พระเมตตาของพระเยซูเจ้า

จงบอกมนุษยชาติที่กำลังเจ็บป่วย ให้เข้ามาใกล้หัวใจอันเมตตาของเรา แล้วเราจะประทานสันติภาพให้แก่มนุษยชาติ พระเมตตาของเราไม่มีวันสิ้นสุดเลย

พระวาจาวันอาทิตย์ที่ 8 กันยายน 2024 พระเยซูเจ้าทรงรักษาคนใบ้หูหนวก

           พระองค์เสด็จออกจากเขตเมืองไทระผ่านเมืองไซดอน ไปยังทะเลสาบกาลิลีกลางดินแดนทศบุรี มีผู้นำคนใบ้หูหนวกคนหนึ่งมาเฝ้าพระองค์ ทูลขอร้องให้พระองค์ทรงปกพระหัตถ์ พระองค์ทรงแยกคนใบ้หูหนวกคนนั้นไปจากกลุ่มชน ทรงใช้นิ้วพระหัตถ์ยอนหูของเขา ทรงใช้พระเขฬะแตะลิ้นของเขา ทรงเงยพระพักตร์ขึ้นเบื้องบน ถอนพระทัย แล้วตรัสว่า “เอฟฟาธา” แปลว่า “จงเปิดเถิด” ทันใดนั้นหูของเขากลับได้ยิน สิ่งที่ขัดลิ้นอยู่ก็หลุด เขาพูดได้ชัดเจน พระเยซูเจ้าทรงห้ามประชาชนเหล่านั้นมิให้พูดเรื่องนี้กับผู้ใด แต่ยิ่งห้าม ก็ยิ่งเล่าลือกันมากขึ้น ต่างก็ประหลาดใจมาก กล่าวว่า “คนคนนี้ทำสิ่งใดดีทั้งนั้น เขาทำให้คนหูหนวกกลับได้ยิน และคนใบ้กลับพูดได้”
(มาระโก 7:1-8,14-15,21-23)








วันเสาร์ที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2567

วันศุกร์ที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2567

นักบุญปีเตอร์ ดาเมียน


นักบุญปีเตอร์ ดาเมียน,ขณะที่ยังเด็กมาก, เขาถูกทิ้งให้เป็นเด็กกำพร้าจากการเสียชีวิตของพ่อแม่ เขาถูกเลี้ยงดูมาโดยพี่ชายคนหนึ่งซึ่งปฏิบัติต่อเขาอย่างไม่ดีเลย และไม่ได้ให้อาหารและเสื้อผ้าที่จำเป็นแก่เขาด้วยซ้ำ วันหนึ่งปีเตอร์พบเหรียญเงินอันหนึ่ง และไม่สามารถหาเจ้าของได้ ความสุขที่เด็กน้อยรู้สึกอาจจินตนาการได้ง่าย: เขารู้ว่าเขามีสมบัติ และวางแผนทันทีว่าจะซื้อสิ่งของหลายอย่างที่เขาต้องการ อย่างไรก็ตาม ความคิดเกี่ยวกับพ่อแม่ผู้ล่วงลับของเขาทำให้ใจของเขาเปลี่ยนไปเล็กน้อย เขาตัดสินใจนำเงินไปขอมิสซาให้กับพ่อแม่แทน นับตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา ดูเหมือนว่าเขาจะอยู่ภายใต้การคุ้มครองพิเศษของวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ และโชคชะตาของเขาก็เปลี่ยนไป พี่ชายอีกคนหนึ่งของเขาเริ่มสนใจเขาจึงส่งเขาไปเรียนหนังสือ ต่อมา,ปีเตอร์ ดาเมียน ได้กลายเป็นพระสงฆ์ แล้วขึ้นสู่ตำแหน่งบิชอปและพระคาร์ดินัล ในที่สุดเขาก็กลายเป็นนักบุญของพระเจ้า
ที่มา: The Tremendous Value of Holy Mass  

วันพฤหัสบดีที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2567

อยู่ในพระหรรษทานของพระเจ้า


ผู้ที่ไม่อยู่ในพระหรรษทานของพระเจ้าก็ตายฝ่ายวิญญาณและจะต้องทนทุกข์ทรมานชั่วนิรันดร์

