ถ้าจะมีคำใดที่ใช้บรรยายชีวิตของ น. ปีเตอร์ จูเลียน เอียมาร์ด Saint Peter Julian Eymard ได้แล้วก็คงเป็นคำว่า “เข็นครกขึ้นภูเขา” นั่นแหละ
>>>อ่านต่อ
Pages
พระเมตตาของพระเยซูเจ้า
จงบอกมนุษยชาติที่กำลังเจ็บป่วย ให้เข้ามาใกล้หัวใจอันเมตตาของเรา แล้วเราจะประทานสันติภาพให้แก่มนุษยชาติ พระเมตตาของเราไม่มีวันสิ้นสุดเลย
พระวาจาวันอาทิตย์ที่ 5 มกราคม 2025 สมโภชพระคริสตเจ้าแสดงองค์
  ในรัชสมัยกษัตริย์เฮโรด พระเยซูเจ้าประสูติที่เมืองเบธเลเฮมในแคว้นยูเดีย โหราจารย์บางท่านจากทิศตะวันออกเดินทางมายังกรุงเยรูซาเล็ม สืบถามว่า “กษัตริย์ชาวยิวที่เพิ่งประสูติอยู่ที่ใด พวกเราได้เห็นดาวประจำพระองค์ขึ้น จึงพร้อมใจกันมาเพื่อนมัสการพระองค์” เมื่อกษัตริย์เฮโรดทรงทราบข่าวนี้ พระองค์ทรงวุ่นวายพระทัย ชาวกรุงเยรูซาเล็มทุกคนต่างก็วุ่นวายใจไปด้วย พระองค์ทรงเรียกประชุมบรรดาหัวหน้าสมณะและธรรมาจารย์ ตรัสถามเขาว่า “พระคริสต์จะประสูติที่ใด” เขาจึงทูลตอบว่า “ในเมืองเบธเลเฮม แคว้นยูเดีย เพราะประกาศกเขียนไว้ว่า เมืองเบธเลเฮม ดินแดนยูดาห์ เจ้ามิใช่เล็กที่สุดในบรรดาหัวเมืองแห่งยูดาห์ เพราะผู้นำคนหนึ่งจะออกมาจากเจ้า ซึ่งจะเป็นผู้นำอิสราเอล ประชากรของเรา”
  ดังนั้น กษัตริย์เฮโรดทรงเรียกบรรดาโหราจารย์มาเฝ้าเป็นการส่วนพระองค์ ทรงซักถามถึงวันเวลาที่ดาวปรากฏ แล้วทรงใช้บรรดาโหราจารย์ไปที่เมืองเบธเลเฮม ทรงกำชับว่า “จงไปสืบถามเรื่องพระกุมารอย่างละเอียด และเมื่อพบพระกุมารแล้ว จงกลับมาบอกให้เรารู้ เราจะได้ไปนมัสการพระองค์ด้วย” เมื่อบรรดาโหราจารย์ได้ฟังพระดำรัสแล้วก็ออกเดินทาง ดาวที่เขาเห็นทางทิศตะวันออกปรากฏอีกครั้งหนึ่งนำทางให้ และมาหยุดนิ่งอยู่เหนือสถานที่ประทับของพระกุมาร เมื่อเห็นดาวอีกครั้งหนึ่งบรรดาโหราจารย์มีความยินดียิ่งนัก เขาเข้าไปในบ้าน พบพระกุมารกับพระนางมารีย์พระมารดา จึงคุกเข่าลงนมัสการพระองค์ แล้วเปิดหีบสมบัตินำทองคำ กำยาน และมดยอบออกมาถวายพระองค์ แต่พระเจ้าทรงเตือนเขาในความฝันมิให้กลับไปหากษัตริย์เฮโรด เขาจึงกลับไปบ้านเมืองของตนโดยทางอื่น
(มัทธิว 2:1-12)
พระวาจาวันอาทิตย์ที่ 5 มกราคม 2025 สมโภชพระคริสตเจ้าแสดงองค์
  ในรัชสมัยกษัตริย์เฮโรด พระเยซูเจ้าประสูติที่เมืองเบธเลเฮมในแคว้นยูเดีย โหราจารย์บางท่านจากทิศตะวันออกเดินทางมายังกรุงเยรูซาเล็ม สืบถามว่า “กษัตริย์ชาวยิวที่เพิ่งประสูติอยู่ที่ใด พวกเราได้เห็นดาวประจำพระองค์ขึ้น จึงพร้อมใจกันมาเพื่อนมัสการพระองค์” เมื่อกษัตริย์เฮโรดทรงทราบข่าวนี้ พระองค์ทรงวุ่นวายพระทัย ชาวกรุงเยรูซาเล็มทุกคนต่างก็วุ่นวายใจไปด้วย พระองค์ทรงเรียกประชุมบรรดาหัวหน้าสมณะและธรรมาจารย์ ตรัสถามเขาว่า “พระคริสต์จะประสูติที่ใด” เขาจึงทูลตอบว่า “ในเมืองเบธเลเฮม แคว้นยูเดีย เพราะประกาศกเขียนไว้ว่า เมืองเบธเลเฮม ดินแดนยูดาห์ เจ้ามิใช่เล็กที่สุดในบรรดาหัวเมืองแห่งยูดาห์ เพราะผู้นำคนหนึ่งจะออกมาจากเจ้า ซึ่งจะเป็นผู้นำอิสราเอล ประชากรของเรา”
