พระเมตตาของพระเยซูเจ้า

จงบอกมนุษยชาติที่กำลังเจ็บป่วย ให้เข้ามาใกล้หัวใจอันเมตตาของเรา แล้วเราจะประทานสันติภาพให้แก่มนุษยชาติ พระเมตตาของเราไม่มีวันสิ้นสุดเลย

พระวาจาวันอาทิตย์ที่ 19 พฤษภาคม 2024 สมโภชพระจิตเจ้า

           ค่ำวันนั้นซึ่งเป็นวันต้นสัปดาห์ ประตูห้องที่บรรดาศิษย์กำลังชุมนุมกันปิดอยู่เพราะกลัวชาวยิว พระเยซูเจ้าเสด็จเข้ามาประทับยืนอยู่ตรงกลาง ตรัสกับเขาทั้งหลายว่า “สันติสุขจงสถิตอยู่กับท่านทั้งหลายเถิด” ตรัสดังนี้แล้ว พระองค์ทรงให้บรรดาศิษย์ดูพระหัตถ์และด้านข้างพระวรกาย เมื่อเขาเหล่านั้นเห็นองค์พระผู้เป็นเจ้า ก็มีความยินดี พระองค์ตรัสกับเขาอีกว่า “สันติสุขจงสถิตอยู่กับท่านทั้งหลายเถิด พระบิดาทรงส่งเรามาฉันใด เราก็ส่งท่านทั้งหลายไปฉันนั้น”
           ตรัสดังนี้แล้ว พระองค์ทรงเป่าลมเหนือเขาทั้งหลาย ตรัสว่า “จงรับพระจิตเจ้าเถิด ท่านทั้งหลายอภัยบาปของผู้ใด บาปของผู้นั้นก็ได้รับการอภัย ท่านทั้งหลายไม่อภัยบาปของผู้ใด บาปของผู้นั้นก็ไม่ได้รับการอภัยด้วย”
(ยอห์น 20:19-23)








วันศุกร์ที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2567

เสื้อคลุมประวัติศาสตร์


วันที่ 13 พฤษภาคม 1981 ซึ่งเป็นวันฉลองแม่พระประจักษ์ที่ฟาติมา และยังเป็นวันที่เกิดเหตุการณ์ลอบสังหารนักบุญพระสันตปาปายอห์น ปอลที่ 2 ด้วย ในปีถัดมา,พระสันตปาปาเสด็จไปยังฟาติมาเพื่อขอบคุณพระนางมารีย์พรหมจารีย์ที่ช่วยชีวิตพระองค์ไว้ และพระสันตปาปาทรงนำกระสุนที่เจาะทะลุพระองค์ไปใส่ไว้ในมงกุฎที่สวมพระรูปแม่พระฟาติมา 
เสื้อคลุมคาสซอค(cassock)ที่เปื้อนเลือดซึ่งพระสันตะปาปายอห์นปอลที่ 2 สวมในวันนั้นได้รับการเก็บรักษาไว้ที่เมืองคราคูฟ ประเทศโปแลนด์  

วันพฤหัสบดีที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2567

ภาพยนตร์บารับบาส


ในปี 1961 ภาพยนตร์เรื่อง บารับบาส (Barabbas) ได้ถ่ายทำถาพยนตร์ในขณะที่เกิดสุริยุปราคาขึ้น ภาพยนตร์ถ่ายทำในอิตาลี ในวันที่ 15 กุมภาพันธุ์ 1961 ริชาร์ด เฟรเชอร์เป็นผู้อำนวยการภาพยนตร์ นับเป็นเพียงครั้งเดียวที่สามารถทำได้ และเพื่อให้ดูสมจริง,เขาจึงยอมเลื่อนเวลาให้ตรงกับเวลาที่เกิดสุริยุปราคาครั้งนี้  

วันอังคารที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2567

พระเจ้าทรงดูแล


มีเรื่องราวเล่าว่ากลุ่มร็อคกี้เฟลเลอร์,มหาเศรษฐีของอเมริกา,จงใจวางรูปปั้น Atlas (ลูกโลก) ไว้ตรงข้ามกับมหาวิหารเซนต์แพทริคในนิวยอร์ก เป็นสัญลักษณ์ถึงความยากลำบากของมนุษย์ที่ไม่ได้รับความช่วยเหลือจากพระเจ้า เพื่อเป็นการตอบสนองต่อสิ่งนี้, พระอัครสังฆราช ซึ่งน่าจะเป็นพระคาร์ดินัลเฮย์ส (Cardinal Hayes)ได้สร้างรูปปั้นพระกุมารเยซูแห่งปราก ทรงถือลูกโลกไว้ในพระหัตถ์ แสดงถึงความใส่พระทัยของพระเจ้าที่มีต่อมนุษย์และทรงช่วยเหลือดูแลเสมอ 

