พระเมตตาของพระเยซูเจ้า

จงบอกมนุษยชาติที่กำลังเจ็บป่วย ให้เข้ามาใกล้หัวใจอันเมตตาของเรา แล้วเราจะประทานสันติภาพให้แก่มนุษยชาติ พระเมตตาของเราไม่มีวันสิ้นสุดเลย

พระวาจาวันอาทิตย์ที่ 5 พฤษภาคม 2024 พระเยซูเจ้าทรงรักเราและดำรงอยู่ในเรา

           พระบิดาของเราทรงรักเราอย่างไร เราก็รักท่านทั้งหลายอย่างนั้น จงดำรงอยู่ในความรักของเราเถิด ถ้าท่านปฏิบัติตามบทบัญญัติของเรา ท่านก็จะดำรงอยู่ในความรักของเรา เหมือนกับที่เราปฏิบัติตามบทบัญญัติของพระบิดาของเรา และดำรงอยู่ในความรักของพระองค์ เราบอกเรื่องเหล่านี้แก่ท่านทั้งหลายแล้ว เพื่อให้ความยินดีของเราอยู่กับท่าน และความยินดีของท่านจะสมบูรณ์ นี่คือบทบัญญัติของเรา ให้ท่านทั้งหลายรักกันเหมือนดังที่เรารักท่าน ไม่มีใครมีความรักยิ่งใหญ่กว่าการสละชีวิตของตนเพื่อมิตรสหาย ท่านทั้งหลายเป็นมิตรสหายของเราถ้าท่านทำตามที่เราสั่งท่าน เราไม่เรียกท่านว่าเป็นผู้รับใช้อีกต่อไป เพราะผู้รับใช้ไม่รู้ว่านายของตนทำอะไร เราเรียกท่านเป็นมิตรสหายเพราะเราแจ้งให้ท่านรู้ทุกสิ่งที่เราได้ยินมาจากพระบิดาของเรา มิใช่ท่านทั้งหลายได้เลือกเรา แต่เราได้เลือกท่าน มอบภารกิจให้ท่านไปทำจนเกิดผล และผลของท่านจะคงอยู่ เพื่อว่าท่านจะขอสิ่งใดจากพระบิดาในนามของเรา พระบิดาจะประทานแก่ท่าน เราสั่งท่านทั้งหลายดังนี้ว่า ท่านทั้งหลายจงรักกัน
(ยอห์น 15:9-17)








วันอังคารที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2563

ความทุกข์ทรมานของพระศาสนจักร

พระศาสนจักรกำลังอยู่บนหนทางแห่งความทุกข์ทรมาน ผมต้องบอกว่านี่ความเจ็บปวดที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตของผม    >>>อ่านต่อ 

วันจันทร์ที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2563

อัศจรรย์ที่จะเกิดในการาบังดัล

 
อัศจรรย์จะกินเวลาเพียง 15 นาที และหลังจากนั้นเครื่องหมายที่ถาวรจะคงอยู่ที่หมู่ต้นสน
>>>อ่านต่อ

วันอาทิตย์ที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2563

พระสันตะปาปา 3 พระองค์และการสิ้นสุดของกาลเวลา

“การสิ้นสุดของกาลเวลา” ตรงกับช่วงเวลาการทดสอบอันแสนสาหัสและการชำระล้างให้บริสุทธิ์ของพระศาสนจักร"
>>>อ่านต่อ

วันเสาร์ที่ 4 เมษายน พ.ศ. 2563

ความลับข้อแรก

จำเป็นที่จะต้องเขย่าโลกสักเล็กน้อย มันเป็นสาเหตุทำให้โลกหยุดและคิด
>>>อ่านต่อ

วันศุกร์ที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2563

ดวงอาทิตย์ทรงกตเหนือวาติกัน

          ดวงอาทิตย์ทรงกตเหนือวาติกัน ในวันที่ 13 มี.ค. 2020 ซึ่งเป็นวันที่ประกาศงดการประกอบพิธีมิสซาในโบสถ์ของอิตาลี

วันพฤหัสบดีที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2563

ความป่าเถื่อนของกฏหมายชาเรีย

               From the Truth Voice: ในบังกลาเทศ Hena Akhter เด็กหญิงอายุ 14 ปี ถูกกล่าวหาว่าเป็นชู้ และตามกฎหมายชาเรียของอิสลาม เธอจะต้องถูกเฆี่ยน 101 ครั้ง เมื่อถูกเฆี่ยนครั้งที่ 70 เฮน่า ก็สลบไป เธอถูกส่งไปที่โรงพยาบาลและได้เสียชีวิตในอีกหนึ่งสัปดาห์ต่อมา ในความเป็นจริง เฮน่าถูกข่มขืนโดยลูกพี่ลูกน้องของเธอเองซึ่งมีอายุ 42 ปี ชื่อ Mahbub Khan เขาแต่งงานแล้ว และภรรยาของเขาก็ถูกกล่าวหาว่าคบชู้ด้วย เธอถูกตัดสินให้ถูกเฆี่ยน 101 ครั้ง ซึ่งทำให้เธอเสียชีวิต มีกรณีแบบเดียวกันนี้เกิดขึ้นในบังกลาเทศหลายครั้ง แสดงให้เห็นถึงกฎหมายที่ป่าเถื่อนของอิสลามที่ยังคงมีอยู่ให้เห็นซึ่งกระทำต่อสตรีเพศ คุกคามสิทธิของสตรีดูหมิ่นเหยียดหยามความเป็นสตรี กฎหมายนี้มีใช้ทั่วไปในประเทศทางตะวันออกกลาง, อัฟริกาและเอเชีย (มีใช้ในประเทศทางยุโรปที่มีผู้นับถือศาสนาอิสลามด้วย) เมื่อผู้หญิงถูกข่มขืน ฝ่ายผู้หญิงจะถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้กระทำผิดและทำให้เกิดความอับอายเป็นอย่างมากต่อคนในครอบครัวของฝ่ายหญิงเอง ภายใต้กฎหมายชาเรียของอิสลาม การถูกข่มขืนหรือพฤติกรรมทางเพศที่รุนแรง, ผู้กระทำจะมีบาปที่เรียกว่า “zina”และจะถูกลงโทษด้วยการถูกเฆี่ยน 101 ครั้งหลังจากนั้นจะถูกทุ่มด้วยหินจนตาย ในโลกอาหรับ-มุสลิม ผู้หญิ่งที่ถูกข่มขืนจะถูกคนในครอบครัวของเธอเองฆ่าด้วยข้อหาว่าคบชู้ และฆาตกรที่อยู่ในนครอบครัวนั้นกลับถือว่าเป็นผู้กู้ “ศักดิ์ศรี” ของครอบครัว
         

วันพุธที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2563

สถานการณ์ในเมดจูกอเรจ์


เมื่อมีการแพร่ระบาดอย่างหนักของโคโรน่าไวรัส ทำให้รัฐบาลมีคำสั่งเมื่อวันที่ 18 มีนาคม 2020 ไม่ให้มีการรวมตัวกันของประชาชนในที่สาธารณะ
>>>อ่านต่อ