พระเมตตาของพระเยซูเจ้า

จงบอกมนุษยชาติที่กำลังเจ็บป่วย ให้เข้ามาใกล้หัวใจอันเมตตาของเรา แล้วเราจะประทานสันติภาพให้แก่มนุษยชาติ พระเมตตาของเราไม่มีวันสิ้นสุดเลย

พระวาจาวันอาทิตย์ที่ 22 มิถุนายน 2025 สมโภชพระวรกายและพระโลหิตพระคริสตเจ้า

         & ประชาชนรู้จึงติดตามพระองค์ไป พระองค์ทรงต้อนรับเขาและตรัสสอนเขาเรื่องพระอาณาจักรของพระเจ้า ทรงรักษาคนที่ต้องการการบำบัดรักษา เมื่อจวนถึงเวลาเย็น อัครสาวกสิบสองคนมาทูลพระองค์ว่า “ขอพระองค์ทรงอนุญาตให้ประชาชนกลับไปเถิด เขาจะได้ไปตามหมู่บ้านและชนบทโดยรอบเพื่อหาที่พักและอาหาร เพราะขณะนี้เราอยู่ในที่เปลี่ยว” พระองค์ตรัสกับเขาว่า “ท่านทั้งหลายจงหาอาหารให้เขากินเถิด” เขาทูลว่า “เราไม่มีอะไรนอกจากขนมปังห้าก้อนและปลาสองตัวเท่านั้น หรือว่าเราจะไปซื้ออาหารสำหรับคนเหล่านี้ทั้งหมด” ที่นั่นมีผู้ชายประมาณห้าพันคน พระองค์จึงตรัสกับบรรดาศิษย์ว่า “จงบอกให้พวกเขานั่งลงเป็นกลุ่ม กลุ่มละประมาณห้าสิบคน” เขาก็ทำตามและให้ทุกคนนั่งลง พระเยซูเจ้าทรงรับขนมปังห้าก้อนกับปลาสองตัวนั้นมา ทรงแหงนพระพักตร์ขึ้นมองท้องฟ้า ทรงกล่าวถวายพระพร ทรงบิขนมปัง ส่งให้บรรดาศิษย์นำไปแจกจ่ายแก่ประชาชน ทุกคนได้กินจนอิ่ม แล้วยังเก็บเศษที่เหลือได้สิบสองกระบุง
(ลูกา 9:11-17)








วันศุกร์ที่ 14 มีนาคม พ.ศ. 2568

การต่อสู้กับการประจญล่อลวง


พระวาจาของพระเยซูเจ้าที่ให้กำลังใจแก่ผู้ที่สู้รบกับการประจญล่อลวงของปีศาจ

นักบุญคัทเธอรีนแห่งเซียนนารายงานว่าพระเยซูตรัสกับเธอดังนี้

“เราได้แต่งตั้งซาตานให้ล่อลวงและสร้างความเดือดร้อนให้กับสิ่งสร้างของเราในชีวิตนี้ เราทำสิ่งนี้ไม่ใช่เพื่อให้สิ่งสร้างของเราถูกเอาชนะ แต่เพื่อให้พวกเขาสามารถชนะได้ เพื่อพิสูจน์คุณธรรมของพวกเขาและรับความรุ่งโรจน์แห่งชัยชนะจากเรา ไม่มีใครควรกลัวการต่อสู้หรือการล่อลวงใดๆของซาตานที่อาจมาถึงเขา เพราะเราได้ทำให้สิ่งสร้างของเราแข็งแกร่ง และเราได้ให้ความแข็งแกร่งแห่งจิตใจอิสระแก่พวกเขา ซึ่งถูกเสริมให้แข็งแกร่งในพระโลหิตของเรา ไม่ว่าซาตานหรือสิ่งสร้างอื่นใดก็ไม่สามารถควบคุมหรือมีอำนาจเหนือจิตใจอิสระนี้ได้ เพราะมันเป็นของลูก ที่ถูกมอบให้ลูกโดยเรา โดยการเลือกของลูกเอง ลูกสามารถยึดมันไว้หรือปล่อยมันไปก็ได้หากลูกต้องการ

