Pages
พระเมตตาของพระเยซูเจ้า
จงบอกมนุษยชาติที่กำลังเจ็บป่วย ให้เข้ามาใกล้หัวใจอันเมตตาของเรา แล้วเราจะประทานสันติภาพให้แก่มนุษยชาติ พระเมตตาของเราไม่มีวันสิ้นสุดเลย
พระวาจาวันอาทิตย์ที่ 19 พฤษภาคม 2024 สมโภชพระจิตเจ้า
  ค่ำวันนั้นซึ่งเป็นวันต้นสัปดาห์ ประตูห้องที่บรรดาศิษย์กำลังชุมนุมกันปิดอยู่เพราะกลัวชาวยิว พระเยซูเจ้าเสด็จเข้ามาประทับยืนอยู่ตรงกลาง ตรัสกับเขาทั้งหลายว่า “สันติสุขจงสถิตอยู่กับท่านทั้งหลายเถิด” ตรัสดังนี้แล้ว พระองค์ทรงให้บรรดาศิษย์ดูพระหัตถ์และด้านข้างพระวรกาย เมื่อเขาเหล่านั้นเห็นองค์พระผู้เป็นเจ้า ก็มีความยินดี พระองค์ตรัสกับเขาอีกว่า “สันติสุขจงสถิตอยู่กับท่านทั้งหลายเถิด พระบิดาทรงส่งเรามาฉันใด เราก็ส่งท่านทั้งหลายไปฉันนั้น”
  ตรัสดังนี้แล้ว พระองค์ทรงเป่าลมเหนือเขาทั้งหลาย ตรัสว่า “จงรับพระจิตเจ้าเถิด ท่านทั้งหลายอภัยบาปของผู้ใด บาปของผู้นั้นก็ได้รับการอภัย ท่านทั้งหลายไม่อภัยบาปของผู้ใด บาปของผู้นั้นก็ไม่ได้รับการอภัยด้วย”
(ยอห์น 20:19-23)
พระวาจาวันอาทิตย์ที่ 19 พฤษภาคม 2024 สมโภชพระจิตเจ้า
  ค่ำวันนั้นซึ่งเป็นวันต้นสัปดาห์ ประตูห้องที่บรรดาศิษย์กำลังชุมนุมกันปิดอยู่เพราะกลัวชาวยิว พระเยซูเจ้าเสด็จเข้ามาประทับยืนอยู่ตรงกลาง ตรัสกับเขาทั้งหลายว่า “สันติสุขจงสถิตอยู่กับท่านทั้งหลายเถิด” ตรัสดังนี้แล้ว พระองค์ทรงให้บรรดาศิษย์ดูพระหัตถ์และด้านข้างพระวรกาย เมื่อเขาเหล่านั้นเห็นองค์พระผู้เป็นเจ้า ก็มีความยินดี พระองค์ตรัสกับเขาอีกว่า “สันติสุขจงสถิตอยู่กับท่านทั้งหลายเถิด พระบิดาทรงส่งเรามาฉันใด เราก็ส่งท่านทั้งหลายไปฉันนั้น”
  ตรัสดังนี้แล้ว พระองค์ทรงเป่าลมเหนือเขาทั้งหลาย ตรัสว่า “จงรับพระจิตเจ้าเถิด ท่านทั้งหลายอภัยบาปของผู้ใด บาปของผู้นั้นก็ได้รับการอภัย ท่านทั้งหลายไม่อภัยบาปของผู้ใด บาปของผู้นั้นก็ไม่ได้รับการอภัยด้วย”
(ยอห์น 20:19-23)
วันเสาร์ที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2567
วันศุกร์ที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2567
เสื้อคลุมประวัติศาสตร์
วันที่ 13 พฤษภาคม 1981 ซึ่งเป็นวันฉลองแม่พระประจักษ์ที่ฟาติมา และยังเป็นวันที่เกิดเหตุการณ์ลอบสังหารนักบุญพระสันตปาปายอห์น ปอลที่ 2 ด้วย ในปีถัดมา,พระสันตปาปาเสด็จไปยังฟาติมาเพื่อขอบคุณพระนางมารีย์พรหมจารีย์ที่ช่วยชีวิตพระองค์ไว้ และพระสันตปาปาทรงนำกระสุนที่เจาะทะลุพระองค์ไปใส่ไว้ในมงกุฎที่สวมพระรูปแม่พระฟาติมา
เสื้อคลุมคาสซอค(cassock)ที่เปื้อนเลือดซึ่งพระสันตะปาปายอห์นปอลที่ 2 สวมในวันนั้นได้รับการเก็บรักษาไว้ที่เมืองคราคูฟ ประเทศโปแลนด์
วันพฤหัสบดีที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2567
ภาพยนตร์บารับบาส
ในปี 1961 ภาพยนตร์เรื่อง บารับบาส (Barabbas) ได้ถ่ายทำถาพยนตร์ในขณะที่เกิดสุริยุปราคาขึ้น ภาพยนตร์ถ่ายทำในอิตาลี ในวันที่ 15 กุมภาพันธุ์ 1961 ริชาร์ด เฟรเชอร์เป็นผู้อำนวยการภาพยนตร์ นับเป็นเพียงครั้งเดียวที่สามารถทำได้ และเพื่อให้ดูสมจริง,เขาจึงยอมเลื่อนเวลาให้ตรงกับเวลาที่เกิดสุริยุปราคาครั้งนี้
วันพุธที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2567
วันอังคารที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2567
พระเจ้าทรงดูแล
