Pages
พระเมตตาของพระเยซูเจ้า
จงบอกมนุษยชาติที่กำลังเจ็บป่วย ให้เข้ามาใกล้หัวใจอันเมตตาของเรา แล้วเราจะประทานสันติภาพให้แก่มนุษยชาติ พระเมตตาของเราไม่มีวันสิ้นสุดเลย
พระวาจาวันอาทิตย์ที่ 15 กันยายน 2024 เปโตรประกาศความเชื่อ
  พระเยซูเจ้าเสด็จพร้อมกับบรรดาศิษย์ไปตามหมู่บ้านต่าง ๆ ในบริเวณเมืองซีซารียาแห่งฟีลิป ขณะทรงพระดำเนิน พระองค์ตรัสถามบรรดาศิษย์ว่า “คนทั้งหลายว่าเราเป็นใคร” เขาทูลตอบว่า “บ้างว่าเป็นยอห์นผู้ทำพิธีล้าง บ้างว่าเป็นประกาศกเอลียาห์ บ้างก็ว่าเป็นประกาศกองค์หนึ่ง” พระองค์ตรัสถามอีกว่า “ท่านล่ะ ว่าเราเป็นใคร” เปโตรทูลตอบว่า “พระองค์คือพระคริสตเจ้า” พระองค์ทรงกำชับบรรดาศิษย์มิให้กล่าวเรื่องเกี่ยวกับพระองค์แก่ผู้ใด
  พระเยซูเจ้าทรงทำนายครั้งแรกถึงพระทรมาน
  พระเยซูเจ้าทรงเริ่มสอนบรรดาศิษย์ว่า “บุตรแห่งมนุษย์จะต้องรับการทรมานอย่างมากจะถูกบรรดาผู้อาวุโส มหาสมณะ และธรรมาจารย์ปฏิเสธไม่ยอมรับ และจะถูกประหารชีวิต แต่สามวันต่อมา จะกลับคืนชีพ” พระองค์ทรงประกาศพระวาจานี้อย่างเปิดเผย เปโตรนำพระองค์แยกออกไป ทูลทัดทาน แต่พระเยซูเจ้าทรงหันไปทอดพระเนตรบรรดาศิษย์ ทรงตำหนิเปโตรว่า “เจ้าซาตาน ถอยไปข้างหลัง อย่าขัดขวาง เจ้าไม่คิดอย่างพระเจ้า แต่คิดอย่างมนุษย์”
  เงื่อนไขในการติดตามพระคริสตเจ้า
  พระเยซูเจ้าทรงเรียกประชาชนและบรรดาศิษย์เข้ามา ตรัสว่า “ถ้าผู้ใดอยากติดตามเรา ก็ให้เขาเลิกนึกถึงตนเอง ให้แบกไม้กางเขนของตน และติดตามเรา ผู้ใดใคร่รักษาชีวิตของตนให้รอดพ้น จะต้องสูญเสียชีวิตนั้น แต่ถ้าผู้ใดเสียชีวิตของตนเพราะเรา และเพราะข่าวดี ก็จะรักษาชีวิตได้
(มาระโก 8:27-35)
พระวาจาวันอาทิตย์ที่ 15 กันยายน 2024 เปโตรประกาศความเชื่อ
  พระเยซูเจ้าเสด็จพร้อมกับบรรดาศิษย์ไปตามหมู่บ้านต่าง ๆ ในบริเวณเมืองซีซารียาแห่งฟีลิป ขณะทรงพระดำเนิน พระองค์ตรัสถามบรรดาศิษย์ว่า “คนทั้งหลายว่าเราเป็นใคร” เขาทูลตอบว่า “บ้างว่าเป็นยอห์นผู้ทำพิธีล้าง บ้างว่าเป็นประกาศกเอลียาห์ บ้างก็ว่าเป็นประกาศกองค์หนึ่ง” พระองค์ตรัสถามอีกว่า “ท่านล่ะ ว่าเราเป็นใคร” เปโตรทูลตอบว่า “พระองค์คือพระคริสตเจ้า” พระองค์ทรงกำชับบรรดาศิษย์มิให้กล่าวเรื่องเกี่ยวกับพระองค์แก่ผู้ใด
  พระเยซูเจ้าทรงทำนายครั้งแรกถึงพระทรมาน
