พระเมตตาของพระเยซูเจ้า

จงบอกมนุษยชาติที่กำลังเจ็บป่วย ให้เข้ามาใกล้หัวใจอันเมตตาของเรา แล้วเราจะประทานสันติภาพให้แก่มนุษยชาติ พระเมตตาของเราไม่มีวันสิ้นสุดเลย

พระวาจาวันอาทิตย์ที่ 29 กันยายน 2024 การดำเนินชีวิตที่ถูกต้อง

           ยอห์นทูลพระองค์ว่า “พระอาจารย์เจ้าข้า เราได้เห็นคนคนหนึ่งขับไล่ปีศาจเดชะพระนามของพระองค์ เราจึงพยายามห้ามปรามไว้ เพราะเขาไม่ใช่พวกเดียวกับเรา” พระเยซูเจ้าตรัสตอบว่า “อย่าห้ามเขาเลย ไม่มีใครทำอัศจรรย์ในนามของเรา แล้วต่อมาจะว่าร้ายเราได้ ผู้ใดไม่ต่อต้านเรา ก็เป็นฝ่ายเรา”
           ”ผู้ใดให้น้ำท่านดื่มเพียงแก้วหนึ่งเพราะท่านเป็นคนของพระคริสตเจ้า เราบอกความจริงกับท่านว่า เขาจะได้บำเหน็จรางวัลอย่างแน่นอน” ”ผู้ใดเป็นเหตุให้คนธรรมดา ๆ ที่มีความเชื่อเหล่านี้ทำบาป ถ้าเขาจะถูกผูกคอด้วยหินโม่ถ่วงในทะเลก็ยังดีกว่ากระทำดังกล่าว
           ถ้ามือข้างหนึ่งของท่านเป็นเหตุให้ท่านทำบาป จงตัดมันทิ้งเสีย ท่านจะเข้าสู่ชีวิตนิรันดรโดยมีมือข้างเดียว ยังดีกว่ามีมือทั้งสองข้างแต่ต้องตกนรกในไฟที่ไม่รู้ดับ ถ้าเท้าข้างหนึ่งของท่านเป็นเหตุให้ท่านทำบาป จงตัดมันทิ้งเสีย ท่านจะเข้าสู่ชีวิตนิรันดรโดยมีเท้าพิการ ยังดีกว่ามีเท้าทั้งสองข้างแต่ถูกโยนลงนรก ถ้าตาข้างหนึ่งของท่านเป็นเหตุให้ท่านทำบาป จงควักมันออกเสีย ท่านจะเข้าสู่พระอาณาจักรของพระเจ้า โดยมีตาข้างเดียว ยังดีกว่ามีตาทั้งสองข้างแต่ต้องถูกโยนลงนรก ที่นั่นหนอนไม่รู้ตาย ไฟไม่รู้ดับ
(มาระโก 9:38-43; 45; 47-48)








วันพฤหัสบดีที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2567

คำภาวนาในพิธีมิสซา


วันหนึ่งนักบุญโทมัส เห็นขบวนแห่ของวิญญาณกลุ่มหนึ่งเดินจากประตูโบสถ์ไปยังสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ แล้วเดินจากสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ไปยังตัวโบสถ์ สิ่งนี้ทำให้นักบุญโทมัสรู้สึกประหลาดใจและสงสัยมาก ท่านอยากรู้ว่ามันหมายถึงอะไร ดังนั้นท่านจึงหยุดสวดภาวนาและถามผู้ที่อยู่ในขบวนแห่ว่าพวกเขากำลังทำอะไร แล้วท่านก็ได้ยินคำพูดนี้ “ท่านสงสัยทำไม? เราคืออารักขเทวดาของผู้ซื่อสัตย์ที่ร่วมในพิธีมิสซา เรานำเอาคำภาวนาของพวกเขาไปถวายพระเจ้าและพระองค์ทรงเปลี่ยนคำภาวนาของพวกเขาเป็นพระพรสำหรับพวกเขา” 

 ที่มา: The Tremendous Value of Holy Mass

วันพุธที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2567

ผลของศีลมหาสนิท


"ผลอันน่าชื่นชมที่สุดอย่างหนึ่งของศีลมหาสนิทคือการรักษาจิตวิญญาณให้พ้นจากบาปและช่วยให้ผู้ที่ล้มลงเพราะความอ่อนแอได้ลุกขึ้นอีกครั้ง,จึงเป็นประโยชน์อย่างมาก ดังนั้นจึงควรเข้าใกล้ศีลศักดิ์สิทธิ์ของพระเจ้านี้ด้วยความรัก,ด้วยความเคารพและความไว้วางใจ มากกว่าที่จะอยู่ห่างไกลเพราะความกลัวและความรอบคอบมากเกินไป" 
 - นักบุญอิกนาเชียสแห่งโลโยลา