มันคืออาวุธ(จิตใจอิสระ) และถ้าลูกปล่อยมันไว้ในมือของซาตาน มันจะกลายเป็นมีดทันทีที่จะใช้แทงและฆ่าลูก ในทางกลับกัน หากลูกไม่วางมีดซึ่งก็คือความต้องการของลูกไว้ในมือของซาตาน นั่นคือ หากลูกไม่ยินยอมต่อการล่อลวงและการรังควานของมัน ลูกจะไม่มีวันได้รับบาดเจ็บจากความผิดบาปในสิ่งล่อลวงใดๆเลย ในทางกลับกัน ลูกจะได้รับการเสริมกำลังจากการล่อลวงนั้น ตราบใดที่ลูกเปิดตาใจของลูกให้เห็นความรักของเรา และเข้าใจว่าทำไมเราจึงยอมให้ลูกถูกล่อลวง เพื่อที่ลูกจะได้พัฒนาคุณธรรมด้วยการเอาชนะมัน

ความรักของเราอนุญาตให้เกิดการล่อลวงเหล่านี้ เพราะซาตานอ่อนแอ มันไม่สามารถทำอะไรได้ด้วยตัวมันเอง เว้นแต่เราจะอนุญาติ ดังนั้น เราปล่อยให้มันล่อลวงลูกเพราะเรารักลูก ไม่ใช่เพราะเราเกลียดลูก เราต้องการให้ลูกเอาชนะ ไม่ใช่ถูกพิชิต และมาสู่ความรู้ที่สมบูรณ์เกี่ยวกับตัวลูกเองและเรา”

วันพฤหัสบดีที่ 13 มีนาคม พ.ศ. 2568

สวดภาวนาเพื่อวิญญาณในไฟชำระทุกวัน


ชายหนุ่มคนหนึ่งชื่อปีเตอร์  เขาออกจากบ้านเกิดของเขาที่โปรตุเกสและกำลังเดินทางไปอินเดีย เรือของเขาถูกพายุพัดกระหน่ำ ปีเตอร์จึงอธิษฐานภาวนาและสัญญากับพระเจ้าว่าหากพระองค์ทรงช่วยเขาจากการจมน้ำ เขาจะรับใช้พระองค์ในฐานะนักบวช ในที่สุดเขาก็มาถึงเมืองกัว เขาก็ไปพบกับพระสงฆ์คณะเยสุอิตที่นั่น

แต่เขาเกิดในโปรตุเกสในตระกูลขุนนางที่มีชื่อเสียง - ตระกูลมาชาโด - และตระกูลนี้มีชื่อเสียงมากจนเป็นที่รู้จักไปทั่วทั้งอินเดีย เมื่อเขาแนะนำตัวกับพระสงฆ์ซึ่งจะเป็นอธิการของเขาในคณะเยซูอิต เขาไม่ได้บอกชื่อนามสกุลจริงของเขาเพราะกลัวว่าท่านอธิการจะให้สิทธิพิเศษและความสนใจพิเศษแก่เขาเนื่องจากเขามีสายเลือดโดยตรงของตระกูล ปีเตอร์จึงบอกชื่อเมือง - เดอ บาสโต - เมืองที่เขารับศีลล้างบาปแทน ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ตลอดหลายศตวรรษที่ผ่านมา เขาถูกเรียกว่า "ปีเตอร์ เดอ บาสโต"

ปีเตอร์สวดสายประคำทุกวันเพื่อวิญญาณในไฟชำระ แต่มีอยู่วันหนึ่ง เขาไม่ได้สวดภาวนา เขาละเลยที่จะสวด และคืนนั้นเขารู้สึกว่าไปอยู่ที่ดินแดนแห่งหนึ่ง แต่ทูตสวรรค์ผู้พิทักษ์ของเขาปลุกเขาและกล่าวว่า "ลูกเอ๋ย วิญญาณในไฟชำระกำลังรอคอยผลประโยชน์จากการทำทานประจำวันของลูก" ปีเตอร์หยิบสายประคำของเขาขึ้นมาและสวดภาวนาให้ดวงวิญญาณในไฟชำระตามที่ทูตสวรรค์ผู้พิทักษ์ของเขาบอกให้เขาสวดภาวนาต่อพระแม่มารีย์