  พระเยซูเจ้าทรงเริ่มสอนบรรดาศิษย์ว่า “บุตรแห่งมนุษย์จะต้องรับการทรมานอย่างมากจะถูกบรรดาผู้อาวุโส มหาสมณะ และธรรมาจารย์ปฏิเสธไม่ยอมรับ และจะถูกประหารชีวิต แต่สามวันต่อมา จะกลับคืนชีพ” พระองค์ทรงประกาศพระวาจานี้อย่างเปิดเผย เปโตรนำพระองค์แยกออกไป ทูลทัดทาน แต่พระเยซูเจ้าทรงหันไปทอดพระเนตรบรรดาศิษย์ ทรงตำหนิเปโตรว่า “เจ้าซาตาน ถอยไปข้างหลัง อย่าขัดขวาง เจ้าไม่คิดอย่างพระเจ้า แต่คิดอย่างมนุษย์”
  เงื่อนไขในการติดตามพระคริสตเจ้า
  พระเยซูเจ้าทรงเรียกประชาชนและบรรดาศิษย์เข้ามา ตรัสว่า “ถ้าผู้ใดอยากติดตามเรา ก็ให้เขาเลิกนึกถึงตนเอง ให้แบกไม้กางเขนของตน และติดตามเรา ผู้ใดใคร่รักษาชีวิตของตนให้รอดพ้น จะต้องสูญเสียชีวิตนั้น แต่ถ้าผู้ใดเสียชีวิตของตนเพราะเรา และเพราะข่าวดี ก็จะรักษาชีวิตได้
(มาระโก 8:27-35)
วันอาทิตย์ที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2566
วันเสาร์ที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2566
วันศุกร์ที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2566
วันพฤหัสบดีที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2566
ทำนองเพลงแห่งทูตสวรรค์
เมื่อนักบุญแอนโทนี่ มารีย์ คลาเรต(St. Anthony Mary Claret 1807-1870) ไปเยือนมาดริด เขาได้รู้จักกับ Viscountess of Jorbalan ผู้มีใจศรัทธา และเป็นสมาชิกของคณะนักบวชที่เรียกว่า Adoratrices วิสเคาน์เตสได้รับความโปรดปรานจากสวรรค์เป็นพิเศษ เนื่องจากเธอเปิดเผยต่อนักบุญแอนโทนี่ว่าเธอได้ยินทูตสวรรค์ร้องเพลง "Trisagion" ทุกวันเวลาบ่ายสี่โมงครึ่ง ไม่ว่าเธอจะอยู่ที่ไหนก็ตาม นักบุญแอนโทนี่ขอให้เธอช่วยวอนขอต่อพระเยซูเจ้าเพื่อให้เขาได้ยินเสียงขับร้องเพลงของเหล่าทูตสวรรค์ในการสรรเสริญพระตรีเอกภาพด้วย วิสเคาน์เตสสวดภาวนาวอนขอตามความต้องการของนักบุญแอนโทนี่ และวันหนึ่งก่อนสี่โมงสามสิบเล็กน้อย นักบุญแอนโทนี่เข้าไปในห้องถัดจากห้องที่วิสเคาน์เตสทำงานอยู่ เวลาสี่โมงครึ่งพวกเขาทั้งสองก็มีความยินดีในการได้ยินเสียงขับร้องทำนองประสานของทูตสวรรค์ซึ่งกล่าวซ้ำว่า: "ศักดิ์สิทธิ์ บริสุทธิ์ พระเจ้าจอมโยธา! ท้องฟ้าและแผ่นดินเต็มไปด้วยสิริโรจนาของพระองค์ พระสิริรุ่งโรจน์จงมีแด่พระบิดา พระสิริรุ่งโรจน์จงมีแด่พระบุตร ขอพระสิริรุ่งโรจน์จงมีแด่พระจิตเทอญ!" หลังจากนั้นก็กลายเป็นประเพณีที่นักบวชในคณะ Adoratrices ที่จะขับร้องเพลงสรรเสริญ Trisagion ทุกวันตอนบ่ายสี่โมงครึ่ง ไม่ว่าพวกเขาจะอยู่ที่ไหนก็ตาม และเพื่อเป็นการขอบคุณสำหรับสิทธิพิเศษที่หาได้ยากนี้,นักบุญแอนโทนี มารีย์ คลาเรต์ได้สวดภาวนาทุกวันเพื่อเป็นเกียรติแก่พระตรีเอกภาพ
