พระเมตตาของพระเยซูเจ้า

จงบอกมนุษยชาติที่กำลังเจ็บป่วย ให้เข้ามาใกล้หัวใจอันเมตตาของเรา แล้วเราจะประทานสันติภาพให้แก่มนุษยชาติ พระเมตตาของเราไม่มีวันสิ้นสุดเลย

พระวาจาวันอาทิตย์ที่ 12 มกราคม 2025 ฉลองพระเยซูเจ้าทรงรับพิธีล้าง

           ขณะนั้น ประชาชนกำลังรอคอย ทุกคนต่างคิดในใจว่า ยอห์นเป็นพระคริสต์หรือ ยอห์นจึงประกาศต่อหน้าทุกคนว่า “ข้าพเจ้าใช้น้ำทำพิธีล้างให้ท่านทั้งหลาย แต่ผู้ที่ทรงอำนาจยิ่งกว่าข้าพเจ้าจะมา และข้าพเจ้าไม่สมควรแม้แต่จะแก้สายรัดรองเท้าของเขา เขาจะทำพิธีล้างให้ท่านเดชะพระจิตเจ้าและด้วยไฟ
           ลก 3:21-22 พระเยซูเจ้าทรงรับพิธีล้าง
           ขณะนั้นประชาชนทั้งหมดกำลังรับพิธีล้าง พระเยซูเจ้าก็ทรงรับพิธีล้างด้วย และขณะที่ทรงอธิษฐานภาวนาอยู่นั้น ท้องฟ้าก็เปิดออก และพระจิตเจ้าเสด็จลงมาเหนือพระองค์ มีรูปร่างที่เห็นได้ดุจนกพิราบ แล้วมีเสียงจากสวรรค์ว่า “ท่านเป็นบุตรที่รักของเรา เป็นที่โปรดปรานของเรา”
(ลูกา 3:15-16; 21-22)








วันอังคารที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

ไม่มีแม่พระก็ไม่มีพระเยซูเจ้า

ไม่มีแม่พระก็ไม่มีพระเยซูเจ้า  ไม่รู้จักแม่พระก็ไม่รู้จักพระเยซูเจ้า
แม่พระทรงให้กำเนิดพระเยซูคริสต์ ผู้เป็นปังแห่งชีวิต ที่”เบ็ทเลเฮ็ม” ซึ่งเป็นภาษายิวแปลว่า “บ้านขนมปัง”  แม่พระทรงวางพระกุมารไว้ในรางหญ้า (รางหญ้า = manger มาจากคำว่า mangia ซึ่งแปลว่า “สำหรับกิน”) รางหญ้ามีไว้เพื่อให้อาหารแกะ  นี่เป็นสัญลักษณ์ในการที่เราเข้าไปรับศีลมหาสนิท  พระคริสต์ทรงบังเกิดในสถานที่อันต่ำต้อย  แต่สถานที่อันต่ำต้อยนี้กลายเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์โดยการประทับอยู่ของพระเยซูคริสต์  ลักษณะเดียวกันนี้เกิดขึ้นเมื่อพระเยซูเจ้าทรงมาประทับอยู่ในสถานที่อันต่ำต้อยอีกแห่งหนึ่ง  นั่นคือร่างกายที่ต่ำต้อยเพราะบาปของเรา  พระองค์ทรงทำให้ร่างกายนี้ศักดิ์สิทธิ์  ถ้าปราศจากพระคริสต์  ซาตานจะเข้าครอบครองพวกเราทั้งหมด  แม่พระทรงเป็นมารดาที่น่ารัก  พระนางทรงเลี้ยงดูพวกเราด้วยพระบุตรของพระนางในศีลมหาสนิท  เพื่อที่พวกเราจะได้มีชีวิตนิรันดร  และพระนางปรารถนาให้เราทุกคนทำความสะอาดจิตใจของเราด้วยการไปรับศีลอภัยบาป  ในศีลอภัยบาปพวกเราได้บังเกิดใหม่ได้ชีวิตใหม่  และผู้บังเกิดมาย่อมต้องมีมารดา  และพระนางมารีย์ทรงเป็นมารดาของพวกเรา  ตามที่พระคัมภีร์วิวรณ์12:17 กล่าวไว้ว่า “และพวกเราจะเป็นลูกของพระนาง   ถ้าเราเป็นพยานยืนยันถึงพระคริสต์และปฏิบัติตามพระบัญญัติของพระองค์” 