  ดังนั้น กษัตริย์เฮโรดทรงเรียกบรรดาโหราจารย์มาเฝ้าเป็นการส่วนพระองค์ ทรงซักถามถึงวันเวลาที่ดาวปรากฏ แล้วทรงใช้บรรดาโหราจารย์ไปที่เมืองเบธเลเฮม ทรงกำชับว่า “จงไปสืบถามเรื่องพระกุมารอย่างละเอียด และเมื่อพบพระกุมารแล้ว จงกลับมาบอกให้เรารู้ เราจะได้ไปนมัสการพระองค์ด้วย” เมื่อบรรดาโหราจารย์ได้ฟังพระดำรัสแล้วก็ออกเดินทาง ดาวที่เขาเห็นทางทิศตะวันออกปรากฏอีกครั้งหนึ่งนำทางให้ และมาหยุดนิ่งอยู่เหนือสถานที่ประทับของพระกุมาร เมื่อเห็นดาวอีกครั้งหนึ่งบรรดาโหราจารย์มีความยินดียิ่งนัก เขาเข้าไปในบ้าน พบพระกุมารกับพระนางมารีย์พระมารดา จึงคุกเข่าลงนมัสการพระองค์ แล้วเปิดหีบสมบัตินำทองคำ กำยาน และมดยอบออกมาถวายพระองค์ แต่พระเจ้าทรงเตือนเขาในความฝันมิให้กลับไปหากษัตริย์เฮโรด เขาจึงกลับไปบ้านเมืองของตนโดยทางอื่น
(มัทธิว 2:1-12)
วันเสาร์ที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2559
วันศุกร์ที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2559
นักบุญอันตนแห่งปาดัว
นักบุญอันตนแห่งปาดัว
เป็นทั้งลูกศิษย์และเพื่อนของนักบุญฟรังซิส ได้รับหน้าที่ให้เทศน์ต่อหน้าพระสันตปาปาและบรรดาพระคาร์ดินัลในการประชุมครั้งหนึ่งของคณะสงฆ์ ในเวลานั้นมีผู้แทนที่มาจากประเทศอื่นๆ
ที่ใช้ภาษากรีก และ ลาติน
ภาษาฝรั่งเศสและเยอรมัน ภาษาสลาฟและอังกฤษ
มีคนที่ใช้ภาษาที่แตกต่างกันมาอยู่รวมกันที่นั่น นักบุญอันตนมีความเร่าร้อนในการเทศน์สอนด้วยอำนาจของพระจิตเจ้าและมีแรงบันดาลใจในการแพร่ธรรมเช่นเดียวกับอัครสาวก
ท่านเริ่มเทศน์และอธิบายพระวาจาของพระเจ้าอย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยความศรัทธา ละเอียดชัดเจนและเข้าใจได้ ผู้ที่อยู่ในที่ประชุมสงฆ์ ถึงแม้จะพูดภาษาที่แตกต่างกัน แต่ก็ฟังคำเทศน์ของนักบุญอันตนได้เข้าใจเหมือนเป็นภาษาของแต่ละคน
ทุกคนจึงพากันประหลาดใจและเต็มเปี่ยมด้วยความศรัทธา ดูเหมือนว่าอัศจรรย์เดียวกันกับที่อัครสาวกเคยกระทำในวันเปนเตคอสเตได้เกิดขึ้นในเวลานั้นอีกครั้ง ด้วยอำนาจของพระจิตเจ้า อัครสาวกพูดภาษาต่างๆได้ ตามที่หนังสือกิจการอัครสาวกได้เขียนบรรยายไว้ และในที่ประชุมสงฆ์คนเหล่านั้นพูดกันว่า
“เขาไม่ใช่ชาวอิตาเลี่ยนหรอกหรือ?”
