พระเมตตาของพระเยซูเจ้า

จงบอกมนุษยชาติที่กำลังเจ็บป่วย ให้เข้ามาใกล้หัวใจอันเมตตาของเรา แล้วเราจะประทานสันติภาพให้แก่มนุษยชาติ พระเมตตาของเราไม่มีวันสิ้นสุดเลย

พระวาจาวันอาทิตย์ที่ 5 พฤษภาคม 2024 พระเยซูเจ้าทรงรักเราและดำรงอยู่ในเรา

           พระบิดาของเราทรงรักเราอย่างไร เราก็รักท่านทั้งหลายอย่างนั้น จงดำรงอยู่ในความรักของเราเถิด ถ้าท่านปฏิบัติตามบทบัญญัติของเรา ท่านก็จะดำรงอยู่ในความรักของเรา เหมือนกับที่เราปฏิบัติตามบทบัญญัติของพระบิดาของเรา และดำรงอยู่ในความรักของพระองค์ เราบอกเรื่องเหล่านี้แก่ท่านทั้งหลายแล้ว เพื่อให้ความยินดีของเราอยู่กับท่าน และความยินดีของท่านจะสมบูรณ์ นี่คือบทบัญญัติของเรา ให้ท่านทั้งหลายรักกันเหมือนดังที่เรารักท่าน ไม่มีใครมีความรักยิ่งใหญ่กว่าการสละชีวิตของตนเพื่อมิตรสหาย ท่านทั้งหลายเป็นมิตรสหายของเราถ้าท่านทำตามที่เราสั่งท่าน เราไม่เรียกท่านว่าเป็นผู้รับใช้อีกต่อไป เพราะผู้รับใช้ไม่รู้ว่านายของตนทำอะไร เราเรียกท่านเป็นมิตรสหายเพราะเราแจ้งให้ท่านรู้ทุกสิ่งที่เราได้ยินมาจากพระบิดาของเรา มิใช่ท่านทั้งหลายได้เลือกเรา แต่เราได้เลือกท่าน มอบภารกิจให้ท่านไปทำจนเกิดผล และผลของท่านจะคงอยู่ เพื่อว่าท่านจะขอสิ่งใดจากพระบิดาในนามของเรา พระบิดาจะประทานแก่ท่าน เราสั่งท่านทั้งหลายดังนี้ว่า ท่านทั้งหลายจงรักกัน
(ยอห์น 15:9-17)








วันเสาร์ที่ 23 มกราคม พ.ศ. 2559

remembrance


“จงทำสิ่งนี้เพื่อเป็นที่ระลึกถึงเรา” remembrance
เป็นเรื่องสำคัญที่เราควรรู้จักคำว่า “เป็นที่ระลึกถึงเรา”remembrance ที่พระเยซูเจ้าทรงใช้ใน ลูกา 22:19 นั้นมิได้มีความหมายถึงสิ่งที่เป็นอดีตที่ผ่านมาแล้ว  ต่อไปนี้เป็นความหมายทั้งหมดของคำที่มาจากภาษากรีก “anamnesis” (“Do this in remembrance (anamnesis) of meจงทำสิ่งนี้เพื่อเป็นที่ระลึกถึงเรา). คำว่า “anamnesis” มีความหมายว่า”ทำยัญบูชาในอดีตให้ปรากฏขึ้นมาในวันนี้”  นี่เป็นมุมมองที่ชาวยิวใช้กับการเลี้ยงอาหารในพิธีปัสกาของพวกเขา – “พวกเราได้รับอิสระภาพจากการเป็นทาสในวันนี้”  พระบัญญัติของพระเป็นเจ้ากล่าวว่า “จงถือวันพระเจ้าเป็นวันศักดิ์สิทธิ์” “Remember to keep holy the lord’s day  มิใช่เพียงแค่สำนึกรู้ว่า “วันนี้เป็นวันพระเจ้า” แล้วไม่ทำอะไรเลย  แต่มีความหมายว่าจงไปเฝ้าพระเป็นเจ้าในโบสถ์  และเมื่อโจรที่ถูกตรึงกางเขนพร้อมกับพระเยซูเจ้าพูดว่า “โปรดระลึกถึง( remembrance )ข้าพเจ้าด้วย เมื่อพระองค์เข้าสู่พระอาณาจักรของพระองค์”   เขาก็ไม่ได้หมายถึงขอให้พระเยซูเจ้าคิดถึงเขา  เมื่อพระองค์เข้าสู่สวรรค์แล้ว (และไม่ได้ทำอะไรเพื่อเขาอีก)   แต่เขาหมายถึง เขาปรารถนาจะได้อยู่กับพระเยซูเจ้าในสวรรค์ด้วย

