พระเมตตาของพระเยซูเจ้า

จงบอกมนุษยชาติที่กำลังเจ็บป่วย ให้เข้ามาใกล้หัวใจอันเมตตาของเรา แล้วเราจะประทานสันติภาพให้แก่มนุษยชาติ พระเมตตาของเราไม่มีวันสิ้นสุดเลย

พระวาจาวันอาทิตย์ที่ 5 พฤษภาคม 2024 พระเยซูเจ้าทรงรักเราและดำรงอยู่ในเรา

           พระบิดาของเราทรงรักเราอย่างไร เราก็รักท่านทั้งหลายอย่างนั้น จงดำรงอยู่ในความรักของเราเถิด ถ้าท่านปฏิบัติตามบทบัญญัติของเรา ท่านก็จะดำรงอยู่ในความรักของเรา เหมือนกับที่เราปฏิบัติตามบทบัญญัติของพระบิดาของเรา และดำรงอยู่ในความรักของพระองค์ เราบอกเรื่องเหล่านี้แก่ท่านทั้งหลายแล้ว เพื่อให้ความยินดีของเราอยู่กับท่าน และความยินดีของท่านจะสมบูรณ์ นี่คือบทบัญญัติของเรา ให้ท่านทั้งหลายรักกันเหมือนดังที่เรารักท่าน ไม่มีใครมีความรักยิ่งใหญ่กว่าการสละชีวิตของตนเพื่อมิตรสหาย ท่านทั้งหลายเป็นมิตรสหายของเราถ้าท่านทำตามที่เราสั่งท่าน เราไม่เรียกท่านว่าเป็นผู้รับใช้อีกต่อไป เพราะผู้รับใช้ไม่รู้ว่านายของตนทำอะไร เราเรียกท่านเป็นมิตรสหายเพราะเราแจ้งให้ท่านรู้ทุกสิ่งที่เราได้ยินมาจากพระบิดาของเรา มิใช่ท่านทั้งหลายได้เลือกเรา แต่เราได้เลือกท่าน มอบภารกิจให้ท่านไปทำจนเกิดผล และผลของท่านจะคงอยู่ เพื่อว่าท่านจะขอสิ่งใดจากพระบิดาในนามของเรา พระบิดาจะประทานแก่ท่าน เราสั่งท่านทั้งหลายดังนี้ว่า ท่านทั้งหลายจงรักกัน
(ยอห์น 15:9-17)








