พระเมตตาของพระเยซูเจ้า

จงบอกมนุษยชาติที่กำลังเจ็บป่วย ให้เข้ามาใกล้หัวใจอันเมตตาของเรา แล้วเราจะประทานสันติภาพให้แก่มนุษยชาติ พระเมตตาของเราไม่มีวันสิ้นสุดเลย

พระวาจาวันอาทิตย์ที่ 6 เมษายน 2025 หญิงที่ถูกกล่าวหาว่าทำผิดประเวณี

           พระเยซูเจ้าเสด็จไปยังภูเขามะกอกเทศ เช้าตรู่วันรุ่งขึ้น พระองค์เสด็จไปในพระวิหารอีก ประชาชนเข้ามาห้อมล้อมพระองค์ พระองค์ประทับนั่ง แล้วทรงเริ่มสั่งสอน บรรดาธรรมาจารย์และชาวฟาริสีนำหญิงคนหนึ่งเข้ามา หญิงคนนี้ถูกจับขณะล่วงประเวณี เขาให้นางยืนตรงกลาง แล้วทูลถามพระองค์ว่า “อาจารย์ หญิงคนนี้ถูกจับขณะล่วงประเวณี ในธรรมบัญญัติ โมเสสสั่งเราให้ทุ่มหินหญิงประเภทนี้จนตาย ส่วนท่านจะว่าอย่างไร” เขาถามพระองค์เช่นนี้ เพื่อทดลองพระองค์ หวังจะหาเหตุปรักปรำพระองค์ แต่พระเยซูเจ้าทรงก้มลง เอานิ้วพระหัตถ์ขีดเขียนที่พื้นดิน เมื่อคนเหล่านั้นยังทูลถามย้ำอยู่อีก พระองค์ทรงเงยพระพักตร์ขึ้น ตรัสว่า “ท่านผู้ใดไม่มีบาป จงเอาหินทุ่มนางเป็นคนแรกเถิด” แล้วทรงก้มลงขีดเขียนบนพื้นดินต่อไป เมื่อคนเหล่านั้นได้ฟังดังนี้ ก็ค่อย ๆ ทยอยออกไปทีละคน เริ่มจากคนอาวุโส จนเหลือแต่พระเยซูเจ้าตามลำพังกับหญิงคนนั้น ซึ่งยังคงยืนอยู่ที่เดิม พระเยซูเจ้าทรงเงยพระพักตร์ขึ้น ตรัสกับนางว่า “นางเอ๋ย พวกนั้นไปไหนหมด ไม่มีใครลงโทษท่านเลยหรือ” หญิงคนนั้นทูลตอบว่า “ไม่มีใครเลย พระเจ้าข้า” พระเยซูเจ้าตรัสว่า “เราก็ไม่ลงโทษท่านด้วย ไปเถิด และตั้งแต่นี้ไป อย่าทำบาปอีก”
(ยอห์น 8:1-11)








วันศุกร์ที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2566

สระน้ำซีโลอัม



สถานที่ที่มีชื่อเสียงซึ่งมีชื่ออยู่ในพระธรรมใหม่และเป็นที่ที่พระเยซูคริสต์ทรงรักษาคนตาบอดได้ถูกค้นพบในการขุดค้นทางโบราณคดี 
สระน้ำซีโลอัม(Siloam) ถูกค้นพบหลังจากถูกทรายปกคลุมอยู่ในทะเลทรายมานานกว่า 2,000 ปี สระน้ำแห่งนี้อยู่ในกรุงเยรูซาเลมซึ่งถูกสร้างขึ้นครั้งแรกในศตวรรษที่ 8 ก่อนคริสต์ศักราช ภายใต้รัชสมัยของกษัตริย์เฮเซคียาห์ สระน้ำถูกค้นพบโดยความร่วมมือระหว่างหน่วยงานโบราณวัตถุแห่งอิสราเอล หน่วยงานอุทยานแห่งชาติแห่งอิสราเอล และมูลนิธิเมืองเดวิด การค้นพบนี้ถือเป็นเรื่องสำคัญสำหรับคริสตชน
ยอห์น 9 : 6 – 41 
ชายตาบอดได้รับการรักษาจากพระเยซู โดยพระองค์เอาโคลนทาตาของเขา แล้วให้เขาไปล้างที่สระสิโลอัม แล้วเขาก็หายดี 
สิ่งที่เราเห็นได้ว่าชายคนนี้เป็นโรคตาบอดแต่กำเนิด เพื่อเป็นการถวายเกียรติแด่พระเจ้าสูงสุด และเขาได้ประกาศให้บรรดาฟาริสีรู้ทั่วกันว่า พระเยซูเจ้าทรงเป็นพระเมสสิยาห์ 
มากกว่านั้น ชายคนนั้นยัง เข้าใจถึงพระวาจาที่แท้จริงของพระเจ้า เมื่อเขาโต้ตอบกับฟาริสีและกล่าวว่า "เรารู้ว่าพระเจ้าไม่ทรงฟังคนบาป แต่ทรงฟังคนที่ยำเกรงพระองค์และทำตามพระทัยของพระองค์ ” (31) 
และสุดท้าย ชายคนนั้นก็ได้ยืนหยัดและวางใจในพระเยซู ( 38 ) และเขาได้ถูกฟาริสีไล่ออกมา เสมือนหนึ่งถูกตราหน้าว่าไม่เชื่อฟัง หรือไม่ยอมรับสิทธิอำนาจของโมเสส เขาได้มีส่วนในการร่วมทนทุกข์กับพระคริสต์แล้ว เพราะความไว้วางใจในพระเยซูของเขา 
มีหลายเหตุการณ์ที่เข้ามาในชีวิตเพื่อทำให้เราตอบสนองตามน้ำพระทัยของพระเจ้า แม้เรายังไม่รู้ว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมีความหมายอย่างไร แต่เราก็เลือกที่จะเชื่อและวางใจ ทำส่วนของเราด้วยความซื่อสัตย์ต่อไป และพระสัญญาของพระองค์ก็จะสำเร็จสมบูรณ์ในที่สุด

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น