พระเมตตาของพระเยซูเจ้า

จงบอกมนุษยชาติที่กำลังเจ็บป่วย ให้เข้ามาใกล้หัวใจอันเมตตาของเรา แล้วเราจะประทานสันติภาพให้แก่มนุษยชาติ พระเมตตาของเราไม่มีวันสิ้นสุดเลย

พระวาจาวันอาทิตย์ที่ 21 ธันวาคม 2025 เทศกาลเตรียมรับเสด็จ อาทิตย์ที่ 4

          เรื่องราวการประสูติของพระเยซูคริสตเจ้าเป็นดังนี้ พระนางมารีย์ พระมารดาของพระองค์หมั้นกับโยเซฟ แต่ก่อนที่ท่านทั้งสองจะครองชีวิตร่วมกัน ปรากฏว่าพระนางตั้งครรภ์แล้วเดชะพระจิตเจ้า โยเซฟคู่หมั้นของพระนางเป็นผู้ชอบธรรมไม่ต้องการฟ้องหย่าพระนางอย่างเปิดเผย จึงคิดถอนหมั้นอย่างเงียบ ๆ ขณะที่โยเซฟกำลังคิดถึงเรื่องนี้อยู่ ทูตสวรรค์ขององค์พระผู้เป็นเจ้าก็มาเข้าฝัน กล่าวว่า “โยเซฟ โอรสกษัตริย์ดาวิด อย่ากลัวที่จะรับมารีย์มาเป็นภรรยาของท่านเลย เพราะเด็กที่ปฏิสนธิในครรภ์ของนางนั้นมาจากพระจิตเจ้า นางจะให้กำเนิดบุตรชาย ท่านจงตั้งชื่อบุตรนั้นว่าเยซู เพราะเขาจะช่วยประชากรของเขาให้รอดพ้นจากบาป” เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเพื่อพระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้าที่ตรัสผ่านประกาศกจะเป็นความจริงว่า หญิงพรหมจารีจะตั้งครรภ์ และจะคลอดบุตรชายซึ่งจะได้รับนามว่า “อิมมานูเอล” แปลว่า พระเจ้าสถิตกับเรา” เมื่อโยเซฟตื่นขึ้น เขาก็ทำตามที่ทูตสวรรค์ขององค์พระผู้เป็นเจ้าสั่งไว้ คือรับภรรยามาอยู่ด้วย
(มัทธิว.1:18-24)








วันอังคารที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2565

รูปภาพอัศจรรย์ของแม่พระแห่งลาส ลาจาส


ปี 1754 ผู้หญิงชาวอินเดียนชื่อ Maria Mueses de Quinones ในโคลัมเบีย กำลังเดินทางเป็นระยะทาง 6 ไมล์ระหว่างหมู่บ้านของเธอกับหมู่บ้านอีกแห่งหนึ่งของ Ipiales เธอมีลูกสาวตัวน้อยอายุ 8 ขวบซึ่งเป็นใบ้หูหนวก ชื่อ โรซา ขี่หลังมาด้วย เมื่อมาถึงที่แห่งหนึ่งซึ่งเรียกกันว่า ลาส ลาจาส (Las Lajas) แปลว่า แผ่นหิน มีพายัดแรงทำให้เธอและลูกสาวหาที่หลบภัยหลังก้อนหินใหญ่ ต่อมาลูกสาวของเธอ(ซึ่งเป็นใบ้)ก็ร้องขึ้นว่า “Mestiza (ก้อนหิน)กำลังเรียกหนู”  
แม่ของเธอเงยหน้าขึ้นและเห็นว่าลูกสาวกำลังชี้ไปที่รูปภาพที่สวยงามบนก้อนหิน เป็นรูปของพระแม่มารีย์ที่อุ้มพระกุมารเยซู,ซึ่งมีแสงสว่างส่องออกมา สถานที่นี้กลายเป็นสถานที่แสวงบุญอย่างรวดเร็ว โดยมีรายงานของอัศจรรย์ที่เกิดขึ้นมากมาย  
รูปภาพนี้ยังคงอยู่บนก้อนหินในปัจจุบันนี้ รูปภาพแสดงให้เห็นถึงพระแม่มารีย์ผู้เป็นราชินีแห่งสวรรค์ ทรงอุ้มพระกุมารเยซู โดยมีนักบุญฟรังซิสแห่งอัสซีซีและนักบุญโดมินิกกำลังคุกเข่าสวดภาวนาอยู่ทั้งสองข้าง นอกจากการปรากฏอย่างอัศจรรย์ตั้งแต่แรกแล้ว รูปภาพยังมีคุณลักษณะอันน่าอัศจรรย์ใจอื่นๆอีก  
“นักธรณีวิทยาจากเยอรมนีได้เจาะเอาตัวอย่างจากหลายจุดของก้อนหินในรูปภาพไปวิเคราะห์ทางธรณีวิทยา ผลปรากฏว่า เนื้อก้อนหินไม่มีสีใดๆ ไม่มีสีย้อม หรือเม็ดสีอื่นใดบนผิวของก้อนหิน สีที่เป็นอยู่เป็นสีของก้อนหินเอง ที่น่าทึ่งยิ่งกว่านั้นก็คือ ก้อนหินนี้มีสีอย่างสมบูรณ์จนถึงความลึกลงไปหลายฟุต!” 
มีการสร้างอาสนวิหารหลายแห่งบนสถานที่นี้ อาสนวิหารล่าสุดสร้างขึ้นในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 และตัวโบสถ์ถูกสร้างขึ้นที่ด้านหนึ่งของหุบเขาแล้วมีสะพานข้ามไปอีกฝั่งหนึ่ง  
📿🙏💙🙏💙🙏💙🙏💙🙏💙🙏💙🙏💙🙏💙🙏📿  

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น