Pages
พระเมตตาของพระเยซูเจ้า
จงบอกมนุษยชาติที่กำลังเจ็บป่วย ให้เข้ามาใกล้หัวใจอันเมตตาของเรา แล้วเราจะประทานสันติภาพให้แก่มนุษยชาติ พระเมตตาของเราไม่มีวันสิ้นสุดเลย
พระวาจาวันอาทิตย์ที่ 28 เมษายน 2024 พระเยซูเจ้าทรงเป็นเถาองุ่นแท้
  เราเป็นเถาองุ่นแท้ และพระบิดาของเราทรงเป็นชาวสวน กิ่งก้านใดในเราที่ไม่เกิดผล พระองค์จะทรงตัดทิ้งเสีย กิ่งก้านใดที่เกิดผล พระองค์จะทรงลิดเพื่อให้เกิดผลมากขึ้น ท่านทั้งหลายก็สะอาดอยู่แล้วเพราะวาจาที่เรากล่าวกับท่าน ท่านทั้งหลายจงดำรงอยู่ในเราเถิด ดังที่เราดำรงอยู่ในท่าน กิ่งองุ่นเกิดผลด้วยตนเองไม่ได้ถ้าไม่ติดอยู่กับเถาองุ่นฉันใด ท่านทั้งหลายก็จะเกิดผลไม่ได้ ถ้าไม่ดำรงอยู่ในเราฉันนั้น เราเป็นเถาองุ่น ท่านทั้งหลายเป็นกิ่งก้าน ผู้ที่ดำรงอยู่ในเรา และเราดำรงอยู่ในเขา ก็ย่อมเกิดผลมาก เพราะถ้าไม่มีเรา ท่านก็ทำอะไรไม่ได้เลย ถ้าผู้ใดไม่ดำรงอยู่ในเรา ก็จะถูกโยนทิ้งไปข้างนอกเหมือนกิ่งก้านและจะเหี่ยวแห้งไป กิ่งก้านเหล่านั้นจะถูกเก็บไปทิ้งในไฟและถูกเผา ถ้าท่านทั้งหลายดำรงอยู่ในเรา และวาจาของเราดำรงอยู่ในท่าน ท่านอยากได้สิ่งใด ก็จงขอเถิด และท่านจะได้รับ พระบิดาของเราจะทรงรับพระสิริรุ่งโรจน์เมื่อท่านเกิดผลมากและกลายเป็นศิษย์ของเรา
(ยอห์น 15:1-8)
พระวาจาวันอาทิตย์ที่ 28 เมษายน 2024 พระเยซูเจ้าทรงเป็นเถาองุ่นแท้
  เราเป็นเถาองุ่นแท้ และพระบิดาของเราทรงเป็นชาวสวน กิ่งก้านใดในเราที่ไม่เกิดผล พระองค์จะทรงตัดทิ้งเสีย กิ่งก้านใดที่เกิดผล พระองค์จะทรงลิดเพื่อให้เกิดผลมากขึ้น ท่านทั้งหลายก็สะอาดอยู่แล้วเพราะวาจาที่เรากล่าวกับท่าน ท่านทั้งหลายจงดำรงอยู่ในเราเถิด ดังที่เราดำรงอยู่ในท่าน กิ่งองุ่นเกิดผลด้วยตนเองไม่ได้ถ้าไม่ติดอยู่กับเถาองุ่นฉันใด ท่านทั้งหลายก็จะเกิดผลไม่ได้ ถ้าไม่ดำรงอยู่ในเราฉันนั้น เราเป็นเถาองุ่น ท่านทั้งหลายเป็นกิ่งก้าน ผู้ที่ดำรงอยู่ในเรา และเราดำรงอยู่ในเขา ก็ย่อมเกิดผลมาก เพราะถ้าไม่มีเรา ท่านก็ทำอะไรไม่ได้เลย ถ้าผู้ใดไม่ดำรงอยู่ในเรา ก็จะถูกโยนทิ้งไปข้างนอกเหมือนกิ่งก้านและจะเหี่ยวแห้งไป กิ่งก้านเหล่านั้นจะถูกเก็บไปทิ้งในไฟและถูกเผา ถ้าท่านทั้งหลายดำรงอยู่ในเรา และวาจาของเราดำรงอยู่ในท่าน ท่านอยากได้สิ่งใด ก็จงขอเถิด และท่านจะได้รับ พระบิดาของเราจะทรงรับพระสิริรุ่งโรจน์เมื่อท่านเกิดผลมากและกลายเป็นศิษย์ของเรา
(ยอห์น 15:1-8)
วันเสาร์ที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2567
วันศุกร์ที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2567
สาส์นแม่พระ 25 เม.ย. 2024
ลูกที่รักทั้งหลาย
