Pages
พระเมตตาของพระเยซูเจ้า
จงบอกมนุษยชาติที่กำลังเจ็บป่วย ให้เข้ามาใกล้หัวใจอันเมตตาของเรา แล้วเราจะประทานสันติภาพให้แก่มนุษยชาติ พระเมตตาของเราไม่มีวันสิ้นสุดเลย
พระวาจาวันอาทิตย์ที่ 22 มิถุนายน 2025 สมโภชพระวรกายและพระโลหิตพระคริสตเจ้า
& ประชาชนรู้จึงติดตามพระองค์ไป พระองค์ทรงต้อนรับเขาและตรัสสอนเขาเรื่องพระอาณาจักรของพระเจ้า ทรงรักษาคนที่ต้องการการบำบัดรักษา เมื่อจวนถึงเวลาเย็น อัครสาวกสิบสองคนมาทูลพระองค์ว่า “ขอพระองค์ทรงอนุญาตให้ประชาชนกลับไปเถิด เขาจะได้ไปตามหมู่บ้านและชนบทโดยรอบเพื่อหาที่พักและอาหาร เพราะขณะนี้เราอยู่ในที่เปลี่ยว” พระองค์ตรัสกับเขาว่า “ท่านทั้งหลายจงหาอาหารให้เขากินเถิด” เขาทูลว่า “เราไม่มีอะไรนอกจากขนมปังห้าก้อนและปลาสองตัวเท่านั้น หรือว่าเราจะไปซื้ออาหารสำหรับคนเหล่านี้ทั้งหมด” ที่นั่นมีผู้ชายประมาณห้าพันคน พระองค์จึงตรัสกับบรรดาศิษย์ว่า “จงบอกให้พวกเขานั่งลงเป็นกลุ่ม กลุ่มละประมาณห้าสิบคน” เขาก็ทำตามและให้ทุกคนนั่งลง พระเยซูเจ้าทรงรับขนมปังห้าก้อนกับปลาสองตัวนั้นมา ทรงแหงนพระพักตร์ขึ้นมองท้องฟ้า ทรงกล่าวถวายพระพร ทรงบิขนมปัง ส่งให้บรรดาศิษย์นำไปแจกจ่ายแก่ประชาชน ทุกคนได้กินจนอิ่ม แล้วยังเก็บเศษที่เหลือได้สิบสองกระบุง
(ลูกา 9:11-17)
พระวาจาวันอาทิตย์ที่ 22 มิถุนายน 2025 สมโภชพระวรกายและพระโลหิตพระคริสตเจ้า
& ประชาชนรู้จึงติดตามพระองค์ไป พระองค์ทรงต้อนรับเขาและตรัสสอนเขาเรื่องพระอาณาจักรของพระเจ้า ทรงรักษาคนที่ต้องการการบำบัดรักษา เมื่อจวนถึงเวลาเย็น อัครสาวกสิบสองคนมาทูลพระองค์ว่า “ขอพระองค์ทรงอนุญาตให้ประชาชนกลับไปเถิด เขาจะได้ไปตามหมู่บ้านและชนบทโดยรอบเพื่อหาที่พักและอาหาร เพราะขณะนี้เราอยู่ในที่เปลี่ยว” พระองค์ตรัสกับเขาว่า “ท่านทั้งหลายจงหาอาหารให้เขากินเถิด” เขาทูลว่า “เราไม่มีอะไรนอกจากขนมปังห้าก้อนและปลาสองตัวเท่านั้น หรือว่าเราจะไปซื้ออาหารสำหรับคนเหล่านี้ทั้งหมด” ที่นั่นมีผู้ชายประมาณห้าพันคน พระองค์จึงตรัสกับบรรดาศิษย์ว่า “จงบอกให้พวกเขานั่งลงเป็นกลุ่ม กลุ่มละประมาณห้าสิบคน” เขาก็ทำตามและให้ทุกคนนั่งลง พระเยซูเจ้าทรงรับขนมปังห้าก้อนกับปลาสองตัวนั้นมา ทรงแหงนพระพักตร์ขึ้นมองท้องฟ้า ทรงกล่าวถวายพระพร ทรงบิขนมปัง ส่งให้บรรดาศิษย์นำไปแจกจ่ายแก่ประชาชน ทุกคนได้กินจนอิ่ม แล้วยังเก็บเศษที่เหลือได้สิบสองกระบุง
(ลูกา 9:11-17)
วันพุธที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2557
สามเณรชาวโปแลนด์ที่ช่วยชีวิตหญิงชาวยิว
วันอังคารที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2557
เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับพระสันตะปาปา 10 พระองค์
พระสันตะปาปาในยุคแรกเป็นมรณสักขีเพราะความเชื่อ เป็นเครื่องหมายชัดเจนที่พระศาสนจักรรับรองถึงความศักดิ์สิทธิ์ของท่าน และเมื่อยุคสมัยการเบียดเบียนสิ้นสุดลง จำนวนพระสันตะปาปาที่ได้ชื่อว่า “นักบุญ”
ก็มีน้อยลง
เป็นเวลานานเกือบ
701 ปี มาจนถึง 27 เม.ย. 2014 นี้ มีพระสันตะปาปาเพียง