วันจันทร์ที่ 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2567

นักบุญโยเซฟองค์อุปถัมภ์ของคนยากจน


นักบุญโยเซฟไม่เพียงแต่ช่วยเหลือพระสงฆ์หรือนักบวชเท่านั้น แต่ท่านยังช่วยเหลือคนยากจนทุกคนที่เข้ามาลี้ภัยในท่านด้วยความมั่นใจ มีบันทึกตัวอย่างมากมายที่นักบุญโยเซฟช่วยเหลือคนยากจนและคนขัดสนในลักษณะที่ยอดเยี่ยมที่สุด คนยากจนควรเคารพและวิงวอนท่านนักบุญโยเซฟเป็นพิเศษเมื่อประสบปัญหา ท่านจะไม่ปล่อยให้ผู้ที่ไว้วางใจในท่านต้องสับสน ขณะอยู่บนโลกนี้ นักบุญโยเซฟเองก็ประสบความยากลำบากจากความยากจน ดังนั้นเวลานี้ท่านจึงเป็นองค์อุปถัมภ์คนยากจนที่ดีและมีอำนาจมาก 
ที่มา: Favorite Prayers to St. Joseph 

วันศุกร์ที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2567

วันพฤหัสบดีที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2567

ความเกลียดชังในบาป


มีเรื่องราวหนึ่งเกี่ยวกับนักบุญยอห์น เวียนเนย์ เจ้าอาวาสแห่งอารส์ ท่านฟังสารภาพบาปของผู้คนจำนวนมาก และขณะที่ชายผู้หนึ่งกำลังสารภาพบาปของเขา นักบุญยอห์น เวียนเนย์ก็เริ่มร้องไห้ และชายคนนั้นก็ถามนักบุญว่า “ทำไมคุณพ่อจึงร้องไห้?” ท่านตอบว่า “พ่อร้องไห้ เพราะลูกไม่ได้มีความเกลียดชังในบาป” 
เราก็อาจไม่มีความเกลียดชังในบาป,อย่างเช่นบาปเบา เรามักมีท่าทีแบบนี้ “ผมรู้ว่าการกระทำนี้เป็นสิ่งผิด แต่มันก็ไม่เลวร้ายอะไร มันไม่ได้เป็นเรื่องหนักหนาสาหัส ผมไม่ได้ไปนรกด้วยบาปนี้” ให้เราระลึกถึงพระวาจาของพระเยซูเจ้าตรัสไว้ในพระวรสาร “ท่านต้องรักพระเจ้าของท่านด้วยสิ้นสุดจิตใจ สิ้นสุดวิญญาณ และสิ้นสุดกำลัง”
ให้เราพยายามหลีกเลี่ยงบาปทุกชนิดไม่ว่าจะหนักหรือเบาเพื่อพระเจ้า พยายามทำให้พระองค์ทรงพอพระทัยมากที่สุดเท่าที่จะทำได้

วันพุธที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2567

ศักดิ์ศรีของพระสงฆ์


คุณพ่อบอสโกพูดถึงพระสงฆ์ไว้ดังนี้ 
“ไม่มีอะไรในโลกนี้ที่ดีเลิศไปกว่าศักดิ์ศรีของพระสงฆ์” - (นักบุญแอมโบรส) 
พ่อเป็นพระสงฆ์ ศักดิ์ศรีของพ่ออยู่เหนือกว่าทูตสวรรค์ บรรดาปิตาจารย์ทั้งหมด, นักปราชญ์ของพระศาสนจักรทุกคนล้วนเป็นหนึ่งเดียวกันในการเชิดชูศักดิ์ศรีอันล้ำเลิศของพระสงฆ์ นักบุญอิกนาเชียสมรณะสักขีกล่าวว่า “ฐานะพระสงฆ์อยู่จุดสูงสุดแห่งศักดิ์ศรีของสิ่งสร้างทั้งหมด” นักบุญเอฟเรมเรียกสิ่งนี้ว่าศักดิ์ศรีอันไม่มีที่สิ้นสุด ผู้เขียนอีกคนหนึ่งซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากนักบุญออกัสติน,กล่าวว่า: "โอ พระสงฆ์ของพระเจ้า จงประหลาดใจในความสูงส่งแห่งสวรรค์ของท่านเถิด แต่จงรู้ว่าท่านถูกยกให้สูงขึ้น จงชื่นชมกับความอลังการของบัลลังก์ที่สูงส่งที่สุด แต่ท่านยังประเสริฐยิ่งกว่า พระเจ้า,ผู้ทรงสร้างท่านเท่านั้นที่อยู่สูงกว่าท่าน” 
นักบุญยอห์น เวียนเนย์กล่าวว่า: "ถ้าพระสงฆ์เข้าใจ ว่าเขาเป็นอะไร, เขาจะตาย" 
“ความศักดิ์สิทธิ์แห่งสวรรค์คือตำแหน่งที่มอบให้กับพระสงฆ์” นักบุญซีริลแห่งอเล็กซานเดรีย กล่าว
พระสงฆ์ถวายเครื่องบูชาอันศักดิ์สิทธิ์แด่พระเจ้า โดยพิธีมิสซาเพียงครั้งเดียว,พระสงฆ์ถวายเกียรติแด่พระเจ้ามากกว่าที่ทูตสวรรค์และนักบุญทุกองค์ในสวรรค์มอบให้พระองค์ ไม่เว้นแม้แต่พระแม่มารีย์ผู้ศักดิ์สิทธิ์ด้วยซ้ำ เพราะบุคคลทั้งหมดนี้ร่วมกันไม่สามารถถวายการนมัสการอันไม่มีที่สิ้นสุดแด่พระเจ้าได้เหมือนดังที่พระสงฆ์ถวายแด่พระองค์เมื่อเขาประกอบพิธีมิสซา  
ที่มา: Don Bosco And The Priesthood Vol. 2 