ทำไมพวกเราจึงได้ยินเขาพูดเป็นภาษาของพวกเรา เราที่ใช้ภาษากรีกและลาติน ฝรั่งเศสและเยอรมัน สลาฟและอังกฤษ
ลอมบาร์ดีและประเทศอื่นๆได้ยินเขาพูดภาษาของเรา
วันพฤหัสบดีที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2559
การรักษาโรคทางร่างกายและจิตใจ
ปี 1840 ชายผู้หนึ่งชื่อ โรเชต Rochette พาลูกชายของเขาซึ่งเจ็บป่วยไปพบกับคุณพ่อยอห์น มารีย์
เวียนเนย์ เจ้าอาวาสแห่งอาร์ส
โดยมีภรรยาติดตามมาด้วย
ภรรยาได้ไปสารภาพบาปและรับศีลมหาสนิท
ขณะที่โรเชตสนใจแต่เพียงการรักษาอาการป่วยของลูกชายให้หายเท่านั้น เขาจึงเข้าไปในโบสถ์เพียงไม่กี่นาที แล้วไปยืนอยู่บริเวณอ่างน้ำเสกซึ่งอยู่ท้ายโบสถ์
คุณพ่อเจ้าอาวาสเดินจากพระแท่นไปยังที่ฟังสารภาพบาป
โรเชตเห็นคุณพ่อเรียกเขาให้มายังที่ฟังสารภาพบาปนั้น แต่เขาปฏิเสธ
ในเวลานั้นภรรยาของเขาและลูกชายอยู่ใกล้กับที่ฟังสารภาพบาป คุณพ่อเวียนเนย์ถามผู้เป็นภรรยาว่า
“เขาไม่มีความเชื่อมากถึงเพียงนี้เชียวหรือ?”
สุดท้าย
เมื่อจบการเทศน์ครั้งที่สามของคุณพ่อเวียนเนย์ โรเชตก็ตัดสินใจเดินไปยังที่ฟังสารภาพบาป “เอาละ” เขาคิด “คุณพ่อเจ้าอาวาสคงไม่กินฉันหรอก” เขาเดินตามคุณพ่อเวียนเนย์ไปเบื้องหลังพระแท่น โดยไม่รอช้า
คุณพ่อพูดว่า “โรเชต
ตรงนี้แหละเป็นที่สำหรับเราทั้งสอง” แล้วท่านชี้นิ้วไปที่ฟังสารภาพบาป “จงเข้าไปข้างใน” โรเชต ตอบว่า “โอ ผมยังไม่อยากสารภาพบาปหรอกครับ” แต่คุณพ่อย้ำว่า
“เราจะต้องเริ่มต้นที่นั่น”
โรเชตรู้สึกตั้งตัวไม่ติดต่อการโจมตีอย่างทันทีทันใดนี้ เขาคุกเข่าลงและพูดกระอึกกระอักว่า
“คุณพ่อครับ.....เป็นเวลานานประมาณสิบปีแล้ว.....” คุณพ่อพูดว่า “บอกให้ใกล้เคียงกว่านี้ซิ” “ประมาณสิบสองปีครับ.....” คุณพ่อพูดอีกว่า
“บอกให้ใกล้เคียงกว่านี้อีก” โรเชตพูดว่า
“ครับ...คือตั้งแต่ปีศักดิ์สิทธิ์ 1826”
คุณพ่อพูดว่า “อา...ใช่แล้วตอนนั้นแหละ
เราจะพบเมื่อใช้ความพยายามสักเล็กน้อย”
แล้วโรเชตก็สารภาพบาปทั้งหมดของเขาเหมือนเด็กเล็กๆ ในวันต่อมาโรเชตและภรรยาก็มาคุกเข่าที่โบสถ์ ส่วนลูกชายของเขา
เดินออกจากโบสถ์โดยไม่ต้องใช้ไม้ค้ำพยุงสองข้างนั้นอีก เพราะไม่ต้องใช้อีกต่อไป
คุณพ่อเวียนเนย์ได้รักษาโรคฝ่ายจิตใจของผู้เป็นพ่อ และรักษาโรคฝ่ายร่างกายของผู้เป็นลูก เป็นอัศจรรย์สองครั้งในครั้งเดียว