4 พระองค์เท่านั้นที่ถูกประกาศให้เป็นนักบุญ
เรื่องที่น่าสนใจ 10 เรื่องเกี่ยวกับพระสันตะปาปาที่ได้รับการสถาปนาเป็นนักบุญในยุคแรกๆมีดังนี้
เรื่องที่น่าสนใจ 10 เรื่องเกี่ยวกับพระสันตะปาปาที่ได้รับการสถาปนาเป็นนักบุญในยุคแรกๆมีดังนี้
1. น.เปโตร พระนามเดิมคือ
ซีโมน เป็นพระสันตะปาปาองค์แรก ท่านเป็นคนแรกที่บอกว่า พระเยซูเจ้าคือพระคริสต์
(พระผู้ไถ่)
และเป็นบุตรของพระเจ้าผู้ทรงชีวิต
ภารกิจพิเศษของท่านที่กล่าวในพระวรสารคือ “การดูแลฝูงแกะ”
ของพระคริสต์ นั่นคือ
ภารกิจในการประกาศข่าวดีของพระคริสตเจ้า
ปกป้องและเพิ่มพูนความเชื่อในพระคริสต์
ท่านถูกตรึงกางเขนที่เชิงเนินเขาของวาติกัน เมื่อมีอายุ 60 ปี เวลานั้นเป็นสมัยของจักรพรรดิเนโร
ท่านจึงเป็นมรณสักขีเพราะความเชื่อและการเทศนาสั่งสอน หลุมฝังศพของท่านถูกค้นพบอยู่ใต้อาสนวิหารนักบุญเปโตร
2. น. โซเตอร์ (St. Soter) เป็นพระสันตะปาปาแห่งโรมประมาณปี
ค.ศ. 167 ท่านเสียชีวิตในอีก 7
ปีต่อมา เชื่อว่า
น.โซเตอร์เป็นคนแรกที่เริ่มต้นให้มีการฉลองวันอิสเตอร์ที่โรมทุกปี
3. น.ฟาเบียน St.
Fabian เป็นพระสันตะปาปาในปี
236-250 ท่านได้รับการแต่งตั้งเป็นพระสันตะปาปาอย่างน่าประหลาดใจ
ในเวลาที่มีการเลือกผู้ที่จะเป็นพระสันตะปาปา
มีนกพิราบมาเกาะบนศีรษะของท่าน ผู้คนที่นั่นต่างระลึกถึงการที่พระจิตเจ้าเสด็จมาเหนือพระเยซูเจ้า จึงเชื่อว่าพระจิตเจ้าทรงเลือกท่านให้เป็นพระสันตะปาปาองค์ต่อไป
4. น. ดามาซุส St. Damasus
ท่านเกิดที่โรมและเป็นพระสันตะปาปาในปี 366-384
เป็นยุคที่คริสตศาสนาได้รับการประกาศให้เป็นศาสนาประจำชาติของอาณาจักรโรมันในปี
380
และพระองค์ได้รับการสนับสนุนอย่างแข็งขันให้เป็นพระสังฆราชแห่งโรมในฐานะผู้สืบทอดจาก
น.เปโตร โดยตรง พระองค์เป็นผู้นำภาษาลาติน
มาใช้ในพิธีกรรมและเป็นมาตรฐานต่อมา
5. น. เลโอ ผู้ยิ่งใหญ่ (St. Leo the Great )ท่านเกิดมาในชื่อว่า
เลโอ และใช้นามนี้เป็นชื่อพระสันตะปาปา พระองค์เป็นพระสันตะปาปาในปี 440-461 เป็นพระสันตะปาปาองค์แรกที่ได้รับสมญาว่า “ผู้ยิ่งใหญ่
the great” และยังเป็นนักปราชญ์ของพระศาสนจักรอีกด้วย พระองค์ประกาศจุดยืนที่แน่ชัดในเรื่องการบังเกิดของพระคริสตเจ้า นั่นคือ พระคริสต์ทรงบังเกิดมีสภาวะพระเจ้าและมนุษย์ในเวลาเดียวกัน พระองค์ยังเป็นที่รู้จักดีในเรื่องที่ได้พบกับ
อัตติลา กษัตริย์ชาวฮั่น ในปี 452
และได้เกลี้ยกล่อมอัตติลาให้ยกเลิกการรุกรานอิตาลีและยกทัพกลับไปได้สำเร็จ
6. น.เกรโกรี่ผู้ยิ่งใหญ่ (St. Gregory the Great) เป็นพระสันตะปาปาในปี
590-604 เป็นพระสันตะปาปาองค์ที่สองที่ได้รับสมญาว่า
“ผู้ยิ่งใหญ่” ต่อจากพระสันตะปาปาเลโอ พระองค์เป็นญาติกับพระสันตะปาปาสองพระองค์ มารดาของพระองค์และป้าสองคนได้รับการสถาปนาเป็นนักบุญด้วย พระองค์จึงได้ชื่อว่าเป็นนักบุญในท่ามกลางนักบุญ
พระองค์บวชเป็นนักพรตและไม่ประสงค์จะรับตำแหน่งพระสันตปาปาเมื่อถูกเลือก
พระองค์คร่ำครวญบ่อยๆถึงหน้าที่ใหม่ที่ได้รับในฐานะพระสันตปาปาเพราะต้อง “ทนต่อภารกิจและเรื่องราวทางโลก”