วันอังคารที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2567

พระเยซูเจ้าในศีลมหาสนิท


โดย-Fr.Jewel Aytona, CPM
หัวใจของเราควรลุกไหม้ด้วยความเร่าร้อนด้วยความรักต่อพระเยซูเจ้าในศีลมหาสนิทเหมือนกับบรรดานักบุญ เหมือนกับจิตใจของพวกท่าน 
นักบุญคัทรีนแห่งเจนัวเคยกล่าวว่า “ถ้าฉันต้องเดินเป็นไมล์ๆบนถ่านไฟที่ร้อนเพื่อไปรับพระเยซูเจ้าในศีลมหาสนิท ฉันขอบอกว่านั่นเป็นเรื่องง่ายมาก, เหมือนกับการเดินไปบนพรมที่โรยด้วยกลีบกุหลาบ” 
นักบุญยอห์น เวียนเนย์เคยกล่าวว่า “ถ้าเรารู้ว่าพระเยซูเจ้าในศีลมหาสนิททรงรักเรามากสักเพียงใด เราจะตายด้วยความสุขอันล้นเหลือ” 
นักบุญยอห์น คริสซอสโตมเคยกล่าวว่า “พวกท่านพูดกันบ่อยๆว่า เราอยากเห็นพระพักตร์ของพระองค์ เห็นเสื้อคลุม,เห็นรองเท้าของพระองค์ พวกท่านได้เห็นพระองค์แล้ว ท่านได้สัมผัสพระองค์,ท่านได้รับพระองค์ พระองค์ทรงประทานแก่ท่านไม่เพียงแต่ให้ท่านเห็นพระองค์ แต่ยังทรงเป็นอาหารสำหรับเลี้ยงดูท่านด้วย” 

วันจันทร์ที่ 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2567

คำสารภาพของนักบุญออกัสติน


บาปของข้าพเจ้าเป็นอย่างนี้คือ ข้าพเจ้าแสวงหาความพึงพอใจ,ความสวยงาม,และไม่แสวงหาความจริงในพระองค์แต่แสวงหาในตัวข้าพเจ้าเองและในสิ่งสร้างอื่นๆของพระองค์ และการแสวงหานั้นนำข้าพเจ้าไปสู่ความเจ็บปวด,ความสับสน,และความผิดพลาด 
- นักบุญออกัสติน 

วันอาทิตย์ที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2567

วันศุกร์ที่ 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2567

ประโยชน์ของการอดอาหาร


การอดอาหารให้ประโยชน์ทั้งฝ่ายวิญญาณและร่างกาย
สติปัญญาจะแจ่มใสขึ้นโดยการเข้มงวดในอาหารของเรา ที่ราชสำนักของกษัตริย์เนบูคัดนัสซอร์, ดาเนียลกินแต่ผักและดื่มน้ำ และเขาก็มีความเข้าใจ, มีความรู้, และสติปัญญามากกว่านักปราชญ์ทุกคนในอาณาจักร (Dan. 1.) การอดอาหารทำให้จิตวิญญาณเข้มแข็งขึ้นและทำให้ร่างกายอยู่ภายใต้การควบคุม (1 คร. 9. 27) และเอาชนะการล่อลวงของปีศาจได้ ศัตรูจะยอมจำนนเมื่อเราทำการอดอาหาร; ดังนั้นร่างกายภายใต้ความหิวโหยจึงยอมจำนนต่อความตั้งใจและความเข้าใจ ร่างกายของเราจะเชื่องเหมือนสัตว์ป่าที่ถูกฝึก ปีศาจถือว่าเนื้อหนังเป็นพันธมิตรที่ดีที่สุดของมัน มันรู้ดีว่าศัตรูที่อยู่ข้างกองไฟสามารถทำร้ายมันได้อย่างเลวร้ายที่สุดและร้ายแรงที่สุด โดยการอดอาหารเราได้ทำให้ศัตรูของเราถูกใส่กำไลเหล็ก เพื่อที่มันจะไม่สามารถทำสงครามกับเราได้ นกล่าเหยื่อชอบของรางวัลอันอ้วนพี เขาไม่เอานกที่อดอาหารครึ่งตัวเป็นล่อเหยื่อ นักกีฬาที่ "งดเว้นในทุกสิ่ง" (1 คร. 9. 25) เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการแข่งขันมีแนวโน้มมากที่สุดที่จะได้รับชัยชนะ 
คุณธรรมระดับสูงได้มาจากการอดอาหารเช่นกัน มันทำให้มนุษย์โน้มเอียงในการสวดภาวนา ช่วยให้เอาชนะใจตนเองได้ มีความอ่อนโยน อดทน และบริสุทธิ์ มันทำให้เขาดูเหมือนทูตสวรรค์,ผู้ซึ่งไม่กินหรือดื่ม 
 ในสัดส่วนเดียวกันที่ความต้องการของธรรมชาติร่างกายลดลง ธรรมชาติฝ่ายวิญญาณของเราก็จะมีชีวิตชีวาขึ้น เหมือนตาชั่งแห่งความสมดุล เมิ่อข้างหนึ่งต่ำลง อีกข้างหนึ่งก็สูงขึ้น สุขภาพของเราดีขึ้นและชีวิตของเรายืนยาวขึ้นด้วยการมีความพอประมาณ นั่นคือการเป็นผู้ปกครองของการมีสุขภาพที่ดี พวกฤาษีในทะเลทรายถือศีลอดอาหารอย่างเคร่งครัด และมีอายุยืนยาวถึงร้อยปี 
นักปราชญ์กล่าวว่า: "ผู้ที่รู้จักพอประมาณย่อมมีอายุยืนยาว" (ปัญญาจารย์ 37. 34) โดยการอดอาหารเราได้รับการอภัยบาปจากพระเจ้า พระเจ้าทรงฟังและตอบคำอธิษฐานของผู้อดอาหาร พระองค์ทรงฟังคำอธิษฐานของนายร้อยซึ่งอดอาหารจนถึงชั่วโมงที่เก้า (กิจการ 10 30) และส่งทูตสวรรค์องค์หนึ่งมาหาเขา 
การละเว้นจากอาหารจะเป็นที่พอพระทัยพระเจ้าก็ต่อเมื่อเราละเว้นจากบาปและกระทำความดีเท่านั้น 
ที่มา: The Catechism Explained 

