Pages
พระเมตตาของพระเยซูเจ้า
จงบอกมนุษยชาติที่กำลังเจ็บป่วย ให้เข้ามาใกล้หัวใจอันเมตตาของเรา แล้วเราจะประทานสันติภาพให้แก่มนุษยชาติ พระเมตตาของเราไม่มีวันสิ้นสุดเลย
พระวาจาวันอาทิตย์ที่ 13 ตุลาคม 2024 พระเยซูเจ้ากับเศรษฐีหนุ่ม
  ขณะที่พระองค์กำลังทรงพระดำเนินอยู่ระหว่างทาง ชายคนหนึ่งรีบเข้ามาคุกเข่าลง ทูลถามว่า “พระอาจารย์ผู้ทรงความดี ข้าพเจ้าต้องทำอะไรเพื่อจะได้ชีวิตนิรันดร” พระเยซูเจ้าตรัสกับเขาว่า “ทำไมเรียกเราว่าผู้ทรงความดี ไม่มีใครทรงความดีนอกจากพระเจ้าเท่านั้น ท่านรู้จักบทบัญญัติแล้ว คือ อย่าฆ่าคน อย่าล่วงประเวณี อย่าลักขโมย อย่าเป็นพยานเท็จ อย่าฉ้อโกง จงนับถือบิดามารดา” ชายผู้นั้นทูลว่า “พระอาจารย์ ข้าพเจ้าได้ปฏิบัติตามบทบัญญัติเหล่านี้ทุกข้อมาตั้งแต่เป็นเด็กแล้ว” พระเยซูเจ้าทอดพระเนตรเขาด้วยพระทัยเอ็นดู ตรัสกับเขาว่า “ท่านยังขาดสิ่งหนึ่ง จงไปขายทุกสิ่งที่มี มอบเงินให้คนยากจน และท่านจะมีขุมทรัพย์ในสวรรค์ แล้วจงติดตามเรามาเถิด” เมื่อได้ฟังพระวาจานี้ ชายผู้นั้นหน้าสลดลงเพราะเขามีทรัพย์สมบัติมากมาย จึงจากไปด้วยความทุกข์
  พระเยซูเจ้าทอดพระเนตรโดยรอบ แล้วตรัสกับบรรดาศิษย์ว่า “ยากจริงหนอที่คนมั่งมีจะเข้าสู่พระอาณาจักรของพระเจ้า” บรรดาศิษย์แปลกใจกับพระวาจานี้ พระเยซูเจ้าจึงตรัสอีกว่า “ลูกเอ๋ย ยากจริงหนอที่จะเข้าสู่พระอาณาจักรของพระเจ้า อูฐจะลอดรูเข็มยังง่ายกว่าคนมั่งมีเข้าสู่พระอาณาจักรของพระเจ้า” บรรดาศิษย์ยิ่งประหลาดใจมากขึ้น พูดกันว่า “ดังนี้ ใครเล่าจะรอดพ้นได้” พระเยซูเจ้าทอดพระเนตรบรรดาศิษย์แล้วตรัสว่า “สำหรับมนุษย์เป็นไปไม่ได้ แต่สำหรับพระเจ้าเป็นเช่นนั้นได้ เพราะพระองค์ทรงทำได้ทุกสิ่ง”
  เปโตรทูลพระเยซูเจ้าว่า “ข้าพเจ้าทั้งหลายได้สละทุกสิ่งและติดตามพระองค์แล้ว” พระเยซูเจ้าตรัสว่า “เราบอกความจริงกับท่านว่า ไม่มีใครที่ละทิ้งบ้านเรือน พี่น้องชายหญิง บิดามารดา บุตรหรือไร่นาเพราะเห็นแก่เรา และเพราะเห็นแก่ข่าวดี จะไม่ได้รับการตอบแทนร้อยเท่าในโลกนี้ เขาจะได้บ้านเรือน พี่น้องชายหญิง มารดา บุตร ไร่นา พร้อมกับการเบียดเบียนและในโลกหน้าจะได้ชีวิตนิรันดร
(มาระโก 10:17-30)
พระวาจาวันอาทิตย์ที่ 13 ตุลาคม 2024 พระเยซูเจ้ากับเศรษฐีหนุ่ม
  ขณะที่พระองค์กำลังทรงพระดำเนินอยู่ระหว่างทาง ชายคนหนึ่งรีบเข้ามาคุกเข่าลง ทูลถามว่า “พระอาจารย์ผู้ทรงความดี ข้าพเจ้าต้องทำอะไรเพื่อจะได้ชีวิตนิรันดร” พระเยซูเจ้าตรัสกับเขาว่า “ทำไมเรียกเราว่าผู้ทรงความดี ไม่มีใครทรงความดีนอกจากพระเจ้าเท่านั้น ท่านรู้จักบทบัญญัติแล้ว คือ อย่าฆ่าคน อย่าล่วงประเวณี อย่าลักขโมย อย่าเป็นพยานเท็จ อย่าฉ้อโกง จงนับถือบิดามารดา” ชายผู้นั้นทูลว่า “พระอาจารย์ ข้าพเจ้าได้ปฏิบัติตามบทบัญญัติเหล่านี้ทุกข้อมาตั้งแต่เป็นเด็กแล้ว” พระเยซูเจ้าทอดพระเนตรเขาด้วยพระทัยเอ็นดู ตรัสกับเขาว่า “ท่านยังขาดสิ่งหนึ่ง จงไปขายทุกสิ่งที่มี มอบเงินให้คนยากจน และท่านจะมีขุมทรัพย์ในสวรรค์ แล้วจงติดตามเรามาเถิด” เมื่อได้ฟังพระวาจานี้ ชายผู้นั้นหน้าสลดลงเพราะเขามีทรัพย์สมบัติมากมาย จึงจากไปด้วยความทุกข์
  พระเยซูเจ้าทอดพระเนตรโดยรอบ แล้วตรัสกับบรรดาศิษย์ว่า “ยากจริงหนอที่คนมั่งมีจะเข้าสู่พระอาณาจักรของพระเจ้า” บรรดาศิษย์แปลกใจกับพระวาจานี้ พระเยซูเจ้าจึงตรัสอีกว่า “ลูกเอ๋ย ยากจริงหนอที่จะเข้าสู่พระอาณาจักรของพระเจ้า อูฐจะลอดรูเข็มยังง่ายกว่าคนมั่งมีเข้าสู่พระอาณาจักรของพระเจ้า” บรรดาศิษย์ยิ่งประหลาดใจมากขึ้น พูดกันว่า “ดังนี้ ใครเล่าจะรอดพ้นได้” พระเยซูเจ้าทอดพระเนตรบรรดาศิษย์แล้วตรัสว่า “สำหรับมนุษย์เป็นไปไม่ได้ แต่สำหรับพระเจ้าเป็นเช่นนั้นได้ เพราะพระองค์ทรงทำได้ทุกสิ่ง”
  เปโตรทูลพระเยซูเจ้าว่า “ข้าพเจ้าทั้งหลายได้สละทุกสิ่งและติดตามพระองค์แล้ว” พระเยซูเจ้าตรัสว่า “เราบอกความจริงกับท่านว่า ไม่มีใครที่ละทิ้งบ้านเรือน พี่น้องชายหญิง บิดามารดา บุตรหรือไร่นาเพราะเห็นแก่เรา และเพราะเห็นแก่ข่าวดี จะไม่ได้รับการตอบแทนร้อยเท่าในโลกนี้ เขาจะได้บ้านเรือน พี่น้องชายหญิง มารดา บุตร ไร่นา พร้อมกับการเบียดเบียนและในโลกหน้าจะได้ชีวิตนิรันดร
(มาระโก 10:17-30)
วันเสาร์ที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2559
