พระเมตตาของพระเยซูเจ้า

จงบอกมนุษยชาติที่กำลังเจ็บป่วย ให้เข้ามาใกล้หัวใจอันเมตตาของเรา แล้วเราจะประทานสันติภาพให้แก่มนุษยชาติ พระเมตตาของเราไม่มีวันสิ้นสุดเลย

พระวาจาวันอาทิตย์ที่ 6 เมษายน 2025 หญิงที่ถูกกล่าวหาว่าทำผิดประเวณี

           พระเยซูเจ้าเสด็จไปยังภูเขามะกอกเทศ เช้าตรู่วันรุ่งขึ้น พระองค์เสด็จไปในพระวิหารอีก ประชาชนเข้ามาห้อมล้อมพระองค์ พระองค์ประทับนั่ง แล้วทรงเริ่มสั่งสอน บรรดาธรรมาจารย์และชาวฟาริสีนำหญิงคนหนึ่งเข้ามา หญิงคนนี้ถูกจับขณะล่วงประเวณี เขาให้นางยืนตรงกลาง แล้วทูลถามพระองค์ว่า “อาจารย์ หญิงคนนี้ถูกจับขณะล่วงประเวณี ในธรรมบัญญัติ โมเสสสั่งเราให้ทุ่มหินหญิงประเภทนี้จนตาย ส่วนท่านจะว่าอย่างไร” เขาถามพระองค์เช่นนี้ เพื่อทดลองพระองค์ หวังจะหาเหตุปรักปรำพระองค์ แต่พระเยซูเจ้าทรงก้มลง เอานิ้วพระหัตถ์ขีดเขียนที่พื้นดิน เมื่อคนเหล่านั้นยังทูลถามย้ำอยู่อีก พระองค์ทรงเงยพระพักตร์ขึ้น ตรัสว่า “ท่านผู้ใดไม่มีบาป จงเอาหินทุ่มนางเป็นคนแรกเถิด” แล้วทรงก้มลงขีดเขียนบนพื้นดินต่อไป เมื่อคนเหล่านั้นได้ฟังดังนี้ ก็ค่อย ๆ ทยอยออกไปทีละคน เริ่มจากคนอาวุโส จนเหลือแต่พระเยซูเจ้าตามลำพังกับหญิงคนนั้น ซึ่งยังคงยืนอยู่ที่เดิม พระเยซูเจ้าทรงเงยพระพักตร์ขึ้น ตรัสกับนางว่า “นางเอ๋ย พวกนั้นไปไหนหมด ไม่มีใครลงโทษท่านเลยหรือ” หญิงคนนั้นทูลตอบว่า “ไม่มีใครเลย พระเจ้าข้า” พระเยซูเจ้าตรัสว่า “เราก็ไม่ลงโทษท่านด้วย ไปเถิด และตั้งแต่นี้ไป อย่าทำบาปอีก”
(ยอห์น 8:1-11)








วันอังคารที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2567

ลักษณะของคริสตชน


ในยุคคอมมิสนิสต์ปกครองโรมาเนีย พระสงฆ์หลายองค์ถูกจับกุมคุมขัง “เมื่อคุณพ่อ ดีมีเตอร์(Father Demeter)ถูกจำคุกในเรือนจำ,ผู้คุมเรือนจำเอาฆ้อนทุบเข้าที่หลังของคุณพ่อเพื่อความสนุกเท่านั้น..ทำให้ท่านเป็นอัมพาต 

หลังจากการปฏิวัติโรมาเนีย ในปี 1989 สิ้นสุดลง และโรมาเนียพ้นจากลัทธิคอมมิวนิสต์ ,เจ้าหน้าที่ซึ่งเป็นผู้คุมเรือนจำได้พบกับคุณพ่อดีมีเตอร์ เขาพูดกับคุณพ่อว่า “ผมรู้ว่าได้ทำสิ่งที่ไม่สามารถให้อภัยได้ สิ่งที่ผมทำนั้นมันหนักและโหดร้ายเกินไป ผมเพียงอยากขอคุณพ่อเท่านั้นว่า โปรดรู้ว่าผมเสียใจ,และผมจะจากไปอย่างสงบ” 

คุณพ่อดีมีเตอร์ตอบเขาว่า “เป็นเวลายี่สิบปีแล้วที่พ่อสวดภาวนาเพื่อคุณ,วันแล้ววันเล่า พ่อกำลังรอคุณเพื่อบอกคุณว่า พ่อให้ให้อภัยคุณแล้ว” 

นี่คือสิ่งที่คริสตชนพึงกระทำ คือการให้อภัยแม้กับศัตรูของเร


โดย Richard Wurmbrand, จากหนังสือ Suffering to Triumph (p. 58)


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น