พระเมตตาของพระเยซูเจ้า

จงบอกมนุษยชาติที่กำลังเจ็บป่วย ให้เข้ามาใกล้หัวใจอันเมตตาของเรา แล้วเราจะประทานสันติภาพให้แก่มนุษยชาติ พระเมตตาของเราไม่มีวันสิ้นสุดเลย

พระวาจาวันอาทิตย์ที่ 24 สิงหาคม 2025 จงเข้าทางประตูที่แคบ

          พระเยซูเจ้าเสด็จผ่านเมืองและหมู่บ้าน ทรงสั่งสอนประชาชนและทรงเดินทางมุ่งไปกรุงเยรูซาเล็ม คนคนหนึ่งทูลถามพระองค์ว่า ‘พระเจ้าข้า มีคนน้อยคนใช่ไหมที่รอดพ้นได้’ พระองค์ตรัสกับเขาทั้งหลายว่า ‘จงพยายามเข้าทางประตูแคบ เพราะเราบอกท่านทั้งหลายว่าหลายคนพยายามจะเข้าไป แต่จะเข้าไม่ได้ ‘เมื่อเจ้าของบ้านจะลุกขึ้นเพื่อปิดประตู ท่านจะยืนอยู่ข้างนอก เคาะประตูพูดว่า “พระเจ้าข้า เปิดประตูให้พวกเราด้วย” แต่เขาจะตอบว่า “เราไม่รู้ว่าพวกเจ้ามาจากที่ใด” แล้วท่านก็จะพูดว่า “พวกเราได้กินได้ดื่มอยู่กับท่าน ท่านได้สอนในลานสาธารณะของเรา” แต่เจ้าของบ้านจะตอบว่า “เราไม่รู้ว่าพวกเจ้ามาจากที่ใดไปให้พ้นจากเราเถิด เจ้าทั้งหลายที่กระทำการชั่วช้า”
(ลูกา 13:22-30)








วันศุกร์ที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2565

ทำให้ความทุกข์ในไฟชำระเบาลง


นักบุญมากาเร็ต มารีย์ อาลาก๊อก(St Margaret Mary) เป็นแม่ชีชาวฝรั่งเศสและเธอใช้เวลา 19 ปีซ่อนตัวจากโลก เธอกลายเป็นที่รู้จักและมีชื่อเสียงเมื่อพระเยซูเจ้าทรงประจักษ์แก่เธอและบอกให้เธอรู้เกี่ยวกับวิธีการเทิดทูนดวงพระหฤทัยศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์ พระเยซูเจ้ายังทรงประทานนิมิตพิเศษเกี่ยวกับวิญญาณในชีวิตนิรันดร์ด้วย มาร์กาเร็ต มารีย์ได้รับนิมิตที่แสดงให้เห็นพระสงฆ์ที่อยู่ในไฟชำระและได้รับความเจ็บปวดที่สุด อีกโอกาสหนึ่ง มาร์กาเร็ต มารีย์เห็นแม่ชีท่านหนึ่งอยู่ในไฟชำระที่โหดเหี้ยมเพราะพูดสิ่งที่น่ารังเกียจมากและเป็นคนที่ขึ้นชื่อว่ามีลิ้นเป็นกรด  
ครั้งหนึ่งพระเยซูเจ้าทรงแสดงให้เห็นวิญญาณของสตรีที่อยู่ในไฟชำระ เมื่อเธอยังมีชีวิตอยู่,ผู้หญิงคนนั้นต้องทนรับความอับอาย แต่ในการตอบโต้,เธอมักจะพูดจาด้วยเมตตาจิตเสมอและไม่เคยบ่นเลย แม้แต่ตอนที่เธอรู้สึกอับอายที่สุด,เธอก็ไม่บ่นและระงับคำพูดของเธอไว้ พระเยซูเจ้าทรงพอพระทัยเป็นพิเศษกับความสุภาพอ่อนโยนของเธอซึ่งตรงกันข้ามกับการโวยวายและความโกรธเกรี้ยว ความอ่อนโยนในการพูดของเธอได้รับการตอบแทนด้วยไฟชำระที่เบาลง

เมื่อตายไป,วิญญาณส่วนใหญ่จะไปไฟชำระ,มีส่วนน้อยที่ไปสวรรค์โดยตรง เพราะฉะนั้นเราควรทำให้ไฟชำระของเราเบาลงด้วยวิธีง่ายๆ,นั่นคือด้วยการไม่บ่นในเรื่องต่างๆ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น