Source: Angels and Devils
วันพุธที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2566
สาส์นแม่พระ 25 เม.ย.2023
ลูกที่รักทั้งหลาย
แม่ขอให้ลูกทุกคนเป็นผู้นำพาสันติภาพและความชื่นชมยินดีของพระเยซูผู้ทรงกลับฟื้นคืนพระชนม์ไปสู่คนเหล่านั้นที่ยังอยู่ห่างไกลจากการสวดภาวนา เพื่อที่โดยอาศัยชีวิตของพวกลูก,ความรักของพระเยซูจะได้เปลี่ยนแปลงพวกเขาไปสู่ชีวิตใหม่แห่งการกลับใจและความศักดิ์สิทธิ์
ขอขอบใจที่ตอบสนองเสียงเรียกของแม่
วันอังคารที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2566
นิมิตของพระสันตะปาปาเลโอที่ 13
ปีศาจได้พูดโอ้อวดต่อพระเจ้าว่ามันสามารถทำลายพระศาสนจักรได้หากได้รับเวลาและพลังอำนาจมากกว่านี้
>>>อ่านต่อ
วันจันทร์ที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2566
สาเหตุที่ทำให้ตกนรก
วิญญาณของนายแพทย์ผู้หนึ่งแห่งมหาวิทยาลัยปารีสได้ปรากฏตัวต่อพระสังฆราชแห่งสถานที่นั้น และเขาบอกพระสังฆราชด้วยน้ำเสียงโศกเศร้าว่าเขาถูกสาปแช่งแล้ว พระสังฆราชถามเขาว่าอะไรที่ทำให้เขาตกนรก ชายผู้น่าสังเวชตอบว่า เขารู้เพียงสามสิ่งคือ: 1. เขาถูกสาปแช่งชั่วนิรันดร์ 2. คำพิพากษานั้นไม่สามารถเพิกถอนได้ 3. เพื่อความสุขของโลกและความสุขฝ่ายร่างกายทำให้เขาถูกสาปแช่งชั่วนิรันดร์: แล้วเขาถามพระสังฆราชว่า "โลกยังมีอยู่หรือไม่?" "ทำไมรึ?" พระสังฆราชถาม "เพราะ" เขากล่าว "ในช่วงเวลาเหล่านี้วิญญาณจำนวนมากตกนรก ทำให้ผมคิดว่าคนจำนวนมากไม่สามารถมีชีวิตอยู่ในโลกนี้ได้"
-นักบุญอิกนาเชียสแห่งโลโยลา,วิธีฝึกปฏิบัติจิต
#Catholic 4 Life
วันอาทิตย์ที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2566
วันเสาร์ที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2566
เยาวชนและลัทธิบูชาซาตาน
"เรากำลังเป็นพยานโดยไม่รู้ตัวมากขึ้นเรื่อยๆของสาส์นลึกลับที่เพิ่มขึ้นและลัทธิบูชาซาตานที่กำลังแพร่กระจาย”
>>>อ่านต่อ
วันศุกร์ที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2566
ความสุภาพเรียบร้อย(modesty)
ที่การาบังดัล,แม่พระทรงเตือนบรรดาเด็กผู้หญิงถึงความสำคัญของความสุภาพเรียบร้อย(modesty) พระนางทรงสอนว่า พวกเขาทำเช่นนี้ได้ในหลายวิธีโดย: 1) การแต่งกายที่ถูกต้อง; 2) แสดงกิริยาที่ถูกต้อง; และ 3) ไม่สวมเครื่องประดับหรือใช้เครื่องสำอาง (ไม่เหมาะสมกับเด็กสาว) โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพวกเด็กๆมาหาพระนาง
