พระเมตตาของพระเยซูเจ้า

จงบอกมนุษยชาติที่กำลังเจ็บป่วย ให้เข้ามาใกล้หัวใจอันเมตตาของเรา แล้วเราจะประทานสันติภาพให้แก่มนุษยชาติ พระเมตตาของเราไม่มีวันสิ้นสุดเลย

พระวาจาวันอาทิตย์ที่ 7 กรกฏาคม 2024 พระเยซูเจ้าเสด็จกลับมาที่เมืองนาซาเร็ธ

           พระเยซูเจ้าเสด็จออกจากที่นั่นกลับไปยังถิ่นกำเนิดของพระองค์ บรรดาศิษย์ติดตามไปด้วย ครั้นถึงวันสับบาโตพระองค์ทรงเริ่มสั่งสอนในศาลาธรรม ผู้ฟังมากมายต่างประหลาดใจ และพูดว่า “เขาเอาเรื่องทั้งหมดนี้มาจากไหน ปรีชาญาณที่เขาได้รับมานี้คืออะไร อะไรคืออัศจรรย์ที่สำเร็จด้วยมือของเขา คนนี้เป็นช่างไม้ ลูกนางมารีย์ เป็นพี่น้องของยากอบ โยเสท ยูดาและซีโมนไม่ใช่หรือ พี่สาวน้องสาวของเขาก็อยู่ที่นี่กับพวกเรามิใช่หรือ” คนเหล่านั้นรู้สึกสะดุดใจและไม่ยอมรับพระองค์ พระเยซูเจ้าตรัสแก่เขาว่า “ประกาศกย่อมไม่ถูกเหยียดหยามนอกจากในถิ่นกำเนิด ท่ามกลางวงศ์ญาติ และในบ้านของตน” พระองค์ทรงทำอัศจรรย์ที่นั่นไม่ได้ นอกจากทรงปกพระหัตถ์รักษาผู้เจ็บป่วยบางคนให้หายจากโรคภัย พระองค์ทรงแปลกพระทัยที่เขาเหล่านั้นไม่มีความเชื่อ
(มาระโก 6:1-6)








วันอังคารที่ 4 เมษายน พ.ศ. 2566

เศรษฐีกับลาซารัส


ชายยากจนผู้นั่งอยู่หน้าประตูเพื่อขอเศษอาหารจากงานเลี้ยงหรูหราของเศรษฐี เขาขาดแคลนทุกสิ่ง แต่เขามีชื่อว่า ลาซารัส ส่วนเศรษฐีที่จัดงานเลี้ยงทุกวันมีทุกสิ่งทุกอย่าง แต่เขากลับไม่มีชื่อ นี่เป็นบทเรียนที่ดีสำหรับทุกคน มนุษย์ไม่ใช่สิ่งที่เขามี แต่เป็นสิ่งที่เขาเป็น มันคือความตายที่กลายเป็นจุดจบของคำกริยา “มี” และจุดเริ่มต้นทั้งหมดของคำกริยา “เป็น” หากเราใช้ชีวิตทั้งชีวิตโดยลืมไปว่าเราเป็นใครและใช้ชีวิตเพียงเพื่อสิ่งที่เรามี ในที่สุดเราจะค้นพบว่าโดยพื้นฐานแล้วนรกคือการมีชีวิตอยู่โดยการยกเลิกกริยาของเราที่จะเป็น พระวรสารนำเราไปสู่มิติแห่งชีวิตหลังความตายและแสดงให้เราเห็นว่าแม้แต่การกล่าวโทษในนรกก็เปลี่ยนจิตใจของเศรษฐีไม่ได้ เขาวอนขออับราฮัมว่าลาซารัสสามารถมาหาเขาได้เพื่อที่ลาซารัสจะได้บรรเทาทุกข์ความทรมานของเขา เศรษฐีไม่เข้าใจด้วยซ้ำว่าลาซารัสเป็นบุคคลที่ควรรัก,ให้ความช่วยเหลือและไม่ใช่สิ่งของที่จะใช้สนองความต้องการ และนั่นเป็นประตูสำหรับเขาที่จะเข้าสู่ความพินาศนิรันดร!  
 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น