วันพุธที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2559
โทรศัพท์ของพระสันตปาปา
ROME —พระสันตปาปาฟรังซิสทรงทำให้หลายคนประหลาดใจ พระองค์โทรศัพท์ไปหาโดยที่พวกเขาไม่คาดคิด คนล่าสุดที่ได้รับโทรศัพท์จากพระสันตปาปาฟรังซิสเป็นฆาตกรชาวอิตาเลี่ยนชื่อ
ปิเอตโตร มาโซ
ในปี
1991 มาโซ ด้วยความช่วยเหลือจากเพื่อนอีกสองคน ได้ฆ่าพ่อแม่ของเขาเองด้วยการใช้กระทะตีจนสลบ แล้วใช้ถุงพลาสติกและเท้าทำให้เหยื่อหายใจไม่ออกจนตาย จากคำสารภาพของเขาเมื่อถูกจับ เขาฆ่าพ่อแม่เพราะไม่ต้องการรอที่จะรับมรดก
คดีนี้เป็นคดีสะเทือนขวัญที่ดังมากในอิตาลี และมาโซเป็นฆาตกรที่ฆ่าคนในครอบครัวอย่างเลือดเย็น
พระสันตปาปาฟรังซิสได้โทรศัพท์ไปหามาโซในปี
2013 เพื่อให้ความหวังซึ่งเป็นเหมือนเส้นด้ายเส้นสุดท้ายแก่เขา และนี่ก็เป็นความพยายามของพระองค์ที่จะตอบคำถามคนที่เขียนจดหมายมาหาพระองค์บรรยายถึงความเจ็บปวดของพวกเขา และวอนขอการให้อภัย
วันอังคารที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2559
สาส์นแม่พระวันที่2-25ม.ค.2016
ลูกที่รักทั้งหลาย
ในวันนี้แม่ขอให้ลูกทุกคนสวดภาวนา
ลูกไม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้โดยปราศจากการสวดภาวนา
เพราะการสวดภาวนาเป็นสายโซ่ที่นำลูกเข้าใกล้พระเป็นเจ้า เพราะฉะนั้น
ลูกน้อยทั้งหลาย
จงหันกลับมาหาพระเป็นเจ้าและปฏิบัติตามพระบัญญัติของพระองค์ด้วยหัวใจที่ถ่อมตน
เพื่อที่ลูกจะสามารถพูดได้อย่างสุดหัวใจว่า
ขอให้พระประสงค์จงสำเร็จในแผ่นดินเหมือนในสวรรค์ พวกลูก , ลูกน้อยทั้งหลาย,ลูกมีอิสระในการตัดสินใจที่จะอยู่กับพระเป็นเจ้าหรือต่อสู้กับพระองค์ พิจารณาดูเถิดว่าที่ใดที่ซาตานต้องการดึงลูกให้ตกลงไปในบาปและการเป็นทาสของมัน เพราะฉะนั้น, ลูกน้อยทั้งหลาย,
จงหันกลับมาสู่ดวงหทัยของแม่เถิด
เพื่อที่แม่จะสามารถนำพวกลูกไปสู่องค์พระบุตรเยซูของแม่ ผู้ทรงเป็นหนทาง, ความจริง และชีวิตขอขอบใจที่ตอบสนองเสียงเรียกของแม่
ลูกที่รักทั้งหลาย
ในฐานะมารดา แม่มีความยินดีที่ได้อยู่ท่ามกลางพวกลูก เพราะแม่ปรารถนาจะพูดอีกครั้งเกี่ยวกับพระวาจาขององค์พระบุตรของแม่และเกี่ยวกับความรักของพระองค์
แม่หวังว่าลูกจะยอมรับคำพูดของแม่นี้ด้วยหัวใจ
เพราะพระวาจาและความรักขององค์พระบุตรของแม่เป็นแสงสว่างและความหวังเพียงหนึ่งเดียวในความมืดของทุกวันนี้