ในหนังสือ She Went in Haste to the Mountain คุณพ่อยูเซบิโอ การ์เซีย เด เปสเกรา(Father Eusebio Garcia de Pesquera)กล่าวถึงหัวข้อนี้ว่า "ใช่แล้ว,กิริยาของพวกเขาเหมาะสมที่สุด,แม้ว่าเราควรคำนึงถึงธรรมเนียมและรูปแบบการแต่งกายที่แพร่หลายในบ้านและสภาพแวดล้อมที่เงียบสงบของพวกเขา เด็กหญิงจากการาบังดัลแต่งกายเหมือนเด็กผู้หญิงคนอื่นๆในเวลาและพื้นที่นั้น ด้วยเหตุนี้,พวกเธอจึงสวมกระโปรงสั้นเป็นบางครั้ง
"พระแม่มารีย์เรียกร้องความสนใจของพวกเขาในเรื่องนี้ด้วยความละเอียดอ่อนของมารดา เด็กหญิงทั้งสามคนต่างแยกย้ายกันกลับบ้านตามคำร้องขอของพระนางเพื่อเปลี่ยนชุดที่พวกเขาสวมใส่ให้ยาวขึ้น ได้ยินคอนชิตาพูดในระหว่างที่อยู่ในญาณว่า 'เราควรจะสวมชุดยาวแบบนี้เสมอ เพื่อมาหาท่าน''
โดย Barry Hanratty: “ GARABANDAL JOURNAL: กรกฎาคม-สิงหาคม 2003
วันพฤหัสบดีที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2566
แม่พระตรัสเกี่ยวกับความถ่อมตน
ความถ่อมตน — สิ่งนี้ถูกแสดงออกโดยเด็กๆที่เห็นแม่พระในการาบังดัลในหลายๆทาง เช่น ในการแต่งกาย,การพูดของพวกเขา โดยสิ่งเล็กๆน้อยๆที่พวกเขาทำเพื่อผู้คนที่มาหาพวกเขา โดยงานต่ำต้อยที่พวกเขาทำต่อหน้าทุกคนโดยอ่อนน้อมต่อคำแนะนำของผู้ปกครองและพระสงฆ์ ฯลฯ”
ในหลายโอกาส,พระแม่มารีย์ทรงกำชับเด็กๆว่า เมื่อพวกเขามาหาพวกลูก ลูกไม่ควรสวมสร้อยข้อมือหรือต่างหู เด็กคนเดียวที่มีนิสัยชอบใส่ต่างหูคือคอนชิต้า แต่ครั้งหนึ่งขณะที่เธออยู่ในญาณบริเวณประตูโบสถ์ มีคนได้ยินเธอพูดถามว่า “หนูทำอะไรไม่ดีหรือคะ? โอ,ดีค่ะ! “ แล้วเธอก็กลับสู่สภาพปกติ เธอกลับไปที่บ้าน ถอดต่างหูและสร้อยข้อมือออก แล้วกลับไปที่ประตูโบสถ์อีกครั้ง และเธอเข้าอยู่ในญาณอีกครั้ง ผมเองสังเกตเห็นหลายครั้งว่าเมื่อพวกเขารู้สึกถึงการเรียกครั้งที่สาม พวกเขาเริ่มถอดแหวนหรือสร้อยข้อมือที่ถืออยู่ซึ่งไม่ใช่ของพวกเขาแต่เป็นของคนอื่นที่มอบให้เด็กผู้หญิงเพื่อตรวจสอบ
จากหนังสือ : “ SHE WENT IN HASTE TO THE MOUNTAIN” บทที่ 6, “The Works of the Mother and Teache” , หน้า 123
วันพุธที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2566
เสื้อจำพวกสีน้ำตาลป้องกันปีศาจ