วันพฤหัสบดีที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2567

วันพุธที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2567

วันอังคารที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2567

พระรูปอัศจรรย์


NASA ให้ชื่อภาพพระนางพรหมจารีย์แห่งกัวดาลูเป(Virgin of Guadalupe)ว่าเป็นรูปภาพที่มีชีวิต โดยใช้เครื่องมือของจักษุแพทย์พบว่าในภาพนี้,เรตินาในพระเนตรของแม่พระสัมผัสกับแสง - คล้ายกับดวงตาของมนุษย์ - เรตินามีลักษณะการขยายและหดตัว นักวิจัยยังสรุปว่าอุณหภูมิของเนื้อเยื่อที่สามารถสังเกตได้จากภาพนั้นอยู่ที่ 36.6 องศาอย่างถาวร เป็นเช่นเดียวกันกับอุณหภูมิร่างกายของมนุษย์ที่มีสุขภาพดี มีการตรวจสอบภาพด้วยหูฟังของแพทย์ด้วย,นักวิทยาศาสตร์วัดชีพจรได้ที่ 115 ครั้ง/นาทีที่บริเวณสายรัดเอวของพระนางมารีย์, ซึ่งสอดคล้องกับจำนวนการเต้นของหัวใจของทารกในครรภ์ วิศวกรของ NASA ยังระบุด้วยว่าสีที่ใช้สร้างภาพนั้นไม่มีอยู่บนโลกและไม่เคยมีมาก่อน 

วันจันทร์ที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2567

วันอาทิตย์ที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2567

วันเสาร์ที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2567

วันศุกร์ที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2567

สาส์นแม่พระ 25 เม.ย. 2024

สาส์นแม่พระประทานแก่ มารีจา 25 เม.ย. 2024
ลูกที่รักทั้งหลาย
          แม่มาอยู่กับพวกลูกเพื่อบอกลูกว่าแม่รักลูกและเพื่อกระตุ้นให้ลูกสวดภาวนา  เพราะซาตานนั้นแข็งแรงและทุกวันพละกำลังของมันแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้นโดยอาศัยคนเหล่านั้นที่เลือกความตายและความเกลียดชัง 
          ลูกน้อยทั้งหลาย,ลูกจงสวดภาวนาและช่วยแผ่ขยายมือแห่งความรักของแม่ไปให้ถึงทุกคนที่อยู่ในความมืดและจงแสวงหาแสงสว่างขององค์พระผู้เป็นเจ้าของเราเถิด 
          ขอขอบใจที่ตอบสนองเสียงเรียกของแม่           
            

