พระเมตตาของพระเยซูเจ้า

จงบอกมนุษยชาติที่กำลังเจ็บป่วย ให้เข้ามาใกล้หัวใจอันเมตตาของเรา แล้วเราจะประทานสันติภาพให้แก่มนุษยชาติ พระเมตตาของเราไม่มีวันสิ้นสุดเลย

พระวาจาวันอาทิตย์ที่ 7 กรกฏาคม 2024 พระเยซูเจ้าเสด็จกลับมาที่เมืองนาซาเร็ธ

           พระเยซูเจ้าเสด็จออกจากที่นั่นกลับไปยังถิ่นกำเนิดของพระองค์ บรรดาศิษย์ติดตามไปด้วย ครั้นถึงวันสับบาโตพระองค์ทรงเริ่มสั่งสอนในศาลาธรรม ผู้ฟังมากมายต่างประหลาดใจ และพูดว่า “เขาเอาเรื่องทั้งหมดนี้มาจากไหน ปรีชาญาณที่เขาได้รับมานี้คืออะไร อะไรคืออัศจรรย์ที่สำเร็จด้วยมือของเขา คนนี้เป็นช่างไม้ ลูกนางมารีย์ เป็นพี่น้องของยากอบ โยเสท ยูดาและซีโมนไม่ใช่หรือ พี่สาวน้องสาวของเขาก็อยู่ที่นี่กับพวกเรามิใช่หรือ” คนเหล่านั้นรู้สึกสะดุดใจและไม่ยอมรับพระองค์ พระเยซูเจ้าตรัสแก่เขาว่า “ประกาศกย่อมไม่ถูกเหยียดหยามนอกจากในถิ่นกำเนิด ท่ามกลางวงศ์ญาติ และในบ้านของตน” พระองค์ทรงทำอัศจรรย์ที่นั่นไม่ได้ นอกจากทรงปกพระหัตถ์รักษาผู้เจ็บป่วยบางคนให้หายจากโรคภัย พระองค์ทรงแปลกพระทัยที่เขาเหล่านั้นไม่มีความเชื่อ
(มาระโก 6:1-6)








วันศุกร์ที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2564

วันพฤหัสบดีที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2564

ฉลองแม่พระปฏิสนธินิรมล 8 ธ.ค.


คุณพ่อปีโอกล่าวว่า “แม่พระทรงเป็นทางลัดไปสู่พระเป็นเจ้า”
ไม่ต้องสงสัยเลย  เพื่อที่จะชมพระพักตร์ของพระเยซูเจ้า  เราต้องหันไปหาพระมารดาของพระองค์  และเป็นพระนางผู้ซึ่งเรากำลังเพ่งมองที่จะช่วยรักษาโรคร้ายของเรา  และทรงเปลี่ยนน้ำตาของเราให้กลายเป็นคำภาวนา  เรามอบถวายความทุกข์ของเราแด่พระนางเพื่อที่จะได้รับความรอดของวิญญาณ  มอบถวายความโดดเดี่ยวเดียวดายของเราเพื่อมันจะได้กลับกลายเป็นการพินิจไตร่ตรอง  มอบถวายความกลัวของเราเพื่อมันจะได้กลายเป็นความหวัง
เรามีความเชื่อมั่นตามที่นักบุญเบอร์นาร์ดแห่งคลาวอยซ์ ได้เขียนไว้ในบทภาวนาของท่านว่า  “โปรดระลึกเถิด  โอ้  พรหมจารีย์มารีย์  ผู้โอบอ้อมอารีย์  แต่ไหนแต่ไรมา  ยังไม่เคยได้ยินเลยว่า  ผู้ที่มาพึ่งท่าน  มาขอความช่วยเหลือคุ้มครองจากท่าน  ถูกท่านทอดทิ้ง”
ในวันฉลองแม่พระปฏิสนธินิรมลทินนี้  พ่อขอมอบความปรารถนาดีแก่  ทุกท่านที่เป็นผู้อ่าน  แก่ครอบครัวของท่าน  และแก่ผู้ที่ท่านรักทุกคน

วันพุธที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2564

คำพูดของนักบุญ



ข้าพเจ้าขอพูดอย่างเด็ดขาดและไม่มีข้อยกเว้น จงอย่าโกรธเลยถ้าเป็นไปได้…. เมื่อเราพบว่าตัวเองอยู่ในความโกรธ อันเนื่องมาจากความใจร้อนและความอ่อนแอของเราเอง เป็นการดีกว่าที่จะขับไล่มันออกไปโดยเร็วที่สุดแทนที่จะไปรั้งมันไว้….เมื่อเราพบว่าเราถูกกระตุ้นให้โกรธ เราต้องขอความช่วยเหลือจากพระเจ้า 
- นักบุญฟรังซิส เดอ ซาลส์

วันอังคารที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2564

อัศจรรย์ศีลมหาสนิทที่วัลเดิร์น


 
อัศจรรย์ศีลมหาสนิทที่วัลเดิร์น,เยอรมนี,ในปี1330 คุณพ่อไฮน์ริช อ็อตตา(Heinrich Otta) ซึ่งกำลังประกอบพิธีมิสซาอยู่ภายในโบสถ์เซนต์จอร์จ ท่านได้บังเอิญพลิกจอกกาลิกษ์เหล้าองุ่น,ทำให้ไวน์ศักดิ์สิทธิ์ที่ได้รับการเสกแล้วหกออกมา และในทันทีเหล้าองุ่นได้กลับกลายเป็นโลหิตมนุษย์อย่างแท้จริงซึ่งได้ก่อตัวขึ้นบนผ้ารองจอกกาลิกษ์เป็นพระรูปของพระคริสต์ที่ถูกตรึงกางเขน ล้อมรอบด้วยรูปศีรษะพระคริสต์ที่สวมมงกุฎหนามสิบเอ็ดรูป 
ศีรษะพระคริสต์ที่สวมมงกุฎหนามสิบเอ็ดรูปนี้ อาจหมายถึงอัครสาวกสิบเอ็ดองค์ที่ได้หนีไปหลบซ่อนตัวหลังจากที่พระเยซูทรงถูกจับกุม มีเพียงนักบุญยอห์น อัครสาวกเพียงคนเดียวที่อยู่แทบเชิงกางเขนพร้อมกับแม่พระ พระเยซูทรงแสดงให้รู้ว่าพระองค์ทรงเสียพระทัยและยอมทนทุกข์ทรมานเพื่ออัครสาวกสิบเอ็ดองค์นี้ด้วย อัครสาวกสิบเอ็ดองค์นี้อาจเป็นตัวแทนหมายถึงคริสตชนที่ยังมีความกลัวต่อภัยอันตรายจากโลกภายนอกและไม่กล้าเผชิญหน้ากับศัตรูของพระศาสนจักรซึ่งเป็นพระกายลึกลับของพระคริสต์

วันจันทร์ที่ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2564

วาระสุดท้ายของนักบุญ


“ช่างเป็นสถานที่ที่ดียิ่งนักสำหรับผู้ป่วยในการเตรียมตัวเพื่อรับความตาย”
>>>ดูเพิ่มเติม

วันอาทิตย์ที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2564

วันเสาร์ที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2564

อัศจรรย์จากบราเดอร์อังเดร


แพทย์หลายคนซึ่งเกลียดชังศาสนาได้ใส่ร้ายชายร่างเล็กที่พวกเขามองว่าเป็น “ผู้รักษาจอมปลอม”
>>>ดูเพิ่มเติม