ในปี 2005 พระสงฆ์ท่านหนึ่งบรรยายเกี่ยวกับการที่ลัทธิบูชาซาตานกำลังแพร่กระจายไปในโลก และการที่ผู้ใหญ่และเด็กถูกปีศาจเข้าสิงเนื่องจากการใช้สิ่งของต่างๆที่เกี่ยวข้องกับปีศาจ เช่น กระดานผีถ้วยแก้ว,การกล่าวคาถาเวทมนตร์ที่เปิดประตูให้กับปีศาจซึ่งมีอยู่ใน "หนังสืออ่านสำหรับเด็ก" เช่น หนังสือแฮร์รี่ พอตเตอร์ และการไปหาหมอดู เป็นต้น เมื่อมีคนถามพระสงฆ์ท่านนั้นถึงวิธีป้องกันตัวจากปีศาจว่ามีวิธีใดบ้าง พระสงฆ์ตอบว่า ,"ขอให้ทุกคนสวมใส่เสื้อจำพวกสีน้ำตาล(Brown Scapular)ของพระแม่มารีย์แห่งภูเขาคาร์เมลเพื่อป้องกันคำสาปแช่งและปีศาจ"
เราจะสามารถเข้าใจได้ว่าทำไมปีศาจจึงต่อต้านผู้ที่ส่งเสริมและสนับสนุนการสวมใส่เสื้อจำพวกสีน้ำตาลหลังจากได้ยินเรื่องราวของ Venerable Francis Ypes
วันหนึ่งเสื้อจำพวกสีน้ำตาลของ Venerable Francis Ypes หลุดออก และขณะที่เขากำลังสวมมันใหม่, ปีศาจก็ร้องโหยหวนว่า "เลิกสวมใส่เครื่องแบบที่พรากวิญญาณมากมายไปจากเราซะ!" จากนั้นและที่นั่นฟรานซิสทำให้ปีศาจยอมรับว่าสามสิ่งที่ปีศาจกลัวที่สุด ได้แก่ พระนามศักดิ์สิทธิ์ของพระเยซูเจ้า,พระนามศักดิ์สิทธิ์ของพระนางมารีย์,และเสื้อจำพวกศักดิ์สิทธิ์แห่งคาร์เมล
ในรายการดังกล่าวนี้เราสามารถเพิ่ม: สายประคำศักดิ์สิทธิ์ไว้ด้วย
Source: Our Lady's Garment
The Brown Scapular: A Sign of Salvation and Protection
#Catholic 4 Life
วันอังคารที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2566
วันจันทร์ที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2566
วันอาทิตย์ที่ 16 เมษายน พ.ศ. 2566
วันเสาร์ที่ 15 เมษายน พ.ศ. 2566
อัครสาวกแห่งพระเมตตา
“เราไม่ต้องการลงโทษมนุษยชาติ แต่เราปรารถนาที่จะเยียวยารักษา,จงมาสัมผัสดวงหทัยที่เปี่ยมด้วยพระเมตตาของเราเถิด”
>>>อ่านต่อ
วันศุกร์ที่ 14 เมษายน พ.ศ. 2566
วันพฤหัสบดีที่ 13 เมษายน พ.ศ. 2566
น้อยคนจะได้เห็นพระเจ้า
วันที่ 23 1962 “น้อยคนจะได้เห็นพระเจ้า” การประจักษ์ที่การาบังดัล
(ข้อความจาก "คืนแห่งเสียงกรีดร้อง" ในวันที่ 19 และ 20) "แม่พระได้บอกกับพวกเราว่า:
“โลกยังคงเหมือนเดิม...ไม่เปลี่ยนแปลงเลย น้อยคนจะได้เห็นพระเจ้า มีน้อยมากจนทำให้พระแม่มารีย์ทรงเศร้าโศกเสียพระทัยมาก ช่างน่าสงสารที่ไม่มีการเปลี่ยนแปลง พระแม่มารีย์ทรงบอกเราว่าโทษทัณฑ์กำลังมายังโลกเพราะการที่เห็นว่าโลกไม่เปลี่ยนแปลง ถ้วยกำลังเต็มแล้ว พระแม่มารีย์ทรงเสียพระทัยยิ่งนัก พระนางไม่ให้เราเห็นโทษทัณฑ์ที่จะมาเพราะทรงรักเรามากและทรงยอมทนทุกข์อยู่พระองค์เดียว พระนางทรงดีจริงๆ จงเป็นคนดีเถิด,ทุกคนเลย,เพื่อที่พระนางพรหมจารีย์จะทรงมีความสุข พระนางทรงบอกเราว่า เราที่เป็นคนดีควรสวดภาวนาเพื่อคนไม่ดี ให้เราสวดภาวนาต่อพระเจ้าเพื่อโลก,เพื่อคนที่ไม่รู้จักพระองค์ จงเป็นคนดี...จงเป็นคนดีทุกคน"