วันพฤหัสบดีที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2567

ช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิต


เมื่อช่วงเวลาสุดท้ายแห่งชีวิตของคุณมาถึง คุณจะเห็นชีวิตบนโลกนี้ในมุมมองใหม่ หากคุณละเลยและไม่ใส่ใจต่อพระบัญญัติของพระเจ้า,คุณจะรู้สึกเสียใจอย่างยิ่ง หากคุณดำเนินชีวิตตามที่พระเจ้าทรงปรารถนา,จิตใจของคุณจะเต็มไปด้วยความยินดี 
เวลานั้นจะมาถึงเมื่อคุณอยากจะมีเวลาเพิ่มอีกสักหน่อยหรือมีเวลาอีกสักหนึ่งชั่วโมงเพื่อแก้ไขชดเชยชีวิตในอดีต จงใช้เวลาทั้งวันและทุกชั่วโมงของคุณในตอนนี้ให้ดีเมื่อคุณยังมีเวลาอยู่ ใครสามารถรับประกันกับคุณได้ว่าคุณจะยังมีเวลาเพิ่มอีกหนึ่งชั่วโมง,ในเมื่อตอนนี้คุณรู้สึกว่าชีวิตกำลังจะหลุดลอยไป? 
ความตายอาจมาเยือนเมื่อใดก็ได้ จงเตรียมพร้อมสำหรับมันเสมอ  ด้วยวิธีนี้,คุณจะปราศจากความกลัวและไม่อยู่ในอันตราย ไม่ว่าทูตสวรรค์ของพระเจ้าจะเรียกคุณให้ละจากชีวิตนี้เมื่อใด 
จงดำเนินชีวิตในลักษณะที่ชั่วโมงแห่งความตายจะทำให้คุณมีความสุขมากกว่าที่จะกลัวเถิด 
อย่ารักสิ่งใดในโลกมากเกินไป วางความมั่นใจของคุณในพระเจ้าและมองดูพระองค์ราวกับว่าพระองค์เป็นสมบัติล้ำค่าที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของคุณ พระองค์ทรงอยู่ใกล้คุณมากกว่าที่คุณคิดด้วยซ้ำ 
วิญญาณที่อ่อนแอตกเป็นทาสของความปรารถนาและความรักทางโลก ผู้ที่สวดภาวนาเสมอจะได้รับเสรีภาพแห่งสวรรค์ในชีวิตนี้ เสรีภาพซึ่งมนุษย์โลกไม่เข้าใจ 
ไม่ว่าความสนใจของคุณจะเป็นเช่นไร, หรือสำคัญแค่ไหน, เมื่อความตายมาเยือน, คุณจะละทิ้งทุกสิ่งและไปสู่การพิพากษาของคุณทันที คนอื่นจะเข้ามาแทนที่คุณและมาแทนที่ความสำคัญและกิจกรรมของคุณ 
น้อยคนที่จะรู้ว่าความตายของพวกเขาใกล้เข้ามาแล้ว คนส่วนใหญ่รู้สึกประหลาดใจกับการมาถึงของความตาย สำหรับผู้รักพระเจ้า, นั่นเป็นเหตุแห่งความยินดี สำหรับผู้ที่รักชีวิตบนโลกนี้มากเกินไป ถือเป็นการจากลาที่เจ็บปวด 

วันอังคารที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2567

วันจันทร์ที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2567

วิธีกำจัดบาป


คุณพ่อบอสโก,หลังจากที่เล่าเรื่องพระเยซูทรงรักษาคนโรคเรื้อนให้หายแล้ว,ท่านได้แสดงความคิดเห็นดังนี้ 

“ตอนนี้, ลูกที่รัก, จงฟังความหมายของเรื่องนี้ โรคเรื้อนคือภาพลักษณ์ของบาป บาปซึ่งทำให้วิญญาณของเราน่ารังเกียจจนพระเจ้าไม่ทรงทอดพระเนตรว่าเราเป็นของพระองค์อีกต่อไป พระองค์ต้องเนรเทศเรา, แยกเราออกจากลูกคนอื่นๆของพระองค์ วิญญาณที่อยู่ในบาปหนักนั้นน่าขยะแขยงและน่าสะพรึงกลัวในสายพระเนตรของพระองค์จริงๆ แล้วเราจะหลุดพ้นจากโรคเรื้อนนี้ได้อย่างไร “จงไปแสดงตัวต่อสมณะเถิด” พระเยซูเจ้าตรัส ถ้าเราประสงค์จะพ้นจากบาปและหายจากโรคนี้ โรคร้ายที่น่ารังเกียจที่สุดในวิญญาณ เราต้องไปหาพระสงฆ์ซึ่งพระเจ้าประทานอำนาจการชำระล้างวิญญาณให้สะอาด พระเยซูเจ้าจะตรัสกับชายผู้นั้นแต่เพียงว่า "จงหายเถิด" โดยไม่บอกให้เขาไปแสดงตัวต่อสมณะด้วยไม่ได้หรือ? ได้อย่างแน่นอน , แต่พระองค์มิได้ทำเช่นนั้น,เพื่อแสดงให้เราเห็นว่าถึงแม้พระองค์จะสามารถอภัยบาปแก่เราได้โดยที่เราไม่ต้องไปพบพระสงฆ์,แต่พระองค์ก็ไม่ทรงทำเช่นนั้นเว้นแต่เราจะไปหาพระสงฆ์และสารภาพบาปของเราอย่างจริงใจ . พ่อขอรับรองกับลูกว่าถ้าลูกต้องการกำจัดบาปของลูก วิธีเดียวคือการไปสารภาพบาป พระเจ้าจะทรงอภัยบาปใดๆให้กับลูก ตราบเท่าที่ลูกเป็นทุกข์ถึงบาปอย่างสมบูรณ์และสารภาพอย่างถ่อมใจต่อพระสงฆ์ที่พระองค์ทรงแต่งตั้งไว้” 
ที่มา: Don Bosco Horror of Sin   