นักบุญออกัสตินกล่าวว่าร่างกายที่ปราศจากวิญญาณก็ตายแล้วฉันใด วิญญาณที่ปราศจากพระหรรษทานของพระจิตเจ้าก็ตายจากสวรรค์แล้วฉันนั้น ผู้ที่ไม่มีพระจิตเจ้าประทับอยู่,เขาก็อยู่ "ในความมืดและในร่มเงาแห่งความตาย" (ลูกา1 . 79); เขาไม่สามารถเข้าใจเรื่องฝ่ายจิตได้ เพราะว่ามันเป็นเรื่องโง่เขลาสำหรับเขา (1 โครินธ์ 2. 14) ผู้ที่ไม่ได้สวมชุดสำหรับงานวิวาห์,นั่นคือ,สวมใส่พระหรรษทานอันศักดิ์สิทธิ์, จะถูกโยนทิ้งไว้ในที่มืดข้างนอก ( มัทธิว. 22. 12) และเช่นเดียวกับกิ่งก้านใดที่ไม่ติดอยู่กับเถาองุ่นก็จะเหี่ยวเฉาและถูกโยนทิ้งในไฟ, และจะเป็นเช่นนั้นสำหรับผู้ที่มิได้เป็นหนึ่งเดียวกับพระคริสต์โดยพระหรรษทานของพระองค์ (ยอห์น 15, 6) ผู้ใดที่ไม่มีจิตวิญญาณของพระคริสต์, ผู้นั้นก็ไม่เป็นของพระองค์ (โรม. 8.9)
  ที่มา: The Catechism Explained

วันพุธที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2567

พระรูปพระมารดาผู้โศกเศร้า


รูปภาพข้างบนนี้มีจุดกำเนิดที่ค่อนข้างลึกลับ รูปภาพถูกค้นพบในช่วงเวลาของการสงบศึกในปี 1918 ในห้องใต้ดินของโรงเรียนประจำ ที่ซึ่ง Berthe Petit ผู้ที่เป็นฟรังซิสกันชั้นที่3เคยเรียนอยู่ที่โรงเรียนนี้ หลังจากที่กองทัพทหารได้ยกทัพออกไปแล้ว แม่ชีเบอร์นาดีนคนหนึ่งก็เข้าไปจัดเข้าของในห้องให้เป็นระเบียบ, เธอได้พบกระดาษแข็งแผ่นหนึ่งที่ติดภาพลามกอนาจารไว้ เธอจึงดึงภาพนั้นออกเพื่อส่งไปเผา แล้วเธอก็ต้องประหลาดใจเมื่อพบว่ากระดาษแผ่นนี้ครอบคลุมภาพอันงดงามของพระแม่มารีย์! ลักษณะรูปภาพดูเหมือนว่าจะผสมผสานศิลปะของจารีตฝั่งตะวันออกและตะวันตกเข้าด้วยกัน พระพักตร์มีลักษณะคล้ายกับ Pieta อันเป็นที่รู้จักกันดี มีการสวดภาวนาเบื้องหน้าพระรูปนี้ซึ่งได้นำสัญญาณแห่งความโปรดปรานมาให้

Berthe Petit ได้รับสาสน์จากพระเยซูเจ้าว่า: "จงสอนวิญญาณให้มีความรักต่อดวงหทัยของพระมารดาของเราผู้ทรงถูกทิ่มแทงด้วยความโศกเศร้าและได้ทิ่มแทงดวงใจของเราด้วย" (25 ธ.ค. 1909)

“ดวงหทัยของพระมารดาของเรามีความชอบธรรมที่จะถูกเรียกว่าระทมทุกข์(Sorrowful) และเราปรารถนาให้พระนามนี้นำหน้าคำว่านิรมล(ระทมทุกข์นิรมล)  เพราะพระนางทรงมีชัยชนะด้วยพระนางเอง พระศาสนจักรได้กำหนดพระนามพระมารดาของเราตามที่เราได้ให้ไว้คือ --- การปฏิสนธินิรมลของพระนาง บัดนี้,ตามความปรารถนาอันชัดแจ้งของเรา,ต้องการให้พระนางเป็นที่รู้จักและได้รับการยอมรับในระดับสากล พระนางทรงได้รับสิ่งนี้เพราะทรงได้รับความเศร้าโศกเหมือนกับของเรา โดยความทุกข์,โดยยัญบูชาและความตายในกัลวารีของพระนางนั้นสอดคล้องอย่างสมบูรณ์เหมือนกับพระหรรษทานของเราเพื่อความรอดของมนุษยชาติ" (8 กันยายน 1911)

“หัวใจทั้งหลายต้องเปลี่ยนแปลง สิ่งนี้จะสำเร็จได้ก็ต่อเมื่อความศรัทธาถูกประกาศออกไป, ถูกอธิบาย, และถูกแนะนำไปทุกหนทุกแห่ง การสวดภาวนาวิงวอนต่อพระมารดาภายใต้พระนามนี้ที่เราปรารถนาให้มีขึ้นในทั่วทุกแห่ง เป็นความช่วยเหลือครั้งสุดท้ายที่เราจะให้ก่อนสิ้นสุดของกาลเวลา .: (2 กรกฎาคม 1940)

ที่มา: The Secret Of The Rosary.

