พระเมตตาของพระเยซูเจ้า

จงบอกมนุษยชาติที่กำลังเจ็บป่วย ให้เข้ามาใกล้หัวใจอันเมตตาของเรา แล้วเราจะประทานสันติภาพให้แก่มนุษยชาติ พระเมตตาของเราไม่มีวันสิ้นสุดเลย

พระวาจาวันอาทิตย์ที่ 13 เมษายน 2025 พระเยซูเจ้าเสด็จเข้ากรุงเยรูซาเล็มอย่างชัยชนะ

           เมื่อตรัสดังนี้แล้ว พระเยซูเจ้าทรงพระดำเนินต่อไป เสด็จนำหน้าประชาชนขึ้นไปยังกรุงเยรูซาเล็ม เมื่อเสด็จเข้าใกล้หมู่บ้านเบธฟายีและเบธานี ใกล้กับภูเขาที่เรียกกันว่าภูเขามะกอกเทศ พระองค์ทรงส่งศิษย์สองคนไป ทรงสั่งว่า ‘จงเข้าไปในหมู่บ้านข้างหน้า เมื่อเข้าไปแล้ว ท่านจะพบลูกลาตัวหนึ่งผูกอยู่ ยังไม่มีใครเคยขี่ลาตัวนั้นเลย จงแก้เชือกและจูงมาให้เราเถิด ถ้าผู้ใดถามว่า ท่านแก้เชือกผูกลาทำไม จงตอบเขาว่า พระอาจารย์ต้องการใช้มัน” ศิษย์ที่พระองค์ทรงสั่ง ได้ไปและพบตามที่พระองค์ทรงบอกเขา ขณะที่เขากำลังแก้เชือกผูกลูกลาอยู่ เจ้าของลาถามว่า ‘ท่านแก้เชือกลูกลาทำไม’ ศิษย์ทั้งสองคนก็ตอบว่า ‘องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงต้องการใช้มัน’ ศิษย์ทั้งสองคนจูงลูกลามาถวายพระเยซูเจ้า ปูเสื้อคลุมของตนบนหลังลา แล้วทูลเชิญพระเยซูเจ้าให้ทรงลาตัวนั้น ขณะที่พระองค์เสด็จไป ประชาชนปูเสื้อคลุมของตนบนทาง เมื่อพระองค์เสด็จมาใกล้ทางลงจากภูเขามะกอกเทศแล้ว บรรดาศิษย์ต่างมีความชื่นชมยินดี โห่ร้องสรรเสริญพระเจ้าเพราะการอัศจรรย์ทุกอย่างที่เขาเห็นว่า
           ขอถวายพระพรแด่กษัตริย์ผู้เสด็จมา
           ในพระนามขององค์พระผู้เป็นเจ้า
           สันติจงมีในสวรรค์
           และพระสิริรุ่งโรจน์จงมีในที่สูงสุด
           ชาวฟาริสีบางคนในหมู่ประชาชนทูลพระองค์ว่า ‘พระอาจารย์ จงห้ามบรรดาศิษย์ของท่านเถิด’ พระองค์ตรัสตอบว่า ‘เราบอกท่านทั้งหลายว่า ถ้าคนเหล่านี้นิ่งเงียบ ก้อนหินทั้งหลายจะส่งเสียงตะโกน’
(ลูกา 19:28-40 (บทอ่านก่อนแห่ใบลาน))








วันอังคารที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2564

คำพูดของคุณพ่อปีโอ


“ผู้ที่ต้องการเป็นที่หนึ่ง ต้องยอมเป็นคนสุดท้ายและรับใช้ผู้อื่น” (มาร์โก 9:35)
“ชีวิตของคริสตชนหาใช่อะไรอื่นไม่ นอกจากเป็นการต่อสู้กับตนเองตลอดเวลา ไม่มีดอกไม้แห่งวิญญาณใดที่จะงดงามในความสมบูรณ์เพียบพร้อมของตนเอง โดยปราศจากการยอมรับความเจ็บปวด”
 
- นักบุญคุณพ่อปีโอ (1887-1968)
 
 

วันจันทร์ที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2564

พระรูปแม่พระท่ามกลางพายุ

 
ภาพอันน่าทึ่งของพระรูปพระแม่มารีย์ยืนอยู่บนที่สูงรายล้อมไปด้วยต้นไม้ที่โค่นล้มร่วงหล่น ถูกเผยแพร่เมื่อวันที่ 30 ส.ค. 2021 โดยโบสถ์คาทอลิกเซนต์ฮิวเบิร์ต ในเมืองแกรีวิลล์ รัฐลุยเซียนา เมืองเล็กๆ ที่อยู่ริมฝั่งแม่น้ำมิสซิสซิปปี้ ห่างจากเมืองนิวออร์ลีนส์ไปทางตะวันตก 40 ไมล์
ภาพเงาสะท้อนบนน้ำของรูปปั้นแม่พระแห่งพระหรรษทาน(Our Lady of Grace)ตามที่เห็นในเหรียญอัศจรรย์ที่มอบให้กับนักบุญคัทรีน ลาบูเรย์(St. Catherine Labouré)ส่องแสงระยิบระยับในกระแสน้ำ
 
เช่นเดียวกับชุมชนหลายแห่งในรัฐลุยเซียนาตอนใต้ แกรีวิลล์ได้รับผลกระทบจากพายุเฮอริเคนไอดา ซึ่งเป็นพายุระดับ 4 ที่ก่อให้เกิดฝนตกหนักและลมกระโชกแรง 150 ไมล์ต่อชั่วโมง เป็นพายุลูกหนึ่งที่พัดถล่มชายฝั่งกัลฟ์โคสต์ หลังคาถูกทำลาย อาคารและโครงสร้างพื้นฐานล้มลง ทำให้ผู้คนกว่า 1 ล้านคนต้องตกอยู่ในความมืดเป็นเวลาหลายวัน
 