มาเรีย(โลลิ)โดโลเรส,จาชินทา กอนซาเลส อายุ 13 ปี
นำมาจากหนังสือ “She went in haste to the Mountain” book 2 ,page 199
วันพุธที่ 12 เมษายน พ.ศ. 2566
วันอังคารที่ 11 เมษายน พ.ศ. 2566
การตรึงกางเขนในฟิลิปปินส์
ชาวฟิลิปปินส์แปดคนถูกตรึงไม้กางเขนเพื่อจำลองความทุกข์ทรมานของพระเยซูคริสต์เป็นประเพณีในวันศุกร์ศักดิ์สิทธิ์ของชาวฟิลิปปินส์ ในคนเหล่านี้มีคนหนึ่งที่เป็นช่างไม้,ผู้ซึ่งถูกตรึงกางเขนเป็นครั้งที่ 34 พร้อมทั้งคำอธิษฐานของเขาขอให้การรุกรานยูเครนของรัสเซียยุติลง เพราะทำให้ประชาชนชาวยูเครนที่น่าสงสารเช่นเดียวกับเขารู้สึกสิ้นหวัง
การตรึงกางเขนด้วยคนจริงๆกระทำในหมู่บ้านเกษตรกรรม San Pedro Cutud ในจังหวัด Pampanga ทางตอนเหนือของกรุงมะนิลา,ซึ่งหวนกลับมาทำอีกครั้งหลังจากหยุดชั่วคราวเป็นเวลา 3 ปีเนื่องจากการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา ชาวบ้านราว 12 คนได้ลงทะเบียนเป็นผู้ที่ถูกตรึงกางเขน แต่มีเพียง 8 คนเท่านั้นที่ปรากฏตัว รวมถึงช่างไม้วัย 62 ปีและจิตรกรป้ายชื่อ Ruben Enaje ผู้ซึ่งกรีดร้องขณะที่เขาถูกตอกตะปูตรึงไว้กับไม้กางเขนท่ามกลางฝูงชนจำนวนมากที่เฝ้าดูท่ามกลางความร้อนในฤดูร้อน
วันจันทร์ที่ 10 เมษายน พ.ศ. 2566
หลักฐานสมัยความแห้งแล้ง7ปีในอิยิปต์
The Famine Stela เป็นศิลาจารึกที่เขียนด้วยอักษรอียิปต์โบราณที่ตั้งอยู่บนเกาะ Sehel ในแม่น้ำไนล์ใกล้กับเมืองอัสวานในอียิปต์ ซึ่งบอกเล่าช่วงเวลาเจ็ดปีแห่งความแห้งแล้งและความอดอยากในรัชสมัยของฟาโรห์และโยเซฟได้แนะนำฟาโรห์ในการรับมือกับความแห้งแล้งนี้ไว้ล่วงหน้า ทำให้ฟาโรห์พอพระทัยมากจึงแต่งตั้งโยเซฟให้เป็นผู้ดูแลโครงการนี้ทั้งหมดและมีอำนาจรองจากฟาโรห์”
พิธีมิสซาในวันอาทิตย์ปัสกาที่วาติกัน พระสันตปาปาทรงอวยพรโลก
วันอาทิตย์ที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2566
สุขสันต์ปัสกาแด่ทุกท่าน
บทเทศน์ของนักบุญเกรกอรีเกี่ยวกับการกลับฟื้นคืนพระชนม์ของพระเยซูคริสต์