ปีเตอร์สวดสายประคำให้วิญญาณในไฟชำระทุกวัน ไม่ใช่แค่ในเดือนพฤศจิกายนเท่านั้นที่ผู้คนต่างให้ความสนใจในการสวดภาวนาเพื่อผู้ล่วงลับ นี่เป็นบทเรียนสำหรับหลายคนที่ขี้เกียจสวดภาวนา เราสามารถสวดสายประคำเพื่อดวงวิญญาณในไฟชำระได้หลายครั้งในหนึ่งปี บางทีอาจถึงวันละสายก็ได้ และเพื่อเป็นการตอบแทน,เราอาจได้รับความช่วยเหลือจากวิญญาณเหล่านั้น พวกเขาอาจวิงวอนขอแทนเราในบางอย่างที่จำเป็นสำหรับเรา

วันพุธที่ 12 มีนาคม พ.ศ. 2568

นักบุญเบเนดิกต์ได้ยินความคิดในใจ


วันหนึ่งในเวลาค่ำ ขณะที่นักบุญเบเนดิกต์ผู้ชรากำลังรับประทานอาหาร บังเอิญมีนักพรตของท่านคนหนึ่ง(ซึ่งเป็นลูกของทนายความ)ถือเทียนให้ท่าน เขายืนและเริ่มคิดในใจด้วยเย่อหยิ่งว่า “ใครคือผู้ที่ฉันรับใช้ที่โต๊ะ ใครคือผู้ที่เราควรถือเทียนให้ด้วยความเอาใจใส่เช่นนี้? เราเป็นใครที่ควรรับใช้เขา?” นักบุญเบเนดิกต์หันมาหาเขาทันทีและห้ามปรามเขาอย่างเด็ดขาดโดยกล่าวว่า “จงชกหน้าอกของท่าน บราเดอร์ ท่านกำลังพูดอะไรอยู่ จงชกหน้าอกของท่าน” จากนั้น ท่านนักบุญก็เรียกบรรดาบราเดอร์อื่นๆออกมาทันทีและขอให้พวกเขาเอาเทียนออกจากมือของนักพรตหนุ่มผู้นั้น และบอกให้เขาออกจากที่และนั่งลงอย่างเงียบๆข้างท่าน ต่อมา เมื่อบรรดาบราเดอร์ถามนักบุญเบเนดิกต์เกี่ยวกับความคิดของเขาในเวลานั้น ท่านนักบุญจึงเล่าให้พวกเขาฟังว่าเขามีความหยิ่งผยองและพูดจาหมิ่นประมาทท่านในใจอย่างไร ดังนี้ จึงเข้าใจได้อย่างง่ายดายว่าไม่มีสิ่งใดที่ปิดกั้นความรู้ของนักบุญเบเนดิกต์ผู้เป็นที่เคารพนับถือ ผู้ได้ยินคำพูดแห่งความคิดที่ไม่ได้พูดออกมา

ที่มา: The Life of St. Benedict

วันอังคารที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2568

กลับใจเพราะขอทาน


จิโอวานนี ปาปินี (Giovanni Papini 1881–1956) เป็นนักเขียนชาวอิตาลีมีชื่อเสียง และเขาเป็นผู้ไม่เชื่อพระเจ้า ไม่เคยมีคำโต้แย้งหรือเหตุผลใดที่น่าเชื่อถือพอสำหรับเขาเลย จนกระทั่งวันหนึ่งที่โชคชะตาเล่นตลกกับเขา