มีเรื่องราวเล่าว่ากลุ่มร็อคกี้เฟลเลอร์,มหาเศรษฐีของอเมริกา,จงใจวางรูปปั้น Atlas (ลูกโลก) ไว้ตรงข้ามกับมหาวิหารเซนต์แพทริคในนิวยอร์ก เป็นสัญลักษณ์ถึงความยากลำบากของมนุษย์ที่ไม่ได้รับความช่วยเหลือจากพระเจ้า เพื่อเป็นการตอบสนองต่อสิ่งนี้, พระอัครสังฆราช ซึ่งน่าจะเป็นพระคาร์ดินัลเฮย์ส (Cardinal Hayes)ได้สร้างรูปปั้นพระกุมารเยซูแห่งปราก ทรงถือลูกโลกไว้ในพระหัตถ์ แสดงถึงความใส่พระทัยของพระเจ้าที่มีต่อมนุษย์และทรงช่วยเหลือดูแลเสมอ
วันจันทร์ที่ 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2567
นักบุญโยเซฟองค์อุปถัมภ์ของคนยากจน
นักบุญโยเซฟไม่เพียงแต่ช่วยเหลือพระสงฆ์หรือนักบวชเท่านั้น แต่ท่านยังช่วยเหลือคนยากจนทุกคนที่เข้ามาลี้ภัยในท่านด้วยความมั่นใจ มีบันทึกตัวอย่างมากมายที่นักบุญโยเซฟช่วยเหลือคนยากจนและคนขัดสนในลักษณะที่ยอดเยี่ยมที่สุด คนยากจนควรเคารพและวิงวอนท่านนักบุญโยเซฟเป็นพิเศษเมื่อประสบปัญหา ท่านจะไม่ปล่อยให้ผู้ที่ไว้วางใจในท่านต้องสับสน ขณะอยู่บนโลกนี้ นักบุญโยเซฟเองก็ประสบความยากลำบากจากความยากจน ดังนั้นเวลานี้ท่านจึงเป็นองค์อุปถัมภ์คนยากจนที่ดีและมีอำนาจมาก
ที่มา: Favorite Prayers to St. Joseph
วันอาทิตย์ที่ 12 พฤษภาคม พ.ศ. 2567
วันเสาร์ที่ 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2567
วันศุกร์ที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2567
วันพฤหัสบดีที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2567
ความเกลียดชังในบาป
มีเรื่องราวหนึ่งเกี่ยวกับนักบุญยอห์น เวียนเนย์ เจ้าอาวาสแห่งอารส์ ท่านฟังสารภาพบาปของผู้คนจำนวนมาก และขณะที่ชายผู้หนึ่งกำลังสารภาพบาปของเขา นักบุญยอห์น เวียนเนย์ก็เริ่มร้องไห้ และชายคนนั้นก็ถามนักบุญว่า “ทำไมคุณพ่อจึงร้องไห้?” ท่านตอบว่า “พ่อร้องไห้ เพราะลูกไม่ได้มีความเกลียดชังในบาป”
เราก็อาจไม่มีความเกลียดชังในบาป,อย่างเช่นบาปเบา เรามักมีท่าทีแบบนี้ “ผมรู้ว่าการกระทำนี้เป็นสิ่งผิด แต่มันก็ไม่เลวร้ายอะไร มันไม่ได้เป็นเรื่องหนักหนาสาหัส ผมไม่ได้ไปนรกด้วยบาปนี้” ให้เราระลึกถึงพระวาจาของพระเยซูเจ้าตรัสไว้ในพระวรสาร “ท่านต้องรักพระเจ้าของท่านด้วยสิ้นสุดจิตใจ สิ้นสุดวิญญาณ และสิ้นสุดกำลัง”
ให้เราพยายามหลีกเลี่ยงบาปทุกชนิดไม่ว่าจะหนักหรือเบาเพื่อพระเจ้า พยายามทำให้พระองค์ทรงพอพระทัยมากที่สุดเท่าที่จะทำได้
วันพุธที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2567
ศักดิ์ศรีของพระสงฆ์
คุณพ่อบอสโกพูดถึงพระสงฆ์ไว้ดังนี้
“ไม่มีอะไรในโลกนี้ที่ดีเลิศไปกว่าศักดิ์ศรีของพระสงฆ์” - (นักบุญแอมโบรส)
พ่อเป็นพระสงฆ์ ศักดิ์ศรีของพ่ออยู่เหนือกว่าทูตสวรรค์
บรรดาปิตาจารย์ทั้งหมด, นักปราชญ์ของพระศาสนจักรทุกคนล้วนเป็นหนึ่งเดียวกันในการเชิดชูศักดิ์ศรีอันล้ำเลิศของพระสงฆ์ นักบุญอิกนาเชียสมรณะสักขีกล่าวว่า “ฐานะพระสงฆ์อยู่จุดสูงสุดแห่งศักดิ์ศรีของสิ่งสร้างทั้งหมด” นักบุญเอฟเรมเรียกสิ่งนี้ว่าศักดิ์ศรีอันไม่มีที่สิ้นสุด ผู้เขียนอีกคนหนึ่งซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากนักบุญออกัสติน,กล่าวว่า: "โอ พระสงฆ์ของพระเจ้า จงประหลาดใจในความสูงส่งแห่งสวรรค์ของท่านเถิด แต่จงรู้ว่าท่านถูกยกให้สูงขึ้น จงชื่นชมกับความอลังการของบัลลังก์ที่สูงส่งที่สุด แต่ท่านยังประเสริฐยิ่งกว่า พระเจ้า,ผู้ทรงสร้างท่านเท่านั้นที่อยู่สูงกว่าท่าน”