ทำไมเด็กติดเกมส์
ในการประจักษ์ที่เมดจูกอเรจ์ แม่พระเคยเตือนว่าปีศาจต้องการทำลายวิญญาณของเด็กและครอบครัวมากที่สุด เกมส์ในคอมพิวเตอร์และโทรศัพท์มือถือ เป็นเครื่องมืออย่างหนึ่งที่ปีศาจใช้ในการหันเหความสนใจของเด็กให้ออกห่างจากพระเป็นเจ้า เกมส์มีประสิทธิภาพมากในการดึงดูดเด็กๆ
มันทำให้เด็กติดเกมส์
เพราะเกมส์ออกแบบมาเพื่อให้เด็กติด
เด็กจะละทิ้งเกมส์ไปไม่ได้เลยแม้แต่วินาทีเดียว มิฉะนั้นผู้เล่นจะแพ้ นี่เป็นกลยุทธชั้นยอด และเด็กๆก็ไม่รู้ตัวถึงเล่ห์กลของมัน พวกเขาต้องการเล่นเกมส์ และนี่เป็นปัญหาไม่ใช่แต่เด็กเท่านั้น ผู้ใหญ่บางคนก็ติดเกมส์ด้วย
มันแพร่กระจายไปทั่วโลกอย่างรวดเร็วและทำกำไรมหาศาลให้ผู้ออกแบบเกมส์ทั้งหลาย.......>>>อ่านต่อ
วันศุกร์ที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2559
คุณพ่อปีโอ:นักบุญผู้ได้รับรอยแผลศักดิ์สิทธิ์
ชื่อของท่านคือฟรานเชสโก
ท่านเกิดวันที่ 25 พ.ค. 1887
บิดามารดาซึ่งเป็นคริสตชนไม่ประหลาดใจเลยที่ท่านตัดสินใจบวชเป็นนักพรตคาปูชิน และเมื่อท่านอายุ
23 ปี ท่านก็ได้บวชเป็นพระสงฆ์
ท่านไม่สามารถเข้าคณะได้นานถึง
6 ปี เนื่องด้วยปัญหาทางสุขภาพ
แต่เมื่อท่านได้เข้าอารามของคณะซึ่งตั้งอยู่ที่ซานจีโอวานนี รอตตอนโด
ภารกิจหลักของท่านก็คือการฟังแก้บาปซึ่งท่านต้องใช้เวลานานถึงวันละ 14 ชั่วโมง
ฟรานเชสโก ดิเลโอ: นักพรตในคณะคาปูชิน
ฟรานเชสโก ดิเลโอ: นักพรตในคณะคาปูชิน
ท่านดำเนินชีวิตนักบวชอย่างศักดิ์สิทธิ์
ท่านประพฤติปฏิบัติคุณธรรมของชีวิตนักบวชอย่างลึกซึ้ง แสดงให้โลกเห็นถึงความเป็นนักบุญที่ยิ่งใหญ่ของท่านในการปฏิบัติรับใช้พระเป็นเจ้าและเพื่อนมนุษย์
แต่พระเป็นเจ้าทรงเรียกร้องจากท่านมากกว่านั้น ในปี 1918 เมื่อท่านมีอายุ 31 ปี
มือของท่านและสีข้างของท่านก็เริ่มมีรอยแผลแบบเดียวกับพระคริสต์ผู้ทนทุกข์อยู่บนกางเขน ถูกตะปูตอกที่พระหัตถ์และถูกหอกแทงที่สีข้าง
ฟรานเชสโก ดิเลโอ: นักพรตในคณะคาปูชิน
ฟรานเชสโก ดิเลโอ: นักพรตในคณะคาปูชิน
ท่านยอมรับการมีส่วนร่วมในพระมหาทรมานของพระคริสตเจ้า
แต่ท่านไม่จำเป็นต้องมีเครื่องหมายภายนอกเหล่านั้น ท่านพูดว่า “ทำไมผมจึงต้องได้รับความสับสนเหล่านั้นด้วยเล่า?” เพราะท่านรู้ว่า ผู้คนรอบข้างท่านจะมีความคาดหวังในรอยแผลที่ท่านได้รับ”
คุณพ่อปีโอได้รับผลสืบเนื่องจากรอยแผลบนร่างกายของท่าน ท่านต้องคอยดูแลผู้คนที่มาที่ซานจีโอวานนีรอตตอนโด และมีอัศจรรย์เกิดขึ้น และท่านก็ได้รับจดหมายนับร้อยๆฉบับที่เขียนมาขอความช่วยเหลือจากท่าน
จดหมายมีมากมายจนบรรดาเพื่อนนักพรตของท่านต้องมาช่วยท่านอ่านพวกมันทั้งหมด ท่านไม่ได้พักผ่อนมากนัก แต่ท่านก็ยังมีความสุข และเพื่อหลีกเลี่ยงความสับสนที่อาจเป็นไปได้ ทางวาติกันได้ขอให้ท่านไม่ปรากฏตัวต่อสาธารณชน และท่านก็เชื่อฟัง
11 ปีต่อมา พระสันตะปาปาปีโอที่
12 ทรงอนุญาตให้ท่านปฏิบัติภารกิจในที่สาธารณะได้ และท่านก็ต้อนรับผู้ที่เป็นคาทอลิกและไม่เป็นคาทอลิก
ฟรานเชสโก ดิเลโอ:
นักพรตในคณะคาปูชิน
เล่ากันว่า ชายคนหนึ่งที่มาพบกับคุณพ่อปีโอเพื่อมาช่วยในงานก่อสร้างโรงพยาบาล เขาเป็นหมอหรือเป็นวิศวกรนี่แหละ เขาพูดว่า “ผมไม่เชื่อในพระเจ้า”
และคุณพ่อปีโอตอบว่า “ไม่ต้องวิตกหรอก
พระเป็นเจ้าทรงเชื่อในตัวคุณ”
ทุกวันนี้ ผู้คนยังจดจำคุณพ่อปีโอและเฉลิมฉลองให้ท่าน
แบบอย่างของท่านและคำพูดของท่านยังคงอยู่ในความทรงจำของผู้ที่ศรัทธาในตัวคุณพ่อ นอกเหนือไปจากเหตุการณ์พิเศษในชีวิตของคุณพ่อปีโอแล้ว ก็คือความเรียบง่ายและความเอาใจใส่ต่อผู้อื่นของคุณพ่อที่ยังเป็นแรงบันดาลใจแก่ประชาชนในทุกวันนี้
วันพฤหัสบดีที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2559
พระสงฆ์บนเรือไททานิก
เรื่องการจมลงของเรือไททานิคซึ่งได้ชื่อว่าเป็นเรือที่ไม่มีวันจมในยุคศตวรรษที่
19 เป็นข่าวใหญ่ครึกโครมไปทั่วยุโรปและสหรัฐอเมริกา ในระหว่างเหตุการณ์ที่เรือกำลังจมลงสู่ทะเลลึกนี้
ก็มีเหตุการณ์น่าประทับใจของ คุณพ่อ โทมัส
ไบรย์ (Fr. Thomas Byles)พระสงฆ์คาทอลิกผู้ยอมสละที่นั่งในเรือกู้ชีพเพื่อทำหน้าที่อภิบาลจิตใจของบรรดาผู้โดยสารและลูกเรือที่ยังคงอยู่บนเรือไททานิคและกำลังหวาดกลัวในเวลาที่ความตายกำลังใกล้เข้ามาทุกที
คุณพ่อ โทมัส
ไบรย์ เวลานั้นมีอายุ 42 ปี
