พระเมตตาของพระเยซูเจ้า

จงบอกมนุษยชาติที่กำลังเจ็บป่วย ให้เข้ามาใกล้หัวใจอันเมตตาของเรา แล้วเราจะประทานสันติภาพให้แก่มนุษยชาติ พระเมตตาของเราไม่มีวันสิ้นสุดเลย

พระวาจาวันอาทิตย์ที่ 23 มิถุนายน 2024 พระเยซูเจ้าทรงทำให้พายุสงบ

           เย็นวันเดียวกันนั้น พระเยซูเจ้าตรัสสั่งบรรดาศิษย์ว่า “เราจงข้ามไปทะเลสาบฝั่งโน้นกันเถิด” บรรดาศิษย์จึงละประชาชนไว้ และออกเรือที่พระองค์ประทับอยู่นั้นไป มีเรือลำอื่นๆ ติดตามไปด้วย ขณะนั้นเกิดพายุแรงกล้า คลื่นซัดเข้าเรือจนน้ำเกือบจะเต็มเรืออยู่แล้ว พระองค์บรรทมหลับหนุนหมอนอยู่ที่ท้ายเรือ บรรดาศิษย์จึงปลุกพระองค์ ทูลถามว่า “พระอาจารย์ พระองค์ไม่สนพระทัยที่พวกเรากำลังจะตายอยู่แล้วหรือ” พระองค์จึงทรงลุกขึ้น บังคับลม ตรัสสั่งทะเลว่า “เงียบซิ จงสงบลงเถิด” ลมก็หยุด ท้องทะเลราบเรียบอย่างยิ่ง แล้วพระองค์ตรัสถามเขาว่า “ตกใจกลัวเช่นนี้ทำไม ท่านยังไม่มีความเชื่อหรือ” เขาเหล่านั้นกลัวมาก พูดกันว่า “ท่านผู้นี้เป็นใครหนอ ลมและทะเลจึงยอมเชื่อฟังเช่นนี้
(มาระโก 14ซ35-41)








วันพุธที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2559

เสียงร้องขอความช่วยเหลือจากซิสเตอร์ในซีเรีย

5 ส.ค. 2016 : “สถานการณ์ซับซ้อนมากและเราได้ยินเรื่องราวมากมาย  แต่ความจริงที่เรารู้ก็คือประชาชนที่นี่กำลังเดือดร้อนและกำลังจะตาย”
นี่เป็นคำพูดของซิสเตอร์ Anne-Françoise ชาวฝรั่งเศสที่อยู่ในอารามคาร์เมลแห่งเมืองอะเลปโป ประเทศซีเรีย  ท่านได้กล่าวในโทรศัพท์กับมูลนิธิคาทอลิกการกุศลเพื่อช่วยเหลือโบสถ์ที่ขัดสนและเดือดร้อนในอะเลปโป  อันเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดอันดับสอง  และมีกำลังมีการสู้รบอย่างหนักระหว่างรัฐบาลซีเรียกับกลุ่มกบฏ
คอนแวนต์ของซิสเตอร์เหล่านี้อยู่บริเวณชานเมืองอะเลปโป  เป็นบริเวณที่ได้รับผลจากสู้รบโดยตรง  ซิสเตอร์ได้รายงานว่า “เมื่อกองทัพซีเรียพยายามป้องกันที่มั่นจากกลุ่มกบฏ  มีการทิ้งระเบิดใกล้กับคอนแวนต์ของเรา  ขอบพระคุณพระเจ้า  ที่มันไม่ถูกเรา  แต่เราก็ยังคงได้ยินเสียงกระสุนระเบิดผ่านหัวของเราไป”
ซิสเตอร์คาร์เมลไลท์ สี่คนเป็นชาวซีเรีย  และสองคนเป็นชาวฝรั่งเศส  ได้รวบรวมผู้ลี้ภัยจำนวนหนี่งมาอยู่ในอาคารที่ติดกับคอนแวนต์  และได้เลี้ยงดูพวกเขาเท่าที่ทำได้  “ในเวลานี้มีแต่เพียงคนยากจนที่สุดเท่านั้นที่ยังคงอยู่ในอะเลปโป  คริสตชนหลายคนได้ทิ้งเมืองไปแล้วตั้งแต่เกิดสงคราม  เราไม่มีน้ำ  ไม่มีไฟฟ้า  และการสู้รบก็ยังดำเนินอยู่ต่อไป ใครจะกลับมาในสถานการณ์เช่นนี้ได้เล่า” ซิสเตอร์กล่าว
ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าซิสเตอร์ทั้งหกคนมีความกลัวเช่นเดียวกัน  แต่พวกท่านตัดสินใจที่จะอยู่กับประชาชน  ซิสเตอร์ Anne-Françoise กล่าวว่า “เราจะละทิ้งพวกเขาไปได้อย่างไรเล่า?  การที่พวกเราอยู่กับเขาเป็นสิ่งสำคัญสำหรับพวกเขามาก  เราได้รับพลังใจและความกล้าจากการสวดภาวนา  นี่เป็นสิ่งปกป้องพวกเรา  การเจรจาไม่ประสบผลสำเร็จ  เราได้แต่สวดภาวนาขอให้พระเป็นเจ้าทรงทำให้สงครามสงบลง”
            สงครามเกิดขึ้นมาหลายปี  ทำให้คริสตชนต้องลี้ภัยออกนอกประเทศ  ซิสเตอร์ Anne-Françoise กลัวว่าจะมีอีกหลายครอบครัวที่ละทิ้งอะเลปโป ไป  เมืองนี้ถือเป็นสัญลักษณ์ของคริสต์ศาสนาในซีเรีย  ตั้งแต่ปี 2011 เมื่อเริ่มเกิดสงคราม  ประชากรคริสตชนมีอยู่ 160,000 คนในเมืองนี้  บัดนี้เหลืออยู่ไม่ถึง 40,000 คน
“ตะวันออกกลาง  เคยเป็นดินแดนของพระคริสต์  บัดนี้มันเสียงต่อการไม่มีคริสตชนเหลืออยู่เลย  เป็นความจริงที่เจ็บปวด  วิกฤตการณ์ยังไม่ยุติ  ผู้ลี้ภัยต้องออกจากบ้านเกิดเมืองนอนของตนและบางทีก็สูญเสียรากฐานทางด้านจิตใจของพวกเขาด้วย”  ซิสเตอร์กล่าว
ซิสเตอร์วิงวอนต่อนานาชาติและคริสตชนทุกคนทั่วโลกว่า “โปรดสงสารประชาชนนับพันคนซึ่งอยู่ที่นี่ด้วยที่ถูกแบ่งแยกด้วยสงคราม  โปรดอย่าลืมพวกเรา  เราต้องการคำภาวนาของพวกท่านและความช่วยเหลือต่างๆจากพวกท่าน”

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น