พระเมตตาของพระเยซูเจ้า

จงบอกมนุษยชาติที่กำลังเจ็บป่วย ให้เข้ามาใกล้หัวใจอันเมตตาของเรา แล้วเราจะประทานสันติภาพให้แก่มนุษยชาติ พระเมตตาของเราไม่มีวันสิ้นสุดเลย

พระวาจาวันอาทิตย์ที่ 20 เมษายน 2025 พระเยซูเจ้าทรงกลับฟื้นคืนพระชนม์

           เช้าตรู่วันต้นสัปดาห์ขณะที่ยังมืด มารีย์ชาวมักดาลาออกไปที่พระคูหา ก็เห็นหินถูกเคลื่อนออกไปจากพระคูหาแล้ว นางจึงวิ่งไปหาซีโมนเปโตรกับศิษย์อีกคนหนึ่งที่พระเยซูเจ้าทรงรักบอกว่า “เขานำองค์พระผู้เป็นเจ้าไปจากพระคูหาแล้ว พวกเราไม่รู้ว่าเขานำพระองค์ไปไว้ที่ไหน” เปโตรกับศิษย์คนนั้นจึงออกไป มุ่งไปยังพระคูหา ทั้งสองคนวิ่งไปด้วยกัน แต่ศิษย์คนนั้นวิ่งเร็วกว่าเปโตร จึงมาถึงพระคูหาก่อน เขาก้มลงมองเห็นผ้าพันพระศพวางอยู่บนพื้น แต่ไม่ได้เข้าไปข้างใน ซีโมนเปโตรซึ่งตามไปติด ๆ ก็มาถึง เข้าไปในพระคูหาและเห็นผ้าพันพระศพวางอยู่ที่พื้น รวมทั้งผ้าพันพระเศียรซึ่งไม่ได้วางอยู่กับผ้าพันพระศพ แต่พับแยกวางไว้อีกที่หนึ่ง ศิษย์คนที่มาถึงพระคูหาก่อนก็เข้าไปข้างในด้วย เขาเห็นและมีความเชื่อ เขาทั้งสองคนยังไม่เข้าใจพระคัมภีร์ที่ว่า พระองค์ต้องทรงกลับคืนพระชนมชีพจากบรรดาผู้ตาย
(ยอห์น 20:1-9)








วันจันทร์ที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2565

พระเจ้าปรารถนาให้มนุษย์ทุกคนได้รับความรอด


พระองค์จะไม่ทรงทำอะไรเพื่อเปลี่ยนใจเขาเลยหรือ? พระองค์ทรงส่งการดลใจที่ดีและความคิดอันบริสุทธิ์แก่เขา
>>>อ่านต่อ

วันเสาร์ที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2565

วันศุกร์ที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2565

แสวงหาสวรรค์เพราะความรักไม่ใช่เพราะความกลัว


ถ้าหากโทษทัณฑ์ในนรกสามารถมองเห็นได้ตามที่มันเป็นแล้ว,ประชาชนจะตัวสั่นขวัญผวาด้วยความกลัว,แล้วพวกเขาจะพยายามแสวงหาสวรรค์เพราะความกลัวมากกว่าเพราะความรัก ด้วยเหตุที่ไม่ควรมีใครที่ปรารถนาความสุขแห่งสวรรค์เพราะความกลัวโทษทัณฑ์แต่ควรมาจากความรักอันศักดิ์สิทธิ์,ดังนั้นโทษทัณฑ์ของนรกจึงถูกซ่อนไว้ในเวลานี้  
ต่อเมื่อวิญญาณแยกออกจากร่างกาย,พวกเขาจะได้รับประสบการณ์เหล่านั้นที่พวกเขาไม่ปรารถนาจะรู้ด้วยสติปัญญาของพวกเขาในเวลาที่พวกเขายังมีชีวิตอยู่และสามารถทำได้บนโลก
#Creator