นี่คือความจริงและผู้ที่ยอมรับและปฏิบัติตามจะมีหัวใจที่บริสุทธิ์และถ่อมตน
องค์พระบุตรของแม่ทรงรักผู้ที่มีหัวใจบริสุทธิ์และถ่อมตน
หัวใจที่บริสุทธิ์และถ่อมตนนำชีวิตมาสู่พระวาจาของพระองค์
พวกเขาจะปฏิบัติตามและเผยแพร่ออกไป ทำให้ทุกคนที่ฟังพวกเขาสามารถปฏิบัติตามได้
พระวาจาขององค์พระบุตรของแม่จะนำชีวิตกลับคืนมาสู่ผู้ที่ฟังพวกเขา
พระวาจาขององค์พระบุตรของแม่นำความรักและความหวังกลับคืนมา
เพราะฉะนั้น อัครสาวกสุดที่รักของแม่ ลูกทั้งหลายของแม่ จงปฏิบัติตามพระวาจาขององค์พระบุตรของแม่เถิด
จงรักซึ่งกันและกันเหมือนที่พระองค์ทรงรักลูก
จงรักซึ่งกันและกันในพระนามของพระองค์ เพื่อเป็นที่ระลึกถึงพระองค์
พระศาสนจักรก้าวหน้าขึ้นและเจริญเติบโตขึ้นก็เพราะผู้ที่ฟังพระวาจาขององค์พระบุตรของแม่
เพราะผู้ที่รัก เพราะผู้ที่มีความทุกข์และยอมทนอย่างเงียบสงบในความหวังแห่งการไถ่กู้ครั้งสุดท้าย เพราะฉะนั้น ลูกทั้งหลายอันเป็นสุดที่รักของแม่ ขอให้พระวาจาขององค์พระบุตรของแม่และความรักของพระองค์ เป็นความคิดอันแรกและอันสุดท้ายในชีวิตแต่ละวันของลูกเถิด
ขอขอบใจลูก
วันจันทร์ที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2559
ภาพยนตร์เรื่องใหม่
หลังจากภาพยนตร์ “The
Passion of Christ” ประสบความสำเร็จอย่างดี
ก็มีการสร้างภาพยนตร์เกี่ยวกับพระเยซูเจ้าตามมาอีก ในปีนี้ทาง โซนี่พิคเจอร์ได้สร้างภาพยนตร์เรื่องใหม่ชื่อ RISEN เค้าโครงเรื่องเป็นเรื่องราวภายหลังการกลับคืนชีพของพระเยซู โดยให้ทหารโรมันชื่อคลาเวียส (แสดงโดยโจเซฟ ฟินน) ได้รับมอบหมายจากปอนซีอัส
ปีลาตให้ตามหาศพของพระเยซูที่หายไป โดยทางสมณะกล่าวหาว่าศิษย์ของพระเยซูขโมยไป
แต่บรรดาศิษย์บอกว่าพระองค์กลับฟื้นคืนพระชนม์จากความตาย เนื้อเรื่องเป็นมุมมองจากทหารโรมันที่ไม่เชื่อว่าพระเยซูเจ้าทรงกลับฟื้นคืนชีพจึงพยายามค้นหาพระศพและตามล่าบรรดาศิษย์ของพระองค์ คาดว่าจะออกฉายในเดือนกุมภาพันธ์
วันเสาร์ที่ 23 มกราคม พ.ศ. 2559
remembrance
“จงทำสิ่งนี้เพื่อเป็นที่ระลึกถึงเรา” remembrance