วันศุกร์ที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2559

ศีลมหาสนิท”ยัญบูชาเดิมของพระคริสต์”


ศีลมหาสนิท”ยัญบูชาเดิมของพระคริสต์”
หลายคนเข้าใจผิดที่คิดว่าพระสงฆ์กำลังประกอบพิธี “ยัญบูชาขึ้นใหม่” ของพระคริสต์บนพระแท่นในพิธีมิสซา  แต่ที่จริงแล้วพระสงฆ์ประกอบพิธีเดียวกันกับการเลี้ยงอาหารค่ำมื้อสุดท้ายของพระเยซูเจ้า ในมิติของเวลาและสถานที่  เปรียบได้กับดวงอาทิตย์ที่ขึ้นในเวลาเช้าของแต่ละวัน  ดวงอาทิตย์ที่เราเห็นขึ้นมาทุกเช้านี้ไม่ใช่ดวงอาทิตย์ดวงใหม่  มันเป็นดวงอาทิตย์ดวงเดิมเพียงแต่ถูกซ่อนจากสายตาของเรา  ศีลมหาสนิทก็เช่นกัน  ปรากฏแก่เราในพิธีมิสซาของแต่ละวัน  เป็นอาหารจากสวรรค์ประจำวันของเรา

วันพฤหัสบดีที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2559

โบสถ์รองเท้าส้นสูง



กลุ่มศาสนาในไต้หวันกลุ่มหนึ่งได้สร้างโบสถ์เป็นรูปรองเท้าส้นสูงเพื่อดึงดูดให้ผู้หญิงเข้าโบสถ์นี้  ข่าวไม่ได้บอกว่าเป็นของนิกายใด

 

วันพุธที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2559

การถูกประจญล่อลวง

การถูกประจญล่อลวงไม่ใช่บาป. มีบางคนเคยพูดว่าเขารู้สึกอับอายจากความคิดไม่ดีบางอย่างที่เกิดขึ้นในหัวของเขา. จงรู้ว่าการถูกประจญล่อลวงนั้นไม่ใช่บาป พระเยซูเจ้าเองก็ทรงถูกประจญแต่พระองค์มิได้ทรงทำบาป. ตามที่พระคัมภีร์เขียนไว้ว่า "เพราะเรามีสมณะผู้ยิ่งใหญ่...คือพระเยซูคริสตเจ้าพระบุตรของพระเจ้า เราจงยึดมั่นในความเชื่อของเรา. เพราะเรามิได้มีสมณะที่ไม่ทรงเห็นใจในความอ่อนแอของเรา แต่ได้ทรงถูกทดลองใจเหมือนเราทุกประการ ถึงกระนั้นพระองค์ก็ยังปราศจากบาป" (Hebrews 4:14-15)
เพราะการประจญทุกอย่างที่เราเผชิญนั้น พระเยซูเจ้าก็ทรงเผชิญมาแล้วเช่นกันและพระองค์ทรงเป็นบุตรของพระเจ้าผู้ทรงปราศจากบาป. การประจญเป็นเพียงการกระซิบล่อลวงของมารปีศาจให้ทำบาป. แต่ถ้าคุณไม่ยอมทำตามมันคุณก็ไม่มีบาป. บิลลี เกรแฮมเคยพูดเปรียบเทียบว่า "คุณไม่สามารถหยุดนกไม่ให้บินอยู่บนหัวของคุณได้ แต่คุณสามารถหยุดมันไม่ให้สร้างรังบนหัวของคุณได้" เมื่อซาตานล่อลวงคุณในจิตใจ จงอย่ายอมทำตามและขับไล่มันไปเสีย

