พระเมตตาของพระเยซูเจ้า

จงบอกมนุษยชาติที่กำลังเจ็บป่วย ให้เข้ามาใกล้หัวใจอันเมตตาของเรา แล้วเราจะประทานสันติภาพให้แก่มนุษยชาติ พระเมตตาของเราไม่มีวันสิ้นสุดเลย

พระวาจาวันอาทิตย์ที่ 5 ตุลาคม 2025 โปรดเพิ่มพูนความเชื่อแก่เราด้วยเถิด

          บรรดาอัครสาวกทูลองค์พระผู้เป็นเจ้าว่า ‘โปรดเพิ่มความเชื่อให้พวกเราเถิด’ องค์พระผู้เป็นเจ้าจึงตรัสว่า ‘ถ้าท่านมีความเชื่อเท่าเมล็ดมัสตาร์ด และพูดกับต้นหม่อนต้นนี้ว่า “จงถอนรากแล้วไปขึ้นอยู่ในทะเลเถิด” ต้นหม่อนต้นนั้นก็จะเชื่อฟังท่าน
          ‘ท่านผู้ใดที่มีคนรับใช้ออกไปไถนา หรือไปเลี้ยงแกะ เมื่อคนรับใช้กลับจากทุ่งนา ผู้นั้นจะพูดกับคนรับใช้หรือว่า “เร็วเข้า มานั่งโต๊ะเถิด” แต่จะพูดมิใช่หรือว่า “จงเตรียมอาหารมาให้ฉันเถิด จงคาดสะเอว คอยรับใช้ฉันขณะที่ฉันกินและดื่ม หลังจากนั้นเจ้าจึงกินและดื่ม” นายย่อมไม่ขอบใจผู้รับใช้ที่ปฏิบัติตามคำสั่งมิใช่หรือ ท่านทั้งหลายก็เช่นเดียวกัน เมื่อท่านได้ทำตามคำสั่งทุกประการแล้ว จงพูดว่า “ฉันเป็นผู้รับใช้ที่ไร้ประโยชน์ เพราะฉันทำตามหน้าที่ที่ต้องทำเท่านั้น”’
(ลูกา 17:5-10)








วันจันทร์ที่ 4 มีนาคม พ.ศ. 2567

พระเยซูเจ้าตรัสกับนักบุญเมชทิลด์


พระเยซูเจ้าปรากฏแก่นักบุญเมคทิลด์(St. Mechtilde)โดยทรงยื่นพระหัตถ์และบาดแผลที่เปิดออกของพระองค์ 
“เมื่อถูกตรึงแขวนอยู่บนไม้กางเขน” พระองค์ตรัส “บาดแผลทั้งหมดของเรามีเลือดไหล บาดแผลแต่ละรอยเป็นเสียงร้องวิงวอนต่อพระบิดาเพื่อความรอดของมนุษย์ และบาดแผลทั้งหมดยังคงส่งเสียงร้องทูลต่อพระองค์เพื่อบรรเทาพระพิโรธของพระองค์ต่อคนบาป… ในขณะที่เราถวายธรรมชาติมนุษย์ของเราแด่พระบิดาด้วยความรักอันเหลือล้น เลือดอาบร่างกายของเรา เราเป็นเครื่องถวายบนแท่นบูชาแห่งไม้กางเขน ดังนั้นด้วยความรักแบบเดียวกันนี้,เราจึงถวายตัวของเราแด่พระบิดาเจ้าเพื่อคนบาป เราถวายทุกสิ่งแด่พระองค์ด้วยเครื่องมือแห่งมหาทรมานของเรา,เพื่อสิ่งที่เราปรารถนามากที่สุด,นั่นก็คือ ให้คนบาปกลับใจและมีชีวิต... ตราบใดที่คนบาปยังคงอยู่ในบาป พวกเขาได้ยืดตัวของเราและตรึงไว้บนไม้กางเขน แต่ทันทีที่เขาสำนึกผิดและกลับใจ,เขาได้ปลดปล่อยเรา ราวกับว่าเราได้หลุดออกจากไม้กางเขนแล้ว และเราก็ล้มลงด้วยน้ำหนักทั้งหมดของเราบนตัวเขาเหมือนที่เราล้มลงบนโยเซฟชาวอาริมาเธียในสมัยก่อน ด้วยพระหรรษทานและพระเมตตาของเรา,เรามอบตัวเราไว้ในมือของเขา เพื่อว่าเขาจะกระทำกับเราตามที่เขาพอใจ” 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น