พระเมตตาของพระเยซูเจ้า

จงบอกมนุษยชาติที่กำลังเจ็บป่วย ให้เข้ามาใกล้หัวใจอันเมตตาของเรา แล้วเราจะประทานสันติภาพให้แก่มนุษยชาติ พระเมตตาของเราไม่มีวันสิ้นสุดเลย

พระวาจาวันอาทิตย์ที่ 6 กรกฏาคม 2025 พระเยซูขอให้เราช่วยประกาศข่าวดี

         & ต่อจากนั้นองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงแต่งตั้งศิษย์อีกเจ็ดสิบสองคนและทรงส่งเขาล่วงหน้าพระองค์เป็นคู่ ๆ ไปทุกตำบลทุกเมืองที่พระองค์จะเสด็จ พระองค์ตรัสกับเขาว่า “ข้าวที่จะเกี่ยวมีมาก แต่คนงานมีน้อย จงวอนขอเจ้าของนาให้ส่งคนงานมาเก็บเกี่ยวข้าวของพระองค์เถิด จงไปเถิด เราส่งท่านทั้งหลายไปดุจลูกแกะในฝูงสุนัขป่า อย่านำถุงเงิน ย่ามหรือรองเท้าไปด้วย อย่าเสียเวลาทักทายผู้ใดตามทาง เมื่อท่านเข้าบ้านใด จงกล่าวก่อนว่า “สันติสุขจงมีแก่บ้านนี้เถิด” ถ้ามีผู้สมควรจะรับสันติสุขอยู่ที่นั่นสันติสุขของท่านจะอยู่กับเขา มิฉะนั้น สันติสุขของท่านจะกลับมาอยู่กับท่านอีก จงพักอาศัยในบ้านนั้น กินและดื่มของที่เขาจะนำมาให้ เพราะว่าคนงานสมควรที่จะได้รับค่าจ้างของตน อย่าเข้าบ้านนี้ออกบ้านโน้น เมื่อท่านเข้าไปในเมืองใดและเขาต้อนรับท่าน จงกินของที่เขาจะนำมาตั้งให้ จงรักษาผู้เจ็บป่วยในเมืองนั้นและบอกเขาว่า “พระอาณาจักรของพระเจ้าอยู่ใกล้ท่านทั้งหลายแล้ว” แต่ถ้าท่านเข้าไปในเมืองใดและเขาไม่ต้อนรับ ก็จงออกไปกลางลานสาธารณะ และกล่าวว่า “แม้แต่ฝุ่นจากเมืองของท่านที่ติดเท้าของเรา เราจะสลัดทิ้งไว้ปรักปรำท่าน จงรู้เถิดว่า พระอาณาจักรของพระเจ้าใกล้เข้ามาแล้ว” เราบอกท่านทั้งหลายว่า ในวันพิพากษา ชาวเมืองโสดมจะรับโทษเบากว่าชาวเมืองนั้น
         & ศิษย์ทั้งเจ็ดสิบสองคนกลับมาด้วยความชื่นชมยินดี ทูลว่า “พระเจ้าข้า แม้แต่ปีศาจก็ยังอ่อนน้อมต่อเราเดชะพระนามของพระองค์” พระองค์ตรัสตอบว่า “เราเห็นซาตานตกจากฟ้าเหมือนฟ้าแลบ จงฟังเถิด เราให้อำนาจแก่ท่านที่จะเหยียบงูและแมงป่อง มีอำนาจเหนือกำลังทุกอย่างของศัตรู ไม่มีอะไรจะทำร้ายท่านได้ อย่าชื่นชมยินดีที่ปีศาจอ่อนน้อมต่อท่าน แต่จงชื่นชมยินดีมากกว่าที่ชื่อของท่านจารึกไว้ในสวรรค์แล้ว”
(ลูกา 10:1-12; 17-20)