นักบุญยอห์น เวียนเนย์กล่าวว่า: "ถ้าพระสงฆ์เข้าใจ ว่าเขาเป็นอะไร, เขาจะตาย"
“ความศักดิ์สิทธิ์แห่งสวรรค์คือตำแหน่งที่มอบให้กับพระสงฆ์” นักบุญซีริลแห่งอเล็กซานเดรีย กล่าว
พระสงฆ์ถวายเครื่องบูชาอันศักดิ์สิทธิ์แด่พระเจ้า โดยพิธีมิสซาเพียงครั้งเดียว,พระสงฆ์ถวายเกียรติแด่พระเจ้ามากกว่าที่ทูตสวรรค์และนักบุญทุกองค์ในสวรรค์มอบให้พระองค์ ไม่เว้นแม้แต่พระแม่มารีย์ผู้ศักดิ์สิทธิ์ด้วยซ้ำ เพราะบุคคลทั้งหมดนี้ร่วมกันไม่สามารถถวายการนมัสการอันไม่มีที่สิ้นสุดแด่พระเจ้าได้เหมือนดังที่พระสงฆ์ถวายแด่พระองค์เมื่อเขาประกอบพิธีมิสซา
ที่มา: Don Bosco And The Priesthood Vol. 2
วันอังคารที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2567
พระเยซูเจ้าในศีลมหาสนิท
โดย-Fr.Jewel Aytona, CPM
หัวใจของเราควรลุกไหม้ด้วยความเร่าร้อนด้วยความรักต่อพระเยซูเจ้าในศีลมหาสนิทเหมือนกับบรรดานักบุญ เหมือนกับจิตใจของพวกท่าน
นักบุญคัทรีนแห่งเจนัวเคยกล่าวว่า “ถ้าฉันต้องเดินเป็นไมล์ๆบนถ่านไฟที่ร้อนเพื่อไปรับพระเยซูเจ้าในศีลมหาสนิท ฉันขอบอกว่านั่นเป็นเรื่องง่ายมาก, เหมือนกับการเดินไปบนพรมที่โรยด้วยกลีบกุหลาบ”
นักบุญยอห์น เวียนเนย์เคยกล่าวว่า “ถ้าเรารู้ว่าพระเยซูเจ้าในศีลมหาสนิททรงรักเรามากสักเพียงใด เราจะตายด้วยความสุขอันล้นเหลือ”
นักบุญยอห์น คริสซอสโตมเคยกล่าวว่า “พวกท่านพูดกันบ่อยๆว่า เราอยากเห็นพระพักตร์ของพระองค์ เห็นเสื้อคลุม,เห็นรองเท้าของพระองค์ พวกท่านได้เห็นพระองค์แล้ว ท่านได้สัมผัสพระองค์,ท่านได้รับพระองค์ พระองค์ทรงประทานแก่ท่านไม่เพียงแต่ให้ท่านเห็นพระองค์ แต่ยังทรงเป็นอาหารสำหรับเลี้ยงดูท่านด้วย”
วันจันทร์ที่ 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2567
คำสารภาพของนักบุญออกัสติน
บาปของข้าพเจ้าเป็นอย่างนี้คือ ข้าพเจ้าแสวงหาความพึงพอใจ,ความสวยงาม,และไม่แสวงหาความจริงในพระองค์แต่แสวงหาในตัวข้าพเจ้าเองและในสิ่งสร้างอื่นๆของพระองค์ และการแสวงหานั้นนำข้าพเจ้าไปสู่ความเจ็บปวด,ความสับสน,และความผิดพลาด
- นักบุญออกัสติน
วันอาทิตย์ที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2567
วันเสาร์ที่ 4 พฤษภาคม พ.ศ. 2567
วันศุกร์ที่ 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2567
ประโยชน์ของการอดอาหาร
การอดอาหารให้ประโยชน์ทั้งฝ่ายวิญญาณและร่างกาย
สติปัญญาจะแจ่มใสขึ้นโดยการเข้มงวดในอาหารของเรา ที่ราชสำนักของกษัตริย์เนบูคัดนัสซอร์, ดาเนียลกินแต่ผักและดื่มน้ำ และเขาก็มีความเข้าใจ, มีความรู้, และสติปัญญามากกว่านักปราชญ์ทุกคนในอาณาจักร (Dan. 1.) การอดอาหารทำให้จิตวิญญาณเข้มแข็งขึ้นและทำให้ร่างกายอยู่ภายใต้การควบคุม (1 คร. 9. 27) และเอาชนะการล่อลวงของปีศาจได้ ศัตรูจะยอมจำนนเมื่อเราทำการอดอาหาร; ดังนั้นร่างกายภายใต้ความหิวโหยจึงยอมจำนนต่อความตั้งใจและความเข้าใจ ร่างกายของเราจะเชื่องเหมือนสัตว์ป่าที่ถูกฝึก ปีศาจถือว่าเนื้อหนังเป็นพันธมิตรที่ดีที่สุดของมัน มันรู้ดีว่าศัตรูที่อยู่ข้างกองไฟสามารถทำร้ายมันได้อย่างเลวร้ายที่สุดและร้ายแรงที่สุด โดยการอดอาหารเราได้ทำให้ศัตรูของเราถูกใส่กำไลเหล็ก เพื่อที่มันจะไม่สามารถทำสงครามกับเราได้ นกล่าเหยื่อชอบของรางวัลอันอ้วนพี เขาไม่เอานกที่อดอาหารครึ่งตัวเป็นล่อเหยื่อ นักกีฬาที่ "งดเว้นในทุกสิ่ง" (1 คร. 9. 25) เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการแข่งขันมีแนวโน้มมากที่สุดที่จะได้รับชัยชนะ