แม่มาอยู่กับพวกลูกเพื่อบอกลูกว่าแม่รักลูกและเพื่อกระตุ้นให้ลูกสวดภาวนา เพราะซาตานนั้นแข็งแรงและทุกวันพละกำลังของมันแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้นโดยอาศัยคนเหล่านั้นที่เลือกความตายและความเกลียดชัง ลูกน้อยทั้งหลาย,ลูกจงสวดภาวนาและช่วยแผ่ขยายมือแห่งความรักของแม่ไปให้ถึงทุกคนที่อยู่ในความมืดและจงแสวงหาแสงสว่างขององค์พระผู้เป็นเจ้าของเราเถิด
ขอขอบใจที่ตอบสนองเสียงเรียกของแม่
วันพฤหัสบดีที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2567
ช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิต
เมื่อช่วงเวลาสุดท้ายแห่งชีวิตของคุณมาถึง คุณจะเห็นชีวิตบนโลกนี้ในมุมมองใหม่ หากคุณละเลยและไม่ใส่ใจต่อพระบัญญัติของพระเจ้า,คุณจะรู้สึกเสียใจอย่างยิ่ง หากคุณดำเนินชีวิตตามที่พระเจ้าทรงปรารถนา,จิตใจของคุณจะเต็มไปด้วยความยินดี
เวลานั้นจะมาถึงเมื่อคุณอยากจะมีเวลาเพิ่มอีกสักหน่อยหรือมีเวลาอีกสักหนึ่งชั่วโมงเพื่อแก้ไขชดเชยชีวิตในอดีต จงใช้เวลาทั้งวันและทุกชั่วโมงของคุณในตอนนี้ให้ดีเมื่อคุณยังมีเวลาอยู่ ใครสามารถรับประกันกับคุณได้ว่าคุณจะยังมีเวลาเพิ่มอีกหนึ่งชั่วโมง,ในเมื่อตอนนี้คุณรู้สึกว่าชีวิตกำลังจะหลุดลอยไป?
ความตายอาจมาเยือนเมื่อใดก็ได้ จงเตรียมพร้อมสำหรับมันเสมอ ด้วยวิธีนี้,คุณจะปราศจากความกลัวและไม่อยู่ในอันตราย ไม่ว่าทูตสวรรค์ของพระเจ้าจะเรียกคุณให้ละจากชีวิตนี้เมื่อใด
จงดำเนินชีวิตในลักษณะที่ชั่วโมงแห่งความตายจะทำให้คุณมีความสุขมากกว่าที่จะกลัวเถิด
อย่ารักสิ่งใดในโลกมากเกินไป วางความมั่นใจของคุณในพระเจ้าและมองดูพระองค์ราวกับว่าพระองค์เป็นสมบัติล้ำค่าที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของคุณ พระองค์ทรงอยู่ใกล้คุณมากกว่าที่คุณคิดด้วยซ้ำ
วิญญาณที่อ่อนแอตกเป็นทาสของความปรารถนาและความรักทางโลก ผู้ที่สวดภาวนาเสมอจะได้รับเสรีภาพแห่งสวรรค์ในชีวิตนี้ เสรีภาพซึ่งมนุษย์โลกไม่เข้าใจ
ไม่ว่าความสนใจของคุณจะเป็นเช่นไร, หรือสำคัญแค่ไหน, เมื่อความตายมาเยือน, คุณจะละทิ้งทุกสิ่งและไปสู่การพิพากษาของคุณทันที คนอื่นจะเข้ามาแทนที่คุณและมาแทนที่ความสำคัญและกิจกรรมของคุณ
น้อยคนที่จะรู้ว่าความตายของพวกเขาใกล้เข้ามาแล้ว คนส่วนใหญ่รู้สึกประหลาดใจกับการมาถึงของความตาย สำหรับผู้รักพระเจ้า, นั่นเป็นเหตุแห่งความยินดี สำหรับผู้ที่รักชีวิตบนโลกนี้มากเกินไป ถือเป็นการจากลาที่เจ็บปวด
วันพุธที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2567
วันอังคารที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2567
