นักบุญเยโรม เป็นองค์อุปถัมภ์ของการศึกษาพระคัมภีร์ เพราะท่านเป็นผู้รวบรวมหนังสือพระคัมภีร์ภาษาฮีบรู , กรีก, และลาตินเอาไว้เป็นร้อยๆฉบับ ท่านแปลคัมภีร์ไบเบิลเป็นภาษาลาติน และยังได้เขียนความคิดเห็นในบางบทของพระคัมภีร์อีกด้วย ท่านจึงเป็นผู้เชี่ยวชาญในพระคัมภีร์อย่างแท้จริง
น.เยโรมยังเป็นที่รู้จักกันดีจากวาทะคำคมของท่านที่ว่า
ไม่สนใจพระคัมภีร์เท่ากับไม่สนใจพระคริสตเจ้า คำคมนี้บอกเราว่าพระศาสนจักรสนใจศึกษาพระคัมภีร์เป็นเวลาช้านานแล้ว
ยังมีความคิดเห็นของท่านอันเป็นที่รู้จักกันดีเกี่ยวกับหนังสืออิสยาห์ น.เยโรมเรียกประกาศกอิสยาห์ว่าเป็นทั้งอัครสาวกและผู้แพร่ธรรม เพราะอิสยาห์ได้กล่าวถึงพระคริสตเจ้าไว้เป็นจำนวนมาก ก่อนที่พระองค์จะทรงบังเกิดมา ท่านเขียนไว้ว่า :
ข้าพเจ้าแปลพระคัมภีร์ตามที่ควรกระทำ เพื่อทำตามพระบัญชาของพระคริสตเจ้าที่ว่า “จงค้นหาในพระคัมภีร์
จงแสวงหาแล้วท่านจะพบ
พระคริสตเจ้าไม่ได้ตรัสกับข้าพเจ้าเหมือนดังเช่นที่ตรัสกับชาวยิว” พวกท่านผิดพลาด
ที่ไม่รู้จักพระคัมภีร์และไม่รู้จักฤทธิ์อำนาจของพระเป็นเจ้า ตามที่นักบุญเปาโลกล่าวไว้
พระคริสตเจ้าคือฤทธิ์อำนาจของพระเจ้าและเป็นพระปรีชาญาณของพระองค์ ดังนั้น
การไม่สนใจพระคัมภีร์ก็เท่ากับไม่สนใจพระคริสตเจ้า
เพราะฉะนั้น ข้าพเจ้าจะเลียนแบบพ่อบ้านที่ฉลาด
ผู้ที่นำเอาเครื่องใช้ในบ้านทั้งเก่าและใหม่ออกมาใช้ และได้กล่าวกับเจ้าสาวของเขาในบทเพลงซาโลมอนว่า “ฉันได้เก็บเครื่องใช้ทั้งเก่าและใหม่ไว้ให้แก่เธอ
สุดที่รักของฉัน”
ด้วยเหตุนี้โปรดอนุญาตให้ข้าพเจ้าอธิบายถึงอิสยาห์
เพื่อพิสูจน์ว่าท่านไม่ได้เป็นแต่เพียงประกาศกเท่านั้น แต่เป็นผู้แพร่ธรรมและเป็นอัครสาวกด้วย เพราะท่านกล่าวถึงตัวท่านเองและกล่าวถึงผู้แพร่ธรรมคนอื่นว่า
“เท้าของผู้ประกาศข่าวดีช่างสวยงามยิ่งนัก และเท้าของผู้ประกาศสันติภาพก็สวยงามด้วย พระเจ้ายังได้ตรัสกับท่านอิสยาห์เหมือนกับว่าท่านเป็นอัครสาวกดังนี้ “เราจะส่งใครไป ใครจะไปหาประชากรของเรา?” และท่านตอบพระองค์ว่า “ข้าพเจ้าอยู่นี่ โปรดส่งข้าพเจ้าไปเถิด”
คงไม่มีใครคิดว่า
ข้าพเจ้าตั้งใจจะอธิบายทุกตอนของหนังสือพระคัมภีร์อันยิ่งใหญ่นี้ด้วยคำเทศน์เพียงสั้นๆ
เพราะในหนังสือนั้นบรรจุเรื่องราวลึกลับทุกอย่างขององค์พระผู้เป็นเจ้า ในพระคัมภีร์มีคำทำนายว่า เอ็มมานูเอลจะบังเกิดจากหญิงพรหมจารีย์และจะทำกิจการอันน่ามหัศจรรย์และเครื่องหมายต่างๆ ยังทำนายถึงการสิ้นพระชนม์ของพระองค์
การถูกฝังและการกลับคืนชีพจากความตายในฐานะพระผู้ไถ่ของมนุษย์ทุกคน ข้าพเจ้าไม่จำเป็นต้องพูดถึงเรื่องวิทยาศาสตร์ธรรมชาติ ตรรกะ หรือจริยศาสตร์ เพราะสิ่งใดที่เหมาะสมคู่ควรต่อพระคัมภีร์
สิ่งใดที่สามารถสื่อในภาษามนุษย์และเป็นที่เข้าใจต่อมนุษย์ได้ สิ่งนั้นได้ถูกบรรจุอยู่ในหนังสืออิสยาห์
สำหรับเรื่องราวลึกลับนี้ท่านผู้เขียนได้เป็นพยานด้วยตัวท่านเองเมื่อท่านเขียนว่า
“ ท่านจะได้เห็นนิมิตสิ่งต่างๆทุกเรื่อง
เหมือนอักษรที่จารึกอยู่ในม้วนหนังสือที่ปิดผนึก เมื่อพวกเขาจะนำหนังสือไปยื่นให้แก่ผู้ปรีชาฉลาด และกล่าวแก่เขาว่า จงอ่านหนังสือนี้ และผู้นั้นจะตอบว่า ข้าพเจ้าอ่านไม่ได้ เพราะหนังสือถูกปิดผนึกไว้ แต่เมื่อม้วนหนังสือถูกนำไปยื่นให้ผู้โง่เขลาและบอกเขาว่า จงอ่านหนังสือนี้ เขาจะตอบว่า
ฉันอ่านไม่ได้ เพราะฉันอ่านหนังสือไม่ออก”
ข้อความนี้เป็นเหตุให้ผู้ใดอ่อนล้าหรือ ขอให้เขาฟังสิ่งที่อัครสาวกพูดเถิด : ให้ประกาศกสองหรือสามคนพูด แล้วให้อีกคนหนึ่งแปลความหมาย แต่ถ้าหากการเผยแสดงนั้นมาถึงผู้ใดที่อยู่ที่นั้น ก็ให้คนแรกเงียบก่อน
พวกเขาทั้งหมดจะเงียบหรือพูดพร้อมกันได้อย่างไรเล่า? ถ้าพวกเขาเข้าใจในสิ่งที่กำลังพูด ทุกสิ่งก็จะเต็มไปด้วยปรีชาญาณและความรอบรู้
แต่หาใช่การสั่นสะเทือนของอากาศจากเสียงของมนุษย์และไปถึงหูของพวกเขาที่ทำให้พวกเขาเข้าใจ
แต่เป็นเพราะพระเป็นเจ้าที่ตรัสในจิตใจของประกาศกต่างหาก ดังเช่นที่ประกาศกอีกองค์หนึ่งกล่าวไว้ “เป็นทูตสวรรค์ที่พูดภายในตัวข้าพเจ้า จงร้องในหัวใจของเราว่า อับบา
พระบิดา
และข้าพเจ้าจะฟังสิ่งที่องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสในตัวของข้าพเจ้า”