หมายเหตุ Berthe Petit (1870-1943), เป็นชาวเบลเยี่ยม เธอไม่ค่อยเป็นที่รู้จักมากนัก เธอได้รับการประจักษ์ส่วนตัวจากพระเยซูเจ้า ขณะที่ร่วมพิธีมิสซาเที่ยงคืนในปี 1909 เธอมองเห็นพระหฤทัยของพระเยซูที่ได้รับบาดแผล และพระหฤทัยของพระนางมารีย์ที่ถูกแทงด้วยดาบอยู่ใกล้ชิดกัน จากนั้นเธอก็ได้ยินคำพูดเหล่านี้: “จงทำให้ทุกคนรู้จักดวงหทัยของพระมารดาของเราซึ่งถูกตรึงด้วยความโศกเศร้าที่ประสงค์ให้ดวงใจของเราได้รับความรัก” 

วันอังคารที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2567

ชีวิตภายใน


ผู้ที่มีมโนธรรมแจ่มใสจะพบความพอใจและความสงบสุขได้ง่าย คุณค่าของท่านไม่ได้ถูกกำหนดโดยคำชมเชยหรือคำวิจารณ์จากผู้อื่น ท่านเป็นอย่างที่ท่านเป็น และคุณค่าของท่านถูกกำหนดโดยพระเจ้า หากท่านเข้าใจตนเองอย่างแท้จริง,ท่านจะไม่ถูกรบกวนจากความคิดเห็นของผู้คน ผู้คนตัดสินจากสิ่งภายนอก แต่พระเจ้าทรงมองเห็นภายในจิตใจ ผู้คนเพ่งมองที่การกระทำ แต่พระเจ้าทรงพิจารณาความตั้งใจ ความอ่อนน้อมถ่อมตนแสดงออกด้วยการทำความดีอย่างสม่ำเสมอและไม่โอ้อวด การรับการปลอบโยนและความบรรเทาจากพระเจ้าแต่เพียงผู้เดียวแสดงถึงความศักดิ์สิทธิ์และความไว้วางใจของคนๆนั้น
- จำลองแบบพระคริสต์ 
Thomas A Kempis

วันจันทร์ที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2567

สาส์นแม่พระ 25 ส.ค. 2024

สาส์นแม่พระประทานแก่ มารีจา 25 ส.ค. 2024
ลูกที่รักทั้งหลาย
         ในวันนี้,แม่สวดภาวนาพร้อมกับลูกเพื่อสันติภาพ ความดีและความชั่วกำลังต่อสู้กันและต้องการชัยชนะในโลกและในหัวใจของประชาชน พวกลูกเป็นประชาชนแห่งความหวังและการสวดภาวนาและเป็นประชาชนแห่งความไว้วางใจในพระเจ้า,พระผู้สร้างผู้ซึ่งทุกสิ่งเป็นไปได้  
          ลูกน้อยทั้งหลาย,ขอให้สันติภาพมีชัยชนะในตัวลูกและรอบๆตัวลูก แม่ขออวยพรพวกลูกด้วยหัวใจเยี่ยงมารดาของแม่ เพื่อที่ลูก,ลูกน้อยทั้งหลาย,จะเป็นความยินดีสำหรับทุกคนที่ลูกพบ  
          ขอขอบใจที่ตอบสนองเสียงเรียกของแม่           
            