จนไม่มีเวลาที่จะรำพึงไตร่ตรองชีวิตในพระวินัยได้อย่างสงบ นอกจากนั้น พระองค์เน้นย้ำอย่างหนักแน่นในเรื่องความยากจนและความเมตตา พระองค์ได้ให้อาหารแก่คนยากจนในโรมและยังเชิญพวกเขาให้มารับประทานอาหารกับพระองค์ทุกวันอีกด้วย
7. น. นิโคลัสที่ 1 (St. Nicholas I the Great) ผู้ยิ่งใหญ่ เป็นพระสันตะปาปาในปี 858-867 เป็นองค์ที่สามและเป็นองค์สุดท้ายที่ได้สมญาว่า “ผู้ยิ่งใหญ่” พระองค์เพิ่มอำนาจของพระสันตปาปาให้แข็งแกร่งขึ้นและไม่ยอมให้ใครมีสิทธิที่จะขับไล่พระสังฆราชโดยไม่ได้รับอนุมัติจากพระสันตปาปา พระองค์ตรากฎหมายการแต่งงานและกระตุ้นให้พระสังฆราชทำหน้าที่ในการบัพพาชนียกรรมคนในราชวงศ์ซึ่งเป็นคาทอลิก ที่ละทิ้งคู่แต่งงานเพื่อไปแต่งงานใหม่ พระองค์สนับสนุนให้มีเสรีภาพในการแต่งงานและไม่เห็นด้วยกับพระสังฆราชบางองค์ที่บัพพาชนียกรรมคนในราชวงศ์ที่แต่งงานโดยไม่ได้รับการยินยอมจากบิดา
7. น. นิโคลัสที่ 1 (St. Nicholas I the Great) ผู้ยิ่งใหญ่ เป็นพระสันตะปาปาในปี 858-867 เป็นองค์ที่สามและเป็นองค์สุดท้ายที่ได้สมญาว่า “ผู้ยิ่งใหญ่” พระองค์เพิ่มอำนาจของพระสันตปาปาให้แข็งแกร่งขึ้นและไม่ยอมให้ใครมีสิทธิที่จะขับไล่พระสังฆราชโดยไม่ได้รับอนุมัติจากพระสันตปาปา พระองค์ตรากฎหมายการแต่งงานและกระตุ้นให้พระสังฆราชทำหน้าที่ในการบัพพาชนียกรรมคนในราชวงศ์ซึ่งเป็นคาทอลิก ที่ละทิ้งคู่แต่งงานเพื่อไปแต่งงานใหม่ พระองค์สนับสนุนให้มีเสรีภาพในการแต่งงานและไม่เห็นด้วยกับพระสังฆราชบางองค์ที่บัพพาชนียกรรมคนในราชวงศ์ที่แต่งงานโดยไม่ได้รับการยินยอมจากบิดา
8. น.เกรโกรี่ที่ 7 (St.
Gregory VII) เป็นพระสันตปาปในปี 1073-1085 พระองค์ทำการปฏิรูปหลายอย่าง อย่างเช่น การทำให้อำนาจของพระสันตปาปาครอบคลุมไปถึงพระศาสนจักรตะวันตก พระองค์แต่งตั้งพระสังฆราชและพระสงฆ์ที่น่านับถือหลายองค์ พระองค์ต่อสู้กับการหาเงินเข้าวัดด้วยการขายหรือซื้อกิจการบางอย่างของโบสถ์ พระองค์ให้ผ่านกฎหมายเกี่ยวกับการอยู่ในเพศพรหมจรรย์ของพระสงฆ์นักบวช
ทั้งๆที่มีการถกเถียงกันอยู่บ่อยๆ พระองค์ประกาศให้ประกอบพิธีกรรมแบบโรมเหมือนกันทั่วยุโรป และทรงตั้งให้วันที่ 1 พ.ย. ของทุกปีเป็นวันนักบุญทั้งหลาย พระองค์ทรงยกเลิกบัพพาชนียกรรมแก่กษัตริย์เฮนรี่ที่
4 ในปี 1077 หลังจากที่กษัตริย์เฮนรี่
ทรงทำการใช้โทษบาปด้วยการเดินเท้าเปล่าในหิมะ
9. น. ซีเลสทีนที่ 5 (St.
Celestine V) มาจากคณะเบเนดิกติน
พระองค์ทรงลาจากตำแหน่งพระสันตะปาปาภายหลังจากที่รับตำแหน่งเพียงไม่กี่เดือน
ในปี 1294 เพราะพระองค์ประสงค์ที่จะกลับไปใช้ชีวิตที่ถ่อมตนในอาราม พระองค์ออกกฎอนุญาตให้พระสันตะปาปาสามารถลาออกหรือสละตำแหน่งได้
พระสันตะปาปาเบเนดิกต์ที่ 16 เป็นพระสันตะปาปาองค์ต่อมาที่ทรงสละตำแหน่งในปี
2013
พระองค์ทรงวางผ้าคลุมไหล่ที่ได้รับในวันที่ถูกเลือกเป็นพระสันตปาปาในปี
2005 ไว้บนที่ฝังพระศพของพระสันตะปาปาซีเลสทีนที่ 5 ซึ่งอยู่ที่ L'Aquila, Italy ในปี 2009
และทิ้งไว้ที่นั่นเหมือนเป็นของขวัญ
10 น. ปีโอที่ 10 (St.