เป็นเรื่องสำคัญที่เราควรรู้จักคำว่า “เป็นที่ระลึกถึงเรา”remembrance ที่พระเยซูเจ้าทรงใช้ใน ลูกา 22:19 นั้นมิได้มีความหมายถึงสิ่งที่เป็นอดีตที่ผ่านมาแล้ว ต่อไปนี้เป็นความหมายทั้งหมดของคำที่มาจากภาษากรีก “anamnesis” (“Do this in remembrance (anamnesis) of me” จงทำสิ่งนี้เพื่อเป็นที่ระลึกถึงเรา). คำว่า “anamnesis” มีความหมายว่า”ทำยัญบูชาในอดีตให้ปรากฏขึ้นมาในวันนี้” นี่เป็นมุมมองที่ชาวยิวใช้กับการเลี้ยงอาหารในพิธีปัสกาของพวกเขา – “พวกเราได้รับอิสระภาพจากการเป็นทาสในวันนี้” พระบัญญัติของพระเป็นเจ้ากล่าวว่า “จงถือวันพระเจ้าเป็นวันศักดิ์สิทธิ์” “Remember to keep holy the lord’s day” มิใช่เพียงแค่สำนึกรู้ว่า “วันนี้เป็นวันพระเจ้า” แล้วไม่ทำอะไรเลย แต่มีความหมายว่าจงไปเฝ้าพระเป็นเจ้าในโบสถ์ และเมื่อโจรที่ถูกตรึงกางเขนพร้อมกับพระเยซูเจ้าพูดว่า “โปรดระลึกถึง( remembrance )ข้าพเจ้าด้วย เมื่อพระองค์เข้าสู่พระอาณาจักรของพระองค์” เขาก็ไม่ได้หมายถึงขอให้พระเยซูเจ้าคิดถึงเขา เมื่อพระองค์เข้าสู่สวรรค์แล้ว (และไม่ได้ทำอะไรเพื่อเขาอีก) แต่เขาหมายถึง เขาปรารถนาจะได้อยู่กับพระเยซูเจ้าในสวรรค์ด้วย
เป็นเรื่องสำคัญที่เราควรรู้จักคำว่า “เป็นที่ระลึกถึงเรา”remembrance ที่พระเยซูเจ้าทรงใช้ใน ลูกา 22:19 นั้นมิได้มีความหมายถึงสิ่งที่เป็นอดีตที่ผ่านมาแล้ว ต่อไปนี้เป็นความหมายทั้งหมดของคำที่มาจากภาษากรีก “anamnesis” (“Do this in remembrance (anamnesis) of me” จงทำสิ่งนี้เพื่อเป็นที่ระลึกถึงเรา). คำว่า “anamnesis” มีความหมายว่า”ทำยัญบูชาในอดีตให้ปรากฏขึ้นมาในวันนี้” นี่เป็นมุมมองที่ชาวยิวใช้กับการเลี้ยงอาหารในพิธีปัสกาของพวกเขา – “พวกเราได้รับอิสระภาพจากการเป็นทาสในวันนี้” พระบัญญัติของพระเป็นเจ้ากล่าวว่า “จงถือวันพระเจ้าเป็นวันศักดิ์สิทธิ์” “Remember to keep holy the lord’s day” มิใช่เพียงแค่สำนึกรู้ว่า “วันนี้เป็นวันพระเจ้า” แล้วไม่ทำอะไรเลย แต่มีความหมายว่าจงไปเฝ้าพระเป็นเจ้าในโบสถ์ และเมื่อโจรที่ถูกตรึงกางเขนพร้อมกับพระเยซูเจ้าพูดว่า “โปรดระลึกถึง( remembrance )ข้าพเจ้าด้วย เมื่อพระองค์เข้าสู่พระอาณาจักรของพระองค์” เขาก็ไม่ได้หมายถึงขอให้พระเยซูเจ้าคิดถึงเขา เมื่อพระองค์เข้าสู่สวรรค์แล้ว (และไม่ได้ทำอะไรเพื่อเขาอีก) แต่เขาหมายถึง เขาปรารถนาจะได้อยู่กับพระเยซูเจ้าในสวรรค์ด้วย
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)