วันอาทิตย์ที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2567

วันเสาร์ที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2567

วันศุกร์ที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2567

วันพฤหัสบดีที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2567

ซิสเตอร์อักเนส

แปลจากวีดีโอ -

น้ำเสียงของพระนางดูเคร่งขรึมมาก แม่พระตรัสว่า 
“ลูกสาวสุดที่รักของแม่ จงฟังให้ดีในสิ่งที่แม่กำลังพูด และจงแจ้งให้ผู้ใหญ่ของลูกทราบเกี่ยวกับเรื่องนี้ ตามที่แม่ได้บอกลูกเมื่อครั้งที่แล้ว ถ้ามนุษย์ไม่ยอมกลับใจ พระเจ้าจะทรงส่งการลงโทษที่น่ากลัวมา เมื่อสิ่งนี้เกิดขึ้น มันจะร้ายแรงยิ่งกว่าที่เคยเกิดขึ้นมาก่อน มันจะร้ายแรงยิ่งกว่าสมัยของน้ำวินาศ ไฟจะตกลงมาจากสวรรค์ มนุษยชาติส่วนใหญ่จะถูกทำลาย ไม่เว้นแม้แต่พระสงฆ์หรือผู้มีความเชื่อ ผู้ที่รอดชีวิตจะอยู่ในความโดดเดี่ยวอ้างว้าง พวกเขาจะอิจฉาคนที่ตายแล้ว อาวุธที่ลูกยังคงมีอยู่คือสายประคำและเครื่องหมายขององค์พระบุตร จงสวดสายประคำ สวดสายประคำสำหรับพระสันตะปาปา,พระสังฆราช,พระสงฆ์ ซาตานจะเข้าไปในพระศาสนจักร พระคาร์ดินัลจะขัดแย้งกับพระคาร์ดินัล พระสังฆราชจะขัดแย้งกับพระสังฆราช พระสงฆ์ที่เคารพนับถือแม่จะถูกดูหมิ่นและโจมตี พระศาสนจักรและพระแท่นบูชาจะถูกดูหมิ่น พระศาสนจักรจะเต็มไปด้วยผู้ที่ยอมรับการประนีประนอม ซาตานจะชักนำพระสงฆ์และนักบวชจำนวนมากให้ออกห่างจากพระเจ้า มันจะมุ่งความสนใจไปที่ผู้ที่ถวายตนโดยเฉพาะ การสูญเสียวิญญาณเป็นจำนวนมาก เป็นสาเหตุทำให้แม่โศกเศร้าเป็นอย่างยิ่ง จะไม่มีการให้อภัยอีกต่อไป ถ้าบาปยังเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ อย่ากลังที่จะบอกกับผู้ใหญ่ของลูกในเรื่องนี้ ท่านจะรู้วิธีที่จะให้กำลังใจแก่ลูก เพื่อสวดภาวนาและทำกิจชดเชยใช้โทษบาป ”

วันพุธที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2567

ผู้หญิงเก้าคนที่กลับใจโดยนักบุญดอมินิก



นางเบเรนกาเรีย(Berengaria)ประกาศโดยสาบานว่าเธอได้เห็นเป็นพยาน ในเวลาที่นักบุญดอมินิก บอกหญิงทั้งเก้าที่กลับใจจากความผิดของพวกเธอให้มองดูสิ่งที่เข้าสิงพวกเธอ นั่นก็คือปีศาจในรูปลักษณ์ของแมวที่มีดวงตาเป็นเปลวเพลิงขนาดใหญ่เท่าดวงตาวัวและมีลิ้นยาวที่หายใจออกมาเป็นสิ่งที่คล้ายไฟ มันมีหางที่หนาพอๆกับหางสุนัขและยาวมากกว่าหนึ่งฟุต ด้วยคำสั่งของนักบุญดอมินิก,สัตว์ตัวนี้ก็หนีออกไปทางช่องที่อยู่บนหอคอยและหายไปจากสายตาของพวกเธอ แต่ก่อนที่จะทำทั้งหมดนี้ ,นักบุญดอมินิกได้บอกพวกเธอว่าอย่ากลัว เพราะนักบุญจะแสดงให้พวกเธอเห็นว่าใครคือเจ้านายที่พวกมันต้องรับใช้

นำมาจากกระบวนการสถาปนาเป็นนักบุญของนักบุญโดมินิก กัซมาน(St. Dominic Guzman) ที่เมืองตูลูส

วันอังคารที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2567

คำพูดของนักบุญยอห์นแห่งไม้กางเขน(ต่อ)


อย่าละทิ้งการสวดภาวนา, ถึงแม้คุณจะพบกับความแห้งแล้งและความยากลำบาก จงพากเพียรสวดภาวนาด้วยเหตุนี้เอง พระเจ้ามักทรงปรารถนาที่จะเห็นความรักที่จิตวิญญาณของคุณมี และความรักไม่ได้ถูกทดสอบด้วยความง่ายดายและความพึงพอใจ

การรักคือการแปรสภาพเป็นสิ่งที่เรารัก การรักพระเจ้าจึงต้องเปลี่ยนสภาพของเราให้เป็นเช่นเดียวกับพระเจ้า

จงดำรงชีวิตในความเชื่อและความหวัง ถึงแม้จะอยู่ในความมืดมิดของวิญญาณ เพราะว่าในความมืดนี้พระเจ้าทรงปกป้องวิญญาณอยู่ ให้พระเจ้าทรงเป็นผู้ดูแลคุณ เพราะคุณเป็นของพระองค์และพระองค์จะไม่มีวันลืมคุณ อย่าคิดว่าพระองค์จะทรงทิ้งคุณไว้ตามลำพัง เพราะนั่นจะกลายเป็นความผิดของพระองค์