ท่านเป็นชาวอังกฤษที่กลับใจมาเป็นคาทอลิกและได้บวชเป็นพระสงฆ์ ท่านได้รับเชิญให้ไปเป็นประธานในพิธีมิสซางานแต่งงานของวิลเลี่ยม ผู้เป็นพี่ชายของท่าน
ซึ่งอาศัยอยู่ที่นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา
และท่านก็ได้เดินทางไปสหรัฐอเมริกาบนเรือไททานิค ตามรายงานข่าว
เรือไททานิคได้ชนเข้ากับภูเขาน้ำแข็งในวันอาทิตย์ ที่ 14 เมษายน 1912 เวลากลางคืน
ความสับสนอลหม่านเกิดขึ้น ผู้โดยสารขึ้นมาบนดาดฟ้าเรือ
คุณพ่อโทมัสก็อยู่บนดาดฟ้าเรือในเวลานั้นด้วย เรือกู้ชีพถูกหย่อนลงในทะเล และคุณพ่อก็ช่วยเหลือสตรีและเด็กๆให้ลงไปในเรือกู้ชีพก่อน ต่อมาท่านหันไปหาผู้โดยสารอื่นๆ ฟังพวกเขาสารภาพบาปทีละคน ให้ศีลอภัยบาปและนำสวดสายประคำ
อักเนส แมคคอย Agnes
McCoy หนึ่งในผู้โดยสารที่รอดชีวิต
เล่าให้ฟังว่า ขณะที่เรือกำลังจมลง คุณพ่อโทมัส “ยืนอยู่บนดาดฟ้าเรือพร้อมกับคริสตชนคาทอลิก โปรแตสแตนท์และชาวยิว ทุกคนคุกเข่าลงรอบๆท่าน”
“คุณพ่อไบรย์สวดสายประคำและสวดภาวนาบทส่งวิญญาณผู้เสียชีวิต” เธอเล่าให้หนังสือพิมพ์นิวยอร์กเทเลแกรม
เมื่อวันที่ 22 เมษายน 1912
และตามคำบอกเล่าของเพื่อนพระสงฆ์ของคุณพ่อโทมัส
ไบรย์ คือคุณพ่อ แพทริก แมคเคนน่า Fr.
Patrick McKenna เล่าว่า
คุณพ่อโทมัส “ปฎิเสธสองครั้งที่จะนั่งในเรือกู้ชีพ
ท่านบอกว่าเป็นหน้าที่ของท่านที่จะต้องอยู่บนเรือใหญ่เพื่ออภิบาลช่วยเหลือวิญญาณที่ต้องการความช่วยเหลือจากท่าน”
วันพุธที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2559
ท้องฟ้าเป็นสีเลือดในเอลซัลวาดอร์
ที่ประเทศเอลซัลวาดอร์
ประชาชนนับพันคนต้องตื่นตกใจเมื่อเห็นท้องฟ่ากลายเป็นสีแดงเหมือนสีเลือด
เมื่อวันอาทิตย์ที่
17 เม.ย. 2016 มีอุกาบาตรขนาดใหญ่ปรากฏเหนือท้องฟ้าของเมือง Chalchuapa
in the Santa Ana department of the country และทำให้ท้องฟ้าในเวลากลางคืนกลายเป็นสีแดงเหมือนสีเลือดในทันทีทันใด ทำให้ผู้คนคิดถึงคำทำนายในวันสิ้นโลก
พระธรรมวิวรณ์
6: 12-13 กล่าวว่า “มีแผ่นดินไหวใหญ่เกิดขึ้น และดวงอาทิตย์ก็มืดดำไปเหมือนเส้นผม ดวงจันทร์กลายเป็นสีเลือด ดวงดาวบนท้องฟ้าก็ตกลงมาบนโลก”
และพระคัมภีร์ มท. 24:29 กล่าวว่า “พระอาทิตย์จะดับแสง ดวงจันทร์จะไม่ส่องสว่าง ดวงดาวจะตกลงมาจากท้องฟ้า
และท้องฟ้าจะสั่นสะเทือน”
นักดาราศาสตร์อธิบายว่า
แสงที่เกิดจากอุกาบาตรนั้นขึ้นกับความเร็วที่มันกระทบกับบรรยากาศของโลก และส่วนประกอบทางเคมีของอุกาบาตรนั้น อะตอมและโมเลกุลของชั้นบรรยากาศก็มีส่วนเกี่ยวข้องกับสีของแสงที่อุกาบาตเสียดสีกับบรรยากาศนี้ด้วย
โซเดียมอะตอมในอุกาบาติจะทำให้เกิดแสงสีเหลืองสัม ส่วนอะตอมของเหล็กจะให้แสงสีเหลือง อุกาบาตรที่ประกอบด้วยแมกนีเซียมจะให้แสงสีน้ำเงินเขียว
ส่วนแสงสีม่วงจะมาจากแคลเซี่ยม
อุกาบาตที่มีส่วนประกอบของซีลิเกตจะให้แสงสีแดง
โมเลกุลของไนโตรเจนและออกซิเจนในบรรยากาศก็มีส่วนทำให้เกิดแสงสีแดงในเวลาที่อุกาบาตเสียดสีและเผาไหม้ในบรรยากาศของโลก
วันอังคารที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2559
สาส์นแม่พระวันที่2+25เม.ย.2016
ลูกที่รักทั้งหลาย
ดวงหทัยนิรมลของแม่ต้องหลั่งโลหิตเมื่อแม่มองเห็นพวกลูกอยู่ในบาปและนิสัยของบาป แม่กำลังเรียกพวกลูกให้กลับมาหาพระเป็นเจ้าและการสวดภาวนา
เพราะสิ่งนี้เป็นสิ่งที่ดีสำหรับลูกในโลกนี้
พระเป็นเจ้ากำลังเรียกพวกลูกโดยผ่านทางแม่
เพื่อให้หัวใจของลูกจะทำให้เกิดความหวังและความยินดีต่อคนที่ยังอยู่ห่างไกลจากพระองค์
ขอให้การเรียกของแม่เป็นยาสมานแผลของวิญญาณและหัวใจ
เพื่อที่พวกลูกจะได้เป็นพระเกียรติและสง่าราศีของพระเป็นเจ้า องค์พระผู้สร้าง ผู้ทรงรักพวกลูกและกำลังเรียกหาพวกลูกให้มาสู่ชีวิตนิรันดร
ลูกน้อยทั้งหลายเอ๋ย ชีวิตนี้สั้นนัก ขอให้ลูกจงใช้เวลาเหล่านี้อย่างดีและทำแต่ความดีเท่านั้น
ขอขอบใจที่ตอบสนองเสียงเรียกของแม่
สาส์นแม่พระประทานแก่ มีรยานา 2 เม.ย. 2016
ลูกที่รักทั้งหลาย
อย่าให้หัวใจของลูกแข็ง, เยือกเย็นและเต็มไปด้วยความกลัวเลย
จงยอมให้ความรักดุจมารดาของแม่เข้าไปส่องสว่างในหัวใจของลูกเถิด
และเติมเต็มหัวใจของลูกด้วยความรักและความหวัง
เพื่อที่แม่ในฐานะมารดา-จะได้บรรเทาความเจ็บปวดของลูก
เพราะแม่รู้ถึงความเจ็บปวดนั้น-แม่เคยมีประสบการณ์นั้นมาก่อน