วันจันทร์ที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

พระดำรัสสำหรับเทศกาลมหาพรต2016


ROME — พระสันตปาปาฟรังซิสทรงเตือน “ผู้ร่ำรวยและมีอำนาจ” ว่า ถ้าพวกเขาละเลยคนยากจนซึ่งอยู่ใกล้พวกเขา (คนยากจนผู้เป็นเหมือนพระคริสต์อีกองค์หนึ่ง)  พวกเขาจะจบชีวิตในนรก
พระสันตะปาปาวิงวอนคริสตชนทุกคนให้ใช้เวลา 40 วันในเทศกาลมหาพรตที่จะเริ่มต้นในวันที่ 10 กุมภาพันธ์ เพื่อ”เอาชนะความโน้มเอียงที่ไม่ดี”ของตน  โดยฟังพระวาจาของพระเจ้าและปฏิบัติกิจเมตตา
โดยการให้อาหารแก่ผู้หิวโหย  ให้เสื้อผ้าแก่ผู้เปล่าเปลือย  ให้ที่พักแก่ผู้ไร้บ้าน  การเยี่ยมผู้ขัดสน  การให้คำปรึกษา และให้อภัยเหมือนที่พระคริสต์ทรงให้อภัย
“โดยการสัมผัสร่างกายของพระเยซูผู้ถูกตรึงกางเขนด้วยความทรมาน  คนบาปจะสามารถรับพระพรที่จะทำให้เขาตระหนักว่า  พวกเขาก็เป็นคนยากจนขัดสนด้วยเช่นกัน”
พระคริสต์กลับกลายเป็นผู้มองเห็นได้ในผู้ที่ทุกข์ทรมาน  ผู้ถูกบดขยี้  ผู้เจ็บป่วย  ผู้หิวโหยอดอาหารและผู้ลี้ภัย  โดยเฉพาะอย่างยิ่งคือผู้ที่ได้รับการเบียดเบียนเพราะความเชื่อของพวกเขาซึ่งมีอยู่ทั่วโลก
โดยอาศัยกิจการแห่งความเมตตาเท่านั้นที่ผู้มีอำนาจและคนร่ำรวยสามารถได้รับการโอบกอดและความรักจากพระเยซู พระผู้ทรงถูกตรึงกางเขนและกลับคืนชีพเพื่อพวกเขา
ความรักของพระคริสต์เป็นคำตอบสำหรับ “การได้รับความสุขและความรักนิรันดร แทนสิ่งที่เราคิดว่ามันให้ความสุขด้วยอุปมัยของความรู้, อำนาจและความร่ำรวย”
“แต่อันตรายยังมีอยู่เสมอสำหรับผู้มีใจหยิ่งทะนง  คนร่ำรวยและผู้มีอำนาจ  ถ้าพวกเขาปิดประตูหัวใจของเขาต่อพระคริสต์ผู้ทรงเคาะประตูเรียกพวกเขาในตัวของผู้ยากจน  พวกเขาจะจบชีวิตและสาปแช่งตัวเองให้ตกลงสู่ห้วงมหรรณพอันโดดเดี่ยวอ้างว้างนั่นก็คือนรก”
 “พวกเขาคิดว่าตัวเองร่ำรวย  แต่แท้ที่จริงพวกเขายากจนที่สุดในบรรดาความยากจน  เพราะพวกเขาเป็นทาสของบาป  โดยการไม่ใช้ความร่ำรวยและอำนาจเพื่อรับใช้พระเจ้าและคนอื่นๆ  แต่จงรับรู้ในส่วนลึกของหัวใจของเขาเถอะว่า  พวกเขาก็เช่นกัน  เป็นเพียงคนยากจนและขอทานเท่านั้น”
 “ยิ่งมีอำนาจและร่ำรวยมากเท่าไร  ความมืดบอดและการหลอกลวงก็มีมากขึ้นเท่านั้น  พวกเขามืดบอดต่อพระคริสต์  พระผู้ทรงพร่ำวิงวอนพวกเขาโดยผ่านทางคนยากจนและสาส์นของเรา”
เทศกาลมหาพระกินเวลา 40 วัน  เป็นเวลาสำหรับทำพลีกรรมการอดอาหาร  สวดภาวนา  และกลับใจใช้โทษบาป  เริ่มต้นในวันพุธรับเถ้า 10 กุมภาพันธ์  และเตรียมจิตใจสำหรับวันอิสเตอร์ที่จะมาถึงซึ่งตรงกับวันที่ 24 มีนาคม   