เป็นปรีชาญาณอันยิ่งใหญ่ในการที่จะรู้จักนิ่งเงียบและไม่สนใจในคำพูดหรือการกระทำหรือวิถีชีวิตของผู้อื่น”


คริสตชนควรจำไว้เสมอว่าคุณค่าของกิจการที่ดีของเขาไม่ได้ขึ้นอยู่กับจำนวนและความเป็นเลิศ แต่ขึ้นอยู่กับความรักของพระเจ้าที่กระตุ้นให้เขาทำสิ่งเหล่านี้”


วันจันทร์ที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2567

วันอาทิตย์ที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2567

วันเสาร์ที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2567

วันศุกร์ที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2567

ซี่โครงของอาดัม


พระเจ้าทรงเอาซี่โครงของอาดัมออกมาหนึ่งซี่ และใส่เนื้อเข้าไปแทนที่
>>>อ่านต่อ

วันพฤหัสบดีที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2567

ผู้รับใช้ของพระเจ้าสูงไม่ถึง 2 ฟุต


ผู้รับใช้ของพระเจ้า อันนา ฟุลกิดา บาร์โตลาเชลลี(Anna Fulgida Bartolacelli)


วันนี้เป็นวันครบรอบการเสียชีวิตของผู้รับใช้ของพระเจ้า อันนา ฟุลกิดา บาร์โตลาเชลลี เธอเสียชีวิตเมื่ออายุ 65 ปี แต่สูงเพียง 1 ฟุต 11.5 นิ้ว เนื่องจากเธอเป็นโรคแคระแกร็นและโรคกระดูกอ่อน แม้ว่าตัวเธอเองจะพิการ แต่เธอก็ไปเยี่ยมคนป่วยและผู้พิการ เพื่อเผยแพร่พระวรสาร เพื่อขจัดความกลัว และแสดงให้พวกเขาเห็นวิธีของการได้รับเคล็ดลับแห่งความสุขที่แท้จริงผ่านแบบอย่างและคำพูดที่สร้างแรงบันดาลใจของเธอ

วันพุธที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2567

การสารภาพบาป


ครั้งหนึ่งขณะที่นักบุญฟิลิป เนรีกำลังฟังสารภาพบาปอยู่, มีผู้มาสารภาพบาปเข้าแถวยาว แต่อยู่ๆก็มีชายคนหนึ่งที่อยู่ในแถวยืนนิ่งไม่ยอมเคลื่อนที่ไปยังหัองสารภาพบาป ดังนั้นคนอื่นๆก็ถูกปิดกั้น คนที่อยู่ถัดไปก็เข้ามาไม่ได้ ถึงแม้ว่านักบุญฟิลิป เนรีจะเชิญชวนซ้ำแล้วซ้ำเล่าก็ตาม ชายคนนั้นยังคงปฏิเสธ นักบุญฟิลิป เนรีจึงออกมาจากห้องสารภาพบาป และท่านได้พรมน้ำเสกใส่ชายคนนั้น ชายคนนั้นพลันก็หายไป กลายเป็นว่าชายคนนั้นเป็นปีศาจแห่งความอับอายและความกลัว

เมื่อเราทำบาป ความละอายใจก็หายไป แต่เมื่อเราต้องการที่จะสารภาพบาปนั้น, เราเต็มไปด้วยความละอายใจและความกลัวเป็นอย่างมาก และสุดท้ายเราก็ไม่ยอมไปสารภาพบาป

จงไปสารภาพบาปเถิด ขณะที่พระสงฆ์โปรดศีลอภัยบาปแก่เรา ไม่ใช่เป็นเพียงแค่การโบกมือโปรดศีลอภัยบาปแก่เราเท่านั้น แต่เป็นพระโลหิตของพระคริสต์ซึ่งหลั่งไหลลงมาจากไม้กางเขน ซึ่งชำระจิตวิญญาณของเราให้สะอาด ศีลอภัยบาปคือการอยู่เบื้องพระพักตร์พระเยซูคริสต์

- Fr. Ed Broom, OMV 
 

วันอังคารที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2567

คำพูดของนักบุญยอห์นแห่งไม้กางเขน


ถนนนั้นแคบ,ผู้ที่ปรารถนาจะเดินทางไปนั้นต้องสละละทิ้งทุกสิ่งและใช้ไม้กางเขนเป็นดังไม้เท้าของตน กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ เขาต้องเต็มใจที่จะยอมรับความทุกข์เพื่อเห็นแก่ความรักต่อพระเจ้าในทุกสิ่ง