วันศุกร์ที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2567

แม่พระประจักษ์ในอิยิปต์



เมื่อ 56 ปีที่แล้ว,ในสัปดาห์ที่ผ่านมา แม่พระได้เริ่มการประจักษ์ต่อสาธารณะในเขต Zeitoun (ประชาชนส่วนใหญ่เป็นมุสลิม) กรุงไคโร ประเทศอียิปต์ มีผู้เห็นเหตุการณ์มากกว่าหนึ่งล้านคน --- รวมทั้งชาวคาทอลิก โปรเตสแตนต์ มุสลิม ออร์โธดอกซ์ และแม้แต่ชาวมาร์กซิสต์ --- แม่พระทรงประจักษ์อย่างเงียบๆที่โบสถ์ออร์โธดอกซ์คอปติกเซนต์แมรีระหว่างวันที่ 2 เมษายน 1968 --- 29 พฤษภาคม 1971 
มีผู้เห็นการประจักษ์ซึ่งเป็นพระสงฆ์ที่มีความเชื่อต่างๆ กัน แต่มีเพียงคอปติกออร์โธดอกซ์เท่านั้นที่รับรองการประจักษ์นี้ 
ถึงแม้พระสันตปาปาเปาโลที่ 6 จะส่งสมณทูต,ซึ่งมีทัศนะคติที่ดีต่อการประจักษ์ แต่พระศาสนจักรคาทอลิกไม่ได้ตัดสินอะไรเพราะปรากฏการณ์นี้เกิดขึ้นเหนือสิ่งปลูกสร้างคอปติกออร์โธด็อกซ์ 

วันพฤหัสบดีที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2567

นักบุญยอห์น เวียนเนย์และการฟังสารภาพบาป


แม้แต่ในช่วงฤดูหนาวระหว่างเดือนพฤศจิกายนถึงเดือนมีนาคม คุณพ่อยอห์น เวียนเนย์ก็ยังใช้เวลา11 หรือ 12ชั่วโมงต่อวันในการฟังสารภาพบาป เมื่ออากาศดีกลับมา,ท่านก็จะใช้เวลา 15 หรือ 16 หรือ 18 ชั่วโมงด้วยซ้ำ มีการคำนวณว่าตั้งแต่ปี 1830 ซึ่งเป็นช่วงที่ฝูงชนพากันมาพบกับคุณพ่อเวียนเนย์อย่างไม่หยุดหย่อน จนถึงปี 1859 ซึ่งเป็นวันที่คุณพ่อเวียนเนย์เสียชีวิต เวลาที่คุณพ่อเวียนเนย์ใช้ในการฟังสารภาพรวมกันทั้งสิ้นถึงสิบแปดปี กล่าวได้ว่าคุณพ่อยอห์น เวียนเนย์ เจ้าอาวาสแห่ง Ars เป็นผู้ฟังสารภาพบาปที่ทำลายสถิติทั้งหมด ตลอดช่วงชีวิตของท่าน,ท่านได้บรรลุผลสำเร็จด้วยมือเดียวในสิ่งที่พระสงฆ์ห้าหรือหกคนไม่สามารถทำร่วมกันได้ และดังที่คุณพ่ออับเบ เรย์มอนด์(Abbe Raymond) ซึ่งเป็นพระสงฆ์ผู้ช่วยของท่านมาแปดปีตั้งข้อสังเกตว่า งานของคุณพ่อเวียนเนย์ในการฟังสารภาพบาปเพียงอย่างเดียวก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้คุณพ่อเวียนเนย์เป็นนักบุญ เป็นไปไม่ได้เลยที่จะชั่งน้ำหนักผลรวมของการเสียสละและระดับของความกล้าหาญในการฟังสารภาพบาปนี้ มันจะต้องเรียกร้องจากธรรมชาติที่อ่อนแอของมนุษย์ ซึ่งแม้แต่ในนักบุญก็มีช่วงเวลาแห่งการกบฏและความฝันถึงอิสรภาพ และการพักผ่อน 
ที่มา: A Biography of St. Jean-Marie Vianney: 

วันพุธที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2567

ความอดทนต่อความเจ็บป่วย


อัครสาวกเปาโลเขียนว่า: ด้วยความอดทนอดกลั้น เราจึงลงในสนามแข่งขันแห่งความเชื่อที่อยู่ต่อหน้าเรา เพราะมีอะไรเล่าที่จะมีอำนาจมากกว่าคุณธรรม? มีอะไรที่มั่นคงหรือแข็งแกร่งยิ่งกว่าความอดทนต่อความเจ็บป่วย? ความอดทนนั้นเพื่อเห็นแก่พระเจ้า นี่คือราชินีแห่งคุณธรรม เป็นรากฐานแห่งคุณธรรม เป็นที่พักพิงที่เงียบสงบ เป็นสันติภาพในยามสงคราม เป็นความสงบของคลื่นลมในทะเล เป็นความปลอดภัยท่ามกลางการทรยศและขณะอยู่ในอันตราย มันทำให้ผู้ที่ฝึกฝนแข็งแกร่งกว่าเหล็ก ไม่มีอาวุธใดหรือธนู,ไม่มีกองทหารหรือเครื่องปิดล้อมที่รุกคืบ, ไม่มีหอกหลาวหรือลูกศรสามารถเขย่ามันได้ ไม่มีแม้แต่กองทัพวิญญาณชั่วร้ายหรืออำนาจของศัตรูมากมาย หรือแม้แต่ปีศาจที่ยืนหยัดอยู่เป็นกองทัพพร้อมด้วยยุทโธปกรณ์ของมันจะมีอำนาจทำร้ายชายหรือหญิงผู้นั้นได้ เพราะพวกเขาได้รับคุณธรรมนี้ผ่านทางพระคริสต์ 
-นักบุญ นีลัสแห่งอันซีรา(St. Nilus of Ancyra) 