วันอาทิตย์ที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2559

ซาตานเกลียดเมดจูกอเรจ์

เมดจูกอเรจ์เป็นป้อมปราการต่อสู้กับซาตาน, ซาตานเกลียดเมดจูกอเรจ์มากเพราะเป็นสถานที่ของการกลับใจ, การสวดภาวนา, และการเปลี่ยนแปลงชีวิต.
>>>อ่านต่อ

วันเสาร์ที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2559

นักบุญ-1

ถ้าจะมีคำใดที่ใช้บรรยายชีวิตของ น. ปีเตอร์ จูเลียน เอียมาร์ด Saint Peter Julian Eymard ได้แล้วก็คงเป็นคำว่า “เข็นครกขึ้นภูเขา” นั่นแหละ
>>>อ่านต่อ

วันศุกร์ที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2559

นักบุญอันตนแห่งปาดัว

นักบุญอันตนแห่งปาดัว  เป็นทั้งลูกศิษย์และเพื่อนของนักบุญฟรังซิส  ได้รับหน้าที่ให้เทศน์ต่อหน้าพระสันตปาปาและบรรดาพระคาร์ดินัลในการประชุมครั้งหนึ่งของคณะสงฆ์  ในเวลานั้นมีผู้แทนที่มาจากประเทศอื่นๆ ที่ใช้ภาษากรีก และ ลาติน  ภาษาฝรั่งเศสและเยอรมัน  ภาษาสลาฟและอังกฤษ  มีคนที่ใช้ภาษาที่แตกต่างกันมาอยู่รวมกันที่นั่น  นักบุญอันตนมีความเร่าร้อนในการเทศน์สอนด้วยอำนาจของพระจิตเจ้าและมีแรงบันดาลใจในการแพร่ธรรมเช่นเดียวกับอัครสาวก  ท่านเริ่มเทศน์และอธิบายพระวาจาของพระเจ้าอย่างมีประสิทธิภาพ  ด้วยความศรัทธา  ละเอียดชัดเจนและเข้าใจได้  ผู้ที่อยู่ในที่ประชุมสงฆ์  ถึงแม้จะพูดภาษาที่แตกต่างกัน  แต่ก็ฟังคำเทศน์ของนักบุญอันตนได้เข้าใจเหมือนเป็นภาษาของแต่ละคน  ทุกคนจึงพากันประหลาดใจและเต็มเปี่ยมด้วยความศรัทธา  ดูเหมือนว่าอัศจรรย์เดียวกันกับที่อัครสาวกเคยกระทำในวันเปนเตคอสเตได้เกิดขึ้นในเวลานั้นอีกครั้ง  ด้วยอำนาจของพระจิตเจ้า  อัครสาวกพูดภาษาต่างๆได้  ตามที่หนังสือกิจการอัครสาวกได้เขียนบรรยายไว้  และในที่ประชุมสงฆ์คนเหล่านั้นพูดกันว่า “เขาไม่ใช่ชาวอิตาเลี่ยนหรอกหรือ?”  ทำไมพวกเราจึงได้ยินเขาพูดเป็นภาษาของพวกเรา  เราที่ใช้ภาษากรีกและลาติน  ฝรั่งเศสและเยอรมัน  สลาฟและอังกฤษ  ลอมบาร์ดีและประเทศอื่นๆได้ยินเขาพูดภาษาของเรา