วันจันทร์ที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2567
วิธีกำจัดบาป
คุณพ่อบอสโก,หลังจากที่เล่าเรื่องพระเยซูทรงรักษาคนโรคเรื้อนให้หายแล้ว,ท่านได้แสดงความคิดเห็นดังนี้
“ตอนนี้, ลูกที่รัก, จงฟังความหมายของเรื่องนี้ โรคเรื้อนคือภาพลักษณ์ของบาป บาปซึ่งทำให้วิญญาณของเราน่ารังเกียจจนพระเจ้าไม่ทรงทอดพระเนตรว่าเราเป็นของพระองค์อีกต่อไป พระองค์ต้องเนรเทศเรา, แยกเราออกจากลูกคนอื่นๆของพระองค์ วิญญาณที่อยู่ในบาปหนักนั้นน่าขยะแขยงและน่าสะพรึงกลัวในสายพระเนตรของพระองค์จริงๆ แล้วเราจะหลุดพ้นจากโรคเรื้อนนี้ได้อย่างไร “จงไปแสดงตัวต่อสมณะเถิด” พระเยซูเจ้าตรัส ถ้าเราประสงค์จะพ้นจากบาปและหายจากโรคนี้ โรคร้ายที่น่ารังเกียจที่สุดในวิญญาณ เราต้องไปหาพระสงฆ์ซึ่งพระเจ้าประทานอำนาจการชำระล้างวิญญาณให้สะอาด พระเยซูเจ้าจะตรัสกับชายผู้นั้นแต่เพียงว่า "จงหายเถิด" โดยไม่บอกให้เขาไปแสดงตัวต่อสมณะด้วยไม่ได้หรือ? ได้อย่างแน่นอน , แต่พระองค์มิได้ทำเช่นนั้น,เพื่อแสดงให้เราเห็นว่าถึงแม้พระองค์จะสามารถอภัยบาปแก่เราได้โดยที่เราไม่ต้องไปพบพระสงฆ์,แต่พระองค์ก็ไม่ทรงทำเช่นนั้นเว้นแต่เราจะไปหาพระสงฆ์และสารภาพบาปของเราอย่างจริงใจ .
พ่อขอรับรองกับลูกว่าถ้าลูกต้องการกำจัดบาปของลูก วิธีเดียวคือการไปสารภาพบาป พระเจ้าจะทรงอภัยบาปใดๆให้กับลูก ตราบเท่าที่ลูกเป็นทุกข์ถึงบาปอย่างสมบูรณ์และสารภาพอย่างถ่อมใจต่อพระสงฆ์ที่พระองค์ทรงแต่งตั้งไว้”
ที่มา: Don Bosco Horror of Sin
วันอาทิตย์ที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2567
วันเสาร์ที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2567
วันศุกร์ที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2567
แม่พระประจักษ์ในอิยิปต์
เมื่อ 56 ปีที่แล้ว,ในสัปดาห์ที่ผ่านมา แม่พระได้เริ่มการประจักษ์ต่อสาธารณะในเขต Zeitoun (ประชาชนส่วนใหญ่เป็นมุสลิม) กรุงไคโร ประเทศอียิปต์ มีผู้เห็นเหตุการณ์มากกว่าหนึ่งล้านคน --- รวมทั้งชาวคาทอลิก โปรเตสแตนต์ มุสลิม ออร์โธดอกซ์ และแม้แต่ชาวมาร์กซิสต์ --- แม่พระทรงประจักษ์อย่างเงียบๆที่โบสถ์ออร์โธดอกซ์คอปติกเซนต์แมรีระหว่างวันที่ 2 เมษายน 1968 --- 29 พฤษภาคม 1971
มีผู้เห็นการประจักษ์ซึ่งเป็นพระสงฆ์ที่มีความเชื่อต่างๆ กัน แต่มีเพียงคอปติกออร์โธดอกซ์เท่านั้นที่รับรองการประจักษ์นี้
ถึงแม้พระสันตปาปาเปาโลที่ 6 จะส่งสมณทูต,ซึ่งมีทัศนะคติที่ดีต่อการประจักษ์ แต่พระศาสนจักรคาทอลิกไม่ได้ตัดสินอะไรเพราะปรากฏการณ์นี้เกิดขึ้นเหนือสิ่งปลูกสร้างคอปติกออร์โธด็อกซ์
วันพฤหัสบดีที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2567
