พระเมตตาของพระเยซูเจ้า

จงบอกมนุษยชาติที่กำลังเจ็บป่วย ให้เข้ามาใกล้หัวใจอันเมตตาของเรา แล้วเราจะประทานสันติภาพให้แก่มนุษยชาติ พระเมตตาของเราไม่มีวันสิ้นสุดเลย

พระวาจาวันอาทิตย์ที่ 21 ธันวาคม 2025 เทศกาลเตรียมรับเสด็จ อาทิตย์ที่ 4

          เรื่องราวการประสูติของพระเยซูคริสตเจ้าเป็นดังนี้ พระนางมารีย์ พระมารดาของพระองค์หมั้นกับโยเซฟ แต่ก่อนที่ท่านทั้งสองจะครองชีวิตร่วมกัน ปรากฏว่าพระนางตั้งครรภ์แล้วเดชะพระจิตเจ้า โยเซฟคู่หมั้นของพระนางเป็นผู้ชอบธรรมไม่ต้องการฟ้องหย่าพระนางอย่างเปิดเผย จึงคิดถอนหมั้นอย่างเงียบ ๆ ขณะที่โยเซฟกำลังคิดถึงเรื่องนี้อยู่ ทูตสวรรค์ขององค์พระผู้เป็นเจ้าก็มาเข้าฝัน กล่าวว่า “โยเซฟ โอรสกษัตริย์ดาวิด อย่ากลัวที่จะรับมารีย์มาเป็นภรรยาของท่านเลย เพราะเด็กที่ปฏิสนธิในครรภ์ของนางนั้นมาจากพระจิตเจ้า นางจะให้กำเนิดบุตรชาย ท่านจงตั้งชื่อบุตรนั้นว่าเยซู เพราะเขาจะช่วยประชากรของเขาให้รอดพ้นจากบาป” เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเพื่อพระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้าที่ตรัสผ่านประกาศกจะเป็นความจริงว่า หญิงพรหมจารีจะตั้งครรภ์ และจะคลอดบุตรชายซึ่งจะได้รับนามว่า “อิมมานูเอล” แปลว่า พระเจ้าสถิตกับเรา” เมื่อโยเซฟตื่นขึ้น เขาก็ทำตามที่ทูตสวรรค์ขององค์พระผู้เป็นเจ้าสั่งไว้ คือรับภรรยามาอยู่ด้วย
(มัทธิว.1:18-24)








วันพุธที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2568

รูปถ่ายพระพักตร์พระเยซูเจ้า


ภาพถ่ายนี้ถ่ายโดยซิสเตอร์อันนา อาลี แม่ชีชาวเคนยา ในกรุงโรม เมื่อวันที่ 8 กันยายน (วันฉลองการบังเกิดของพระแม่มารีย์) ปี 1987 เมื่อพระเยซูทรงปรากฏแก่เธอ ทรงขอให้เธอส่งพระดำรัสของพระองค์ออกไป,พระดำรัสขอให้โลกกลับใจ และทรงเตือนให้เธอมีความศรัทธาต่อศีลมหาสนิท การประจักษ์ต่ออันนาดำเนินต่อไปจนถึงปี 1991 ตลอดสี่ปีนั้น เธอได้รับการเยี่ยมเยียนจากพระเยซูทุกสัปดาห์ และทรงร้องไห้เป็นเลือดในคืนวันพุธถึงวันพฤหัสบดี ตามคำให้การของพยาน

พระเยซูทรงอนุญาตให้ซิสเตอร์แอนนาถ่ายรูปพระองค์ในโอกาสต่างๆ ที่พระองค์ปรากฏ และในการเปิดเผยครั้งต่อๆ มา พระองค์ก็ทรงให้เหตุผลในการทำให้พระองค์ปรากฏชัดในยุคของเรา

“จงฟังเรา เราอยู่เหนือโลกนี้ เรายอมให้ตัวเราถูกเห็นได้หลังจากการเตือนหลายครั้ง”

“เราทำให้ตนเองปรากฏให้เห็นเพื่อนำวิญญาณกลับคืนมา”

“เรารักมนุษยชาติ และเราทำให้ตนเองปรากฏให้เห็นเพื่อเป็นการเตือนแห่งพระเมตตา”

“หลายคนไม่ฟังเราเพราะพวกเขาไม่เชื่อว่าเรามีอยู่จริง”

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น