พระเมตตาของพระเยซูเจ้า

จงบอกมนุษยชาติที่กำลังเจ็บป่วย ให้เข้ามาใกล้หัวใจอันเมตตาของเรา แล้วเราจะประทานสันติภาพให้แก่มนุษยชาติ พระเมตตาของเราไม่มีวันสิ้นสุดเลย

พระวาจาวันอาทิตย์ที่ 3 สิงหาคม 2025 อุปมาเรื่องเศรษฐีโง่เขลาและความโลภ

          ประชาชนคนหนึ่งทูลพระเยซูเจ้าว่า ‘พระอาจารย์ โปรดบอกพี่ชายข้าพเจ้าให้แบ่งมรดกให้ข้าพเจ้าเถิด’ พระองค์จึงตรัสกับเขาว่า ‘มนุษย์เอ๋ย ใครตั้งเราเป็นผู้พิพากษาหรือเป็นผู้แบ่งมรดกของท่าน แล้วพระองค์ตรัสกับคนเหล่านั้นว่า ‘จงระวังและรักษาตัวไว้ให้พ้นจากความโลภทุกชนิด เพราะชีวิตของคนเราไม่ขึ้นกับทรัพย์สมบัติของเขา แม้ว่าเขาจะมั่งมีมากเพียงใดก็ตาม’ พระองค์ยังตรัสอุปมาเรื่องหนึ่งให้เขาทั้งหลายฟังอีกว่า ‘เศรษฐีคนหนึ่งมีที่ดินที่เกิดผลดีอย่างมาก เขาจึงคิดว่า “ฉันจะทำอย่างไรดี ฉันไม่มีที่พอจะเก็บพืชผลของฉัน” เขาคิดอีกว่า “ฉันจะทำอย่างนี้ จะรื้อยุ้งฉางเก่าแล้วสร้างใหม่ให้ใหญ่โตกว่าเดิม จะได้เก็บข้าวและสมบัติทั้งหมดไว้ แล้วฉันจะพูดกับตนเองว่า “ดีแล้ว เจ้ามีทรัพย์สมบัติมากมายเก็บไว้ใช้ได้หลายปี จงพักผ่อน กินดื่มและสนุกสนานเถิด” แต่พระเจ้าตรัสกับเขาว่า “คนโง่เอ๋ย คืนนี้ เขาจะเรียกเอาชีวิตเจ้าไป แล้วสิ่งที่เจ้าได้เตรียมไว้จะเป็นของใครเล่า คนที่สะสมทรัพย์สมบัติไว้สำหรับตนเองแต่ไม่เป็นคนมั่งมีสำหรับพระเจ้า ก็จะเป็นเช่นนี้”
(ลูกา 12:13-21)








วันศุกร์ที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

การพิพากษา


ก่อนที่เราจะไปอยู่เบื้องหน้าพระบัลลังก์แห่งการพิพากษาของพระเป็นเจ้า  ขอให้เราทำดีที่สุดเพื่อที่เราจะไม่ไปยืนอยู่ที่นั่นด้วยมือเปล่า  เราจะถูกพิพากษาไม่ใช่เพราะเราได้ทำความชั่วแต่เพียงอย่างเดียวเท่านั้น  แต่เราจะถูกพิพากษาเพราะการที่เราละเลยไม่ได้ทำความดีด้วย  เราต้องออกแรงทำงานอย่างเต็มกำลังเพื่อชีวิตนิรันดร  เราจะถูกพิพากษาสำหรับสิ่งที่เราได้ละเลยที่จะกระทำหรือไม่กระทำ  อาทิเช่น การทำกิจการดีทุกอย่าง  การช่วยผู้อื่นและส่งเสริมให้พวกเขาทำความดี  การเพิ่มพูนความเชื่อของเราเอง  การยอมรับความทุกข์ยากลำบาก  การมีความอดทน  การยอมรับการถูกดูหมิ่นและการถูกเบียดเบียนเพื่อเห็นแก่พระคริสตเจ้า (ซึ่งเป็นสิ่งที่มีคุณค่าและยิ่งใหญ่มาก)  ดังนั้นให้เราดำเนินชีวิตด้วยความเชื่อ  และแน่นอน  เราจะไม่ถูกพิพากษา มิใช่เพราะกิจการดีที่เรากระทำเท่านั้น แต่เราจะกลับเป็นผู้เหมาะสมชอบธรรมโดยอาศัยความชอบธรรมของพระคริสตเจ้าด้วย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น