ความเจ็บปวดเกิดขึ้นและนั่นเป็นการสวดภาวนาอันยิ่งใหญ่ที่สุด
องค์พระบุตรของแม่รักผู้ได้รับความเจ็บปวดเป็นทุกข์ด้วยหนทางพิเศษ
พระองค์ทรงส่งแม่มาเพื่อบรรเทาความเจ็บปวดของลูกและนำความหวังมาให้ลูก
จงวางใจในพระองค์เถิด
แม่รู้ว่าเป็นเรื่องยากสำหรับลูกเพราะลูกมองเห็นแต่ความมืดซึ่งมืดมากยิ่งขึ้นอยู่รอบๆตัวลูก
ลูกทั้งหลายของแม่,มีความจำเป็นที่จะต้องทำลายมันด้วยการสวดภาวนาและด้วยความรัก
ผู้ที่สวดภาวนาและรักจะไม่มีความกลัว
พวกเขามีความหวังและมีความรักความเมตตา
พวกเขามองเห็นแสงสว่างและเห็นองค์พระบุตรของแม่
ในฐานะที่ลูกเป็นอัครสาวกของแม่
แม่ขอให้ลูกพยายามเป็นตัวอย่างของความรักความเมตตาและความหวัง
จงสวดภาวนาเสมอๆเพื่อให้มีความรักมากขึ้น
เพราะความรักความเมตตานำแสงสว่างมาซึ่งจะทำลายความมืดทุกชนิด – ความรักความเมตตานำองค์พระบุตรของแม่มา
จงอย่ากลัว ลูกไม่ได้อยู่เพียงลำพัง แม่อยู่กับลูก
แม่ขอวิงวอนต่อลูกให้สวดภาวนาสำหรับนายชุมพาบาลของลูก
เพื่อที่ในทุกขณะ-พวกท่านจะมีความรัก
พวกท่านจะทำงานเพื่อองค์พระบุตรของแม่ด้วยความรัก – โดยผ่านทางพระองค์และในความระลึกถึงพระองค์
ขอขอบใจลูก
อย่าให้หัวใจของลูกแข็ง, เยือกเย็นและเต็มไปด้วยความกลัวเลย
จงยอมให้ความรักดุจมารดาของแม่เข้าไปส่องสว่างในหัวใจของลูกเถิด
และเติมเต็มหัวใจของลูกด้วยความรักและความหวัง
เพื่อที่แม่ในฐานะมารดา-จะได้บรรเทาความเจ็บปวดของลูก
เพราะแม่รู้ถึงความเจ็บปวดนั้น-แม่เคยมีประสบการณ์นั้นมาก่อน
ความเจ็บปวดเกิดขึ้นและนั่นเป็นการสวดภาวนาอันยิ่งใหญ่ที่สุด
องค์พระบุตรของแม่รักผู้ได้รับความเจ็บปวดเป็นทุกข์ด้วยหนทางพิเศษ
พระองค์ทรงส่งแม่มาเพื่อบรรเทาความเจ็บปวดของลูกและนำความหวังมาให้ลูก
จงวางใจในพระองค์เถิด
แม่รู้ว่าเป็นเรื่องยากสำหรับลูกเพราะลูกมองเห็นแต่ความมืดซึ่งมืดมากยิ่งขึ้นอยู่รอบๆตัวลูก
ลูกทั้งหลายของแม่,มีความจำเป็นที่จะต้องทำลายมันด้วยการสวดภาวนาและด้วยความรัก
ผู้ที่สวดภาวนาและรักจะไม่มีความกลัว
พวกเขามีความหวังและมีความรักความเมตตา
พวกเขามองเห็นแสงสว่างและเห็นองค์พระบุตรของแม่
ในฐานะที่ลูกเป็นอัครสาวกของแม่
แม่ขอให้ลูกพยายามเป็นตัวอย่างของความรักความเมตตาและความหวัง
จงสวดภาวนาเสมอๆเพื่อให้มีความรักมากขึ้น
เพราะความรักความเมตตานำแสงสว่างมาซึ่งจะทำลายความมืดทุกชนิด – ความรักความเมตตานำองค์พระบุตรของแม่มา
จงอย่ากลัว ลูกไม่ได้อยู่เพียงลำพัง แม่อยู่กับลูก
แม่ขอวิงวอนต่อลูกให้สวดภาวนาสำหรับนายชุมพาบาลของลูก
เพื่อที่ในทุกขณะ-พวกท่านจะมีความรัก
พวกท่านจะทำงานเพื่อองค์พระบุตรของแม่ด้วยความรัก – โดยผ่านทางพระองค์และในความระลึกถึงพระองค์
ภาพอัศจรรย์อัลตราซาวด์
วันที่ 20 เม.ย. 2016 - หญิงชาวอินเดียนา
ในรัฐเท็กซัสของอเมริกา
ได้ไปทำอัลตราซาวด์ครรภ์ของเธอ
และต้องประหลาดใจเมื่อเห็นภาพพระเยซูเจ้าบนไม้กางเขนในครรภ์ของเธอ เธอพูดว่า “เราถ่ายภาพนี้ไว้และเมื่อพิจารณาจะเห็นรายละเอียดของพระเยซูเจ้าบนไม้กางเขนอย่างชัดเจน เราประหลาดใจมาก คุณเห็นได้ชัดแม้แต่เส้นผมและขาของพระองค์”
ภาพอัศจรรย์นี้อาจเป็นสาส์นจากพระเป็นเจ้าเกี่ยวกับการทำแท้งของสตรี ( การทำแท้งเท่ากับเป็นการตรึงกางเขนพระเยซูเจ้า) มีสถิติที่น่าสนใจเกี่ยวกับการทำแท้งดังนี้
คณะนักวิจัยจากสถาบันกุตต์เมเคอร์แห่งอังกฤษ
และองค์การอนามัยโลก (WHO) เผยผลการศึกษาและรวบรวมสถิติการทำแท้งทั่วโลกตลอด
20 ปีที่ผ่านมา เมื่อ 19 ม.ค.
ระบุว่าทวีปอเมริกาใต้มีสถิติผู้หญิงที่ทำแท้งมากที่สุดในโลก
คิดเป็นสัดส่วนหญิงทำแท้ง 32 คนต่อจำนวนประชากรสตรี 1,000 คน
ตามด้วยทวีปแอฟริกา คิดเป็น 29 ต่อ 1,000 คน ทวีปเอเชีย 28
ต่อ 1,000 คน ขณะที่สถิติทำแท้งในทวีปอเมริกาเหนือน้อยที่สุดคือ
19 ต่อ 1,000 คน.
ส่วนในประเทศไทย จำนวนการทำแท้งในวัยรุ่นในประเทศไทย
จากสถิติงานวิจัยตัวเลขสถิติการทำแท้งมีประมาณ 300,000 ราย ต่อปี (ที่มามูลนิธิเพื่อสุขภาพและสิทธิอนามัยการเจริญพันธุ์ของสตรี
(แห่งประเทศไทย)สอส.เว็บไซต์ http://womenhealth.or.th) ซึ่งสถิติเหล่านี้เป็นข้อมูลจากการคาดการณ์
สถิติที่ได้จากงานวิจัยน่าจะต่ำกว่าความจริงเนื่องจากการทำแท้งเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายแต่มีกรณีที่กฎหมายยกเว้นให้กระทำได้.....