ความเชื่อ “เป็นเหมือนเท้าที่วิญญาณเดินทางไปหาพระเจ้า และความรักคือผู้ช่วยนำทาง”

“การพิจารณาใคร่ครวญไม่ใช่อะไรอื่นนอกจากเป็นการซึมซับความรักของพระเจ้าด้วยสันติสุขและเป็นความลับ ซึ่งถ้าวิญญาณยอมรับ,วิญญาณจะลุกเป็นไฟด้วยจิตวิญญาณแห่งความรัก”


“ความรักไม่ใช่การรู้สึกถึงสิ่งที่ยิ่งใหญ่ แต่ประกอบด้วยการเสียสละอย่างมากและการทนทุกข์เพื่อผู้เป็นที่รัก”


“วิญญาณที่ผูกพันกับสิ่งใดๆก็ตามไม่ว่าจะมีสิ่งนั้นจะดีมากเพียงใด วิญญาณจะไม่บรรลุถึงอิสรภาพแห่งการรวมเป็นหนึ่งเดียวอันศักดิ์สิทธิ์ เชือกลวดที่แข็งแรงหรือด้ายเส้นเล็กที่ใช้จับนกนั้น ถ้ามันจับนกไว้แล้ว นกจะบินหนีไม่ได้จนกว่าสายที่ยึดนกไว้จะขาดเสียก่อน”

- นักบุญยอห์น แห่งไม้กางเขน (1542-1591) 
  นักปราชญ์ของพระศาสนจักร

วันจันทร์ที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2567

พระคัมภีร์พูดถึงนรกว่าอย่างไร?


นรกถูกสร้างขึ้นเพื่อลงโทษซาตานและปีศาจ (มัทธิว 25:41) “ไฟนิรันดรที่เตรียมไว้ให้ปีศาจและพรรคพวกของมัน” 

มีผู้ที่อยู่ในนรกมากกว่าอยู่ในสวรรค์ (มัทธิว 7:13-14) “ประตูและทางที่ไปสู่หายนะนั้นกว้างขวาง คนที่เข้าทางนี้มีจำนวนมาก” 

ถ้าชื่อของท่านไม่มีอยู่ในหนังสือแห่งชีวิต ท่านจะถูกโยนลงไปในบ่อไฟ (วิวรณ์ 20:15) “ผู้ใดไม่มีชื่อบันทึกอยู่ในหนังสือแห่งชีวิตก็ถูกโยนลงไปในทะเลไฟ” 

ผู้ที่อยู่ในนรกจะสามารถจดจำชีวิตในขณะที่อยู่บนโลกของเขาได้ ซึ่งทำให้เขาเสียใจที่ไม่ถวายชีวิตของตนเพื่อพระคริสต์ (ลูกา 16:22-28) อุปมาเรื่องเศรษฐีกับลาซารัส เศรษฐีอยู่ในนรกและจำได้ว่าเขาไม่เคยทำสิ่งที่ดีให้ลาซารัสผู้ยากจนและเจ็บป่วย 

นรกเป็นนิรันดรและไม่สามารถเพิกถอนได้ (วิวรณ์ 14:11) “ควันจากการทรมานเขาจะพุ่งขึ้นตลอดนิรันดร” 

ผู้ที่อยู่ในนรกจะถูกทรมานทั้งกลางวันและกลางคืนตลอดไป จะไม่มีเวลาพักเลย (วิวรณ์ 14:11) “ผู้ที่ประทับตราชื่อของมันจะไม่พักผ่อนเลยทั้งกลางวันและกลางคืน”  

วันอาทิตย์ที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2567

ความเชื่อในพระเยซูคริสต์


ความเชื่อคือความมั่นใจในสิ่งที่เราหวังไว้ เป็นความแน่ใจในสิ่งที่ยังมองไม่เห็น
>>>อ่านต่อ

วันเสาร์ที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2567

ไฟแห่งความเชื่อ


ไฟแห่งความเชื่อในพระเยซูเจ้าจะเปลี่ยนแปลงโลกและนำพระอาณาจักรของพระเจ้ามาสู่โลก
>>>อ่านต่อ

วันศุกร์ที่ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2567

สวรรค์เป็นอย่างไร


พระคัมภีร์บรรยายถึงสวรรค์

วว.21.21 ถนนทำด้วยทองบริสุทธิ์เหมือนกระจกใส “ลานเมืองเป็นทองคำบริสุทธิ์ สุกใสเหมือนแก้ว”

2 เปโตร 3.8 ไม่มีเวลาในสวรรค์ “สำหรับองค์พระผู้เป็นเจ้า เพียงหนึ่งวันก็เหมือนกับหนึ่งพันปี และหนึ่งพันปีก็เหมือนหนึ่งวัน”