Pius X) ได้รับเลือกเป็นพระสันตะปาปาในปี 1903 สิ้นพระชนม์ในปี 1914
พระองค์ส่งเสริมให้สัตบุรุษรับศีลอภัยบาปและศีลมหาสนิทบ่อยๆ และให้พระสงฆ์ประกอบพิธีบูชามิสซาอย่างสง่า โดยเน้นในเรื่องการร้องเพลงเกรโกเรี่ยนในพิธีให้เหมาะสมและสวยงาม ระมัดระวังไมให้มีการนำเพลงสไตล์สมัยใหม่มาใช้ในพิธี และส่งเสริมให้สัตบุรุษขับร้องเพลงด้วย
พระองค์ทรงตั้งโรมันคูเรียและการประชุมของพระคาร์ดินัลเพื่อออกกฏเกณท์ พระองค์ให้การสนับสนุนข้อสงสัยทางวิทยาศาสตร์ อย่างไรก็ตาม
แม้พระองค์จะได้รับรถยนต์ในปี 1909
จากพระอัครสังฆราชแห่งนิวยอร์ก John M. Farley พระองค์ก็ไม่เคยใช้เลย พระองค์ยังคงใช้รถม้าเหมือนเดิม
วันจันทร์ที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2557
วันอาทิตย์ที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2557
สาระสำคัญในพิธีสถาปนานักบุญพระสันตปาปาสองพระองค์
2. การประกาศ -
พระสันตปาปาฟรังซิสจะตรัสว่า “เพื่อเป็นเกียรติแด่พระตรีเอกภาพศักดิ์สิทธิ์ยิ่ง
ด้วยความยินดีแห่งความเชื่อคาทอลิกและเป็นการเพิ่มพูนชีวิตคริสตชน โดยอาศัยอำนาจแห่งพระเยซูคริสตเจ้า พระเจ้าของเรา
และอำนาจของอัครสาวกเปโตรและเปาโล
และอำนาจของเราเอง
หลังจากได้สวดภาวนาไตร่ตรองโดยอาศัยความช่วยเหลือจากสวรรค์ และได้ปรึกษากับบรรดาพี่น้องพระสังฆราชหลายองค์ เราขอประกาศให้บุญราศีพระสันตะปาปายอห์นที่ 23
และพระสันตะปาปายอห์นปอลที่ 2 เป็นนักบุญ
ขอให้ท่านได้อยู่ในหมู่นักบุญทั้งหลาย
และได้รับการเคารพจากพระศาสนจักรทั่วโลก
ทั้งนี้ในนามของพระบิดา พระบุตร
และพระจิต”
3. พระธาตุ - ของนักบุญจะถูกนำมาวางไว้บนพระแท่น ในกรณีของพระสันตะปาปายอห์นปอลที่ 2 จะเป็นโลหิต ซึ่งใช้ในพิธีสถาปนาเป็นบุญราศี ปี 2011 สำหรับพระสันตะปาปายอห์นที่ 23 จะเป็นผิวหนังที่นำมาจากร่างกายของพระองค์ พิธีจบลงด้วยเพลง “Gloria” แล้วพิธีมิสซาดำเนินต่อไปตามปกติ
4. ตัวเลข - ผู้แทนอย่างเป็นทางการจำนวน 93 คน จะมาร่วมในพิธี 24 คนเป็นระดับหัวหน้าแห่งรัฐ กษัตริย์และพระราชินีแห่งเบลเยี่ยม และ สเปน ก็คาดว่าจะมาร่วมด้วย ในฐานะราชวงศ์จากกลุ่มแอนดอร่า บริเทนและลักเซมเบิร์ก ประเทศโปแลนด์ได้ส่งผู้แทนระดับสูงสุดคือ ประธานาธิบดีคนปัจจุบันและอดีตประธานาธิบดี 2 คน ซึ่งรวมทั้งนาย เล็ค วาเลซ่า ผู้ก่อตั้งกลุ่มโซลิดาลิตี้ที่โค่นล้มระบอบคอมมิวนิสต์ในโปแลนด์ โดยมีพระสันตะปาปายอห์นปอลที่ 2 ทรงสนับสนุน
3. พระธาตุ - ของนักบุญจะถูกนำมาวางไว้บนพระแท่น ในกรณีของพระสันตะปาปายอห์นปอลที่ 2 จะเป็นโลหิต ซึ่งใช้ในพิธีสถาปนาเป็นบุญราศี ปี 2011 สำหรับพระสันตะปาปายอห์นที่ 23 จะเป็นผิวหนังที่นำมาจากร่างกายของพระองค์ พิธีจบลงด้วยเพลง “Gloria” แล้วพิธีมิสซาดำเนินต่อไปตามปกติ
4. ตัวเลข - ผู้แทนอย่างเป็นทางการจำนวน 93 คน จะมาร่วมในพิธี 24 คนเป็นระดับหัวหน้าแห่งรัฐ กษัตริย์และพระราชินีแห่งเบลเยี่ยม และ สเปน ก็คาดว่าจะมาร่วมด้วย ในฐานะราชวงศ์จากกลุ่มแอนดอร่า บริเทนและลักเซมเบิร์ก ประเทศโปแลนด์ได้ส่งผู้แทนระดับสูงสุดคือ ประธานาธิบดีคนปัจจุบันและอดีตประธานาธิบดี 2 คน ซึ่งรวมทั้งนาย เล็ค วาเลซ่า ผู้ก่อตั้งกลุ่มโซลิดาลิตี้ที่โค่นล้มระบอบคอมมิวนิสต์ในโปแลนด์ โดยมีพระสันตะปาปายอห์นปอลที่ 2 ทรงสนับสนุน