นักบุญยอห์น เวียนเนย์และการฟังสารภาพบาป
แม้แต่ในช่วงฤดูหนาวระหว่างเดือนพฤศจิกายนถึงเดือนมีนาคม คุณพ่อยอห์น เวียนเนย์ก็ยังใช้เวลา11 หรือ 12ชั่วโมงต่อวันในการฟังสารภาพบาป เมื่ออากาศดีกลับมา,ท่านก็จะใช้เวลา 15 หรือ 16 หรือ 18 ชั่วโมงด้วยซ้ำ มีการคำนวณว่าตั้งแต่ปี 1830 ซึ่งเป็นช่วงที่ฝูงชนพากันมาพบกับคุณพ่อเวียนเนย์อย่างไม่หยุดหย่อน จนถึงปี 1859 ซึ่งเป็นวันที่คุณพ่อเวียนเนย์เสียชีวิต เวลาที่คุณพ่อเวียนเนย์ใช้ในการฟังสารภาพรวมกันทั้งสิ้นถึงสิบแปดปี กล่าวได้ว่าคุณพ่อยอห์น เวียนเนย์ เจ้าอาวาสแห่ง Ars เป็นผู้ฟังสารภาพบาปที่ทำลายสถิติทั้งหมด ตลอดช่วงชีวิตของท่าน,ท่านได้บรรลุผลสำเร็จด้วยมือเดียวในสิ่งที่พระสงฆ์ห้าหรือหกคนไม่สามารถทำร่วมกันได้ และดังที่คุณพ่ออับเบ เรย์มอนด์(Abbe Raymond) ซึ่งเป็นพระสงฆ์ผู้ช่วยของท่านมาแปดปีตั้งข้อสังเกตว่า งานของคุณพ่อเวียนเนย์ในการฟังสารภาพบาปเพียงอย่างเดียวก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้คุณพ่อเวียนเนย์เป็นนักบุญ เป็นไปไม่ได้เลยที่จะชั่งน้ำหนักผลรวมของการเสียสละและระดับของความกล้าหาญในการฟังสารภาพบาปนี้ มันจะต้องเรียกร้องจากธรรมชาติที่อ่อนแอของมนุษย์ ซึ่งแม้แต่ในนักบุญก็มีช่วงเวลาแห่งการกบฏและความฝันถึงอิสรภาพ และการพักผ่อน
ที่มา: A Biography of St. Jean-Marie Vianney:
วันพุธที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2567
ความอดทนต่อความเจ็บป่วย
อัครสาวกเปาโลเขียนว่า: ด้วยความอดทนอดกลั้น เราจึงลงในสนามแข่งขันแห่งความเชื่อที่อยู่ต่อหน้าเรา เพราะมีอะไรเล่าที่จะมีอำนาจมากกว่าคุณธรรม? มีอะไรที่มั่นคงหรือแข็งแกร่งยิ่งกว่าความอดทนต่อความเจ็บป่วย? ความอดทนนั้นเพื่อเห็นแก่พระเจ้า นี่คือราชินีแห่งคุณธรรม เป็นรากฐานแห่งคุณธรรม เป็นที่พักพิงที่เงียบสงบ เป็นสันติภาพในยามสงคราม เป็นความสงบของคลื่นลมในทะเล เป็นความปลอดภัยท่ามกลางการทรยศและขณะอยู่ในอันตราย มันทำให้ผู้ที่ฝึกฝนแข็งแกร่งกว่าเหล็ก ไม่มีอาวุธใดหรือธนู,ไม่มีกองทหารหรือเครื่องปิดล้อมที่รุกคืบ, ไม่มีหอกหลาวหรือลูกศรสามารถเขย่ามันได้ ไม่มีแม้แต่กองทัพวิญญาณชั่วร้ายหรืออำนาจของศัตรูมากมาย หรือแม้แต่ปีศาจที่ยืนหยัดอยู่เป็นกองทัพพร้อมด้วยยุทโธปกรณ์ของมันจะมีอำนาจทำร้ายชายหรือหญิงผู้นั้นได้ เพราะพวกเขาได้รับคุณธรรมนี้ผ่านทางพระคริสต์
-นักบุญ นีลัสแห่งอันซีรา(St. Nilus of Ancyra)
วันอังคารที่ 16 เมษายน พ.ศ. 2567
กิเบโอ,ราวันดา
อัลฟองซีน หนึ่งในผู้ที่เห็นแม่พระเล่าให้ฟังว่า