ฟิลิปปี 3.21 เราจะได้รับร่างกายใหม่ในสวรรค์ “พระองค์จะทรงเปลี่ยนรูปร่างอันต่ำต้อยของเราให้เหมือนพระกายอันรุ่งโรจน์ของพระองค์”

วว. 22.5 ไม่มีดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ เพราะพระเจ้าทรงเป็นแสงสว่างในสวรรค์ “จะไม่มีกลางคืนอีกต่อไป เขาเหล่านั้นจะไม่ต้องการแสงจากตะเกียงหรือแสงอาทิตย์อีก เพราะพระเจ้าองค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงส่องสว่างเหนือเขาทั้งหลาย”

1 โครินทร์ 2:9 เราไม่อาจจินตนาการถึงสวรรค์ได้แน่ชัด “ตามที่พระคัมภีร์เขียนไว้ สิ่งที่ตาไม่เคยเห็น และหูไม่เคยได้ยิน และจิตใจของมนุษย์คิดไม่ถึง คือสิ่งที่พระเจ้าทรงเตรียมไว้สำหรับผู้ที่รักพระองค์”

วันพฤหัสบดีที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2567

จงกล้าหาญไม่ท้อแท้


จงยืนหยัดกล้าหาญเหมือนทหารในสนามรบ และหากบางครั้งท่านผิดพลาดและล้มลงเนื่องจากความอ่อนแอ จงรวบรวมพละกำลังของท่านขึ้นมาใหม่ให้กล้าหาญมากขึ้นกว่าเดิม โดยอาศัยพระหรรษทานของพระเจ้าอันอุดมบริบูรณ์ จงระวังอย่ามั่นใจและภาคภูมิใจในตนเองมากเกินไป เนื่องจากสิ่งเหล่านี้ทำให้หลายคนหลงทางและบางครั้งก็ส่งผลทำให้ตาบอดจนแทบจะรักษาไม่หาย จงดูการล่มสลายของคนหยิ่งยโสที่ยกตนขึ้นอย่างโง่เขลา และเตือนใจท่านให้รักษาความถ่อมตนไว้เสมอ
- จำลองแบบพระคริสต์ 
Thomas A Kempis

วันพุธที่ 7 สิงหาคม พ.ศ. 2567

จงระวังกับดักของปีศาจ


จงจำไว้เสมอว่าศัตรูเก่าของท่านพยายามขัดขวางท่านเสมอในการแสวงหาความดี มันขัดขวางท่านจากการฝึกฝนฝ่ายจิตทุกอย่าง เช่น การใคร่ครวญชีวิตของนักบุญ การระลึกถึงการเสียสละของพระเยซูเจ้า การไตร่ตรองถึงบาปของท่าน จงปกป้องหัวใจของท่านและมุ่งมั่นที่จะปฏิบัติคุณธรรมให้มากขึ้น ศัตรูจะเติมเต็มจิตใจของท่านด้วยความคิดชั่วร้ายที่จะให้ท่านเหนื่อยล้าและหวาดกลัว โดยมีเป้าหมายที่จะดึงท่านออกจากการอธิษฐานภาวนาและการอ่านข้อเขียนศักดิ์สิทธิ์ มันไม่พอใจที่ท่านไปสารภาพบาป และถ้ามันทำได้ มันจะขัดขวางไม่ให้ท่านรับศีลมหาสนิท อย่าไปเชื่อหรือฟังมัน ถึงแม้ว่ามันจะวางกับดักหลอกลวงท่านบ่อยครั้งก็ตาม เมื่อเกิดความคิดไม่ดีและไม่บริสุทธิ์, จงรับรู้ว่านั่นเป็นการกระทำของมัน จงสั่งมันว่า 'จงออกไป เจ้าปีศาจโสโครก' แกไม่รู้สึกละอายใจและเป็นทุกข์ทรมานบ้างหรือ? เพราะแกมีมลทินอันน่าขยะแขยงที่เอาความคิดนี้มาให้ฉัน ไปเสียเถิด เจ้าหลอกลวง เจ้าไม่มีอำนาจเหนือฉัน แต่พระเยซู, ผู้พิทักษ์ที่แข็งแกร่งของฉันอยู่กับฉัน ฉันยอมทนทุกข์หรือรับความตายมากกว่ายอมทำตามเจ้า จงเงียบและไปจากฉัน ฉันจะไม่ฟังแกอีกต่อไป แม้ว่าแกจะวางกับดักเพิ่มเติมอีกก็ตาม องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเป็นแสงสว่างและความรอดของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจะกลัวผู้ใดเล่า? แม้ว่ากองทัพจะยกทัพมาต่อสู้กับข้าพเจ้า จิตใจของข้าพเจ้าก็ไม่หวั่นไหว พระเจ้าทรงเป็นพละกำลังและพระผู้กอบกู้ของข้าพเจ้า
- จำลองแบบพระคริสต์ 
Thomas A Kempis

