พระเมตตาของพระเยซูเจ้า

จงบอกมนุษยชาติที่กำลังเจ็บป่วย ให้เข้ามาใกล้หัวใจอันเมตตาของเรา แล้วเราจะประทานสันติภาพให้แก่มนุษยชาติ พระเมตตาของเราไม่มีวันสิ้นสุดเลย

พระวาจาวันอาทิตย์ที่ 5 พฤษภาคม 2024 พระเยซูเจ้าทรงรักเราและดำรงอยู่ในเรา

           พระบิดาของเราทรงรักเราอย่างไร เราก็รักท่านทั้งหลายอย่างนั้น จงดำรงอยู่ในความรักของเราเถิด ถ้าท่านปฏิบัติตามบทบัญญัติของเรา ท่านก็จะดำรงอยู่ในความรักของเรา เหมือนกับที่เราปฏิบัติตามบทบัญญัติของพระบิดาของเรา และดำรงอยู่ในความรักของพระองค์ เราบอกเรื่องเหล่านี้แก่ท่านทั้งหลายแล้ว เพื่อให้ความยินดีของเราอยู่กับท่าน และความยินดีของท่านจะสมบูรณ์ นี่คือบทบัญญัติของเรา ให้ท่านทั้งหลายรักกันเหมือนดังที่เรารักท่าน ไม่มีใครมีความรักยิ่งใหญ่กว่าการสละชีวิตของตนเพื่อมิตรสหาย ท่านทั้งหลายเป็นมิตรสหายของเราถ้าท่านทำตามที่เราสั่งท่าน เราไม่เรียกท่านว่าเป็นผู้รับใช้อีกต่อไป เพราะผู้รับใช้ไม่รู้ว่านายของตนทำอะไร เราเรียกท่านเป็นมิตรสหายเพราะเราแจ้งให้ท่านรู้ทุกสิ่งที่เราได้ยินมาจากพระบิดาของเรา มิใช่ท่านทั้งหลายได้เลือกเรา แต่เราได้เลือกท่าน มอบภารกิจให้ท่านไปทำจนเกิดผล และผลของท่านจะคงอยู่ เพื่อว่าท่านจะขอสิ่งใดจากพระบิดาในนามของเรา พระบิดาจะประทานแก่ท่าน เราสั่งท่านทั้งหลายดังนี้ว่า ท่านทั้งหลายจงรักกัน
(ยอห์น 15:9-17)








วันพฤหัสบดีที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2559

เด็กที่ฝากผลงานไว้ให้โลก2

Louis Braille
ข้อจำกัดของร่างกาย ไม่ใช่อุปสรรคต่อการพัฒนาสิ่งที่ดีกว่า
              เบรลล์ เด็กหนุ่มชาวฝรั่งเศษ ผู้เกิดในปี ค.ศ.1809 เขาตาบอดสนิทเมื่ออายุ 3 ขวบ และได้เข้ารับการศึกษาที่สถาบันเพื่อเยาวชนตาบอดแห่งปารีส (Royal Institute for Blind Youth in Paris) ด้วยวัยเพียง 19 ปี เขาได้พัฒนาระบบอักษรขึ้นโดยไม่ใช้ดวงตา แต่อาศัยตำแหน่งของจุดที่นูนขึ้นมาบนกระดาษแทนซึ่งในสมัยก่อนใช้งานยุ่งยากและซับซ้อนมาก ระบบอักษรที่เบรลล์ประดิษฐ์ขึ้นนี้ในปัจจุบันถูกเรียกว่า ระบบอักษรเบรลล์ เพื่อเป็นเกียรติแด่หลุยส์ เบรลล์
อักษรเบรลล์ถูกใช้ทั่วโลกสำหรับการอ่าน/เขียน ของคนตาบอด มีรูปแบบเพื่อทดแทนอักษรในภาษาต่างๆ รวมถึงภาษาไทย ละยังแทนตัวเลขได้อีกด้วย ซึ่งเรามักพบอักษรเบรลล์อยู่ในลิฟท์บริเวณเลขชั้นนั่นเอง
หลุยส์ เบรลล์ ได้เป็นอาจารย์ที่ Royal Institute for Blind Youth in Paris กระทั่งเสียชีวิตไปในวัย 43 ปี แต่ผลงานในวัยเด็กของเขา ยังคงสร้างคุณประโยชน์ให้แก่โลกจวบจนทุกวันนี้

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น