วันอังคารที่ 16 เมษายน พ.ศ. 2567

กิเบโอ,ราวันดา



อัลฟองซีน หนึ่งในผู้ที่เห็นแม่พระเล่าให้ฟังว่า 
ฉันจำได้ว่า วันหนึ่งพระนางมารีย์ทรงประจักษ์มาต่อหน้าฉันและตรัสว่า “ลูกจงบอกกับผู้ใหญ่ว่า แม่จะพาลูกไป"  พระนางทรงพาฉันไปยังสถานที่หนึ่งซึ่งมีผู้คนกำลังโศกเศร้า มันไม่น่าดูเลย ดังนั้นฉันจึงถามแม่พระว่า ทำไมพาลูกมาที่นี่ มันน่าเศร้ามาก พระนางทรงตอบว่า “มนุษย์ต้องทำให้พระเจ้าทรงพอพระทัย มนุษย์ต้องทำในสิ่งที่เป็นพระประสงค์ของพระเจ้า มิฉะนั้นชีวิตของเขาก็จะจบลงที่นี่” ต่อมาเราก็มาถึงสถานที่อีกแห่งหนึ่งที่แตกต่างออกไป มันสงบแต่ก็ยังเศร้า ใช่แล้ว,มันไม่สนุกสนานแต่เมื่อเปรียบเทียบกับสถานที่แรกแล้ว มันดีกว่า ต่อมาเราก็มาอีกสถานที่หนึ่ง มันมหัศจรรย์มาก ฉันได้ยินเสียงหลายเสียง,เสียงเพลง,เสียงที่ไพเราะ ฉันพูดว่า “แต่ลูกไม่เห็นใครเลยที่นี่” แม่พระตรัสว่า “ตราบใดที่ลูกยังอยู่บนโลก ลูกจะมองไม่เห็นคนที่ร้องเพลง” นั่นเผยให้เห็นสิ่งที่รอฉันอยู่ไม่มากก็น้อย มันขึ้นอยู่กับพฤติกรรมของฉัน ซึ่งรวมถึงความทุกข์ยากที่ฉันต้องยอมรับด้วย แต่แน่นอน,ฉํนต้องไม่ลืมถึงสิ่งที่จำเป็นที่จะต้องยึดติดกับสายประคำ,พิธีมิสซา,รหัสธรรมพระมหาทรมานขององค์พระบุตรของพระนาง,การรับศีลศักดิ์สิทธิ์ในพระศาสนจักร เพราะสิ่งเหล่านี้ให้ความเข้มแข็งแก่ฉัน 
หมายเหตุ - เวลานี้อัลฟองซีนเป็นชีลับอยู่ในอาราม Saint Claire convent of Abidjan. ที่ไอวอรีโคสต์ 