ฉันจำได้ว่า วันหนึ่งพระนางมารีย์ทรงประจักษ์มาต่อหน้าฉันและตรัสว่า “ลูกจงบอกกับผู้ใหญ่ว่า แม่จะพาลูกไป" พระนางทรงพาฉันไปยังสถานที่หนึ่งซึ่งมีผู้คนกำลังโศกเศร้า มันไม่น่าดูเลย ดังนั้นฉันจึงถามแม่พระว่า ทำไมพาลูกมาที่นี่ มันน่าเศร้ามาก พระนางทรงตอบว่า “มนุษย์ต้องทำให้พระเจ้าทรงพอพระทัย มนุษย์ต้องทำในสิ่งที่เป็นพระประสงค์ของพระเจ้า มิฉะนั้นชีวิตของเขาก็จะจบลงที่นี่” ต่อมาเราก็มาถึงสถานที่อีกแห่งหนึ่งที่แตกต่างออกไป มันสงบแต่ก็ยังเศร้า ใช่แล้ว,มันไม่สนุกสนานแต่เมื่อเปรียบเทียบกับสถานที่แรกแล้ว มันดีกว่า ต่อมาเราก็มาอีกสถานที่หนึ่ง มันมหัศจรรย์มาก ฉันได้ยินเสียงหลายเสียง,เสียงเพลง,เสียงที่ไพเราะ ฉันพูดว่า “แต่ลูกไม่เห็นใครเลยที่นี่” แม่พระตรัสว่า “ตราบใดที่ลูกยังอยู่บนโลก ลูกจะมองไม่เห็นคนที่ร้องเพลง” นั่นเผยให้เห็นสิ่งที่รอฉันอยู่ไม่มากก็น้อย มันขึ้นอยู่กับพฤติกรรมของฉัน ซึ่งรวมถึงความทุกข์ยากที่ฉันต้องยอมรับด้วย แต่แน่นอน,ฉํนต้องไม่ลืมถึงสิ่งที่จำเป็นที่จะต้องยึดติดกับสายประคำ,พิธีมิสซา,รหัสธรรมพระมหาทรมานขององค์พระบุตรของพระนาง,การรับศีลศักดิ์สิทธิ์ในพระศาสนจักร เพราะสิ่งเหล่านี้ให้ความเข้มแข็งแก่ฉัน
หมายเหตุ - เวลานี้อัลฟองซีนเป็นชีลับอยู่ในอาราม Saint Claire convent of Abidjan. ที่ไอวอรีโคสต์
วันจันทร์ที่ 15 เมษายน พ.ศ. 2567
พระสงฆ์กับช่างตัดผม
คำถามหนึ่งที่คริสตชนมักได้ยินคือ “ถ้าพระเจ้ามีจริง,ทำไมจึงมีสิ่งเลวร้ายเกิดขึ้นกับคนดีล่ะ?”
คำตอบที่ดีสำหรับคำถามดังกล่าวของคนที่ไม่เชื่อในพระเจ้าก็คือ พระเจ้าเองทรงอนุญาติให้สิ่งเลวร้ายนั้นเกิดขึ้นเพื่อที่ความดีบางอย่างเกิดขึ้นกับสิ่งนั้น...
*****
พระสงฆ์ท่านหนึ่งเดินเข้าไปในร้านตัดผม และนั่งลงเพื่อตัดผม แล้วพระสงฆ์กับช่างตัดผมก็เริ่มพูดคุยกัน
เมื่อช่างตัดผมเสร็จเรียบร้อย,ในตอนท้ายช่างตัดผมพูดว่า “ท่านรู้ไหมว่า ไม่มีอะไรที่เรียกว่าพระเจ้าหรอก แล้วอะไรทำให้ท่านจึงต้องการมาเป็นพระสงฆ์ล่ะ?
พระสงฆ์พูดว่า “อะไรที่ทำให้คุณคิดว่าไม่มีพระเจ้าเล่า?
ช่างตัดผมตอบว่า “ถ้ามีพระเจ้า,แล้วทำไมจึงมีเรื่องเลวร้ายมากมายเกิดขึ้นกับคนดีล่ะครับ?
พระสงฆ์ไม่ได้ตอบคำถามของเขา ท่านเพียงแต่ให้ทิปกับเขาและเดินออกไปข้างนอก...
เมื่อพระสงฆ์อยู่ข้างนอกร้าน ท่านเห็นคนไร้บ้านคนหนึ่งนั่งอยู่บนม้านั่งของสวนสาธารณะ,ผมของเขายาวยุ่งเหยิง....
พระสงฆ์เดินเข้าไปหาชายไร้บ้านคนนั้น, เอามือแตะไหล่ของเขาแล้วพูดว่า “มากับผมหน่อยสิ”
พระสงฆ์นำชายไร้บ้านคนนั้นมาที่ร้านตัดผม แล้วพูดกับช่างตัดผมว่า “เฮ้ คุณ,ไม่มีอะไรที่เรียกว่าช่างตัดผมหรอก”
ช่างตัดผมพูดว่า “ท่านพูดอะไรน่ะ?”