คุณธรรมระดับสูงได้มาจากการอดอาหารเช่นกัน มันทำให้มนุษย์โน้มเอียงในการสวดภาวนา ช่วยให้เอาชนะใจตนเองได้ มีความอ่อนโยน อดทน และบริสุทธิ์ มันทำให้เขาดูเหมือนทูตสวรรค์,ผู้ซึ่งไม่กินหรือดื่ม
ในสัดส่วนเดียวกันที่ความต้องการของธรรมชาติร่างกายลดลง ธรรมชาติฝ่ายวิญญาณของเราก็จะมีชีวิตชีวาขึ้น เหมือนตาชั่งแห่งความสมดุล เมิ่อข้างหนึ่งต่ำลง อีกข้างหนึ่งก็สูงขึ้น สุขภาพของเราดีขึ้นและชีวิตของเรายืนยาวขึ้นด้วยการมีความพอประมาณ นั่นคือการเป็นผู้ปกครองของการมีสุขภาพที่ดี พวกฤาษีในทะเลทรายถือศีลอดอาหารอย่างเคร่งครัด และมีอายุยืนยาวถึงร้อยปี
นักปราชญ์กล่าวว่า: "ผู้ที่รู้จักพอประมาณย่อมมีอายุยืนยาว" (ปัญญาจารย์ 37. 34) โดยการอดอาหารเราได้รับการอภัยบาปจากพระเจ้า พระเจ้าทรงฟังและตอบคำอธิษฐานของผู้อดอาหาร พระองค์ทรงฟังคำอธิษฐานของนายร้อยซึ่งอดอาหารจนถึงชั่วโมงที่เก้า (กิจการ 10 30) และส่งทูตสวรรค์องค์หนึ่งมาหาเขา
การละเว้นจากอาหารจะเป็นที่พอพระทัยพระเจ้าก็ต่อเมื่อเราละเว้นจากบาปและกระทำความดีเท่านั้น
ที่มา: The Catechism Explained
วันพฤหัสบดีที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2567
วันพุธที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2567
วันอังคารที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2567
พระรูปอัศจรรย์
NASA ให้ชื่อภาพพระนางพรหมจารีย์แห่งกัวดาลูเป(Virgin of Guadalupe)ว่าเป็นรูปภาพที่มีชีวิต โดยใช้เครื่องมือของจักษุแพทย์พบว่าในภาพนี้,เรตินาในพระเนตรของแม่พระสัมผัสกับแสง - คล้ายกับดวงตาของมนุษย์ - เรตินามีลักษณะการขยายและหดตัว นักวิจัยยังสรุปว่าอุณหภูมิของเนื้อเยื่อที่สามารถสังเกตได้จากภาพนั้นอยู่ที่ 36.6 องศาอย่างถาวร เป็นเช่นเดียวกันกับอุณหภูมิร่างกายของมนุษย์ที่มีสุขภาพดี มีการตรวจสอบภาพด้วยหูฟังของแพทย์ด้วย,นักวิทยาศาสตร์วัดชีพจรได้ที่ 115 ครั้ง/นาทีที่บริเวณสายรัดเอวของพระนางมารีย์, ซึ่งสอดคล้องกับจำนวนการเต้นของหัวใจของทารกในครรภ์ วิศวกรของ NASA ยังระบุด้วยว่าสีที่ใช้สร้างภาพนั้นไม่มีอยู่บนโลกและไม่เคยมีมาก่อน
วันจันทร์ที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2567
วันอาทิตย์ที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2567
วันเสาร์ที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2567
วันศุกร์ที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2567
สาส์นแม่พระ 25 เม.ย. 2024
ลูกที่รักทั้งหลาย
แม่มาอยู่กับพวกลูกเพื่อบอกลูกว่าแม่รักลูกและเพื่อกระตุ้นให้ลูกสวดภาวนา เพราะซาตานนั้นแข็งแรงและทุกวันพละกำลังของมันแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้นโดยอาศัยคนเหล่านั้นที่เลือกความตายและความเกลียดชัง ลูกน้อยทั้งหลาย,ลูกจงสวดภาวนาและช่วยแผ่ขยายมือแห่งความรักของแม่ไปให้ถึงทุกคนที่อยู่ในความมืดและจงแสวงหาแสงสว่างขององค์พระผู้เป็นเจ้าของเราเถิด
ขอขอบใจที่ตอบสนองเสียงเรียกของแม่
วันพฤหัสบดีที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2567