ขณะที่กำลังเดินไปกับเพื่อนที่เป็นพวกไม่เชื่อพระเจ้าเช่นกัน ปาปินีได้พบกับขอทานคนหนึ่งซึ่งตัวสั่นเพราะความหนาวเย็น และยื่นมือออกมาขอเงิน ปาปินีหยิบเหรียญออกมาด้วยรอยยิ้มและพูดทำนองเยาะเย้ยว่า "เหรียญนี้เป็นของคุณ หากคุณพูดคำดูหมิ่นพระเจ้าดีๆ สักสองสามคำ"

ขอทานผู้นั้นตกตะลึง จึงดึงมือกลับและเดินจากไปโดยกล่าวว่า "ชายผู้น่าสงสาร ขอพระเจ้าโปรดเมตตาคุณด้วย"

การถูกใครสักคนมาเรียกเขาว่า "ชายผู้น่าสงสาร" และคนนั้นเป็นเพียงขอทานซึ่งกำลังต้องการความช่วยเหลืออย่างมาก ทำให้ปาปินีรู้สึกสะเทือนใจอย่างยิ่ง ทำให้เขาต้องไตร่ตรองถึงความเชื่อของตัวเอง การหลับตาไม่รับรู้ความจริงไม่ได้ทำให้ความจริงนั้นหายไป เช่นเดียวกับการเพิกเฉยต่อรถที่วิ่งสวนทางมาไม่สามารถป้องกันการชนได้

วันนั้น เขา "ได้ปะทะกับ" พระเจ้า ไม่นานหลังจากนั้น เขาก็กลายเป็นคาทอลิกที่ศรัทธาเคร่งครัด และเปลี่ยนไปตลอดกาลเพราะภูมิปัญญาที่ไม่คาดคิดของขอทาน

วันจันทร์ที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2568

แฟชั่นที่ไม่เหมาะสม


จะมีแฟชั่นที่ไม่เหมาะสม,ซึ่งเป็นที่เคืองพระทัยพระเจ้าเป็นอย่างยิ่ง  ผู้ที่เชื่อและรับใช้พระเจ้าต้องไม่สวมใส่ตามแฟชั่นเหล่านี้ พระศาสนจักรไม่มีแฟชั่น พระเจ้าทรงเป็นเหมือนเดิมเสมอ บาปของโลกหนักหนาสาหัสมาก”

ในระหว่างที่ยาซินทาป่วย เธอได้บอกแม่ทูนหัวของเธอถึงเรื่องราวต่างๆ ที่พระแม่มารีย์ทรงบอกกับเธอ ซึ่งฟังดูไม่ดีนักสำหรับคนยุคใหม่:

เกี่ยวกับบาป: บาปที่นำวิญญาณส่วนใหญ่ไปสู่นรกคือบาปของเนื้อหนัง -หากมนุษย์รู้ว่าความเป็นนิรันดร์คืออะไร พวกเขาจะทำทุกอย่างเพื่อเปลี่ยนแปลงชีวิตของตนเอง มนุษย์หลงทางเพราะพวกเขาไม่คิดถึงความตายและไม่ชดใช้ความผิด

เกี่ยวกับสงคราม: -สงครามเป็นผลจากบาปของมนุษย์ทั้งมวลในโลก -การทำกิจชดเชยใช้โทษบาปเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อยุติสงคราม

เกี่ยวกับคุณธรรมของคริสตชน: -เราไม่ควรล้อมรอบตัวเราด้วยสิ่งฟุ่มเฟือย -จงเป็นเพื่อนกับความเงียบ -อย่าพูดจาให้ร้ายใคร และหลีกเลี่ยงไม่คบหากับผู้ที่พูดจาให้ร้าย -จงมีความอดทนมากๆ เพราะความอดทนจะพาเราไปสู่สวรรค์

- ยาชินทา เด็กที่เห็นแม่พระประจักษ์ที่ฟาติมา

วันอาทิตย์ที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2568

การตรวจสอบมโนธรรม


การไตร่ตรองถึงพระธรรมเทศนาอันศักดิ์สิทธิ์ควบคู่ไปกับพระบัญญัติสิบประการสามารถช่วยให้เราตรวจสอบจิตวิญญาณ
>>>อ่านต่อ

วันเสาร์ที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2568