วันพุธที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2557

ผู้ลี้ภัยในอิรัก

             นี่เป็นเรื่องราวของการอพยพครั้งใหญ่ออกจากที่ราบนีเนเวห์  บรรยายโดยผู้ที่อาศัยอยู่และประสพเหตุการณ์ด้วยตนเอง
ทางอเลเทีย Aleteia ได้ติดต่อกับคุณพ่อปอล  พระสงฆ์จากคาเรนเลช Karemlesh ซึ่งเป็นหมู่บ้านเก่าแก่ของอัสสิเรีย Assyrian อยู่ทางตอนใต้ของเมืองโมซุล ในอิรัก  มีชาวบ้านอาศัยอยู่ประมาณ 8,000 คน  ที่นี่เคยมีคริสตชนอาศํยอยู่ล้อมรอบโบสถ์  แต่เดี๋ยวนี้ไม่มีแม้แต่คนเดียว  ทุกคนถูกขับไล่โดยพวกผู้ก่อการร้าย ISIS   คุณพ่อปอล อาศัยอยู่ใน Irbil ซึ่งอยู่ในเมืองเคอร์ดิช Kurdish ได้ต้อนรับคริสตชนจำนวนนับพันที่ลี้ภัยออกมาจากที่ราบนีเนเวห์  คุณพ่อทำงานประสานกับพระอัครสังฆราช Bashar Warda แห่ง Irbil  ในการเตรียมความช่วยเหลือให้ผู้ลี้ภัย
คุณพ่อปอลให้สัมภาษณ์กับทางอเลเทียทางโทรศัพท์ว่า “เราได้ละทิ้ง คาร์เรนเลช ก่อนที่พวกมุสลิมหัวรุนแรงจะมาถึง  ผมได้ถือสมุดบันทึกของโบสถ์และไม้กางเขนเอาไว้และรีบวิ่งออกมา  คริสตชนอื่นๆในหมู่บ้านก็ทำเช่นเดียวกับผม  พวกเขาทิ้งรถยนต์  บางคนไปที่ Irbil  บางคนก็ไปที่เมืองอื่นในประเทศที่ซึ่งพวกเขามีญาติพี่น้องอาศัยอยู่และให้ความช่วยเหลือพวกเขาได้  เมื่อกองกำลังทหารของเคอร์ดิชพ่ายแพ้  ผมก็ตระหนักว่าเราต้องไปโดยไม่มีทหารคอยปกป้อง  เราไม่รู้ว่าถ้าพวกเรายังคงอยู่ที่บ้าน  จะเกิดอะไรกับเราบ้าง  ไม่มีใครเดาได้ว่าพวกผู้ก่อการร้ายจะทำอะไรกับเรา  อย่างเช่นที่เกิดในคาเรนเลช และหมู่บ้านอื่นในที่ราบนี้  ประชาชนพบว่าพวกเขาต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยวโดยไม่มีใครคอยปกป้องพวกเขา  ดังนั้นพวกเขาจึงต้องรีบหนี”
คุณพ่อปอลเล่าว่า  มีเหตุการณ์เกิดขึ้น  คนสูงอายุที่ไม่ยอมทิ้งบ้าน  พวกเขาก็ถูกพวกทหารปล้น
“ไม่มีใครกล้ากลับไปที่หมู่บ้านอีก  เพราะทุกคนกลัวจะเกิดเหตุซ้ำรอยเหมือนที่เมืองโมซุล  ที่นั่น  คริสตชนที่ถูกขับไล่จากบ้านได้ขอร้องผู้ก่อการร้ายให้พวกเขากลับไปอาศัยอยู่ที่บ้าน  แต่ผู้ก่อการร้ายได้วางเงื่อนไขหลายอย่างเช่น  ต้องเสียภาษี  เปลี่ยนศาสนาและเข้าร่วมต่อสู้กับพวกเขา  ทุกข้อเป็นเงื่อนไขที่บ้าบอมาก”
คุณพ่อปอลไม่ได้ยืนยันข่าวในหนังสือพิมพ์ที่มีรายงานว่าคริสตชนถูกลักพาตัว 
อย่างน้อย คริสตชนใน Irbil และบริเวณโดยรอบก็ได้รับการช่วยเหลืออย่างต่อเนื่องจากโบสถ์คาล์เดียนคาทอลิก
คุณพ่อปอลกล่าว “โบสถ์ได้รับคนไว้จนแน่น และอาคารที่ยังสร้างไม่เสร็จก็ถูกดัดแปลงให้เป็นที่พักรวมสำหรับอยู่อาศัย  เราพยายามให้แน่ใจว่าจะมีอาหาร  การบริการด้านสุขภาพ  และภาวะแวดล้อมที่สะอาดสำหรับทุกคน  นี่เป็นสิ่งจำเป็นที่น้อยที่สุดที่เราต้องการในการดำรงชีวิตให้รอด  เราได้ยินข่าวเกี่ยวกับผู้ลี้ภัยที่ไปอาศัยอยู่กับญาติพี่น้องหรือเพื่อน  ซึ่งบ้านเกือบพัง  เพราะรับคนมากถึง 30 – 40 คน  เราต้องการได้รับอุปกรณ์ยังชีพเป็นอย่างยิ่ง  เพื่อทำให้ผู้ลี้ภัยทุกคนอย่างน้อยก็อาศัยอยู่ได้”
เกี่ยวกับอาสาสมัครและพระสงฆ์  คุณพ่อปอลยืนยันว่า พระอัครสังฆราชแห่ง Irbil กำลังช่วยเหลือผู้ลี้ภัยด้วยตัวของท่านเอง “พระอัครสังฆราช Warda ได้ให้อาหารแก่ผู้ลี้ภัยพร้อมกับพวกเรา  ท่านได้ไปเยี่ยมครอบครัวของคริสตชนและทำการติดต่อขอความช่วยเหลือ  โบสถ์ได้ทำทุกอย่างที่ทำได้   แต่สถานการณ์ลำบากมาก  เราต้องเลี้ยงดูประชาชนนับพันคน  เป็นงานที่หนัก  เราจำเป็นต้องมีบ้านพักสาธารณะเพิ่มขึ้นให้ประชาชนอาศัยอยู่ได้  พวกเขาต้องการความช่วยเหลือเป็นอย่างยิ่ง”

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น