ช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิต
เมื่อช่วงเวลาสุดท้ายแห่งชีวิตของคุณมาถึง คุณจะเห็นชีวิตบนโลกนี้ในมุมมองใหม่ หากคุณละเลยและไม่ใส่ใจต่อพระบัญญัติของพระเจ้า,คุณจะรู้สึกเสียใจอย่างยิ่ง หากคุณดำเนินชีวิตตามที่พระเจ้าทรงปรารถนา,จิตใจของคุณจะเต็มไปด้วยความยินดี
เวลานั้นจะมาถึงเมื่อคุณอยากจะมีเวลาเพิ่มอีกสักหน่อยหรือมีเวลาอีกสักหนึ่งชั่วโมงเพื่อแก้ไขชดเชยชีวิตในอดีต จงใช้เวลาทั้งวันและทุกชั่วโมงของคุณในตอนนี้ให้ดีเมื่อคุณยังมีเวลาอยู่ ใครสามารถรับประกันกับคุณได้ว่าคุณจะยังมีเวลาเพิ่มอีกหนึ่งชั่วโมง,ในเมื่อตอนนี้คุณรู้สึกว่าชีวิตกำลังจะหลุดลอยไป?
ความตายอาจมาเยือนเมื่อใดก็ได้ จงเตรียมพร้อมสำหรับมันเสมอ ด้วยวิธีนี้,คุณจะปราศจากความกลัวและไม่อยู่ในอันตราย ไม่ว่าทูตสวรรค์ของพระเจ้าจะเรียกคุณให้ละจากชีวิตนี้เมื่อใด
จงดำเนินชีวิตในลักษณะที่ชั่วโมงแห่งความตายจะทำให้คุณมีความสุขมากกว่าที่จะกลัวเถิด
อย่ารักสิ่งใดในโลกมากเกินไป วางความมั่นใจของคุณในพระเจ้าและมองดูพระองค์ราวกับว่าพระองค์เป็นสมบัติล้ำค่าที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของคุณ พระองค์ทรงอยู่ใกล้คุณมากกว่าที่คุณคิดด้วยซ้ำ
วิญญาณที่อ่อนแอตกเป็นทาสของความปรารถนาและความรักทางโลก ผู้ที่สวดภาวนาเสมอจะได้รับเสรีภาพแห่งสวรรค์ในชีวิตนี้ เสรีภาพซึ่งมนุษย์โลกไม่เข้าใจ
ไม่ว่าความสนใจของคุณจะเป็นเช่นไร, หรือสำคัญแค่ไหน, เมื่อความตายมาเยือน, คุณจะละทิ้งทุกสิ่งและไปสู่การพิพากษาของคุณทันที คนอื่นจะเข้ามาแทนที่คุณและมาแทนที่ความสำคัญและกิจกรรมของคุณ
น้อยคนที่จะรู้ว่าความตายของพวกเขาใกล้เข้ามาแล้ว คนส่วนใหญ่รู้สึกประหลาดใจกับการมาถึงของความตาย สำหรับผู้รักพระเจ้า, นั่นเป็นเหตุแห่งความยินดี สำหรับผู้ที่รักชีวิตบนโลกนี้มากเกินไป ถือเป็นการจากลาที่เจ็บปวด
วันพุธที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2567
วันอังคารที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2567
วันจันทร์ที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2567
วิธีกำจัดบาป
คุณพ่อบอสโก,หลังจากที่เล่าเรื่องพระเยซูทรงรักษาคนโรคเรื้อนให้หายแล้ว,ท่านได้แสดงความคิดเห็นดังนี้
“ตอนนี้, ลูกที่รัก, จงฟังความหมายของเรื่องนี้ โรคเรื้อนคือภาพลักษณ์ของบาป บาปซึ่งทำให้วิญญาณของเราน่ารังเกียจจนพระเจ้าไม่ทรงทอดพระเนตรว่าเราเป็นของพระองค์อีกต่อไป พระองค์ต้องเนรเทศเรา, แยกเราออกจากลูกคนอื่นๆของพระองค์ วิญญาณที่อยู่ในบาปหนักนั้นน่าขยะแขยงและน่าสะพรึงกลัวในสายพระเนตรของพระองค์จริงๆ แล้วเราจะหลุดพ้นจากโรคเรื้อนนี้ได้อย่างไร “จงไปแสดงตัวต่อสมณะเถิด” พระเยซูเจ้าตรัส ถ้าเราประสงค์จะพ้นจากบาปและหายจากโรคนี้ โรคร้ายที่น่ารังเกียจที่สุดในวิญญาณ เราต้องไปหาพระสงฆ์ซึ่งพระเจ้าประทานอำนาจการชำระล้างวิญญาณให้สะอาด พระเยซูเจ้าจะตรัสกับชายผู้นั้นแต่เพียงว่า "จงหายเถิด" โดยไม่บอกให้เขาไปแสดงตัวต่อสมณะด้วยไม่ได้หรือ? ได้อย่างแน่นอน , แต่พระองค์มิได้ทำเช่นนั้น,เพื่อแสดงให้เราเห็นว่าถึงแม้พระองค์จะสามารถอภัยบาปแก่เราได้โดยที่เราไม่ต้องไปพบพระสงฆ์,แต่พระองค์ก็ไม่ทรงทำเช่นนั้นเว้นแต่เราจะไปหาพระสงฆ์และสารภาพบาปของเราอย่างจริงใจ .