จำนวนเด็กที่เสียชีวิตเพราะการทำแท้งมีมากกว่าจำนวนของผู้เสียชีวิตในสงครามโลกทั้งสองครั้งรวมกันเสียอีก
วันจันทร์ที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2559
อัศจรรย์ศีลมหาสนิทที่โปแล้นด์
ที่ประเทศโปแลนด์ พระสังฆราชแห่งเล็กนิก้า Zbigniew Kiernikowski ได้ประกาศอย่างเป็นทางการว่า แผ่นศีลมหาสนิทที่มีการหลั่งเลือดออกมานั้น “เป็นอัศจรรย์ที่แท้จริงของศีลมหาสนิท”
และรับรองให้สามารถเคารพสักการะศีลมหาสนิทนี้ได้
พระสังฆราชประกาศในวันอาทิตย์ที่ 17 เม.ย. 2016 นี้
ในวันคริสต์มาส วันที่ 25 ธ.ค. 2013 ที่โบสถ์นักบุญจาเซค St. Jacek parish ขณะที่พระสงฆ์กำลังแจกศีลมหาสนิท แผ่นศีลแผ่นหนึ่งได้ตกลงที่พื้น
พระสงฆ์เก็บขึ้นมาและนำไปใส่ในแก้วน้ำตามวิธีที่ปฏิบัติ ต่อมาแผ่นศีลได้มีสีแดงเหมือนเลือดปรากฏขึ้น พระสังฆราชแห่งเล็กนิก้า bishop of Legnica Bp. Stefan Cichy
ได้แต่งตั้งคณะทำงานเพื่อตรวจสอบปรากฏการณ์นี้ ในเดือนกุมภาพันธ์ 2014 ได้นำชิ้นส่วนเล็กน้อยของส่วนที่เป็นสีแดงไปวิเคราะห์โดย Department
of Forensic Medicine in Wroclaw ผลการวิเคราะห์ได้รายงานว่า ส่วนที่เป็นสีแดงนั้นเป็นเนื้อเยื่อของกล้ามเนื้อตามขวางของมนุษย์ ซึ่งเหมือนกับเนื้อเยื่อหัวใจ และมีลักษณะของการได้รับการกระทำทารุณ”
พระสังฆราชกล่าวว่า แผ่นศีลนี้มีลักษณะของ “อัศจรรย์ศีลมหาสนิท”
และเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ปีนี้ท่านได้นำเรื่องนี้เข้าในสำนักงานคำสอนด้านความเชื่อที่วาติกัน
ในเดือนพฤษภาคม ตามคำแนะนำของสันตสำนัก พระสังฆราชได้สั่งให้พระสงฆ์คือคุณพ่อ Andrzej Ziombrze ของโบสถ์ได้เตรียมที่เก็บและสถานที่อันเหมาะสมสำหรับศีลมหาสนิทนี้ เพื่อที่ประชาชนจะได้เคารพสักการะได้
วันเสาร์ที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2559
นิมิตของนักบุญโฟสตินา2
ในระหว่างการเฝ้าศีลมหาสนิท ดิฉันเฝ้าสวดภาวนาด้วยคำพูดว่า
“พระเป็นเจ้าผู้ศักดิ์สิทธิ์”
ทันใดนั้นพระองค์ทรงปรากฏแล้วดิฉันก็ตื่นตะลึงในความยิ่งใหญ่ของพระองค์
>>>อ่านต่อ
>>>อ่านต่อ
วันพฤหัสบดีที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2559
วันพุธที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2559
Susan Boyle - How Great Thou Art
เพลงนี้มาจากบทกวีของ
Carl Gustav Boberg (1859-1940) ชาวสวีเดนประพันธ์ในปี 1885 ตอนแรกเป็นเพลงในภาษาสวีดิชแล้วแปลเป็นภาษาอังกฤษอีกที
นักกวีผู้นี้ได้รับแรงบันดาลใจขณะที่เดินจากโบสถ์กลับไปที่บ้านแล้วได้ยินเสียงระฆังดังขึ้นพร้อมทั้งเห็นภาพทิวทัศน์ของอ่าวMönsteras ที่สวยงามและมีพลังยิ่งใหญ่ทำให้เขารู้สึกถึงความสงบสันติสุขในจิตใจ
ทำให้เขาและเพื่อนเดินกลับไปที่โบสถ์เพื่อร่วมพิธีอีกครั้งหนึ่ง
O Lord my God!
When I in awesome wonder
Consider all the works
Thy hands have made.
I see the stars,
I hear the rolling thunder,
Thy power throughout the universe displayed.
Then sings my soul, my Saviour God, to Thee;
How great Thou art, how great Thou art!
Then sings my soul, My Saviour God, to Thee:
How great Thou art, how great Thou art!
When I in awesome wonder
Consider all the works
Thy hands have made.
I see the stars,
I hear the rolling thunder,
Thy power throughout the universe displayed.
Then sings my soul, my Saviour God, to Thee;
How great Thou art, how great Thou art!
Then sings my soul, My Saviour God, to Thee:
How great Thou art, how great Thou art!
วันอังคารที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2559
วันจันทร์ที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2559
พระสันตปาปากิติคุณเบเนดิกต์ที่16
พระสันตะปาปาเบเนดิกต์ที่
16 จะมีอายุครบ 89 ปีในวันเสาร์ที่ 15 เม.ย. 2016 นี้ พระองค์ได้ประกาศลาออกจากตำแหน่งพระสันตปาปาว่า
“ด้วยใจอิสระของข้าพเจ้าเอง ข้าพเจ้าขอประกาศว่า ข้าพเจ้าขอลาออกจากตำแหน่งพระสังฆราชแห่งโรม” ภารกิจใหม่ของพระองค์คือการช่วยเหลือพระสันตปาปาองค์ใหม่และจะไม่พูดในที่สาธารณะ
เราอาจได้ติดต่อพระองค์ได้ทางเดียวคือจากเฟสบุ๊คในพระนามของพระองค์
วันเสาร์ที่ 16 เมษายน พ.ศ. 2559
นิมิตของนักบุญโฟสตีนา1
ความยิ่งใหญ่ของพระเป็นเจ้า
พระสิริรุ่งโรจน์ของพระเป็นเจ้านั้นยิ่งใหญ่มากจนดิฉันไม่กล้าที่จะอธิบาย เพราะดิฉันไม่สามารถอธิบายได้ดีพอ และคนที่อ่านอาจคิดว่าพระสิริรุ่งโรจน์ของพระเป็นเจ้ามีเพียงเท่าที่ดิฉันอธิบายเท่านั้น
พระเยซูเจ้าทรงให้ดิฉันรู้ถึงความยินดีในสวรรค์และความยินดีของบรรดานักบุญเมื่อพวกท่านได้ไปถึงที่นั่น
พวกท่านรักพระเป็นเจ้าด้วยสิ้นสุดจิตใจของท่าน แต่ท่านก็ยังมีหัวใจอันอ่อนโยนในความรักต่อพวกเราด้วย
ความชื่นชมยินดีของบรรดานักบุญเหล่านี้ฉายแสงมาจากพระพักตร์ของพระเป็นเจ้าลงมายังพวกท่าน เพราะพวกท่านได้เห็นพระองค์หน้าต่อหน้า
พระพักตร์ของพระองค์ช่างอ่อนหวานจนทำให้วิญญาณตกอยู่ในภวังค์
วันศุกร์ที่ 15 เมษายน พ.ศ. 2559
เด็กหญิงตาบอดพบพระสันตปาปา
Lizzy Myers
เด็กหญิงชาวอเมริกัน อายุ 5 ปี มีความฝันที่จะพบกับพระสันตปาปาฟรังซิส เธอเป็นโรคทำให้ตาบอดสนิท พระสันตะปาปาทรงอวยพรเธอและตรัสว่าจะสวดภาวนาเพื่อเธอ
วันพฤหัสบดีที่ 14 เมษายน พ.ศ. 2559
วันทามารีย์7
นักบุญเบอร์นาร์ด และนักบุญหลายท่านกล่าวว่า ยังไม่เคยได้ยินเลยว่า พระนางมารีย์ทรงปฎิเสธคำวิงวอนขอของลูกของพระนางบนโลกนี้ซึ่งสวดภาวนาวอนขอความช่วยเหลือจากพระนาง ทำไมเราจึงไม่ตระหนักในความจริงนี้ล่ะ? ทำไมเราปฏิเสธความรักและความบรรเทาใจซึ่งพระมารดาอ่อนหวานของพระเจ้าทรงเสนอให้กับเราเล่า?
