พระเมตตาของพระเยซูเจ้า

จงบอกมนุษยชาติที่กำลังเจ็บป่วย ให้เข้ามาใกล้หัวใจอันเมตตาของเรา แล้วเราจะประทานสันติภาพให้แก่มนุษยชาติ พระเมตตาของเราไม่มีวันสิ้นสุดเลย

พระวาจาวันอาทิตย์ที่ 6 เมษายน 2025 หญิงที่ถูกกล่าวหาว่าทำผิดประเวณี

           พระเยซูเจ้าเสด็จไปยังภูเขามะกอกเทศ เช้าตรู่วันรุ่งขึ้น พระองค์เสด็จไปในพระวิหารอีก ประชาชนเข้ามาห้อมล้อมพระองค์ พระองค์ประทับนั่ง แล้วทรงเริ่มสั่งสอน บรรดาธรรมาจารย์และชาวฟาริสีนำหญิงคนหนึ่งเข้ามา หญิงคนนี้ถูกจับขณะล่วงประเวณี เขาให้นางยืนตรงกลาง แล้วทูลถามพระองค์ว่า “อาจารย์ หญิงคนนี้ถูกจับขณะล่วงประเวณี ในธรรมบัญญัติ โมเสสสั่งเราให้ทุ่มหินหญิงประเภทนี้จนตาย ส่วนท่านจะว่าอย่างไร” เขาถามพระองค์เช่นนี้ เพื่อทดลองพระองค์ หวังจะหาเหตุปรักปรำพระองค์ แต่พระเยซูเจ้าทรงก้มลง เอานิ้วพระหัตถ์ขีดเขียนที่พื้นดิน เมื่อคนเหล่านั้นยังทูลถามย้ำอยู่อีก พระองค์ทรงเงยพระพักตร์ขึ้น ตรัสว่า “ท่านผู้ใดไม่มีบาป จงเอาหินทุ่มนางเป็นคนแรกเถิด” แล้วทรงก้มลงขีดเขียนบนพื้นดินต่อไป เมื่อคนเหล่านั้นได้ฟังดังนี้ ก็ค่อย ๆ ทยอยออกไปทีละคน เริ่มจากคนอาวุโส จนเหลือแต่พระเยซูเจ้าตามลำพังกับหญิงคนนั้น ซึ่งยังคงยืนอยู่ที่เดิม พระเยซูเจ้าทรงเงยพระพักตร์ขึ้น ตรัสกับนางว่า “นางเอ๋ย พวกนั้นไปไหนหมด ไม่มีใครลงโทษท่านเลยหรือ” หญิงคนนั้นทูลตอบว่า “ไม่มีใครเลย พระเจ้าข้า” พระเยซูเจ้าตรัสว่า “เราก็ไม่ลงโทษท่านด้วย ไปเถิด และตั้งแต่นี้ไป อย่าทำบาปอีก”
(ยอห์น 8:1-11)








วันพฤหัสบดีที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2560

ผลงานของพระจิต



              พระจิตเจ้าทรงก่อกำเนิดพระศาสนจักรในวันเพนเตคอส (พระจิตเสด็จมา) โดยลงมาสู่ชุมนุมชนแห่งการสวดภาวนาซึ่งมีพระนางมารีย์และอัครสาวกอยู่รวมกัน  แก่นแท้ของชุมนุมชนนี้ก่อตัวขึ้นในวันเลี้ยงอาหารค่ำมื้อสุดท้าย  และยัญบูชาแห่งกาวารีได้ทำให้สำเร็จสมบูรณ์ในสถาบันพระสงฆ์และในศีลมหาสนิท  ดังที่มีเขียนไว้ว่า Haec quotiescumque feceritis in mei memoriam facietisพวกเขาอุทิศตนปฏิบัติตามคำสอนของอัครสาวกอย่างต่อเนื่องและเป็นหนึ่งเดียวกันในการหักขนมปังและในการสวดภาวนา พระจิตเจ้าทรงทำให้พวกเขาเพิ่มทวีจำนวนมากขึ้น  ตระเตรียมพวกเขาเพื่อให้ไปประกาศข่าวดีแก่คนทุกภาษาและทุกชนชาติ เพราะทุกคนจะได้ยินพวกเขาประกาศกิจการมหัศจรรย์ของพระเป็นเจ้าในภาษาของแต่ละคน  เป็นสิ่งสำคัญที่จะต้องดำรงไว้ , ส่งเสริมและทำให้มีชีวิตชีวา ในความศักดิ์สิทธิ์และเป็นหนึ่งเดียวกันของคาทอลิกและความสืบเนื่องจากอัครสาวก  ตามที่นักบุญลูกาเขียนไว้ว่า พวกเขาเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันในท่ามกลางชุมนุมชนของผู้มีความเชื่อ...พวกเขาแบ่งปันทุกสิ่งแก่กัน....นี่แหละพลังอันยิ่งใหญ่ซึ่งบรรดาอัครสาวกเป็นพยานยืนยันของการกลับคืนพระชนม์ชีพของพระคริสตเจ้า  และพระหรรษทานมากมายที่พวกเขาได้รับ  จึงมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่งในการสวดภาวนาร่วมกัน ในการร่วมพิธีมิสซาและรับศีลศักดิ์สิทธิ์ในพระศาสนจักรเพื่อทำให้พระคุณยิ่งใหญ่ของพระเจ้าเต็มเปี่ยมสมบูรณ์ 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น