- พระคาร์ดินัล 130-150 องค์ และ พระสังฆราช 1,000 องค์
จะร่วมประกอบพิธีมิสซาพร้อมกับพระสันตปาปาฟรังซิส
พระสงฆ์ 6,000 องค์ จะร่วมในพิธีโดยนั่งอยู่ด้านหน้าของพระแท่น และพระสันตะปาปากิติคุณ เบเนดิกต์ที่ 16
จะเข้าร่วมในพิธีครั้งนี้
- พระสงฆ์ 600 องค์จะเป็นผู้แจกจ่ายศีลมหาสนิท และสังฆานุกร 210 องค์จะคอยช่วยเหลือ
5. การถ่ายทอดสด
- หนังสือพิธีกรรมอย่างเป็นทางการในรูปแบบไฟล์
pdf สามารถรับได้ทาง
http://www.vatican.va/news_services/liturgy/libretti/2014/20140427-libretto-canonizzazione.pdf
วันเสาร์ที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2557
อัศจรรย์ของพระสันตปาปายอห์นปอลที่ 2
VATICAN
CITY (CNS) --.นาง Floribeth
Mora Diaz สตรีชาวคอสตา ริกา
อายุ 50 ปี ได้กล่าวในการให้สัมภาษณ์ของผู้สื่อข่าวเมื่อ วันที่ 24 เม.ย. นี้ สามวันก่อนที่เธอจะเข้าร่วมพิธีมิสซาเพื่อสถาปนาพระสันตะปาปายอห์นปอลที่
2 ขึ้นเป็นนักบุญ
และในเวลาเดียวกัน ซิสเตอร์ อะเดลเล ลาเบียนกา แห่งคณะ Daughter of Charity ก็ให้สัมภาษณ์เป็นพยานเกี่ยวกับอัศจรรย์การเยียวยารักษาของซิสเตอร์
คัทเทอรีนา คาปีตานี ในปี 1966
ซึ่งเป็นอัศจรรย์ที่ใช้ในการแต่งตั้งพระสันตปาปายอห์นปอลที่ 2 เป็นบุญราศี
ถึงแม้ว่าสตรีทั้งสองจะเล่าเรื่องนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าเป็นร้อยครั้ง แต่ในที่ประชุมให้สัมภาษณ์แก่ผู้สื่อข่าวครั้งนี้ เป็นครั้งใหญ่และอาจทำให้เกิดความตื่นเต้น ซิสเตอร์ ลาเบียนกา
บอกว่าเธอต้องอ่านคำให้สัมภาษณ์จากข้อเขียนในกระดาษที่เธอเตรียมมา
เพราะเกรงว่าจะลืมข้อความบางสิ่งบางอย่างไป ส่วนนางโมราเดียส ให้สัมภาษณ์โดยมีเสียงที่สั่นบ้างเล็กน้อย
หญิงชาวคอสตารีกา
ผู้เดินทางมาที่วาติกันพร้อมกับสามีและลูก 4 คน
ได้เล่าเกี่ยวกับอาการปวดหัวอย่างรุนแรงของเธอในเดือน เม.ย. 2011 เธอไปพบหมอและได้รับแจ้งว่าเธอเป็นเส้นเลือดในสมองตีบ หมอบอกว่าเธอต้องได้รับการผ่าตัด
แต่เธอจะต้องไปที่เม็กซิโกหรือที่คิวบาเพื่อรับการผ่าตัดที่นั่น และเธฮก็ไม่มีเงินเพียงพอ หมอไม่สามารถช่วยเหลือเธอได้อีก ดังนั้นเธอจึงถูกส่งตัวกลับบ้าน หมอบอกว่า “เธอจะมีชีวิตอยู่ได้อีกเพียงหนึ่งเดือนเท่านั้น”
เธอเริ่มร้องไห้ขณะที่เล่าให้ฟังต่อไปถึงเรื่องที่สามีพยายามบอกให้ลูกๆรู้ว่าแม่จะต้องเสียชีวิตและให้ลูกๆสวดภาวนา
นางโมรา เล่าต่อไปว่า
เธอมีความศรัทธาต่อพระสันตะปาปายอห์นปอลที่ 2
มานานแล้วและได้ชมการถ่ายทอดการสถาปนาพระองค์เป็นบุญราศีเมื่อ 1 พ.ค. 2011 ด้วย
“แล้วฉันก็หลับไป” เธอพูดต่อ
อีกไม่กี่ชั่วโมงต่อมา เธอก็ได้ยินเสียงของพระสันตะปาปาเรียกเธอ “ลุกขึ้น!....จงอย่ากลัว” เธอบอกว่า “ฉันมีความสงบและสันติสุข ซึ่งทำให้ฉันแน่ใจว่าฉันหายแล้ว”