วันจันทร์ที่ 15 เมษายน พ.ศ. 2567

พระสงฆ์กับช่างตัดผม


คำถามหนึ่งที่คริสตชนมักได้ยินคือ “ถ้าพระเจ้ามีจริง,ทำไมจึงมีสิ่งเลวร้ายเกิดขึ้นกับคนดีล่ะ?” 
คำตอบที่ดีสำหรับคำถามดังกล่าวของคนที่ไม่เชื่อในพระเจ้าก็คือ พระเจ้าเองทรงอนุญาติให้สิ่งเลวร้ายนั้นเกิดขึ้นเพื่อที่ความดีบางอย่างเกิดขึ้นกับสิ่งนั้น...
 *****
พระสงฆ์ท่านหนึ่งเดินเข้าไปในร้านตัดผม และนั่งลงเพื่อตัดผม แล้วพระสงฆ์กับช่างตัดผมก็เริ่มพูดคุยกัน 
เมื่อช่างตัดผมเสร็จเรียบร้อย,ในตอนท้ายช่างตัดผมพูดว่า “ท่านรู้ไหมว่า ไม่มีอะไรที่เรียกว่าพระเจ้าหรอก แล้วอะไรทำให้ท่านจึงต้องการมาเป็นพระสงฆ์ล่ะ? 
พระสงฆ์พูดว่า “อะไรที่ทำให้คุณคิดว่าไม่มีพระเจ้าเล่า? 
ช่างตัดผมตอบว่า “ถ้ามีพระเจ้า,แล้วทำไมจึงมีเรื่องเลวร้ายมากมายเกิดขึ้นกับคนดีล่ะครับ? 
พระสงฆ์ไม่ได้ตอบคำถามของเขา ท่านเพียงแต่ให้ทิปกับเขาและเดินออกไปข้างนอก... 
เมื่อพระสงฆ์อยู่ข้างนอกร้าน ท่านเห็นคนไร้บ้านคนหนึ่งนั่งอยู่บนม้านั่งของสวนสาธารณะ,ผมของเขายาวยุ่งเหยิง.... 
พระสงฆ์เดินเข้าไปหาชายไร้บ้านคนนั้น, เอามือแตะไหล่ของเขาแล้วพูดว่า “มากับผมหน่อยสิ” 
พระสงฆ์นำชายไร้บ้านคนนั้นมาที่ร้านตัดผม แล้วพูดกับช่างตัดผมว่า “เฮ้ คุณ,ไม่มีอะไรที่เรียกว่าช่างตัดผมหรอก” 
ช่างตัดผมพูดว่า “ท่านพูดอะไรน่ะ?” 
พระสงฆ์พูดว่า “ถ้าหากมีช่างตัดผมจริงละก็, คนไร้บ้านคนนี้ก็ต้องไม่มีผมที่ยาวยุ่งเหยิงอย่างนี้สิ” 
ช่างตัดผมตอบว่า “ทำไมถึงคิดว่าช่างตัดผมไม่มีอยู่จริง, ปัญหามันเป็นเพราะคนไร้บ้านคนนี้ไม่เคยมาที่ร้านของผมและให้ผมตัดผมต่างหาก” 
ข้อคิดของเรื่องนี้ - ช่างตัดผมตอบคำถามของเขาเองคือ ทำไมจึงคิดว่าพระเจ้าไม่มีจริง ปัญหามันอยู่ที่ว่าเขาและอีกหลายคนไม่เคยไปโบสถ์เพื่อที่จะเรียนรู้เกี่ยวกับพระเจ้าต่างหาก 

วันอาทิตย์ที่ 14 เมษายน พ.ศ. 2567

วันเสาร์ที่ 13 เมษายน พ.ศ. 2567

แม่ในสวรรค์ช่วยเหลือลูกชาย


พระสงฆ์ไปพบกับลูกชายของเธอเพื่อโปรดศีลศักดิ์สิทธิ์ที่จำเป็นสำหรับเขา
>>>อ่านต่อ

วันศุกร์ที่ 12 เมษายน พ.ศ. 2567

ในที่สุดจอห์นก็ยอมสวมเหรียญอัศจรรย์


หากเธอสวมเหรียญแม่พระและสวดภาวนาเล็กๆ น้อยๆ ทุกวัน, แล้วสิ่งอัศจรรย์จะเกิดขึ้น"
>>>อ่านต่อ

วันพุธที่ 10 เมษายน พ.ศ. 2567

ความช่วยเหลือจากอารักขเทวดา


ผู้ที่มีความรักและพึ่งพาอารักขเทวดาให้มาช่วยในการทำงานทุกวันคือ บุญราศี มารี ฟอร์จูนาตา วิติ (Mary Fortunata Viti 1827-1922) เธอเป็นซิสเตอร์ในคณะเบเนดิกติน เธอตั้งใจที่จะรับใช้บรรดาซิสเตอร์ของเธอมาโดยตลอด และไม่เคยบ่นเมื่อเธอมีภาระหนักเกินไป วันหนึ่งเมื่อเธอต้องซ่อมเสื้อผ้าจำนวนมาก เพราะมีซิสเตอร์สองคนนำตะกร้าใส่เสื้อผ้าสองใบมาให้เธอซ่อม เธอรับงานนี้ด้วยความสงบและบอกกับซิสเตอร์นั้นว่า "เมื่อได้รับความช่วยเหลือจากอารักขเทวดาของฉัน,ฉันจะทำทุกอย่างให้เสร็จ" ด้วยความเรียบง่ายแบบเด็กๆเธอจะพูดกับทูตสวรรค์ว่า "ข้าแต่ท่านอารักขเทวดาโปรดมาช่วยฉันหน่อย เพราะฉันไม่รู้ว่าจะทำให้เสร็จได้อย่างไร" ตามเรื่องราวของเธอ "หลายครั้งอารักขเทวดาของเธอจะให้ความช่วยเหลือในลักษณะพิเศษ" บางทีเราก็อาจเหมือนกับ บุญราศี มารี ฟอร์จูนาตา เราสามารถพึ่งพาอารักขเทวดาของเราได้เมื่อเรามีภาระหนักเกินไป 
ที่มา: Angels And Devils 

วันอังคารที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2567

การประจักษ์ที่กีเบโฮ - ราวันดา


“เมื่อใดที่ลูกเห็นสงครามศาสนาปะทุขึ้น จงรู้ไว้เถิดว่าเรากำลังมาแล้ว”
>>>อ่านต่อ

วันอาทิตย์ที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2567

พระคัมภีร์และธรรมประเพณี


ข้าพเจ้ายอห์น มองเห็นเยรูซาเล็มใหม่ งดงามดุจเจ้าสาว ลอยลงมาจากสวรรค์
>>>อ่านต่อ