นักบุญ เกอร์ทรูดได้บอกกับเราในหนังสือ "Revelations" ของเธอว่า เมื่อใดก็ตามที่เราขอบพระคุณพระเป็นเจ้าสำหรับพระหรรษทานใดๆที่พระองค์ทรงประทานแก่นักบุญองค์ใดก็ตาม, เราก็จะได้รับส่วนแบ่งพระหรรษทานนั้นๆด้วย.
จะมีพระหรรษทานใดหรือที่เราจะไม่ได้รับเมื่อเราสวดบทวันทามารีอา เพื่อขอบพระคุณพระเป็นเจ้า? เพราะพระหรรษทานทุกประการนั้น พระองค์ทรงประทานให้กับพระมารดาของพระองค์แล้ว
วันพุธที่ 13 เมษายน พ.ศ. 2559
แม่น้ำไนล์สีเลือด
Tuesday, April 5, 2016, 7:01 PM –ภาพจากดาวเทียมของยุโรป <European Space Agency ดูเหมือนแม่น้ำไนล์ของอิยิปต์จะเป็นสีแดงเหมือนสีเลือด ทำให้คิดถึงเรื่องราวในพระคัมภีร์ แต่แท้ที่จริงแล้วมันเป็นอย่างอื่น
รายการโทรทัศน์รายงานอากาศกล่าวว่า สิ่งที่ดูเหมือนเลือดที่ปรากฏในแม่น้ำไนล์ที่อยู่ใจกลางประเทศอิยิปต์นั้นไม่ใช่เลือด และมันไม่ได้อยู่ในแม่น้ำไนล์ สีแดงที่เห็นเป็นทางยาวนั้นเป็นผักที่ขึ้นอยู่ริมฝั่งแม่น้ำและแผ่ขยายไปตามแม่น้ำจนถึงสันดอน
ภาพข้างบนถ่ายได้เมื่อวันที่ 3 มี.ค. 2016 โดยดาวเทียม ESA's Sentinel-3
วันอังคารที่ 12 เมษายน พ.ศ. 2559
วันทามารีย์6
พระสงฆ์องค์หนึ่งถูกเชิญให้ไปพบชายคนหนึ่งซึ่งใกล้ตายและรู้สึกสิ้นหวังเพราะมีบาปหนัก.
ไม่ว่าจะพูดอย่างไรก็ตาม, ชายคนนี้ก็ปฎิเสธที่จะสารภาพบาป ในที่สุด,คุณพ่อขอให้เขาสวดบทวันทามารีอาอย่างน้อยหนึ่งบท.
ชายคนนี้ยอมทำตาม, หลังจากสวดแล้วเขาก็ยอมสารภาพบาปอย่างเต็มใจและได้สิ้นใจอย่างดี.
พระสงฆ์อีกองค์หนึ่งได้รับการขอร้องให้ไปพบกับสตรีโปรแตสแตนท์ซี่งกำลังป่วยหนักและเธอปรารถนาจะมาเป็นคาทอลิก.
ท่านถามสตรีผู้นั้นว่า
เธอเคยไปโบสถ์คาทอลิก, หรือเคยพูดคุยกับคริสตชนคาทอลิก หรือเคยอ่านหนังสือคาทอลิกบ้างหรือไม่? เธอตอบว่า"ไม่เคยเลย"
สิ่งที่เธอจำได้คือ
- - - เมื่อตอนเป็นเด็ก ---
เธอเคยได้เรียนรู้บทสวดวันทามารีอาจากเด็กหญิงเพื่อนบ้านซึ่งเป็นคาทอลิกคนหนึ่ง.
และเธอได้สวดบทวันทามารีอานี้ทุกคืน. เธอได้รับการล้างบาปมาเป็นคาทอลิก
และก่อนที่เธอจะสิ้นใจ,เธอมีความสุขมากที่ได้เห็นสามีและลูกๆของเธอได้รับศีลล้างบาปด้วย
วันจันทร์ที่ 11 เมษายน พ.ศ. 2559
กราดิเอเตอร์
อาณาจักรโรมันสมัยโบราณ มีเกมส์การต่อสู้ยอดนิยมอย่างหนึ่ง นั่นคือการต่อสู้ระหว่างนักโทษในสนามกีฬากลางแจ้ง เหมือนที่เราเคยดูในภาพยนตร์เรื่องกราดิเอเตอร์
(Gladiator)
มันเป็นความบันเทิงของคนดูที่ได้เห็นความรุนแรง
ความโหดร้ายของมนุษย์ซึ่งมักจะจบลงด้วยความตาย
ต่อมาเกมส์การต่อสู้กราดิเอเตอร์นี้ก็หมดสิ้นไป เท่าที่รู้คือตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม ค.ศ.
404 และมันหมดสิ้นไปได้อย่างไร?
นั่นเป็นเพราะนักบุญองค์หนึ่ง
เทเลมาคัส Telemachus เป็นนักพรตคริสตศาสนาที่มาจากตะวันออก เดินทางมายังโรม ท่านได้ชมกีฬาที่น่ากลัวนี้ และถึงแม้เวลานั้นจักรพรรดิทิโอโดซิอุสจะทำให้คริสตศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติแล้วในปี
ค.ศ. 380 แต่เกมส์การต่อสู้กราดิเอเตอร์ก็ยังคงมีอยู่ต่อไป
ตามข้อเขียนในศตวรรษที่
5 ของพระสังฆราชทิโอโดเรทแห่งไซรัส (bishop Theodoret
of Cyrus)ได้เล่าว่า เทเลมาคัสวิ่งลงไปกลางสนามต่อสู้กราดิเอเตอร์ และพยายามหยุดการต่อสู้ที่กำลังดำเนินอยู่ ทำให้ผู้คนที่กำลังชมโกรธเคืองเป็นอันมาก พวกเขาขว้างก้อนหินลงมาทำให้เทเลมาคัสเสียชีวิต
จักรพรรดิโฮโนริอุส
รู้สึกวุ่นวายพระทัยมากที่มีการฆาตกรรมนักพรตผู้ศักดิ์สิทธิ์ผู้นี้
พระองค์จึงสั่งระงับเกมส์กราดิเอเตอร์เสียตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา และเกมส์กีฬาที่โหดเหี้ยมนี้ก็ไม่มีอีกเลย
ความกล้าหาญของนักบุญเทเลมาคัส คงเป็นเครื่องเตือนใจสำหรับความอยุติธรรมในสมัยของเรานี้ด้วย
ความอยุติธรรมซึ่งพระเป็นเจ้าทรงเรียกร้องให้เราคริสตชนแสดงความกล้าหาญที่จะหยุดยั้งมัน ถึงแม้จะต้องพลีชีพก็ตาม
วันอาทิตย์ที่ 10 เมษายน พ.ศ. 2559
กล้าในการทูลวอนขอ
มีบางคนที่มีความกล้าในเวลาที่สวดภาวนาโดยเฉพาะอย่างยิ่งในเวลาที่เขารู้สึกโกรธหรือผิดหวังในพระเจ้า
>>>อ่านต่อ
>>>อ่านต่อ
วันเสาร์ที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2559
วันทามารีย์5
นักบุญ
แมคทิลเด, ผู้ที่รักแม่พระมาก, วันหนึ่งสาละวนกับการแต่งบทสวดที่สวยงามเพื่อสรรเสริญแม่พระ.