วันอังคารที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2567

ลักษณะของคริสตชน


ในยุคคอมมิสนิสต์ปกครองโรมาเนีย พระสงฆ์หลายองค์ถูกจับกุมคุมขัง “เมื่อคุณพ่อ ดีมีเตอร์(Father Demeter)ถูกจำคุกในเรือนจำ,ผู้คุมเรือนจำเอาฆ้อนทุบเข้าที่หลังของคุณพ่อเพื่อความสนุกเท่านั้น..ทำให้ท่านเป็นอัมพาต 

หลังจากการปฏิวัติโรมาเนีย ในปี 1989 สิ้นสุดลง และโรมาเนียพ้นจากลัทธิคอมมิวนิสต์ ,เจ้าหน้าที่ซึ่งเป็นผู้คุมเรือนจำได้พบกับคุณพ่อดีมีเตอร์ เขาพูดกับคุณพ่อว่า “ผมรู้ว่าได้ทำสิ่งที่ไม่สามารถให้อภัยได้ สิ่งที่ผมทำนั้นมันหนักและโหดร้ายเกินไป ผมเพียงอยากขอคุณพ่อเท่านั้นว่า โปรดรู้ว่าผมเสียใจ,และผมจะจากไปอย่างสงบ” 

คุณพ่อดีมีเตอร์ตอบเขาว่า “เป็นเวลายี่สิบปีแล้วที่พ่อสวดภาวนาเพื่อคุณ,วันแล้ววันเล่า พ่อกำลังรอคุณเพื่อบอกคุณว่า พ่อให้ให้อภัยคุณแล้ว” 

นี่คือสิ่งที่คริสตชนพึงกระทำ คือการให้อภัยแม้กับศัตรูของเร


โดย Richard Wurmbrand, จากหนังสือ Suffering to Triumph (p. 58)


วันจันทร์ที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2567

หัวใจที่ร่ำรวย


วันหนึ่งชายที่ร่ำรวยได้ให้ตะกร้าที่เต็มไปด้วยอาหารที่เน่าแล้วแก่ชายผู้ยากจนคนหนึ่ง

ชายยากจนเดินจากไปพร้อมกับยิ้มให้และตะกร้า....เขาได้นำอาหารที่เน่าแล้วออกจากตะกร้าและทำความสะอาดอย่างดี,

ใส่ดอกไม้ที่สวยงามลงในตะกร้าแล้วกลับไปยังคฤหาสน์ของชายร่ำรวยและยื่นตะกร้าให้แก่เขา

ชายร่ำรวยประหลาดใจมากและถามชายยากจนว่า “ทำไม?

“ฉันให้ตะกร้าเต็มไปด้วยของที่เน่าเสีย แต่คุณกลับนำตะกร้ากลับคืนมาพร้อมด้วยดอกไม้ที่สวยงาม”

ชายยากจนตอบเขาว่า

“ทุกคนจะให้สิ่งที่เขามีอยู่ในหัวใจ”

***

ภายในตัวคุณมีสิ่งใด, คุณจะนำสิ่งนั้นออกมา จงมีใจเมตตากรุณาเสมอ

คุณไม่จำเป็นต้องร่ำรวยก่อนแล้วจึงมีใจเมตตากรุณา ความเมตตากรุณาเป็นของฟรี ไม่ว่าจะร่ำรวยหรือยากจน....ทุกคนมีใจเมตตากรุณาได้,เพียงแค่คุณต้องการเท่านั้น

“หัวใจที่ร่ำรวย”

ย่อมเปี่ยมด้วยความเมตตากรุณา....

วันอาทิตย์ที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2567

วันเสาร์ที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2567

วันศุกร์ที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2567

ชีวิตนั้นสั้นนัก


ชีวิตของท่านจะหายวับไป พรุ่งนี้ท่านอาจจะไม่อยู่แล้ว จงพิจารณาอย่างรอบคอบว่าชีวิตหลังความตายจะเป็นอย่างไร วันนี้ท่านอยู่ที่นี่ แต่พรุ่งนี้ท่านอาจไม่อยู่อีกต่อไป เมื่อใครสักคนจากไป พวกเขาก็จะถูกลืมในไม่ช้า เป็นเรื่องโง่เขลาที่จะมุ่งความสนใจไปที่ปัจจุบันเท่านั้นและมองข้ามอนาคต ท่านควรใช้ชีวิตในแต่ละวันราวกับว่ามันเป็นวันสุดท้ายของท่าน ถ้าท่านมีมโนธรรมที่แจ่มใส ท่านจะไม่กลัวความตายมากนัก การระมัดระวังในบาปย่อมดีกว่าการกลัวความตาย วันนี้ท่านยังไม่เตรียมตัวให้พร้อมสำหรับความตาย พรุ่งนี้ท่านจะเตรียมตัวอย่างไรได้? พรุ่งนี้,ไม่แน่นัก! ท่านไม่สามารถรับประกันได้ว่าท่านจะมีหรือเปล่า 
- จำลองแบบพระคริสต์ 
Thomas A Kempis