พ่อขอรับรองกับลูกว่าถ้าลูกต้องการกำจัดบาปของลูก วิธีเดียวคือการไปสารภาพบาป พระเจ้าจะทรงอภัยบาปใดๆให้กับลูก ตราบเท่าที่ลูกเป็นทุกข์ถึงบาปอย่างสมบูรณ์และสารภาพอย่างถ่อมใจต่อพระสงฆ์ที่พระองค์ทรงแต่งตั้งไว้”
ที่มา: Don Bosco Horror of Sin
วันอาทิตย์ที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2567
วันเสาร์ที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2567
วันศุกร์ที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2567
แม่พระประจักษ์ในอิยิปต์
เมื่อ 56 ปีที่แล้ว,ในสัปดาห์ที่ผ่านมา แม่พระได้เริ่มการประจักษ์ต่อสาธารณะในเขต Zeitoun (ประชาชนส่วนใหญ่เป็นมุสลิม) กรุงไคโร ประเทศอียิปต์ มีผู้เห็นเหตุการณ์มากกว่าหนึ่งล้านคน --- รวมทั้งชาวคาทอลิก โปรเตสแตนต์ มุสลิม ออร์โธดอกซ์ และแม้แต่ชาวมาร์กซิสต์ --- แม่พระทรงประจักษ์อย่างเงียบๆที่โบสถ์ออร์โธดอกซ์คอปติกเซนต์แมรีระหว่างวันที่ 2 เมษายน 1968 --- 29 พฤษภาคม 1971
มีผู้เห็นการประจักษ์ซึ่งเป็นพระสงฆ์ที่มีความเชื่อต่างๆ กัน แต่มีเพียงคอปติกออร์โธดอกซ์เท่านั้นที่รับรองการประจักษ์นี้
ถึงแม้พระสันตปาปาเปาโลที่ 6 จะส่งสมณทูต,ซึ่งมีทัศนะคติที่ดีต่อการประจักษ์ แต่พระศาสนจักรคาทอลิกไม่ได้ตัดสินอะไรเพราะปรากฏการณ์นี้เกิดขึ้นเหนือสิ่งปลูกสร้างคอปติกออร์โธด็อกซ์
วันพฤหัสบดีที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2567
นักบุญยอห์น เวียนเนย์และการฟังสารภาพบาป
แม้แต่ในช่วงฤดูหนาวระหว่างเดือนพฤศจิกายนถึงเดือนมีนาคม คุณพ่อยอห์น เวียนเนย์ก็ยังใช้เวลา11 หรือ 12ชั่วโมงต่อวันในการฟังสารภาพบาป เมื่ออากาศดีกลับมา,ท่านก็จะใช้เวลา 15 หรือ 16 หรือ 18 ชั่วโมงด้วยซ้ำ มีการคำนวณว่าตั้งแต่ปี 1830 ซึ่งเป็นช่วงที่ฝูงชนพากันมาพบกับคุณพ่อเวียนเนย์อย่างไม่หยุดหย่อน จนถึงปี 1859 ซึ่งเป็นวันที่คุณพ่อเวียนเนย์เสียชีวิต เวลาที่คุณพ่อเวียนเนย์ใช้ในการฟังสารภาพรวมกันทั้งสิ้นถึงสิบแปดปี กล่าวได้ว่าคุณพ่อยอห์น เวียนเนย์ เจ้าอาวาสแห่ง Ars เป็นผู้ฟังสารภาพบาปที่ทำลายสถิติทั้งหมด ตลอดช่วงชีวิตของท่าน,ท่านได้บรรลุผลสำเร็จด้วยมือเดียวในสิ่งที่พระสงฆ์ห้าหรือหกคนไม่สามารถทำร่วมกันได้ และดังที่คุณพ่ออับเบ เรย์มอนด์(Abbe Raymond) ซึ่งเป็นพระสงฆ์ผู้ช่วยของท่านมาแปดปีตั้งข้อสังเกตว่า งานของคุณพ่อเวียนเนย์ในการฟังสารภาพบาปเพียงอย่างเดียวก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้คุณพ่อเวียนเนย์เป็นนักบุญ เป็นไปไม่ได้เลยที่จะชั่งน้ำหนักผลรวมของการเสียสละและระดับของความกล้าหาญในการฟังสารภาพบาปนี้ มันจะต้องเรียกร้องจากธรรมชาติที่อ่อนแอของมนุษย์ ซึ่งแม้แต่ในนักบุญก็มีช่วงเวลาแห่งการกบฏและความฝันถึงอิสรภาพ และการพักผ่อน
ที่มา: A Biography of St. Jean-Marie Vianney:
วันพุธที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2567
ความอดทนต่อความเจ็บป่วย
อัครสาวกเปาโลเขียนว่า: ด้วยความอดทนอดกลั้น เราจึงลงในสนามแข่งขันแห่งความเชื่อที่อยู่ต่อหน้าเรา เพราะมีอะไรเล่าที่จะมีอำนาจมากกว่าคุณธรรม? มีอะไรที่มั่นคงหรือแข็งแกร่งยิ่งกว่าความอดทนต่อความเจ็บป่วย? ความอดทนนั้นเพื่อเห็นแก่พระเจ้า นี่คือราชินีแห่งคุณธรรม เป็นรากฐานแห่งคุณธรรม เป็นที่พักพิงที่เงียบสงบ เป็นสันติภาพในยามสงคราม เป็นความสงบของคลื่นลมในทะเล เป็นความปลอดภัยท่ามกลางการทรยศและขณะอยู่ในอันตราย มันทำให้ผู้ที่ฝึกฝนแข็งแกร่งกว่าเหล็ก ไม่มีอาวุธใดหรือธนู,ไม่มีกองทหารหรือเครื่องปิดล้อมที่รุกคืบ, ไม่มีหอกหลาวหรือลูกศรสามารถเขย่ามันได้ ไม่มีแม้แต่กองทัพวิญญาณชั่วร้ายหรืออำนาจของศัตรูมากมาย หรือแม้แต่ปีศาจที่ยืนหยัดอยู่เป็นกองทัพพร้อมด้วยยุทโธปกรณ์ของมันจะมีอำนาจทำร้ายชายหรือหญิงผู้นั้นได้ เพราะพวกเขาได้รับคุณธรรมนี้ผ่านทางพระคริสต์
-นักบุญ นีลัสแห่งอันซีรา(St. Nilus of Ancyra)
วันอังคารที่ 16 เมษายน พ.ศ. 2567
กิเบโอ,ราวันดา
อัลฟองซีน หนึ่งในผู้ที่เห็นแม่พระเล่าให้ฟังว่า
ฉันจำได้ว่า วันหนึ่งพระนางมารีย์ทรงประจักษ์มาต่อหน้าฉันและตรัสว่า “ลูกจงบอกกับผู้ใหญ่ว่า แม่จะพาลูกไป" พระนางทรงพาฉันไปยังสถานที่หนึ่งซึ่งมีผู้คนกำลังโศกเศร้า มันไม่น่าดูเลย ดังนั้นฉันจึงถามแม่พระว่า ทำไมพาลูกมาที่นี่ มันน่าเศร้ามาก พระนางทรงตอบว่า “มนุษย์ต้องทำให้พระเจ้าทรงพอพระทัย มนุษย์ต้องทำในสิ่งที่เป็นพระประสงค์ของพระเจ้า มิฉะนั้นชีวิตของเขาก็จะจบลงที่นี่” ต่อมาเราก็มาถึงสถานที่อีกแห่งหนึ่งที่แตกต่างออกไป มันสงบแต่ก็ยังเศร้า ใช่แล้ว,มันไม่สนุกสนานแต่เมื่อเปรียบเทียบกับสถานที่แรกแล้ว มันดีกว่า ต่อมาเราก็มาอีกสถานที่หนึ่ง มันมหัศจรรย์มาก ฉันได้ยินเสียงหลายเสียง,เสียงเพลง,เสียงที่ไพเราะ ฉันพูดว่า “แต่ลูกไม่เห็นใครเลยที่นี่” แม่พระตรัสว่า “ตราบใดที่ลูกยังอยู่บนโลก ลูกจะมองไม่เห็นคนที่ร้องเพลง” นั่นเผยให้เห็นสิ่งที่รอฉันอยู่ไม่มากก็น้อย มันขึ้นอยู่กับพฤติกรรมของฉัน ซึ่งรวมถึงความทุกข์ยากที่ฉันต้องยอมรับด้วย แต่แน่นอน,ฉํนต้องไม่ลืมถึงสิ่งที่จำเป็นที่จะต้องยึดติดกับสายประคำ,พิธีมิสซา,รหัสธรรมพระมหาทรมานขององค์พระบุตรของพระนาง,การรับศีลศักดิ์สิทธิ์ในพระศาสนจักร เพราะสิ่งเหล่านี้ให้ความเข้มแข็งแก่ฉัน
หมายเหตุ - เวลานี้อัลฟองซีนเป็นชีลับอยู่ในอาราม Saint Claire convent of Abidjan. ที่ไอวอรีโคสต์
วันจันทร์ที่ 15 เมษายน พ.ศ. 2567
พระสงฆ์กับช่างตัดผม
คำถามหนึ่งที่คริสตชนมักได้ยินคือ “ถ้าพระเจ้ามีจริง,ทำไมจึงมีสิ่งเลวร้ายเกิดขึ้นกับคนดีล่ะ?”
คำตอบที่ดีสำหรับคำถามดังกล่าวของคนที่ไม่เชื่อในพระเจ้าก็คือ พระเจ้าเองทรงอนุญาติให้สิ่งเลวร้ายนั้นเกิดขึ้นเพื่อที่ความดีบางอย่างเกิดขึ้นกับสิ่งนั้น...