พระสงฆ์พูดว่า “ถ้าหากมีช่างตัดผมจริงละก็, คนไร้บ้านคนนี้ก็ต้องไม่มีผมที่ยาวยุ่งเหยิงอย่างนี้สิ”
ช่างตัดผมตอบว่า “ทำไมถึงคิดว่าช่างตัดผมไม่มีอยู่จริง, ปัญหามันเป็นเพราะคนไร้บ้านคนนี้ไม่เคยมาที่ร้านของผมและให้ผมตัดผมต่างหาก”
ข้อคิดของเรื่องนี้ - ช่างตัดผมตอบคำถามของเขาเองคือ ทำไมจึงคิดว่าพระเจ้าไม่มีจริง ปัญหามันอยู่ที่ว่าเขาและอีกหลายคนไม่เคยไปโบสถ์เพื่อที่จะเรียนรู้เกี่ยวกับพระเจ้าต่างหาก
วันอาทิตย์ที่ 14 เมษายน พ.ศ. 2567
วันเสาร์ที่ 13 เมษายน พ.ศ. 2567
วันศุกร์ที่ 12 เมษายน พ.ศ. 2567
วันพฤหัสบดีที่ 11 เมษายน พ.ศ. 2567
วันพุธที่ 10 เมษายน พ.ศ. 2567
ความช่วยเหลือจากอารักขเทวดา
ผู้ที่มีความรักและพึ่งพาอารักขเทวดาให้มาช่วยในการทำงานทุกวันคือ บุญราศี มารี ฟอร์จูนาตา วิติ (Mary Fortunata Viti 1827-1922) เธอเป็นซิสเตอร์ในคณะเบเนดิกติน เธอตั้งใจที่จะรับใช้บรรดาซิสเตอร์ของเธอมาโดยตลอด และไม่เคยบ่นเมื่อเธอมีภาระหนักเกินไป วันหนึ่งเมื่อเธอต้องซ่อมเสื้อผ้าจำนวนมาก เพราะมีซิสเตอร์สองคนนำตะกร้าใส่เสื้อผ้าสองใบมาให้เธอซ่อม เธอรับงานนี้ด้วยความสงบและบอกกับซิสเตอร์นั้นว่า "เมื่อได้รับความช่วยเหลือจากอารักขเทวดาของฉัน,ฉันจะทำทุกอย่างให้เสร็จ" ด้วยความเรียบง่ายแบบเด็กๆเธอจะพูดกับทูตสวรรค์ว่า "ข้าแต่ท่านอารักขเทวดาโปรดมาช่วยฉันหน่อย เพราะฉันไม่รู้ว่าจะทำให้เสร็จได้อย่างไร" ตามเรื่องราวของเธอ "หลายครั้งอารักขเทวดาของเธอจะให้ความช่วยเหลือในลักษณะพิเศษ" บางทีเราก็อาจเหมือนกับ บุญราศี มารี ฟอร์จูนาตา เราสามารถพึ่งพาอารักขเทวดาของเราได้เมื่อเรามีภาระหนักเกินไป
ที่มา: Angels And Devils
วันอังคารที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2567
วันจันทร์ที่ 8 เมษายน พ.ศ. 2567
วันอาทิตย์ที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2567
วันเสาร์ที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2567
วันศุกร์ที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2567
กางเขนกับชีวิตคริสตชน
บุญราศีฟูลตัน ชีน
"ถ้าปราศจากกางเขนในชีวิตของเรา เราก็ไม่มีการกลับคืนชีพ กฎแห่งชีวิตของคริสตชนคือ เราต้องตายเพื่อที่จะมีชีวิต ข้าพเจ้าไม่ได้หมายถึงความตายทางร่างกาย เรามีการพลีกรรมซึ่งก็คือการปฏิเสธตนเอง เป็นการนำกางเขนมาใช้ในชีวิตของเรา ถ้าเราไม่ปฏิเสธตนเอง เราก็ไม่สามารถอยู่กับพระองค์ได้ พวกเราไม่ชอบกางเขนในชีวิตของเรา อันที่จริงเราพยายามที่จะหลีกหนีกางเขน ตามที่ข้าพเจ้าได้เคยบอกกับท่าน ปีศาจพยายามล่อลวงเราให้หลีกหนีการพลีกรรม,หลีกหนีกางเขน,การสำนึกผิดและชดเชยใช้โทษบาป แต่สิ่งนี้เป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับชีวิตคริสตชน จำไว้ว่าการเป็นคริสตชนไม่ใช่เรื่องง่าย"
วันพฤหัสบดีที่ 4 เมษายน พ.ศ. 2567
ศาสนาจารย์โปรเตสแตนต์
ในวันที่ 21 พฤศจิกายน 1858, ดร. ฮูโก แลมเมอร์(Dr. Hugo Lammer) นักศาสนศาสตร์นิกายโปรเตสแตนต์ผู้รอบรู้แห่งแบรนสเบิร์ก,เยอรมนี, ได้ยอมรับความเชื่อคาทอลิก หลังจากนั้นไม่นานเขาก็ได้บวชเป็นพระสงฆ์ และในปี 1883 ก็ได้รับการแต่งตั้งเป็นศาสตราจารย์ด้านเทววิทยาในเมืองเบรสเลา(Breslau) สาเหตุของการกลับใจจะเล่าโดยย่อดังนี้
วันหนึ่งเขาได้อ่านคำอธิบายเกี่ยวกับบทภาวนาวันทามารีย์และรู้สึกพึงพอใจมากจนทำให้เขาเริ่มสวดภาวนาบทนี้ทุกวัน นี่คือคำพูดของเขาเอง:
"ผมเริ่มสวดภาวนาบทวันทามารีย์อันไพเราะ และได้อธิษฐานวอนขอความช่วยเหลืออันทรงพลังของพระนางมารีย์เพื่อให้ผมเข้าสู่พระศาสนจักรที่แท้จริงโดยเร็ว ความอวดดีทางปัญญาได้ดึงรั้งผมไว้ และในที่พักอาศัยอันโดดเดี่ยวของผม,ผมได้คุกเข่าลงเบื้องหน้าไม้กางเขน ผมต่อสู้,ด้วยน้ำตาที่ไหล,มีการสู้รบภายในหลายครั้ง พระนางมารีย์ทรงขับไล่ความหลงผิดทั้งหมด และต่อมา,ผมได้เคาะประตูพระศาสนจักรที่แท้จริง ผมสามารถพูดด้วยความเชื่อมั่นยิ่งใหญ่ที่สุดว่าผมเชื่อในหลักคำสอนทุกประการของศาสนาคาทอลิก”
ที่มา: How To Be Happy How To Be Holy
วันพุธที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2567
วันอังคารที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2567
วันจันทร์ที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2567
พระธรรมเก่า-พระธรรมใหม่
ในพระธรรมเก่า,แกะที่ถูกนำมาถวายเป็นยัญบูชาแด่พระเจ้าจะต้องถูกตรวจสอบโดยหัวหน้าสมณะและตัองถูกตัดสินว่ามีสภาพดีไม่มีตำหนิ(อพยพ 12.5)
ในพระธรรมใหม่,กายฟาสผู้เป็นหัวหน้าสมณะเป็นผู้ตรวจสอบพระเยซูเจ้า และเขากล่าวหาพระเยซูเจ้าว่าพูดดูหมิ่นพระเจ้า(มท26.25) เขาส่งพระเยซูเจ้าไปให้ปิลาตเป็นผู้ตัดสิน
และปิลาต,หลังจากตรวจสอบพระเยซูเจ้า(ผู้ทรงเป็นลูกแกะของพระเจ้า ยน.1.29) กล่าวต่อหัวหน้าสมณะและฝูงชนว่า “ข้าพเจ้าไม่พบความผิดข้อใดในคนคนนี้” (ลก.23.4)
วันอาทิตย์ที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2567
สุขสันต์ปัสกาแด่ทุกท่าน
พระเยซูคริสต์ ทรงพลีชีวิต เพื่อเราทั้งหลาย |
ทรงรับความตาย บนกางเขนไม้ เป็นเครื่องบูชา |
ความรักพระองค์ ยิ่งใหญ่เหลือล้น สุดพ้นพรรณา |
|
โลกที่มืดมน จึงพ้นอันตราย เจิดจ้าเฉิดฉาย ฉับพลันสว่างไสว |
ปีศาจปราชัย นรกหวั่นไหว มิอาจต้านได้ สะท้านสะเทือน |
หมู่ผู้ชอบธรรม ผู้รับเลือกสรร เข้าอยู่สวรรค์ มิเปลี่ยนแปรผัน สุขสันต์ตลอดกาล |
|
พระเยซูคริสต์ พิชิตความตาย แล้วในวันนี้ |
ทรงฟื้นชีวี สถิตย์ ณ ที่ เบื้องขวาพระบิดา |
ชาวเรายินดี สุขเกษมเปรมปรีด์ เปล่งเสียงโมทนา |
ทรงพระเจริญ น้อมเกล้าสรรเสริญ ทรงธรรมล้ำเลิศ ทูนเทิดนิรันดร์ |
|
|
**********************
วันเสาร์ที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2567
พระเยซูบนไม้กางเขน
พระเยซูเจ้าทรงรับทรมานและถูกตรึงบนไม้กางเขน แม้เวลาที่ถูกตรึงอยู่บนไม้กางเขนพระองค์ก็ยังแสดงความรักต่อมนุษย์
1. เมื่ออยู่บนไม้กางเขน,พระองค์ตรัสกับพระบิดาว่า "พระบิดาเจ้าข้า โปรดอภัยความผิดแก่พวกเขาเถิด เพราะพวกเขาไม่รู้ว่ากำลังทำอะไร"
2. พระเยซูทรงประทานพระแม่มารีย์ให้เป็นมารดาของมนุษย์ทุกคน "คุณแม่ นี่คือลูกของคุณแม่" เพื่อที่พระแม่มารีย์จะได้ช่วยเหลือพวกเรา ให้ได้รับความรอด
3. พระเยซูทรงอภัยบาปให้แก่นักโทษที่ถูกตรึงกางเขนพร้อมกับพระองค์,เมื่อนักโทษผู้นั้นกลับใจ พระเยซูตรัสกับเขาว่า "ในวันนี้ท่านจะอยู่กับเราในสวรรค์"
4. เมื่อพระเยซูตรัสว่า "พระเจ้าข้า พระเจ้าข้า เหตุไฉนจึงทรงทอดทิ้งข้าพเจ้าเล่า" พระเยซูกำลังพูดกับพระบิดาแทนมนุษย์ทุกคน พระองค์วอนขอต่อพระบิดา ขออย่าทรงทอดทิ้งมนุษย์เลย
ไม่มีใครอีกแล้วที่รักมนุษย์มากเท่ากับพระเยซูเจ้า พระองค์ยอมสละละทิ้งพระสิริรุ่งโรจน์ในสวรรค์และมารับทรมานและความตายบนไม้กางเขนเพื่อพวกเรา เพื่อที่มนุษย์จะได้รับความรอด และอยู่กับพระเจ้าในสวรรค์ เมื่อรู้เช่นนี้แล้วเราจะไม่รักพระเยซูเจ้าบ้างเลยหรือ?