วันอังคารที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2559

ความดีของปีศาจ

คุณคิดว่า เมื่อพระเยซูเจ้าทรงมีชัยชนะต่อปีศาจแล้วจะทำให้มันยอมแพ้หรือ? เป็นไปไม่ได้เลย. แท้จริงในพระคัมภีร์เขียนไว้ว่า "เมื่อปีศาจล่อลวงทุกอย่างจนเสร็จสิ้นแล้วก็ละจากพระองค์ เพื่อรอโอกาสใหม่อีก" (Luke 4:13). มันหยุดล่อลวงก็จริงแต่มันจะไม่ไปไกล มันจะกลับมาโจมตีพระเยซูเจ้าอีกโดยอาศัยยูดาส อิสคารีออท. พระคัมภีร์บอกว่าก่อนที่ยูดาสจะทรยศต่อพระเยซูเจ้า ปีศาจได้เข้าสิงจิตใจของยูดาส. นั่นแสดงให้เห็นว่าปีศาจยังไม่ยอมแพ้ง่ายๆ. มันเข้มแข็งมาก. มีเรื่องของซิสเตอร์ผู้หนึ่ง เธอชื่อ ซิสเตอร์เอ็มมา. เธอเป็นคนอ่อนหวานและมีจิตใจที่ดีงามและเธอจะพูดถึงคนอื่นในทางที่ดีเท่านั้น แม้แต่คนที่เป็นที่รู้จักกันดีว่าเป็นคนชั่วมาก เธอก็พยายามหาสิ่งที่ดีในตัวเขาเมื่อพูดถึงเขา เธอไม่เคยพูดถึงคนอื่นในทางที่ไม่ดีเลย. ครั้งหนึ่งคุณพ่ออธิการได้พูดกับเธอว่า "เอ็มมา, พ่อขอพนันกับเธอว่า เธอไม่สามารถหาอะไรที่เป็นความดีในตัวปีศาจได้" เอ็มมาใช้เวลาคิดสักพักแล้วพูดว่า "อย่างน้อย, มันก็ขยันทำงานอยู่เสมอนะคะ". ถูกต้องทีเดียว, มันทำงานของมันอยู่เสมอ เพราะฉะนั้น,ถ้าหากคุณเคยชนะต่อการประจญล่อลวงของมันมาแล้วในอดีต. ก็อย่าคิดว่าคุณได้รับชัยชนะเด็ดขาดแล้ว. นักบุญเปโตรเตือนเราว่า "จงเตรียมตัวให้พร้อมไว้เสมอ. เพราะศัตรูของท่านคือปีศาจ มันกำลังเดินวนเวียนประดุจสิงโตคำรามที่เสาะหาเหยื่อที่มันจะกัดกินได้" (1 Peter 5:8)

วันจันทร์ที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2559

การรักษาเซลส์

ประมาณ ค.ศ.1931 ศาสตราจารย์ นพ.พอล นีฮาน (Dr.Paul Niehans) ศัลยแพทย์ชาวสวิสได้ค้นพบว่าเซลล์ที่เหมือนกันจะเดินทางไปรักษา ไปซ่อมแซมเซลล์ที่อยู่ในอวัยวะเดียวกัน เช่น เซลล์ของตับก็จะเดินทางไปรักษาตับ เซลล์ของหัวใจก็จะเดินทางไปรักษาหัวใจ แม้กระทั่งอวัยวะเล็กๆ เช่น ต่อมหมวกไต ประสาทตา เซลล์จอตา หรือ เซลล์สมองพวก Cerebrum, Cerebellum ก็จะยังเกิดขบวนการซ่อมแซมภายหลังจากที่ได้รับเซลล์ชีวิตเข้าไป ทฤษฎีนี้เรียกว่า Cell Heals Cell เซลส์ซ่อมเซลส์
เมื่อคราวที่พระสันตะปาปา Pius ที่ 12 ป่วยหนัก มีอาการไม่สบายมาก สะอึกตลอดวันตลอดคืน รับประทานอาหารไม่ได้ นอนไม่หลับ จึงได้เชิญ ศ.นพ.นีฮานไปรักษา ศ.นพ.นีฮานตัดสินใจรับรักษาพระสันตะปาปา ที่กรุงโรม ด้วยวิธี Live Cell Therapy ประมาณ 1 เดือน พระส้นตะปาปา Pius ที่ 12 ก็กลับฟื้นขึ้นมาและมีสุขภาพแข็งแรงได้ราวปฎิหาริย์ ต่อมาท่านพระสันตะปาปาได้แต่งตั้ง ศ.นพ.นีฮาน ในฐานะ Papal Academy of Science เพื่อเป็นเกียรติและระลึกถึงความดีงามที่ ศ.นพ.นีฮาน ได้ทุ่มเททวายการรักษาพระองค์

วันอาทิตย์ที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2559

เครื่องหมายของบุตรแห่งมนุษย์

พระคัมภีร์บอกเราว่า เครื่องหมายของบุตรแห่งมนุษย์จะเกิดขึ้นก่อนแผ่นดินไหวในเยรูซาเล็ม  เพื่อเป็นการเตือนมนุษยชาติถึงการลงทัณฑ์ครั้งสำคัญครั้งสุดท้ายในปัสกาของพระศาสนจักร  ในช่วงเวลาแห่งการเบียดเบียนของแอนตี้ไครส์
>>>อ่านต่อ