พระเมตตาของพระเยซูเจ้า

จงบอกมนุษยชาติที่กำลังเจ็บป่วย ให้เข้ามาใกล้หัวใจอันเมตตาของเรา แล้วเราจะประทานสันติภาพให้แก่มนุษยชาติ พระเมตตาของเราไม่มีวันสิ้นสุดเลย

พระวาจาวันอาทิตย์ที่ 21 ธันวาคม 2025 เทศกาลเตรียมรับเสด็จ อาทิตย์ที่ 4

          เรื่องราวการประสูติของพระเยซูคริสตเจ้าเป็นดังนี้ พระนางมารีย์ พระมารดาของพระองค์หมั้นกับโยเซฟ แต่ก่อนที่ท่านทั้งสองจะครองชีวิตร่วมกัน ปรากฏว่าพระนางตั้งครรภ์แล้วเดชะพระจิตเจ้า โยเซฟคู่หมั้นของพระนางเป็นผู้ชอบธรรมไม่ต้องการฟ้องหย่าพระนางอย่างเปิดเผย จึงคิดถอนหมั้นอย่างเงียบ ๆ ขณะที่โยเซฟกำลังคิดถึงเรื่องนี้อยู่ ทูตสวรรค์ขององค์พระผู้เป็นเจ้าก็มาเข้าฝัน กล่าวว่า “โยเซฟ โอรสกษัตริย์ดาวิด อย่ากลัวที่จะรับมารีย์มาเป็นภรรยาของท่านเลย เพราะเด็กที่ปฏิสนธิในครรภ์ของนางนั้นมาจากพระจิตเจ้า นางจะให้กำเนิดบุตรชาย ท่านจงตั้งชื่อบุตรนั้นว่าเยซู เพราะเขาจะช่วยประชากรของเขาให้รอดพ้นจากบาป” เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเพื่อพระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้าที่ตรัสผ่านประกาศกจะเป็นความจริงว่า หญิงพรหมจารีจะตั้งครรภ์ และจะคลอดบุตรชายซึ่งจะได้รับนามว่า “อิมมานูเอล” แปลว่า พระเจ้าสถิตกับเรา” เมื่อโยเซฟตื่นขึ้น เขาก็ทำตามที่ทูตสวรรค์ขององค์พระผู้เป็นเจ้าสั่งไว้ คือรับภรรยามาอยู่ด้วย
(มัทธิว.1:18-24)








วันอาทิตย์ที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2567

ซาตานปกครองโลกอย่างไร

ซาตานเป็นเทพเจ้าของโลกได้อย่างไร? พระคัมภีร์ 2โครินทร์ 4:4 บอกเราว่า “ซาตานเป็นเทพเจ้าของโลก เขาทำให้จิตใจของคนมืดบอด เพื่อที่จะไม่เห็นแสงสว่างคือข่าวดีเรื่องพระสิริรุ่งโรจน์ของพระคริสตเจ้า” ภาษากรีกเรียกโลกว่า คอสมอส มันเป็นโลกทางกายภาพซึ่งได้แก่ ระเบียบ, แฟชั่น, สังคม, ความบันเทิง, การศึกษา,ฯลฯ และนักบุญเปาโลได้อธิบายว่า ซาตานสร้างอิทธิพลของมันโดยผ่านทางระบบต่างๆที่เราเห็นอยู่ในปัจจุบันนี้ ปีศาจใช้อำนาจปกครองของมันอย่างไร? มันทำงานผ่านทาง การเมือง,ความบันเทิงรูปแบบต่างๆ,การศึกษา มันทำงานทั้งหมดนี้โดยอยู่เบื้องหลัง,คอยชักใยผู้คนเหมือนหุ่นเชิดในมือของมัน 
มันทำงานโดยผ่านทางมนุษย์ในระบบของโลก,โดยการฉีดความคิดชั่วร้ายของมันเข้าไปในจิตใจของมนุษย์ เหมือนกับที่เครื่องส่งโทรทัศน์ถ่ายทอดสัญญาณไปในอากาศ,ถึงเครื่องรับในบ้านของผู้คน การเปรียบเทียบนี้สามารถช่วยให้เราเห็นว่าเหตุใดพระคัมภีร์จึงเรียกซาตานว่า “เทพนิกรเจ้าผู้ปกครองชั้นบรรยากาศ คือจิตที่ทำงานในมนุษย์ที่ไม่ยอมเชื่อฟัง ทุกคนก็เคยประพฤติเช่นนี้ในอดีต ปล่อยตนตามราคตัณหา ปฏิบัติตนตามความต้องการและความคิดโดยธรรมชาติฝ่ายต่ำ เราจึงน่าจะถูกพระเจ้าลงโทษเช่นเดียวกับคนอื่น” (เอเฟซัส 2:2–3) 
นี่ไม่ได้หมายความว่ามันปกครองโลกโดยสมบูรณ์ พระเจ้ายังคงทรงอำนาจสูงสุด แต่พระเจ้า,ด้วยพระปรีชาญาณอันไม่มีขอบเขตของพระองค์,ได้ยอมให้ซาตานดำเนินการในโลกนี้ภายในขอบเขตที่พระเจ้าได้ทรงกำหนดไว้สำหรับมัน เมื่อพระคัมภีร์กล่าวว่าซาตานมีอำนาจเหนือโลก เราต้องจำไว้ว่าพระเจ้าประทานอำนาจแก่มันเหนือผู้ที่ไม่เชื่อเท่านั้น ผู้เชื่อไม่อยู่ภายใต้การปกครองของซาตานอีกต่อไป (โคโลสี 1:13) ในทางกลับกัน ผู้ไม่เชื่อก็ติดอยู่ใน "บ่วงของมาร" (2 ทิโมธี 2:26) ตกอยู่ใน "อำนาจของมารร้าย" (1 ยอห์น 5:19) และตกเป็นทาสของซาตาน ( เอเฟซัส 2:2)  

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น