พระเมตตาของพระเยซูเจ้า

จงบอกมนุษยชาติที่กำลังเจ็บป่วย ให้เข้ามาใกล้หัวใจอันเมตตาของเรา แล้วเราจะประทานสันติภาพให้แก่มนุษยชาติ พระเมตตาของเราไม่มีวันสิ้นสุดเลย

พระวาจาวันอาทิตย์ที่ 28 เมษายน 2024 พระเยซูเจ้าทรงเป็นเถาองุ่นแท้

           เราเป็นเถาองุ่นแท้ และพระบิดาของเราทรงเป็นชาวสวน กิ่งก้านใดในเราที่ไม่เกิดผล พระองค์จะทรงตัดทิ้งเสีย กิ่งก้านใดที่เกิดผล พระองค์จะทรงลิดเพื่อให้เกิดผลมากขึ้น ท่านทั้งหลายก็สะอาดอยู่แล้วเพราะวาจาที่เรากล่าวกับท่าน ท่านทั้งหลายจงดำรงอยู่ในเราเถิด ดังที่เราดำรงอยู่ในท่าน กิ่งองุ่นเกิดผลด้วยตนเองไม่ได้ถ้าไม่ติดอยู่กับเถาองุ่นฉันใด ท่านทั้งหลายก็จะเกิดผลไม่ได้ ถ้าไม่ดำรงอยู่ในเราฉันนั้น เราเป็นเถาองุ่น ท่านทั้งหลายเป็นกิ่งก้าน ผู้ที่ดำรงอยู่ในเรา และเราดำรงอยู่ในเขา ก็ย่อมเกิดผลมาก เพราะถ้าไม่มีเรา ท่านก็ทำอะไรไม่ได้เลย ถ้าผู้ใดไม่ดำรงอยู่ในเรา ก็จะถูกโยนทิ้งไปข้างนอกเหมือนกิ่งก้านและจะเหี่ยวแห้งไป กิ่งก้านเหล่านั้นจะถูกเก็บไปทิ้งในไฟและถูกเผา ถ้าท่านทั้งหลายดำรงอยู่ในเรา และวาจาของเราดำรงอยู่ในท่าน ท่านอยากได้สิ่งใด ก็จงขอเถิด และท่านจะได้รับ พระบิดาของเราจะทรงรับพระสิริรุ่งโรจน์เมื่อท่านเกิดผลมากและกลายเป็นศิษย์ของเรา
(ยอห์น 15:1-8)








วันพฤหัสบดีที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2563

พระพักตร์ศักดิ์สิทธิ์แห่งลุกกา

              นักวิทยาศาสตร์จากสถาบัน National Institute for Nuclear Physics ในเมืองฟลอเรนส์ของอิตาลี ได้ใช้การตรวจอายุของวัตถุด้วยคาร์บอนกัมมันตรังสี (radiocarbon) กับรูปแกะสลักไม้กางเขนซึ่งมีพระเยซูถูกตรึงอยู่ และพบว่ามีอายุระหว่างปี ค.ศ. 770 ถึง 880
              การศึกษานี้จัดทำโดยทางอาสนวิหารแห่งลุกกา(Cathedral of Lucca) ในโอกาสครบรอบ 950 ปีของอาสนวิหาร ที่สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 12 รูปแกะสลักไม้กางเขนนี้มีชื่อว่า “Holy Face of Lucca,” ผู้คนทั่วยุโรปในยุคกลางมีความศรัทธาในพระรูปนี้ ผู้แสวงบุญจะหยุดอยู่ที่กำแพงเมืองทัสคานี ระหว่างการเดินทางจากเมืองแคนตาเบอรีไปยังกรุงโรม
             การศึกษาทางวิทยาศาสตร์นี้ได้ยืนยันในประวัติศาสตร์และธรรมประเพณีคาทอลิกที่กล่าวว่า ไม้กางเขนได้มาถึงเมืองลุกกาตอนปลายศตวรรษที่ 8 มีความเชื่อว่าพระรูปนี้ถูกแกะสลักโดยนิโคเดมัส
             รูปแกะสลักไม้กางเขนมีอายุไม่ต่ำกว่า 1,140 ปี ปัจจุบันอยู่ที่อาสนวิหารลุกกาแห่งเซนต์มาร์ติน(the Lucca Cathedral of St. Martin)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น