พระเมตตาของพระเยซูเจ้า

จงบอกมนุษยชาติที่กำลังเจ็บป่วย ให้เข้ามาใกล้หัวใจอันเมตตาของเรา แล้วเราจะประทานสันติภาพให้แก่มนุษยชาติ พระเมตตาของเราไม่มีวันสิ้นสุดเลย

พระวาจาวันอาทิตย์ที่ 28 เมษายน 2024 พระเยซูเจ้าทรงเป็นเถาองุ่นแท้

           เราเป็นเถาองุ่นแท้ และพระบิดาของเราทรงเป็นชาวสวน กิ่งก้านใดในเราที่ไม่เกิดผล พระองค์จะทรงตัดทิ้งเสีย กิ่งก้านใดที่เกิดผล พระองค์จะทรงลิดเพื่อให้เกิดผลมากขึ้น ท่านทั้งหลายก็สะอาดอยู่แล้วเพราะวาจาที่เรากล่าวกับท่าน ท่านทั้งหลายจงดำรงอยู่ในเราเถิด ดังที่เราดำรงอยู่ในท่าน กิ่งองุ่นเกิดผลด้วยตนเองไม่ได้ถ้าไม่ติดอยู่กับเถาองุ่นฉันใด ท่านทั้งหลายก็จะเกิดผลไม่ได้ ถ้าไม่ดำรงอยู่ในเราฉันนั้น เราเป็นเถาองุ่น ท่านทั้งหลายเป็นกิ่งก้าน ผู้ที่ดำรงอยู่ในเรา และเราดำรงอยู่ในเขา ก็ย่อมเกิดผลมาก เพราะถ้าไม่มีเรา ท่านก็ทำอะไรไม่ได้เลย ถ้าผู้ใดไม่ดำรงอยู่ในเรา ก็จะถูกโยนทิ้งไปข้างนอกเหมือนกิ่งก้านและจะเหี่ยวแห้งไป กิ่งก้านเหล่านั้นจะถูกเก็บไปทิ้งในไฟและถูกเผา ถ้าท่านทั้งหลายดำรงอยู่ในเรา และวาจาของเราดำรงอยู่ในท่าน ท่านอยากได้สิ่งใด ก็จงขอเถิด และท่านจะได้รับ พระบิดาของเราจะทรงรับพระสิริรุ่งโรจน์เมื่อท่านเกิดผลมากและกลายเป็นศิษย์ของเรา
(ยอห์น 15:1-8)