เธอและสามีไม่มีเงินเพียงพอที่จะทำการตรวจรักษาอีกแล้ว แต่แม้กระนั้น หมอก็ทำการตรวจด้วยเครื่อง MRI ให้เธอ “หมอแทบช็อก
สามีของฉันประหลาดใจมากว่าทำไม หมอไม่พูดอะไรเลย และฉันก็พูดขึ้นว่า
“เพราะฉันได้รับการเยียวยารักษาโดยผ่านการวอนขอของพระสันตะปาปายอห์นปอลที่
2”
คำพูดของหมอมีความสำคัญมาก เธอพูดต่อ “เพราะไม่ใช่ฉันเพียงคนเดียวที่พูดว่า
ฉันหายแล้ว แต่หมอหลายคนที่เคร่งขรึมมาก
ก็พูดเช่นนี้ด้วย”
ซิสเตอร์ ลาเบียนกา ได้เล่าเกี่ยวกับอัศจรรย์ที่ทำให้พระสันตะปาปายอห์นปอลที่
2 เป็นบุญราศี เธอทำงานพร้อมกับซิสเตอร์
คัทเทอรีนา คาปิตานี ในโรงพยาบาลที่อิตาลี ในปี 1963
ซิสเตอร์ คัทเทอรีนา เป็นโรคเลือดออกในกระเพาะอาหาร ในตอนเที่ยงคืนของวันหนึ่ง และมีอาการรุนแรง เธอได้ปลุกฉันขึ้นมา
หลังจากรักษานานหลายเดือน
หมอได้ผ่าเอากระเพาะส่วนใหญ่ของเธอออก
เป็นส่วนที่มีเนื้องอกคลุมอยู่
รวมทั้งตับอ่อนและม้ามด้วย
ในตอนแรกเธอก็มีอาการดีขึ้น แต่ต่อมาเกิดอาการทวารส่วนนอกรั่ว จนทำให้ซิสเตอร์คัทเทอรีนาเกือบเสียชีวิตในวันที่
22 พ.ค. 1966 ผู้ช่วยอธิการของคณะได้นำพระธาตุที่เป็นส่วนหนึ่งของผ้าคลุมเตียงของพระสันตปาปายอห์นปอลที่
2 มาให้ซิสเตอร์คัทเทอรีนา
“ท่านวางพระธาตุไว้ที่รอยแผลของซิสเตอร์โดยหวังว่า
พระเยซูเจ้าจะเสด็จมาด้วยพระเมตตาและความรักของพระองค์” ซิสเตอร์ลาเบียนกาเล่า “ทันใดนั้น
ซิสเตอร์ คัทเทอรีนาก็ลุกขึ้นจากเตียงและไม่รู้สึกเจ็บปวดอีกต่อไป” ซิสเตอร์คัทเทอรีนาเล่าว่า เธอรู้สึกว่ามีมือหนึ่งวางบนรอยแผลและได้ยินเสียงเรียกว่า
“ซิสเตอร์ คัทเทอรีนา”
“เธอรู้สึกตกใจที่ได้ยินเสียงผู้ชายในห้อง” เธอจึงหันไปมองและเห็นพระสันตะปาปายอห์นปอลที่
2 ทรงยืนอยู่ข้างเตียงของเธอ
พระองค์ตรัสกับเธอว่า
เธอหายสบายดีแล้ว
แล้วเธอก็ลุกจากเตียงไปบอกซิสเตอร์คนอื่นๆว่าเธอหายแล้วและกำลังหิว” ซิสเตอร์ ลาเบียนกา เล่า
ด้วยอัศจรรย์นี้ พระสันตะปาปายอห์นปอลที่ 2
จึงได้รับการสถาปนาเป็นบุญราศี
และซิสเตอร์ คัทเทอรีนา ก็ไปร่วมอยู่ในพิธีด้วย
ซิสเตอร์คัทเทอรีนาเสียชีวิตในปี 2010
เธอมีชีวิตต่อมานาน 43 ปีหลังจากได้รับอัศจรรย์การเยียวยารักษา สาส์นแม่พระ 2 - 25 เม.ย. 2014
สาส์นแม่พระประทานแก่มารีจา
25 เม.ย. 2014
ลูกที่รักทั้งหลาย จงเปิดหัวใจของลูกเพื่อรับพระหรรษทานซึ่งพระเป็นเจ้าทรงกำลังประทานให้ลูกโดยผ่านทางแม่เถิด เหมือนเช่นที่ดอกไม้เบ่งบานรับรังสีอันอบอุ่นของดวงอาทิตย์ จงรักและสวดภาวนาสำหรับทุกคนที่ยังอยู่ห่างไกลจากพระเป็นเจ้าและความรักของพระองค์ แม่อยู่กับลูกและแม่จะวอนขอเพื่อช่วยเหลือลูกทุกคนเบื้องพระพักตร์ขององค์พระบุตรของแม่ แม่รักลูกด้วยความรักที่มากล้นจนสุดประมาณได้
ขอขอบใจลูกที่ตอบสนองเสียงเรียกของแม่
---------------------------------------------------------------------
สาส์นแม่พระประทานแก่ มีรยานา 2 เม.ย. 2014
วันนี้แม่พระทรงประจักษ์ที่ Blue Cross
ลูกที่รักทั้งหลาย