คำบรรยายภาพบนเฟซบุ๊กเขียนว่า “ท่ามกลางต้นไม้ที่ถูกทำลาย พระแม่มารีย์ได้ยืนหยัดปกป้องหมู่บ้านแกรีวิลล์ของเรา ไม่มีกิ่งไม้ใดมาแตะต้องเธอขณะที่พวกมันร่วงหล่นอยู่รอบตัวเธอ ขอบคุณพระแม่มารีย์ที่ทรงสวดภาวนาเพื่อพวกเรา”
📷: โดยความอนุเคราะห์จากโบสถ์คาทอลิก St. Hubert, Garyville, Louisiana
 
 

วันอาทิตย์ที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2564

การเต้นรำในพิธีกรรม


เมื่อจิตวิญญาณถูกยกขึ้นหาพระเจ้าในการอธิษฐานภาวนา มันก็เกี่ยวข้องกับร่างกายด้วย
>>>อ่านต่อ

วันเสาร์ที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2564

วันศุกร์ที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2564

หญิงใจศรัทธากับคุณพ่อปีโอ


สามีของหญิงคนหนึ่งกำลังป่วยหนัก ผู้หญิงคนนั้นวิ่งไปที่คอนแวนต์ แต่เธอถามตัวเองว่า “ฉันจะไปหาคุณพ่อปีโอได้อย่างไร” โดยปกติเธอต้องรออย่างน้อยสามวันถ้าเธอต้องการพบท่านเพื่อสารภาพบาป ดังนั้นในระหว่างพิธีมิสซา,เธอจึงยืนขึ้นและเดินจากด้านหนึ่งของโบสถ์ไปยังอีกด้านหนึ่งของโบสถ์ เธออธิษฐานในใจบอกแม่พระว่าปัญหาของเธอคืออะไร และวอนขอแม่พระในเวลาเดียวกันเพื่อให้เธอได้รับความช่วยเหลือจากคุณพ่อปีโอ... หลังจากพิธีมิสซา เธอเดินเข้าไปอยู่ในโบสถ์อีกครั้งเพื่อที่จะไปให้ถึงที่ซึ่งคุณพ่อปีโออยู่ ในที่สุดเธอก็ไปถึงทางเดินที่มีชื่อเสียงที่คุณพ่อปีโอต้องผ่านเป็นประจำ ทันทีที่คุณพ่อปิโอเห็นเธอ,ท่านก็พูดว่า: “ผู้หญิงที่มีความเชื่อน้อย,ในที่สุดลูกก็มาขอความช่วยเหลือจากพ่อ ลูกคิดว่าพ่อหูหนวกหรือ ลูกบอกพ่อห้าครั้งแล้ว,เมื่อลูกอยู่ต่อหน้าพ่อ ที่ด้านหลัง,ทางขวาและทางซ้ายของพ่อ พ่อเข้าใจ! พ่อเข้าใจแล้ว! ...กลับบ้านไปเถิด! ทุกอย่างจะเรียบร้อยดี" ผู้หญิงคนนั้นกลับบ้านและพบว่าสามีของเธอหายจากโรคแล้ว

วันพฤหัสบดีที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2564

นักบุญโฟสตินาไปไฟชำระ


“ดิฉันเห็นอารักขเทวดาของดิฉัน ท่านสั่งให้ดิฉันตามท่านไป และในชั่วขณะหนึ่ง,ดิฉันก็มาอยู่ในสถานที่ที่ปกคลุมไปด้วยไฟ ที่นั่นมีวิญญาณที่ทุกข์ทรมานอยู่มากมาย พวกเขากำลังสวดภาวนาอย่างสุดจิตใจสำหรับตัวพวกเขาเอง, แต่ก็เปล่าประโยชน์ มีเพียงพวกเราเท่านั้นที่สามารถช่วยเหลือพวกเขาได้ เปลวไฟที่แผดเผาพวกเขาไม่ได้สัมผัสดิฉันเลย อารักขเทวดาของดิฉันไม่ได้ละทิ้งฉันไว้แม้เพียงวินาทีเดียว ฉันถามวิญญาณเหล่านี้ว่าความทุกข์ทรมานที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของพวกเขาคืออะไร พวกเขาตอบดิฉันเป็นเสียงเดียวว่า “การทรมานที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของพวกเขาคือการโหยหาพระเจ้า” ดิฉันเห็นพระแม่มารีย์เสด็จมาเยี่ยมดวงวิญญาณในไฟชำระ วิญญาณเหล่านั้นเรียกพระนางว่า "ดวงดาราแห่งท้องทะเล" พระนางทรงนำความสดชื่นมาให้พวกเขา ดิฉันอยากคุยกับพวกเขามากกว่านี้ แต่อารักขเทวดากวักมือเรียกให้ฉันไป เราออกจากเรือนจำแห่งทุกขเวทนาแห่งนั้นแล้ว ดิฉันได้ยินเสียงภายใน ซึ่งพูดว่า "ความเมตตาของเราไม่ต้องการสิ่งนี้ แต่ความยุติธรรมเรียกร้อง ตั้งแต่นั้นมา ดิฉันก็ใกล้ชิดกับวิญญาณที่ทุกข์ทรมานเหล่านี้มากขึ้น (ไดอารี่ของนักบุญโฟสตินา #20)  

วันพุธที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2564

บิชอปแองกลิกันได้ลาออกเพื่อมาเป็นคาทอลิก


ผมขอให้ท่านทั้งหลายเชื่อว่าผมได้ตัดสินใจด้วยการตอบรับการเรียกและการเชื้อเชิญของพระเจ้า
>>>อ่านต่อ