*****
พระสงฆ์ท่านหนึ่งเดินเข้าไปในร้านตัดผม และนั่งลงเพื่อตัดผม แล้วพระสงฆ์กับช่างตัดผมก็เริ่มพูดคุยกัน
เมื่อช่างตัดผมเสร็จเรียบร้อย,ในตอนท้ายช่างตัดผมพูดว่า “ท่านรู้ไหมว่า ไม่มีอะไรที่เรียกว่าพระเจ้าหรอก แล้วอะไรทำให้ท่านจึงต้องการมาเป็นพระสงฆ์ล่ะ?
พระสงฆ์พูดว่า “อะไรที่ทำให้คุณคิดว่าไม่มีพระเจ้าเล่า?
ช่างตัดผมตอบว่า “ถ้ามีพระเจ้า,แล้วทำไมจึงมีเรื่องเลวร้ายมากมายเกิดขึ้นกับคนดีล่ะครับ?
พระสงฆ์ไม่ได้ตอบคำถามของเขา ท่านเพียงแต่ให้ทิปกับเขาและเดินออกไปข้างนอก...
เมื่อพระสงฆ์อยู่ข้างนอกร้าน ท่านเห็นคนไร้บ้านคนหนึ่งนั่งอยู่บนม้านั่งของสวนสาธารณะ,ผมของเขายาวยุ่งเหยิง....
พระสงฆ์เดินเข้าไปหาชายไร้บ้านคนนั้น, เอามือแตะไหล่ของเขาแล้วพูดว่า “มากับผมหน่อยสิ”
พระสงฆ์นำชายไร้บ้านคนนั้นมาที่ร้านตัดผม แล้วพูดกับช่างตัดผมว่า “เฮ้ คุณ,ไม่มีอะไรที่เรียกว่าช่างตัดผมหรอก”
ช่างตัดผมพูดว่า “ท่านพูดอะไรน่ะ?”
พระสงฆ์พูดว่า “ถ้าหากมีช่างตัดผมจริงละก็, คนไร้บ้านคนนี้ก็ต้องไม่มีผมที่ยาวยุ่งเหยิงอย่างนี้สิ”
ช่างตัดผมตอบว่า “ทำไมถึงคิดว่าช่างตัดผมไม่มีอยู่จริง, ปัญหามันเป็นเพราะคนไร้บ้านคนนี้ไม่เคยมาที่ร้านของผมและให้ผมตัดผมต่างหาก”
ข้อคิดของเรื่องนี้ - ช่างตัดผมตอบคำถามของเขาเองคือ ทำไมจึงคิดว่าพระเจ้าไม่มีจริง ปัญหามันอยู่ที่ว่าเขาและอีกหลายคนไม่เคยไปโบสถ์เพื่อที่จะเรียนรู้เกี่ยวกับพระเจ้าต่างหาก
วันอาทิตย์ที่ 14 เมษายน พ.ศ. 2567
วันเสาร์ที่ 13 เมษายน พ.ศ. 2567
วันศุกร์ที่ 12 เมษายน พ.ศ. 2567
วันพฤหัสบดีที่ 11 เมษายน พ.ศ. 2567
วันพุธที่ 10 เมษายน พ.ศ. 2567
ความช่วยเหลือจากอารักขเทวดา
ผู้ที่มีความรักและพึ่งพาอารักขเทวดาให้มาช่วยในการทำงานทุกวันคือ บุญราศี มารี ฟอร์จูนาตา วิติ (Mary Fortunata Viti 1827-1922) เธอเป็นซิสเตอร์ในคณะเบเนดิกติน เธอตั้งใจที่จะรับใช้บรรดาซิสเตอร์ของเธอมาโดยตลอด และไม่เคยบ่นเมื่อเธอมีภาระหนักเกินไป วันหนึ่งเมื่อเธอต้องซ่อมเสื้อผ้าจำนวนมาก เพราะมีซิสเตอร์สองคนนำตะกร้าใส่เสื้อผ้าสองใบมาให้เธอซ่อม เธอรับงานนี้ด้วยความสงบและบอกกับซิสเตอร์นั้นว่า "เมื่อได้รับความช่วยเหลือจากอารักขเทวดาของฉัน,ฉันจะทำทุกอย่างให้เสร็จ" ด้วยความเรียบง่ายแบบเด็กๆเธอจะพูดกับทูตสวรรค์ว่า "ข้าแต่ท่านอารักขเทวดาโปรดมาช่วยฉันหน่อย เพราะฉันไม่รู้ว่าจะทำให้เสร็จได้อย่างไร" ตามเรื่องราวของเธอ "หลายครั้งอารักขเทวดาของเธอจะให้ความช่วยเหลือในลักษณะพิเศษ" บางทีเราก็อาจเหมือนกับ บุญราศี มารี ฟอร์จูนาตา เราสามารถพึ่งพาอารักขเทวดาของเราได้เมื่อเรามีภาระหนักเกินไป
ที่มา: Angels And Devils
วันอังคารที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2567
วันจันทร์ที่ 8 เมษายน พ.ศ. 2567
วันอาทิตย์ที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2567
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)