แม่พระได้ประจักษ์มาแก่ท่านและมีอักษรสีทองปรากฏอยู่บนพระหทัยซึ่งเขียนว่า
"วันทามารีอาเปี่ยมด้วยหรรษทาน" พระนางตรัสแก่ท่านว่า "ลูกรัก,
ไม่ว่าลูกจะคิดบทสวดอะไรก็ตามก็ไม่สามารถจะนำความยินดีมาให้แก่แม่ได้มากเท่ากับบทสวดวันทามารีอานี้"
ท่านนักบุญองค์นี้จึงสวดบทวันทามารีอาอย่างช้าๆเสมอ
และได้พบกับปิติสุข. แม่พระทรงประจักษ์แก่ท่านอีกครั้ง, ทรงยิ้มและบอกให้ท่านทราบถึงวันเวลาที่ท่านจะเสียชีวิต
และจะทำให้ท่านสิ้นชีวิตอย่างศักดิ์สิทธิ์และมีความสุขที่สุด
หลังจากมรณกรรมของท่าน,มีดอกลีลี่สวยงามได้งอกและเติบโตขึ้นจากปากของท่านและมีคำเขียนไว้บนกลีบดอกของมันว่า
"วันทามารีอา"
ท่านเซซารีอุสก็มีปรากฎการณ์คล้ายๆกัน.
ท่านเป็นนักพรตที่ศํกดิ์สิทธิ์และถ่อมตน ท่านอาศํยอยู่ในอาราม.
ท่านมีความจำที่ไม่ดีนักจนท่านจำบทสวดได้เพียงบทเดียวคือบท
"วันทามารีอา" . หลังจากท่านเสียชีวิต,มีต้นไม้เติบโตขึ้นบนหลุมฝังศพของท่านและใบทุกใบของมันจะมีอักษรเขียนไว้ว่า
"วันทามารีอา"
เรื่องเล่าอันสวยงามนี้แสดงให้เราเห็นว่าความศรัทธาต่อแม่พระมีคุณค่ามากสักเพียงไร
และบทสวดวันทามารีอามีอำนาจมากสักเพียงไร
วันพฤหัสบดีที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2559
คำแนะนำของคุณพ่อบอสโกในการมีชีวิตที่มีความสุข
คุณพ่อบอสโกเคยได้รับความยากลำบากมาตั้งแต่เด็ก
แต่ท่านก็มีชีวิตที่มีความสุขมีความร่าเริงยินดีในจิตใจเสมอ ท่านเขียนจดหมายถึงคนในคณะซาเลเซียนว่า “มิตรสหายที่รัก พ่อเป็นคนที่จิตใจร่าเริงยินดีและพ่อรักในสภาพเช่นนี้ เพราะฉะนั้น
พ่อจึงปรารถนาให้เธอและทุกๆคนมีความสุข
ถ้าพวกเธอทำตามที่พ่อแนะนำ
พวกเธอก็จะมีจิตใจร่าเริงยินดีและมีความสุขในหัวใจ
และนี่เป็นคำแนะนำ
6 ข้อของคุณพ่อบอสโกในการมีชีวิตที่มีความสุข
1.
มีชีวิตเพื่อพระเป็นเจ้าเท่านั้น – “จงถวายเกียรติและสรรเสริญพระเป็นเจ้าให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ด้วยจิตวิญญาณทั้งสิ้นของท่าน ถ้าท่านมีบาปในจิตใต้สำนึก จงกำจัดมันออกไปให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้
โดยการไปสารภาพบาปอย่างดี”
2.
เป็นเพียงคนรับใช้ - “อย่าต่อต้านผู้ใด เหนือสิ่งอื่นใด จงเต็มใจที่จะรับใช้ผู้อื่น จงเข้มงวดกับตัวเองมากกว่าเข้มงวดกับผู้อื่น”
3.
ระมัดระวังในการสมาคม – “อย่าวางใจผู้ที่ไม่มีความเชื่อในพระเป็นเจ้าและผู้ที่ไม่เชื่อฟังคำสั่งสอนของพระองค์ ระวังคนที่ไม่มีศิลธรรมและกระทำผิดต่อพระบัญญัติของพระเจ้าและผู้ที่ไม่ทำสิ่งที่พวกเขาควรทำในด้านศิลธรรมอันดีงาม เขาอาจจะทรยศต่อท่านได้เมื่อเขามีโอกาส”
4.
ใช้จ่ายเงินอย่างระมัดระวัง – “ถ้าท่านไม่ต้องการตกในความยากลำบาก จงอย่าใช้จ่ายเงินมากเกินกว่าที่หามาได้ ท่านต้องจดจำเรื่องนี้ไว้เสมอและรู้จักสถานะของตัวเอง”
5.
เป็นคนถ่อมตน – “จงถ่อมตน
พูดให้น้อยเกี่ยวกับตัวเองและอย่าพูดยกย่องตัวเองต่อผู้ใด คนที่ยกย่องตัวเอง ถึงแม้เขาจะมีความดีก็จริง เขาก็เสี่ยงที่จะสูญเสียความรู้สึกดีๆจากผู้อื่น คนที่แสวงหาแต่การยกย่องสรรเสริญและเกียรติเพื่อตัวเอง แน่ใจได้ว่าเขาจะมุ่งหน้าไปสู่ความว่างเปล่าไร้แก่นสาร เขาจะไม่มีสันติสุขในจิตใจและจะกลายเป็นคนที่ไม่น่าเชื่อถือ”
6.