วันศุกร์ที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2567
อัศจรรย์ศีลมหาสนิทที่เม็กซิโก
อัศจรรย์ศีลมหาสนิท เกิดในโบสถ์ ที่ติฮัวนา ซึ่งอยู่ตอนใต้สุดของเม็กซิโก
วันพฤหัสบดีที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2567
วันพุธที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2567
การล้างเท้าอัครสาวก
เรื่องราวการที่พระเยซูทรงล้างเท้าอัครสาวกทั้ง12 คน รวมทั้งยูดาส ผู้ที่ทรยศต่อพระองค์ด้วย มีห้าสิ่งที่พระเยซูทรงกระทำในการล้างเท้าอัครสาวกตามที่พระวรสารนักบุญยอห์น 13:4-6 บรรยายไว้ 1. พระเยซูทรงลุกขึ้นจากที่นั่งของพระองค์ 2. ทรงถอดเสื้อคลุมนอกออกแล้ววางไว้ 3. ทรงนำผ้าเช็ดตัวมาพันรอบสะเอวของพระองค์ 4. ทรงคุกเข่าลงที่เท้าของอัครสาวกและใช้น้ำล้างเท้าพวกเขา 5. หลังจากล้างเท้าแล้วทรงใช้ผ้าเช็ดเท้าพวกเขา ดังนั้นสิ่งสกปรกที่ติดเท้าของอัครสาวกก็ติดอยู่กับพระองค์ด้วย นี่คือสิ่งที่นักบุญยอห์นได้บรรยายเหตุการณ์นี้ไว้
ขณะที่ทรงอยู่ในสวรรค์,พระเยซูทรงกระทำสิ่งเหล่านี้เช่นกัน ก่อนที่จะทรงลงมาบังเกิดเป็นมนุษย์ พระเยซูทรงประทับบนบัลลังก์ของพระองค์ในสรวงสวรรค์ ทรงลุกขึ้นจากบัลลังก์ของพระองค์ แล้วทรงวางพระสิริรุ่งโรจน์ของพระองค์ไว้ที่สรวงสวรรค์นั้น ทรงลงมาบ้งเกิดเป็นมนุษย์โดยคลุมพระองค์ด้วยเนื้อหนังของมนุษย์ ทรงลงมายังโลกเพื่อปฏิบัติภารกิจแห่งการไถ่กู้มนุษยชาติ พระองค์ทรงล้างเท้าของเราแต่ละคนและทรงรับบาปของเราไว้คือสิ่งสกปรกของเรา
วันอังคารที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2567
สาส์นแม่พระ 25 มี.ค. 2024
ลูกที่รักทั้งหลาย
เวลานี้เป็นเวลาแห่งพระหรรษทาน,ขอให้สวดภาวนาพร้อมกับแม่เพื่อให้ความดีชนะในตัวลูกและรอบๆตัวลูก ลูกน้อยทั้งหลาย,ในวิธีที่พิเศษ,จงสวดภาวนาเป็นหนึ่งเดียวกับพระเยซูเจ้าบนหนทางแห่งไม้กางเขน จงนำมนุษยชาติที่กำลังเร่ร่อนไปโดยปราศจากพระเจ้าและปราศจากความรักของพระองค์ใส่ลงไปในคำภาวนาของลูกด้วย
จงสวดภาวนา,จงเป็นแสงสว่าง,และจงเป็นพยานแก่ทุกคนที่ลูกพบ ลูกน้อยทั้งหลาย,เพื่อที่พระเจ้าผู้ทรงเมตตาจะได้มีพระเมตตาโดยผ่านทางลูก
ขอขอบใจที่ตอบสนองเสียงเรียกของแม่
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)