วันศุกร์ที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2557

พระเยซูเจ้าทรงจำแลงพระกายอย่างรุ่งเรือง


            บนภูเขาศักดิ์สิทธิ์ พระเยซูเจ้าทรงแสดงให้ศิษย์รู้ว่าพระองค์คือพระบุตรของพระเป็นเจ้าโดยทรงจำแลงพระกายอย่างรุ่งเรือง
ทรงประทับยืนอยู่ระหว่างโมเสสและเอลิยาห์  หมายถึงพระเยซูเจ้าทรงเป็นดังสะพานเชื่อมโยงกฏบัญญัติของโมเสสเข้ากับคำทำนายและบทสดุดีต่างๆของประกาศกซึ่งกล่าวไว้ถึงองค์พระผู้ไถ่  โมเสสปีนขึ้นบนภูเขา  พระเยซูเจ้าทรงกระทำเช่นเดียวกันและเสด็จไปพร้อมกับศิษย์สามคน  และพระสิริของพระเป็นเจ้าได้ปรากฏให้เห็นในท่ามกลางกลุ่มเมฆ (โมเสสเห็นพระสิริของพระเป็นเจ้าเป็นไฟไหม้พุ่มไม้แต่พุ่มไม้มิได้มอดไหม้)  เอลิยาห์ – เช่นเดียวกันได้ปีนขึ้นบนภูเขาโฮเรบและได้ยินเสียงของพระเป็นเจ้าในสายลมอ่อนๆ  ศิษย์ทั้งสามก็ได้ยินพระสุรเสียงของพระเป็นเจ้าในกลุ่มเมฆด้วย
มีคำทำนายว่าเอลิยาห์จะปรากฏมาล่วงหน้าก่อนพระเมสสิยาห์จะเสด็จมา  ในวันนี้พระเยซูเจ้าทรงสำแดงพระองค์อย่างรุ่งเรือง เพื่อให้ศิษย์ได้รับรู้ว่าพระองค์คือพระเมสสิยาห์ที่เสด็จมาแล้ว
พระสุรเสียงของพระเป็นเจ้าประกาศว่าพระเยซูเจ้าทรงเป็นพระบุตรสุดที่รักของพระองค์  ซึ่งพระองค์พอพระทัยเป็นอย่างยิ่ง (ดู สดุดี 2:7)็็  ในขณะนั้น พระเป็นเจ้าทรงให้เราเห็นพระองค์ในพระสิริอันรุ่งเรืองอยู่ชั่วขณะหนึ่ง  ในท่ามกลางกลุ่มเมฆขององค์พระจิตเจ้า  พระบิดาทรงเปิดเผยความรักของพระองค์ที่ทรงมีต่อองค์พระบุตร  และทรงเชื้อเชิญให้เรามีส่วนร่วมในความรัก  โดยให้เราเป็นบุตรชายและหญิงสุดที่รักของพระองค์ด้วย
ในกลุ่มเมฆแห่งสวรรค์  พระภูษาของพระเยซูเจ้าเปลี่ยนเป็นสีขาวส่องแสงเจิดจ้า  พระองค์คือบุตรแห่งมนุษย์ผู้ซี่งประกาศกดาเนียลได้เห็นในนิมิต  ดังในบทอ่านที่หนึ่งของวันนี้
พระเยซูเจ้าทรงเป็นกษัตริย์ผู้ปกครองโลกทั้งมวล  ตามบทเพลงที่เราขับร้องในวันนี้  แต่พระองค์จักต้องเป็นกษัตริย์ผู้ปกครองจิตใจและวิญญาณของเราด้วย
และสุดท้าย พระดำรัสของพระเป็นเจ้าทรงสั่งเราว่า “จงเชื่อฟังพระองค์เถิด”  พระวาจาของพระเยซูเจ้าเป็นตะเกียงที่ส่องสว่างในความมืดมิดแห่งชีวิตของเรา  ดังที่นักบุญเปโตรได้บอกกับเราในบทอ่าน
             ในวันนี้ให้เราฟังเสียงของพระองค์  ให้เราฟังพระวาจาอันทรงชีวิตขององค์พระบุตรซึ่งให้ชีวิตนิรันดรแก่เรา

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น