พระจิตเจ้าทรงนำพระองค์ไปยังถิ่นทุรกันดาร ทรงถูกปีศาจผจญเป็นเวลาสี่สิบวัน ตลอดเวลานั้นพระองค์มิได้เสวยสิ่งใดเลย ในที่สุด ทรงหิว ปีศาจจึงทูลพระองค์ว่า “ถ้าท่านเป็นบุตรพระเจ้า จงสั่งให้หินก้อนนี้กลายเป็นขนมปังเถิด” พระเยซูเจ้าตรัสตอบว่า “มีเขียนไว้ในพระคัมภีร์ว่ามนุษย์มิได้ดำรงชีวิตด้วยอาหารเท่านั้น” ปีศาจจึงนำพระองค์ไปยังที่สูงแห่งหนึ่ง แสดงให้พระองค์ทอดพระเนตรอาณาจักรต่าง ๆ ของโลกทั้งหมดในคราวเดียว และทูลพระองค์ว่า “ข้าพเจ้าจะให้อำนาจและความรุ่งเรืองของอาณาจักรเหล่านี้ทั้งหมดแก่ท่าน เพราะสิ่งเหล่านี้เป็นของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจะให้ผู้ใดก็ได้ตามความปรารถนา ดังนั้น ถ้าท่านกราบนมัสการข้าพเจ้า ทุกสิ่งจะเป็นของท่าน” พระเยซูเจ้าตรัสตอบปีศาจว่า “มีเขียนไว้ในพระคัมภีร์ว่า
           ‘จงกราบนมัสการองค์พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่าน และรับใช้พระองค์แต่ผู้เดียวเท่านั้น’”
           ปีศาจนำพระองค์ไปยังกรุงเยรูซาเล็ม วางพระองค์ลงที่ยอดพระวิหาร แล้วทูลว่า “ถ้าท่านเป็นบุตรของพระเจ้า จงกระโจนลงไปเบื้องล่างเถิด เพราะมีเขียนไว้ในพระคัมภีร์ว่า ‘พระเจ้าจะทรงสั่งทูตสวรรค์ให้พิทักษ์รักษาท่าน’ และยังมีเขียนอีกว่า ‘ทูตสวรรค์จะคอยพยุงท่านไว้มิให้เท้ากระทบหิน’” แต่พระเยซูเจ้าตรัสตอบปีศาจว่า มีเขียนไว้ในพระคัมภีร์ว่า “อย่าทดลององค์พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่านเลย” เมื่อปีศาจทดลองพระองค์ทุกวิถีทางแล้ว จึงแยกจากไป
(ลูกา 4:1-13)








วันจันทร์ที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2562

ความหมายของผึ้งและรังผึ้งในศิลปะคริสต์


              จอร์จ เฟอร์กุสัน ผู้เขียนหนังสือ “Signs and Symbols in Christian Art” อธิบายว่า “ผึ้งเป็นสัญญลักษณ์ของ กิจกรรม, การทำงาน, ความขยัน, และความมีระเบียบ” ในตำนานโบราณบอกว่า ผึ้งไม่เคยนอนหลับ และบ่อยครั้งผึ้งถูกใช้เป็นตัวแทนของ “ความระมัดระวังและความกระตือรือร้นของคริสตชนในการแสวงหาคุณธรรม”
               ผึ้งยังถูกใช้ในศิลปะอื่น เช่น พระสันตะปาปาอูร์บันที่ 8 ซึ่งมาจากครอบครัวขุนนางอิตาลี Barberini ในศตวรรษที่ 17 ใช้ตราสัญลักษณ์ของครอบครัวเป็นผึ้งสามตัวอยู่รอบพระมาลาเทียร่า(papal tiara) และมีกุญแจของนักบุญเปโตร อนุสาวรีย์ที่ยิ่งใหญ่บางแห่งในกรุงโรมรวมถึง Baldacchino ในมหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ก็มีแสดงตราสัญลักษณ์นี้แสดงอยู่
                ส่วนรังผึ้งมีความหมายที่แตกต่างออกไป
                นักบุญอัมโบรส
                มีตำนานเล่าว่า เมื่อนักบุญอัมโบรสยังเป็นเพียงเด็กเล็ก ฝูงผึ้งบินอยู่บนใบหน้าของอัมโบรสในขณะที่เขานอนอยู่ในเปล และผึ้งทิ้งน้ำผึ้งไว้หยดหนึ่ง บิดาของอัมโบรสเข้าใจว่านี่เป็นเครื่องหมายว่าในอนาคตอัมโบรสจะมี “วาจาดุจน้ำผึ้ง” และต่อมาอัมโบรสได้กลายเป็นบิชอปและเป็นนักประพันธ์และนักเทศน์ผู้ยิ่งใหญ่
               อัมโบรสเคยเปรียบเทียบพระศาสนจักรว่าเป็นเหมือนรังผึ้ง เพราะรังผึ้งเป็นสัญลักษณ์ของ “ชุมชนคริสตชนที่มีความศรัทธาและเป็นหนึ่งเดียวกัน” และคริสตชนเปรียบเหมือนผึ้งที่ทำงานเพื่อฝูงผึ้งทั้งหมดและอุทิศตนด้วยการงานและชีวิตของพวกเขา

วันอาทิตย์ที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2562

อัศจรรย์มงกุฎหนาม

ผู้มีความเชื่อจากเมือง Ocotlán และพื้นที่โดยรอบเข้าแถวยาวเพื่อมาดูมงกุฎ, และดอกไม้ดูมีสีสันเป็นพิเศษเพราะเป็นสัปดาห์ก่อนวันคริสต์มาส
>>>อ่านต่อ