วันอังคารที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2567

คนที่เราไม่ควรคบ


เมื่อพระเยซูเจ้าตรัสให้เรารักทุกคน พระคัมภีร์ยังได้แนะนำเราในเรื่องการคบหาสมาคมกับผู้อื่น

สุภาษิต 13:20 กล่าวว่า “ผู้เดินกับผู้มีปรีชาก็จะเป็นผู้มีปรีชาด้วย แต่ผู้คบหากับคนโง่จะได้รับผลร้าย” คำกล่าวนี้เตือนเราระวังการที่ผู้อื่นจะมามีอิทธิพลต่อเรา มีคนประเภทที่พระเจ้าทรงเตือนเราให้หลีกเลี่ยง

สุภาษิต 16:28 “คนตลบตะแลงก่อให้เกิดการทะเลาะวิวาท ผู้ใส่ร้ายทำให้เพื่อนสนิทผิดใจกัน” คนที่พูดใส่ความนินทา จะคอยกระซิบกระซาบสร้างความแตกแยกและทำลายความสัมพันธ์

2 เปโตร2 “ในอดีต เคยมีผู้ปลอมตนเป็นประกาศกในหมู่ประชากรของพระเจ้า ในหมู่ท่านทั้งหลายจะมีผู้สอนผิดซึ่งพยายามสอดแทรกความคิดมิจฉาทิฐิที่นำความหายนะมาสู่ท่านเช่นเดียวกัน” พระเจ้าทรงเตือนเราให้ระวังคนที่จะนำความเชื่อที่หลงผิดมา จงวอนขอพระจิตเจ้าให้เรารู้ว่าใครเป็นครูที่แท้จริงและใครเป็นครูเท็จเทียม

วันจันทร์ที่ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2567

นักบุญอัลฟองโซ


ในบันทึกใบรับศีลล้างบาปเขียนชื่อของท่านไว้ว่า “อัลฟองโซ มาเรีย อันโตนิโอ จิโอวานนี ฟรานเชสโก โกซิโม ดามิอาโน มิเชลแองเจโล กัสปาโร เดอ ลิโกวรี” ท่านรับศีลล้างบาปในโบสถ์แม่พระแห่งหญิงพรหมจารีย์ในเนเปิลส์ในวันที่ 29 กันยายน ค.ศ. 1696 และได้บวชเป็นพระสงฆ์ในปี 1726 ได้รับตำแหน่งบิชอปในปี 1762 เสียชีวิตในปี 1787 ได้รับแต่งตั้งให้เป็นนักบุญในปี 1839 ได้รับตำแหน่งเป็นนักปราชญ์ของพระศาสนจักรในปี 1871

อัลฟองโซเกิดมาในตระกูลขุนนาง Neapolitan ผู้ยิ่งใหญ่และมีเกียรติในยุคที่มีการบูชายศและศักดิ์ศรีของโลก

พ่อของท่าน Don Joseph de Liguori เป็นกัปตันของ Royal Galley และแม่ของท่าน Donna Anna Cavalieri มาจากครอบครัวที่มีชื่อเสียงไม่แพ้กันซึ่งเป็นที่ปรึกษาของราชสำนัก Bourbon Royal แห่งเนเปิลส์

ท่านได้รับศีลล้างบาปจากนักบุญฟรังซิส เจโรม แห่งสมาคมพระเยซูเจ้า(เยซูอิต), ท่านนักบุญได้ทำนายว่า “เด็กคนนี้จะได้รับพรให้มีอายุยืนยาว เขาจะไม่เห็นความตายก่อนอายุเก้าสิบปี เขาจะได้เป็นบิชอปและจะทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่ เพื่อพระเยซูคริสต์”

คำทำนายทั้งหมดเป็นจริงเมื่ออัลฟอนโซเสียชีวิตเมื่อมีอายุ 91 ปี ได้เป็น doctor of Canon and Civil Law เมื่ออายุ 16 ปี, เป็นผู้ก่อตั้งคณะสงฆ์, เป็นบิชอป, และต่อสู้กับลัทธิเฮเรติกแจนเซนด้วยงานเขียนมากมาย รวมทั้งงานเขียน Theologia Moralis,ซึ่งแบ่งออกเป็นเก้าฉบับในช่วงชีวิตของท่าน