แบกกางเขนของตนเอง – “จงแบกกางเขนด้วยบ่าของท่านและรับแบกไม่ว่าจะเป็นกางเขนที่ใหญ่หรือเล็ก ไม่ว่าจะเป็นกางเขนที่มาจากเพื่อนหรือศัตรู และไม่ว่ามันจะทำด้วยไม้หรือสิ่งอื่น
ผู้ที่ฉลาดที่สุดและมีความสุขมากที่สุดก็คือผู้ที่รู้ตัวว่าเป็นภาระของเขาที่จะต้องแบกกางเขนไปตลอดชีวิต ด้วยความเต็มใจและยอมรับสิ่งที่พระเป็นเจ้าทรงส่งมาให้เขา”
เราสามารถมีจิตใจที่ชื่นชมยินดีอยู่เสมอเหมือนคุณพ่อบอสโกได้ เมื่อเราปฏิบัติตามคำแนะนำเหล่านั้น
แล้วเราจะค้นพบความลับว่าความศักดิ์สิทธิ์เป็นความสุขที่แท้จริงนั่นเอง
เหมือนที่บรรดานักบุญทั้งหลายได้ค้นพบมาก่อนแล้ว และบรรดานักบุญเหล่านั้นก็ปรารถนาให้เราได้ค้นพบเหมือนกับท่านด้วย
วันพุธที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2559
วันทามารีย์4
ชายผู้หนึ่งเป็นปฎิปักษ์ต่อพระศาสนาจักร
วันหนึ่ง,เขาพบบทความอธิบายความหมายของบทสวดวันทามารีอาและได้อ่านมัน.
เขารู้สึกประทับใจมากและเริ่มสวดทุกวัน. โดยไม่รู้สึกตัว,ความรู้สึกเป็นปฎิปักษ์ต่อพระศาสนาจักรคาทอลิกของเขาก็เริ่มหายไป.
เขาได้กลับมาเป็นคาทอลิก,และได้กลายเป็นพระสงฆ์ผู้ศักดิ์สิทธิ์,เป็นศาสตราจารย์ทางเทววิทยาของคาทอลิกที่ Breslau
คุณพ่อ
ซูอาเรส, ผู้คงแก่เรียนผู้ศักดิ์สิทธิ์ของคณะเยซูอิท, ได้กล่าวยืนยันเมื่อท่านกำลังจะสิ้นใจว่า
ท่านยินดีที่จะยกหนังสือทั้งหมดที่ท่านแต่ง,การงานทั้งหมดที่ท่านทำตลอดชีวิต
เพื่อแลกกับการสวดบทวันทามารีอาอย่างดีและศรัทธาเพียงหนึ่งบท.
วันอังคารที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2559
วันจันทร์ที่ 4 เมษายน พ.ศ. 2559
วันทามารีย์3
จาคอบ
แห่งเมดจูกอเรจ์, เมื่อเป็นเด็กชอบเล่นเตะฟุตบอลกับเพื่อนมาก.
แม่พระได้บอกกับเขาไม่ให้หยุดสวดภาวนา เมื่อเวลาที่เดินไปโรงเรียนหรือเล่นอยู่กับเพื่อน,ก็ให้ภาวนาด้วยการพูดประโยคสั้นๆที่ออกจากหัวใจต่อพระเป็นเจ้า วันต่อมา,จาคอปกำลังจะไปเล่นกีฬากับเพื่อน ก่อนเริ่มเล่น,เขาจำคำของแม่พระที่บอกเขาเมื่อเย็นวันก่อนได้.
แต่เขารู้สึกไม่อยากสวดภาวนา. เขาอยากเริ่มเล่นกีฬาเลย. เพื่อประนีประนอมในจิตใจ,เขาจึงสวดบทวันทามารีอาอย่างเร็วๆเพื่อไม่ให้แม่พระเสียพระทัย. วันนั้น,เมื่อแม่พระประจักษ์มาแก่เขา.
พระนางทรงให้เขาเห็นชายคนหนึ่งซึ่งอยู่ในประเทศจีน, เขากำลังจะตาย.
เขาเป็นคนเหี้ยมโหดมาก,เป็นคนใจแข็ง,และเขากำลังจะต้องไปยังนรก.
แต่แม่พระตรัสแก่จาคอปว่า
เพราะเห็นแก่การสวดภาวนาที่เขาถวายแด่พระนางก่อนที่จะเล่นกีฬา, ถึงแม้จะเป็นการสวดอย่างเร็วๆ, แต่ด้วยการสวดภาวนานี้จึงทำให้พระนางได้รับพระหรรษทานจากพระเป็นเจ้าเพื่อช่วยคนคนนี้.
ก่อนที่เขาจะตาย ,จิตใจของเขาได้เปลี่ยนไป
ชายคนนี้ได้รับการช่วยเหลือเพราะคำสวดภาวนาของจาคอป.
วันอาทิตย์ที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2559
วันอาทิตย์พระเมตตา
รักรุมร้อนดุจไฟไหม้ พระทัย
พระคริสต์ผู้สถิตย์ใน ไอยสวรรค์
จึ่งประทานเมตตาให้ มนุษย์ นี้นา
เศร้าคลายเป็นสุขสันต์ แก่ผู้ วางใจ
โลกา-รอวันวินาศ ปลาสนา
หากพระมิทรงเมตตา ช่วยไว้
หลั่งพรพระกรุณา ยิ่งใหญ่
พระเมตตาอุดมไซร้ เปี่ยมน้ำ พระทัย
มหาพรตสัปตะ อภิวันท์
น้อมนบบังคมคัล เทิดไท้
องค์เจ้าจอมราชัน ศักดิ์สิทธิ์ ทรงฤทธิ์
ดวงจิตประณตไหว้ นบเกล้า นมัสการ
วันเสาร์ที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2559
เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับมะเร็ง
หลังจากหลายปี
ที่พูดกันว่าการทำคีโม (วิธีเคมีบำบัด) เป็นทางเลือกเดียวที่จะลอง
และใช้ในการกำจัดโรคมะเร็ง ในที่สุดโรงพยาบาลจอห์น
ฮอพกินส์ก็เริ่มแนะนำถึงทางเลือกอื่นๆอีก
>>>อ่านต่อ
วันศุกร์ที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2559
วันทามารีย์2
พระเป็นเจ้าผู้ทรงสรรพานุภาพทรงประทานพระเกียรติ, ความศักดิ์สิทธิ์และความยิ่งใหญ่ทุกประการที่จำเป็นแก่พระมารดาของพระองค์เพื่อทำให้พระนางเป็นพระมารดาที่สมบูรณ์แบบที่สุดของพระองค์.
แต่พระองค์ก็ทรงประทานความอ่อนหวาน, ความอ่อนโยน, ความรักและความดึงดูดใจแก่พระนาง
เพื่อทำให้พระนางเป็นพระมารดาที่น่ารักที่สุดด้วย. พระนางมารีย์เป็นพระมารดาที่แท้จริงของเรา.
เมื่อลูกมีความยากลำบาก,เขาจะวิ่งไปหาแม่เพื่อขอความช่วยเหลือ.
ดังนั้นเราก็ควรวิ่งไปหาพระแม่มารีย์ทันทีด้วยความไว้วางใจ.
นักบุญเบอร์นาร์ด และนักบุญหลายท่านกล่าวว่า
ยังไม่เคยได้ยินเลยว่า
พระนางมารีย์ทรงปฎิเสธคำวิงวอนขอของลูกของพระนางบนโลกนี้ซึ่งสวดภาวนาวอนขอความช่วยเหลือจากพระนาง
ทำไมเราจึงไม่ตระหนักในความจริงนี้ล่ะ?
ทำไมเราปฏิเสธความรักและความบรรเทาใจซึ่งพระมารดาอ่อนหวานของพระเจ้าทรงเสนอให้กับเราเล่า ?
มันเป็นความเกียจคร้านอันน่าเศร้าของเราเองที่ทำให้เราอดรับความช่วยเหลือและความบรรเทานี้.
ความรักและความไว้วางใจในพระแม่มารีย์จะทำให้เราได้รับความสุขบนโลกนี้ในเวลานี้และความสุขในสวรรค์ด้วย
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)