วันเสาร์ที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2562

วันศุกร์ที่ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2562

นักบุญที่เทศน์สอนหลังจากถูกตัดศีรษะ

ท่านเป็นบิชอปแห่งปารีสในระหว่างศตวรรษที่ 3 ก.ค.ศ ท่านได้รับมอบหมายจากพระสันตะปาปาเฟเบียน
>>>อ่านต่อ

วันพฤหัสบดีที่ 10 ตุลาคม พ.ศ. 2562

ผักที่มีวิตามินเอมากที่สุด

วิตามินเอ (Vitamin A) มีความสำคัญต่อดวงตา ช่วยในการมองเห็นและบำรุงสายตาให้มีสุขภาพดี เพิ่มความสามารถในการมองเห็นตอนกลางคืนหรือในที่แสงสว่างน้อย รักษาตาพร่ามัว ตาฝ้าฟาง อีกทั้งลดอาการปวดล้าดวงตาจากการใช้คอมพิวเตอร์และมือถือเป็นเวลานานๆ ซึ่งการรับประทานอาหารที่มีวิตามินเอสูงจะช่วยบำรุงสายตาให้ดียิ่งขึ้น มาดูกันเลยว่า ผักมีวิตามินเอมากที่สุด มีผักชนิดใดบ้าง
ผักบุ้ง 100 กรัม มีปริมาณวิตามินเอ           6,300 IU
ฟักทอง 100 กรัม มีปริมาณวิตามินเอ        7,384 IU
ผักกาดหอม 100 กรัม มีปริมาณวิตามินเอ 7,492 IU
ยอดชะอม 100 กรัม มีปริมาณวิตามินเอ  10,066 IU
แครอท 100 กรัม มีปริมาณวิตามินเอ       16,706 IU
ตำลึง 100 กรัม มีปริมาณวิตามินเอ          18,608 IU
มันเทศ 100 กรัม มีปริมาณวิตามินเอ       19,218 IU

วันพุธที่ 9 ตุลาคม พ.ศ. 2562

พระคาร์ดินัลสเตฟาน วิสซินสกี้

พระคาร์ดินัลสเตฟาน วิสซินสกี้ และพระคาร์ดินัลคาโรล วอยติลา
 
               Vatican City, Oct 3, 2019 – วันพฤหัสบดีที่ 3 ต.ค. วาติกันประกาศรับรองอัศจรรย์ที่เกี่ยวข้องกับพระคาร์ดินัลสเตฟาน วิสซินสกี้, แห่งโปแลนด์ที่รู้จักกันดีในฐานะวีรบุรุษในการต่อต้านลัทธิคอมมิวนิสต์
              อัศจรรย์เกี่ยวข้องกับการรักษาหญิงอายุ 19 ปีจากโรคมะเร็งต่อมไทรอยด์ในปี 1989 หลังจากหญิงสาวได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคที่รักษาไม่หาย กลุ่มแม่ชีโปแลนด์ได้เริ่มสวดภาวนาเพื่อการรักษาของเธอผ่านการช่วยเหลือจาก พระคาร์ดินัลสเตฟาน วิสซินสกี้ซึ่งเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งในช่องท้องในปี 1981
              ในช่วง 30 ปีที่ผ่านมาตั้งแต่ที่เธอได้รับการเยียวยาอย่างเต็มที่ผ่านการช่วยเหลือจาก พระคาร์ดินัลสเตฟาน วิสซินสกี้ ผู้หญิงคนนั้นไม่มีเนื้องอกอีกเลย
              ด้วยการรับรองของวาติกันเกี่ยวกับอัศจรรย์นี้ทำให้พระคาร์ดินัลสเตฟาน วิสซินสกี้ สามารถได้รับการสถาปนาเป็นนักบุญต่อไปได้
            พระคาร์ดินัลสเตฟาน วิสซินสกี้ ได้รับเครดิตในการช่วยรักษาคริสตศาสนาให้คงอยู่ในโปแลนด์ในระหว่างการกวาดล้างของระบอบคอมมิวนิสต์ 1945- 1989

วันอังคารที่ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2562

ผู้พิพากษาสั่งสอนหนุ่มหัวรุนแรง

            
           (ธ.ค. 2018) หนุ่มวัยรุ่นสองคนไปซื้อมีดเพื่อก่อการร้ายโจมตีตำรวจ แต่ถูกตำรวจจับกุมได้และนำไปขึ้นศาล ผู้พิพากษาได้ตัดสินให้จำคุกเป็นเวลา 16 ปี แต่เขายังอ้างว่าตัวเองบริสุทธิ์และมีดมีไว้เพื่อล่าหมูป่าเท่านั้น
           ผู้พิพากษาแบงค์สทาวน์กล่าวว่า "ความเชื่อที่คุณมีอยู่นั้นมีพื้นฐานมาจาก”อุดมการณ์แบบหัวรุนแรงและในทางที่ผิด ซึ่งจะไม่มีที่ยืนในสังคมที่มีอารยธรรมใด ๆ”
           ผู้พิพากษาได้อธิบายแผนการของเขาอย่างละเอียด และกล่าวถึงแรงจูงใจของเขามาจากความเชื่อทางศาสนาของรัฐอิสลาม (ISIS) “กฎหมายของศาสนาอิสลาม(ชาเรีย)ต้องถูกห้ามใช้ทั่วประเทศในโลกตะวันตกเนื่องจากเป็นสิ่งที่ตรงกันข้ามกับวิถีชีวิตที่สงบสุข, ความเป็นระเบียบและระบอบประชาธิปไตย ซึ่งพลเมืองของประเทศนี้มีสิทธิอย่างสมบูรณ์เพื่อปกป้องและหวงแหน”