พระเมตตาของพระเยซูเจ้า

จงบอกมนุษยชาติที่กำลังเจ็บป่วย ให้เข้ามาใกล้หัวใจอันเมตตาของเรา แล้วเราจะประทานสันติภาพให้แก่มนุษยชาติ พระเมตตาของเราไม่มีวันสิ้นสุดเลย

พระวาจาวันอาทิตย์ที่ 22 มิถุนายน 2025 สมโภชพระวรกายและพระโลหิตพระคริสตเจ้า

         & ประชาชนรู้จึงติดตามพระองค์ไป พระองค์ทรงต้อนรับเขาและตรัสสอนเขาเรื่องพระอาณาจักรของพระเจ้า ทรงรักษาคนที่ต้องการการบำบัดรักษา เมื่อจวนถึงเวลาเย็น อัครสาวกสิบสองคนมาทูลพระองค์ว่า “ขอพระองค์ทรงอนุญาตให้ประชาชนกลับไปเถิด เขาจะได้ไปตามหมู่บ้านและชนบทโดยรอบเพื่อหาที่พักและอาหาร เพราะขณะนี้เราอยู่ในที่เปลี่ยว” พระองค์ตรัสกับเขาว่า “ท่านทั้งหลายจงหาอาหารให้เขากินเถิด” เขาทูลว่า “เราไม่มีอะไรนอกจากขนมปังห้าก้อนและปลาสองตัวเท่านั้น หรือว่าเราจะไปซื้ออาหารสำหรับคนเหล่านี้ทั้งหมด” ที่นั่นมีผู้ชายประมาณห้าพันคน พระองค์จึงตรัสกับบรรดาศิษย์ว่า “จงบอกให้พวกเขานั่งลงเป็นกลุ่ม กลุ่มละประมาณห้าสิบคน” เขาก็ทำตามและให้ทุกคนนั่งลง พระเยซูเจ้าทรงรับขนมปังห้าก้อนกับปลาสองตัวนั้นมา ทรงแหงนพระพักตร์ขึ้นมองท้องฟ้า ทรงกล่าวถวายพระพร ทรงบิขนมปัง ส่งให้บรรดาศิษย์นำไปแจกจ่ายแก่ประชาชน ทุกคนได้กินจนอิ่ม แล้วยังเก็บเศษที่เหลือได้สิบสองกระบุง
(ลูกา 9:11-17)








วันพฤหัสบดีที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2563

พระพักตร์ศักดิ์สิทธิ์แห่งลุกกา

              นักวิทยาศาสตร์จากสถาบัน National Institute for Nuclear Physics ในเมืองฟลอเรนส์ของอิตาลี ได้ใช้การตรวจอายุของวัตถุด้วยคาร์บอนกัมมันตรังสี (radiocarbon) กับรูปแกะสลักไม้กางเขนซึ่งมีพระเยซูถูกตรึงอยู่ และพบว่ามีอายุระหว่างปี ค.ศ. 770 ถึง 880
              การศึกษานี้จัดทำโดยทางอาสนวิหารแห่งลุกกา(Cathedral of Lucca) ในโอกาสครบรอบ 950 ปีของอาสนวิหาร ที่สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 12 รูปแกะสลักไม้กางเขนนี้มีชื่อว่า “Holy Face of Lucca,” ผู้คนทั่วยุโรปในยุคกลางมีความศรัทธาในพระรูปนี้ ผู้แสวงบุญจะหยุดอยู่ที่กำแพงเมืองทัสคานี ระหว่างการเดินทางจากเมืองแคนตาเบอรีไปยังกรุงโรม
             การศึกษาทางวิทยาศาสตร์นี้ได้ยืนยันในประวัติศาสตร์และธรรมประเพณีคาทอลิกที่กล่าวว่า ไม้กางเขนได้มาถึงเมืองลุกกาตอนปลายศตวรรษที่ 8 มีความเชื่อว่าพระรูปนี้ถูกแกะสลักโดยนิโคเดมัส
             รูปแกะสลักไม้กางเขนมีอายุไม่ต่ำกว่า 1,140 ปี ปัจจุบันอยู่ที่อาสนวิหารลุกกาแห่งเซนต์มาร์ติน(the Lucca Cathedral of St. Martin)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น