ด้วยความรักเยี่ยงมารดา แม่ปรารถนาที่จะช่วยลูกสำหรับชีวิตแห่งการสวดภาวนาของลูก และช่วยลูกให้สำนึกผิดใช้โทษบาปด้วยความพยายามอย่างจริงใจที่จะเข้าใกล้องค์พระบุตรของแม่และแสงสว่างอันศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์ให้มากขึ้น – แสงสว่างที่จะทำให้ลูกแยกตัวออกจากบาป - การสวดบทภาวนาทุกบท การร่วมมิสซาทุกครั้ง และการอดอาหารทุกครั้ง เป็นความพยายามทึ่จะเข้าใกล้องค์พระบุตรของแม่ พระองค์ทรงเป็นที่ลี้ภัยจากบาปและพระองค์จะทรงทำให้ลูกระลึกถึงพระสิริของพระองค์ วิธีเหล่านี้เป็นหนทางที่ทำให้ลูกกลับมาเป็นหนึ่งเดียวกับพระบิดาผู้ทรงพระทัยดีและกับบรรดาบุตรทั้งหลายของพระองค์อีกครั้ง เพราะฉะนั้น, ลูกๆที่รักทั้งหลายของแม่ จงร้องหาพระนามของพระบิดาสวรรค้วยหัวใจที่เปิดและเต็มไปด้วยความรักเถิด เพื่อที่พระองค์จะทรงส่องสว่างลูกด้วยพระจิตเจ้า โดยอาศัยพระจิตเจ้าลูกจะกลายเป็นน้ำพุแห่งความรักของพระเป็นเจ้า ทุกคนที่ยังไม่รู้จักองค์พระบุตรของแม่ ทุกคนที่กระหายหาความรักและสันติสุขขององค์พระบุตร จะได้ดื่มน้ำจากน้ำพุนี้
ลูกที่รักทั้งหลาย จงเปิดหัวใจของลูกเพื่อรับพระหรรษทานซึ่งพระเป็นเจ้าทรงกำลังประทานให้ลูกโดยผ่านทางแม่เถิด เหมือนเช่นที่ดอกไม้เบ่งบานรับรังสีอันอบอุ่นของดวงอาทิตย์ จงรักและสวดภาวนาสำหรับทุกคนที่ยังอยู่ห่างไกลจากพระเป็นเจ้าและความรักของพระองค์ แม่อยู่กับลูกและแม่จะวอนขอเพื่อช่วยเหลือลูกทุกคนเบื้องพระพักตร์ขององค์พระบุตรของแม่ แม่รักลูกด้วยความรักที่มากล้นจนสุดประมาณได้
ขอขอบใจลูกที่ตอบสนองเสียงเรียกของแม่
---------------------------------------------------------------------
สาส์นแม่พระประทานแก่ มีรยานา 2 เม.ย. 2014
วันนี้แม่พระทรงประจักษ์ที่ Blue Cross
ลูกที่รักทั้งหลาย
ด้วยความรักเยี่ยงมารดา แม่ปรารถนาที่จะช่วยลูกสำหรับชีวิตแห่งการสวดภาวนาของลูก และช่วยลูกให้สำนึกผิดใช้โทษบาปด้วยความพยายามอย่างจริงใจที่จะเข้าใกล้องค์พระบุตรของแม่และแสงสว่างอันศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์ให้มากขึ้น – แสงสว่างที่จะทำให้ลูกแยกตัวออกจากบาป - การสวดบทภาวนาทุกบท การร่วมมิสซาทุกครั้ง และการอดอาหารทุกครั้ง เป็นความพยายามทึ่จะเข้าใกล้องค์พระบุตรของแม่ พระองค์ทรงเป็นที่ลี้ภัยจากบาปและพระองค์จะทรงทำให้ลูกระลึกถึงพระสิริของพระองค์ วิธีเหล่านี้เป็นหนทางที่ทำให้ลูกกลับมาเป็นหนึ่งเดียวกับพระบิดาผู้ทรงพระทัยดีและกับบรรดาบุตรทั้งหลายของพระองค์อีกครั้ง เพราะฉะนั้น, ลูกๆที่รักทั้งหลายของแม่ จงร้องหาพระนามของพระบิดาสวรรค้วยหัวใจที่เปิดและเต็มไปด้วยความรักเถิด เพื่อที่พระองค์จะทรงส่องสว่างลูกด้วยพระจิตเจ้า โดยอาศัยพระจิตเจ้าลูกจะกลายเป็นน้ำพุแห่งความรักของพระเป็นเจ้า ทุกคนที่ยังไม่รู้จักองค์พระบุตรของแม่ ทุกคนที่กระหายหาความรักและสันติสุขขององค์พระบุตร จะได้ดื่มน้ำจากน้ำพุนี้
ขอขอบใจลูก
จงสวดภาวนา
, สวดภาวนาสำหรับนายชุมพาบาลของลูก
แม่สวดภาวนาเพื่อพวกท่านและปรารถนาที่จะให้ท่านรู้สึกอยู่เสมอถึงการอวยพรจากมือของแม่และการค้ำจุนจากแม่ด้วยหัวใจเยี่ยงมารดา”