วันเสาร์ที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2557

อัศจรรย์ของพระสันตปาปายอห์นปอลที่ 2


VATICAN CITY (CNS) --.นาง  Floribeth Mora Diaz  สตรีชาวคอสตา ริกา อายุ 50 ปี ได้กล่าวในการให้สัมภาษณ์ของผู้สื่อข่าวเมื่อ วันที่ 24 เม.ย. นี้  สามวันก่อนที่เธอจะเข้าร่วมพิธีมิสซาเพื่อสถาปนาพระสันตะปาปายอห์นปอลที่ 2 ขึ้นเป็นนักบุญ
และในเวลาเดียวกัน ซิสเตอร์ อะเดลเล ลาเบียนกา  แห่งคณะ Daughter of Charity ก็ให้สัมภาษณ์เป็นพยานเกี่ยวกับอัศจรรย์การเยียวยารักษาของซิสเตอร์ คัทเทอรีนา  คาปีตานี ในปี 1966 ซึ่งเป็นอัศจรรย์ที่ใช้ในการแต่งตั้งพระสันตปาปายอห์นปอลที่ 2 เป็นบุญราศี
ถึงแม้ว่าสตรีทั้งสองจะเล่าเรื่องนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าเป็นร้อยครั้ง  แต่ในที่ประชุมให้สัมภาษณ์แก่ผู้สื่อข่าวครั้งนี้  เป็นครั้งใหญ่และอาจทำให้เกิดความตื่นเต้น  ซิสเตอร์ ลาเบียนกา  บอกว่าเธอต้องอ่านคำให้สัมภาษณ์จากข้อเขียนในกระดาษที่เธอเตรียมมา  เพราะเกรงว่าจะลืมข้อความบางสิ่งบางอย่างไป  ส่วนนางโมราเดียส  ให้สัมภาษณ์โดยมีเสียงที่สั่นบ้างเล็กน้อย
หญิงชาวคอสตารีกา  ผู้เดินทางมาที่วาติกันพร้อมกับสามีและลูก 4 คน  ได้เล่าเกี่ยวกับอาการปวดหัวอย่างรุนแรงของเธอในเดือน เม.ย. 2011  เธอไปพบหมอและได้รับแจ้งว่าเธอเป็นเส้นเลือดในสมองตีบ  หมอบอกว่าเธอต้องได้รับการผ่าตัด  แต่เธอจะต้องไปที่เม็กซิโกหรือที่คิวบาเพื่อรับการผ่าตัดที่นั่น  และเธฮก็ไม่มีเงินเพียงพอ  หมอไม่สามารถช่วยเหลือเธอได้อีก  ดังนั้นเธอจึงถูกส่งตัวกลับบ้าน  หมอบอกว่า “เธอจะมีชีวิตอยู่ได้อีกเพียงหนึ่งเดือนเท่านั้น”  เธอเริ่มร้องไห้ขณะที่เล่าให้ฟังต่อไปถึงเรื่องที่สามีพยายามบอกให้ลูกๆรู้ว่าแม่จะต้องเสียชีวิตและให้ลูกๆสวดภาวนา
นางโมรา เล่าต่อไปว่า  เธอมีความศรัทธาต่อพระสันตะปาปายอห์นปอลที่ 2 มานานแล้วและได้ชมการถ่ายทอดการสถาปนาพระองค์เป็นบุญราศีเมื่อ 1 พ.ค. 2011 ด้วย “แล้วฉันก็หลับไป” เธอพูดต่อ  อีกไม่กี่ชั่วโมงต่อมา เธอก็ได้ยินเสียงของพระสันตะปาปาเรียกเธอ “ลุกขึ้น!....จงอย่ากลัว”  เธอบอกว่า “ฉันมีความสงบและสันติสุข  ซึ่งทำให้ฉันแน่ใจว่าฉันหายแล้ว”
เธอและสามีไม่มีเงินเพียงพอที่จะทำการตรวจรักษาอีกแล้ว  แต่แม้กระนั้น หมอก็ทำการตรวจด้วยเครื่อง MRI ให้เธอ  “หมอแทบช็อก  สามีของฉันประหลาดใจมากว่าทำไม หมอไม่พูดอะไรเลย  และฉันก็พูดขึ้นว่า  “เพราะฉันได้รับการเยียวยารักษาโดยผ่านการวอนขอของพระสันตะปาปายอห์นปอลที่ 2”
คำพูดของหมอมีความสำคัญมาก เธอพูดต่อ “เพราะไม่ใช่ฉันเพียงคนเดียวที่พูดว่า ฉันหายแล้ว  แต่หมอหลายคนที่เคร่งขรึมมาก ก็พูดเช่นนี้ด้วย”
ซิสเตอร์ ลาเบียนกา ได้เล่าเกี่ยวกับอัศจรรย์ที่ทำให้พระสันตะปาปายอห์นปอลที่ 2 เป็นบุญราศี  เธอทำงานพร้อมกับซิสเตอร์ คัทเทอรีนา คาปิตานี ในโรงพยาบาลที่อิตาลี ในปี 1963  ซิสเตอร์ คัทเทอรีนา  เป็นโรคเลือดออกในกระเพาะอาหาร   ในตอนเที่ยงคืนของวันหนึ่ง  และมีอาการรุนแรง  เธอได้ปลุกฉันขึ้นมา 
หลังจากรักษานานหลายเดือน  หมอได้ผ่าเอากระเพาะส่วนใหญ่ของเธอออก  เป็นส่วนที่มีเนื้องอกคลุมอยู่  รวมทั้งตับอ่อนและม้ามด้วย  ในตอนแรกเธอก็มีอาการดีขึ้น  แต่ต่อมาเกิดอาการทวารส่วนนอกรั่ว  จนทำให้ซิสเตอร์คัทเทอรีนาเกือบเสียชีวิตในวันที่ 22 พ.ค. 1966  ผู้ช่วยอธิการของคณะได้นำพระธาตุที่เป็นส่วนหนึ่งของผ้าคลุมเตียงของพระสันตปาปายอห์นปอลที่ 2 มาให้ซิสเตอร์คัทเทอรีนา
“ท่านวางพระธาตุไว้ที่รอยแผลของซิสเตอร์โดยหวังว่า พระเยซูเจ้าจะเสด็จมาด้วยพระเมตตาและความรักของพระองค์” ซิสเตอร์ลาเบียนกาเล่า  “ทันใดนั้น  ซิสเตอร์ คัทเทอรีนาก็ลุกขึ้นจากเตียงและไม่รู้สึกเจ็บปวดอีกต่อไป”  ซิสเตอร์คัทเทอรีนาเล่าว่า  เธอรู้สึกว่ามีมือหนึ่งวางบนรอยแผลและได้ยินเสียงเรียกว่า “ซิสเตอร์ คัทเทอรีนา” 
“เธอรู้สึกตกใจที่ได้ยินเสียงผู้ชายในห้อง”  เธอจึงหันไปมองและเห็นพระสันตะปาปายอห์นปอลที่ 2 ทรงยืนอยู่ข้างเตียงของเธอ  พระองค์ตรัสกับเธอว่า  เธอหายสบายดีแล้ว  แล้วเธอก็ลุกจากเตียงไปบอกซิสเตอร์คนอื่นๆว่าเธอหายแล้วและกำลังหิว”  ซิสเตอร์ ลาเบียนกา เล่า
                 ด้วยอัศจรรย์นี้  พระสันตะปาปายอห์นปอลที่ 2 จึงได้รับการสถาปนาเป็นบุญราศี  และซิสเตอร์ คัทเทอรีนา ก็ไปร่วมอยู่ในพิธีด้วย  ซิสเตอร์คัทเทอรีนาเสียชีวิตในปี 2010  เธอมีชีวิตต่อมานาน 43 ปีหลังจากได้รับอัศจรรย์การเยียวยารักษา

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น