วันพฤหัสบดีที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2559

การรักษาโรคทางร่างกายและจิตใจ

ปี 1840 ชายผู้หนึ่งชื่อ โรเชต Rochette พาลูกชายของเขาซึ่งเจ็บป่วยไปพบกับคุณพ่อยอห์น มารีย์ เวียนเนย์ เจ้าอาวาสแห่งอาร์ส  โดยมีภรรยาติดตามมาด้วย  ภรรยาได้ไปสารภาพบาปและรับศีลมหาสนิท  ขณะที่โรเชตสนใจแต่เพียงการรักษาอาการป่วยของลูกชายให้หายเท่านั้น  เขาจึงเข้าไปในโบสถ์เพียงไม่กี่นาที  แล้วไปยืนอยู่บริเวณอ่างน้ำเสกซึ่งอยู่ท้ายโบสถ์  คุณพ่อเจ้าอาวาสเดินจากพระแท่นไปยังที่ฟังสารภาพบาป  โรเชตเห็นคุณพ่อเรียกเขาให้มายังที่ฟังสารภาพบาปนั้น  แต่เขาปฏิเสธ  ในเวลานั้นภรรยาของเขาและลูกชายอยู่ใกล้กับที่ฟังสารภาพบาป  คุณพ่อเวียนเนย์ถามผู้เป็นภรรยาว่า “เขาไม่มีความเชื่อมากถึงเพียงนี้เชียวหรือ?”  สุดท้าย  เมื่อจบการเทศน์ครั้งที่สามของคุณพ่อเวียนเนย์   โรเชตก็ตัดสินใจเดินไปยังที่ฟังสารภาพบาป  “เอาละ” เขาคิด  “คุณพ่อเจ้าอาวาสคงไม่กินฉันหรอก”  เขาเดินตามคุณพ่อเวียนเนย์ไปเบื้องหลังพระแท่น  โดยไม่รอช้า  คุณพ่อพูดว่า “โรเชต  ตรงนี้แหละเป็นที่สำหรับเราทั้งสอง” แล้วท่านชี้นิ้วไปที่ฟังสารภาพบาป  “จงเข้าไปข้างใน”  โรเชต ตอบว่า “โอ  ผมยังไม่อยากสารภาพบาปหรอกครับ”  แต่คุณพ่อย้ำว่า “เราจะต้องเริ่มต้นที่นั่น”  โรเชตรู้สึกตั้งตัวไม่ติดต่อการโจมตีอย่างทันทีทันใดนี้  เขาคุกเข่าลงและพูดกระอึกกระอักว่า “คุณพ่อครับ.....เป็นเวลานานประมาณสิบปีแล้ว.....”  คุณพ่อพูดว่า “บอกให้ใกล้เคียงกว่านี้ซิ”  “ประมาณสิบสองปีครับ.....”  คุณพ่อพูดอีกว่า “บอกให้ใกล้เคียงกว่านี้อีก”  โรเชตพูดว่า “ครับ...คือตั้งแต่ปีศักดิ์สิทธิ์ 1826”  คุณพ่อพูดว่า “อา...ใช่แล้วตอนนั้นแหละ  เราจะพบเมื่อใช้ความพยายามสักเล็กน้อย”  แล้วโรเชตก็สารภาพบาปทั้งหมดของเขาเหมือนเด็กเล็กๆ   ในวันต่อมาโรเชตและภรรยาก็มาคุกเข่าที่โบสถ์  ส่วนลูกชายของเขา  เดินออกจากโบสถ์โดยไม่ต้องใช้ไม้ค้ำพยุงสองข้างนั้นอีก  เพราะไม่ต้องใช้อีกต่อไป  คุณพ่อเวียนเนย์ได้รักษาโรคฝ่ายจิตใจของผู้เป็นพ่อ  และรักษาโรคฝ่ายร่างกายของผู้เป็นลูก  เป็นอัศจรรย์สองครั้งในครั้งเดียว

วันพุธที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2559

โทรศัพท์ของพระสันตปาปา

ROME —พระสันตปาปาฟรังซิสทรงทำให้หลายคนประหลาดใจ  พระองค์โทรศัพท์ไปหาโดยที่พวกเขาไม่คาดคิด  คนล่าสุดที่ได้รับโทรศัพท์จากพระสันตปาปาฟรังซิสเป็นฆาตกรชาวอิตาเลี่ยนชื่อ ปิเอตโตร  มาโซ
ในปี 1991  มาโซ  ด้วยความช่วยเหลือจากเพื่อนอีกสองคน  ได้ฆ่าพ่อแม่ของเขาเองด้วยการใช้กระทะตีจนสลบ  แล้วใช้ถุงพลาสติกและเท้าทำให้เหยื่อหายใจไม่ออกจนตาย  จากคำสารภาพของเขาเมื่อถูกจับ  เขาฆ่าพ่อแม่เพราะไม่ต้องการรอที่จะรับมรดก
คดีนี้เป็นคดีสะเทือนขวัญที่ดังมากในอิตาลี  และมาโซเป็นฆาตกรที่ฆ่าคนในครอบครัวอย่างเลือดเย็น
พระสันตปาปาฟรังซิสได้โทรศัพท์ไปหามาโซในปี 2013  เพื่อให้ความหวังซึ่งเป็นเหมือนเส้นด้ายเส้นสุดท้ายแก่เขา  และนี่ก็เป็นความพยายามของพระองค์ที่จะตอบคำถามคนที่เขียนจดหมายมาหาพระองค์บรรยายถึงความเจ็บปวดของพวกเขา  และวอนขอการให้อภัย