วันพฤหัสบดีที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2565

อัศจรรย์ดวงอาทิตย์ที่ฟาติมา 13 ต.ค. 1917


จากปากคำของผู้เป็นพยาน 
คุณพ่อ โจ เมนิตรา(Fr.Joao Menitra),ผู้เห็นอัศจรรย์แห่งดวงอาทิตย์ที่ฟาติมาในวันที่ 13 ตุลาคม 1917,กล่าวว่า
“ผมจ้องมองดวงอาทิตย์ที่กำลังหมุนอย่างเร็วและอยู่ใกล้ตัวผมมาก และผมก็มีความคิดขึ้นมาทันทีว่า ‘ผมกำลังจะตาย!’ ผมคุกเข่าลงอ้อนวอนขออภัยบาปต่อพระเจ้าสำหรับความผิดทั้งหมดที่ผมอาจกระทำไป”

วันพุธที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2565

วันอังคารที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2565

สองชั่วโมงในไฟชำระยาวนานกว่า80ปีของชีวิตบนโลก


คุณแม่เอสเปแรนซ่า(mother Esperanza)เล่าว่า
พระเยซูเจ้าทรงบอกฉันว่า “เรากำลังจะแสดงให้ลูกเห็นว่าพระสังฆราชได้รับเกียรติอันรุ่งโรจน์มากเพียงไรเมื่อเข้ามาอยู่ในสวรรค์ เพราะเขาอนุมัติในการสร้างอาสนวิหารแห่งความรักที่เปี่ยมด้วยพระเมตตา,แห่งแรกของโลก
แล้วนั้นพระเยซูเจ้าก็หายไปและพระสังฆราชก็มาถึงพร้อมกับร่างกายอันรุ่งโรจน์ของท่าน
พระสังฆราชบอกกับเธอว่า: "คุณแม่เอสเปแรนซ่า,พระเยซูเจ้าทรงส่งเรามาเพื่อขอบคุณลูกเพราะลูกบอกให้เราอนุมัติในการสร้างสถานที่ศักดิ์สิทธิ์... พระเยซูเจ้าทรงพอพระทัยมาก
เวลานี้เราได้รับเกียรติอันรุ่งโรจน์แห่งสวรรค์ชั่วนิรันดร์ แต่เราต้องบอกลูกว่า ก่อนที่เราจะไปสวรรค์,เราได้รับความทุกข์ทรมานสาหัสเป็นเวลานานในไฟชำระ...
คุณแม่เอสเปแรนซ่าตอบว่า “พระคุณเจ้า,ท่านเพิ่งเสียชีวิตเมื่อวานนี้เองที่กรุงโรม,เหตุไฉนท่านถึงบอกกับลูกว่าท่านทนทุกข์มาเป็นเวลายาวนาน ในเมื่อมันเพิ่งผ่านไปเพียงสองวันเล่า?”...
พระสังฆราชตอบว่า “คุณแม่เอสเปแรนซ่า,เวลาแห่งชีวิตหลังความตายไม่เหมือนกับที่มีชีวิตอยู่ในโลกนี้ เราได้รับความทุกข์ทรมานในนรกเพียงสองวัน แต่มันยาวนานมากกว่า 80 ปีของชีวิตเราบนแผ่นดินโลกเสียอีก...
เพราะเมื่อวิญญาณตายไป เขาไปปรากฏตัวเบื้องพระพักตร์พระเจ้าและได้เห็นการปรากฏของพระเจ้า,วิญญาณรู้สึกละอายกับพฤติกรรมที่เคยมีในชีวิตที่เขาได้ละเลยพระเจ้า
เราต้องการบอกทุกคนว่าชีวิตหลังความตายมีอยู่จริง และสิ่งที่สำคัญที่สุดในโลกคือการรักพระเจ้า... อย่างอื่นนั้นไม่มีประโยชน์อะไรเลย"