วันพฤหัสบดีที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2557
คำสัญญาของพระเยซูเจ้า
“จงสวดบทพระเมตตาที่เราสอนลูกโดยไม่หยุดหย่อน ผู้ใดก็ตามที่สวดภาวนาบทนี้
จะได้รับพระเมตตาอันยิ่งใหญ่ในเวลาใกล้เสียชีวิต พระสงฆ์จะแนะนำให้คนบาปสวดภาวนานี้ ซึ่งเป็นความหวังในความรอดครั้งสุดท้ายของเขา ไม่ว่าเขาจะมีบาปหนักมากสักเพียงไร ถ้าเขาสวดภาวนาบทนี้เพียงครั้งเดียว เขาจะได้รับพระหรรษทานจากพระเมตตาอันไม่มีที่สิ้นสุดของเรา”(บันทึก
687)
“เรายินดีที่จะประทานทุกสิ่งแก่วิญญาณที่วอนขอจากเราด้วยการสวดภาวนาพระเมตตา
เมื่อคนที่มีบาปหนักที่สุดสวดภาวนาบทนี้ เราจะทำให้วิญญาณของเขามีสันติสุข และในวาระใกล้ตายของเขา เขาจะมีความสุข จงเขียนสิ่งนี้ไว้เพื่อประโยชน์ของวิญญาณที่เป็นทุกข์เพราะบาป
เมื่อวิญญาณรู้และตระหนักถึงความหนักหน่วงของบาป
เมื่ออเวจีแห่งความสิ้นหวังทั้งมวลมาอยู่ต่อหน้าสายตาของเขา จงอย่าสิ้นหวัง แต่จงเข้ามาสู่อ้อมแขนแห่งพระเมตตาของเรา
เหมือนเด็กเล็กๆที่เข้าไปสู่อ้อมแขนของมารดาสุดที่รักของเขา จงบอกทุกคนว่า
ไม่มีวิญญาณใดที่เรียกหาพระเมตตาของเราแล้วจะผิดหวังหรือได้รับความอับอาย
เรามีความยินดีเป็นพิเศษในวิญญาณที่วางใจในความดีของเรา จงเขียนไว้ว่า
เมื่อพวกเขาสวดภาวนาพระเมตตาในเวลาใกล้ตาย
เราจะยืนอยู่เบื้องพระพักตร์พระบิดาของเราและผู้เสียชีวิต ไม่ใช่ในฐานะผู้พิพากษาแต่ในฐานะพระผู้ไถ่ของเขา”(บันทึก
1541)
“ในชั่วโมงแห่งความตายของพวกเขา
เราจะเป็นผู้ปกป้องวิญญาณทุกดวงที่สวดภาวนาพระเมตตานี้เสมือนเป็นสง่าราศีของเราเอง เมื่อบทภาวนาพระเมตตานี้ถูกสวดใกล้เตียงของผู้กำลังเสียชีวิต
พระพิโรธของพระเป็นเจ้าจะสงบลงและพระเมตตาอันไม่มีที่สิ้นสุดของพระองค์จะปกคลุมวิญญาณ”(บันทึก
811)
พระเยซูเจ้าตรัสแก่
น.โฟสเตนา “เราปรารถนาให้พระเมตตานี้หลั่งไหลมาสู่โลกทั้งมวลโดยผ่านหัวใจของเธอ อย่าให้ใครที่มาหาเธอกลับไปโดยปราศจากความวางใจในพระเมตตาของเรา เราปรารถนาเป็นอย่างยิ่งให้เป็นเช่นนี้สำหรับวิญญาณ
จงสวดภาวนาให้มากเท่าที่เธอจะทำได้สำหรับผู้กำลังจะตาย
โดยการวอนขอของเธอจะทำให้พวกเขามีความวางใจในพระเมตตาของเรา เพราะพวกเขาจำเป็นต้องมีความวางใจในพระเมตตาของเรา แม้เพียงเล็กน้อยที่สุด”(บันทึก 1777)
“ลูกสาวของเรา
จงช่วยเราในการช่วยวิญญาณคนบาปที่ใกล้ตาย
จงสวดภาวนาพระเมตตาที่เราสอนลูกเพื่อพวกเขา เมื่อดิฉันเริ่มสวดภาวนาพระเมตตา
ดิฉันเห็นชายที่กำลังจะเสียชีวิตซึ่งได้รับความทุกข์ทรมานอย่างสาหัสและพยายามดิ้นรนต่อสู้ อารักขเทวดาของเขากำลังปกป้องเขา แต่เขาไม่มีกำลังที่จะต่อสู้กับความทุกข์ทรมานอันยิ่งใหญ่ของวิญญาณ แต่เมื่อดิฉันสวดภาวนาพระเมตตา ดิฉันเห็นพระเยซูเจ้าเหมือนในภาพ
รังสีที่ส่องกระจายออกมาจากดวงพระทัยของพระองค์ใด้ปกคลุมคนเจ็บป่วยผู้นี้ และอำนาจของความมืดก็สูญสลายไป แล้วชายที่เจ็บป่วยก็ถอนหายใจเป็นครั้งสุดท้าย”(บันทึก
1565)
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)