“ดังนั้น เนื่องจากพระผู้ไถ่ของเราได้ผ่านพ้นความตายของชีวิตปัจจุบัน ทูตสวรรค์ที่มาเพื่อประกาศการเข้าสู่ชีวิตนิรันดร์ของพระองค์,นั่งอยู่ทางด้านขวาและสวมอาภรณ์สีขาว. เพราะท่านกำลังประกาศความชื่นบานของการเฉลิมฉลองของเราในเวลานี้. เพราะความขาวของอาภรณ์ของท่านแสดงถึงความรุ่งโรจน์ของงานฉลองอันยิ่งใหญ่ของเรา เราควรพูดว่าของเราไม่ใช่ของท่าน? เพื่อเราจะได้พูดอย่างเต็มปากเต็มคำให้เราพูดว่ามันเป็นงานฉลองของเราและของพระองค์ สำหรับวันนี้,วันแห่งการกลับฟื้นคืนพระชนม์ของพระผู้ไถ่ของเรา,เป็นวันแห่งความปิติยินดีอย่างยิ่งของเราเช่นกัน เพราะมันได้ทำให้ความตายกลายเป็นความไม่รู้จักตาย เป็นวันแห่งความสุขของเหล่าทูตสวรรค์ด้วย เพราะเป็นการนำเรากลับคืนสู่สวรรค์ ทำให้จำนวนพลเมืองสวรรค์เต็มอีกครั้งในวันเทศกาลของเรานี้ และทูตสวรรค์ของพระองค์ก็ปรากฏมา,สวมอาภรณ์สีขาว เพราะพวกท่านชื่นชมยินดีที่พวกเราสามารถกลับเข้าสู่สวรรค์ได้แล้ว ความทุกข์จากการสูญเสียที่บนสวรรค์ของพวกท่านได้รับการบูรณะขึ้นแล้ว”
(นักบุญเกรกอรี,พระสันตะปาปา)
วันเสาร์ที่ 8 เมษายน พ.ศ. 2566
วันศุกร์ที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2566
วันพฤหัสบดีที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2566
วันพุธที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2566
เสื้อคลุมของพระสันตะปาปา
กล่าวกันว่าในปี 1947 คุณพ่อปีโอได้ทำนายพระสงฆ์หนุ่มวอยติยา ซึ่งก็คือพระสันตะปาปายอห์นปอลที่2ในอนาคตว่า เขาจะถูกลอบสังหาร “ท่านจะเห็นเสื้อคลุมสีขาวของท่านเปื้อนไปด้วยเลือด”
ในปี 1981 ได้มีความพยายามลอบสังหารพระสันตะปาปายอห์นปอลที่2 ขณะที่อยู่จัตุรัสนักบุญเปโตร โดยมือปืนอาลี อักกา
รูปภาพเสื้อคลุมของพระสันตะปาปายอห์นปอลที่ 2 ที่ปรากฏรอยเลือดอยู่
วันอังคารที่ 4 เมษายน พ.ศ. 2566
เศรษฐีกับลาซารัส
ชายยากจนผู้นั่งอยู่หน้าประตูเพื่อขอเศษอาหารจากงานเลี้ยงหรูหราของเศรษฐี เขาขาดแคลนทุกสิ่ง แต่เขามีชื่อว่า ลาซารัส ส่วนเศรษฐีที่จัดงานเลี้ยงทุกวันมีทุกสิ่งทุกอย่าง แต่เขากลับไม่มีชื่อ นี่เป็นบทเรียนที่ดีสำหรับทุกคน มนุษย์ไม่ใช่สิ่งที่เขามี แต่เป็นสิ่งที่เขาเป็น มันคือความตายที่กลายเป็นจุดจบของคำกริยา “มี” และจุดเริ่มต้นทั้งหมดของคำกริยา “เป็น” หากเราใช้ชีวิตทั้งชีวิตโดยลืมไปว่าเราเป็นใครและใช้ชีวิตเพียงเพื่อสิ่งที่เรามี ในที่สุดเราจะค้นพบว่าโดยพื้นฐานแล้วนรกคือการมีชีวิตอยู่โดยการยกเลิกกริยาของเราที่จะเป็น พระวรสารนำเราไปสู่มิติแห่งชีวิตหลังความตายและแสดงให้เราเห็นว่าแม้แต่การกล่าวโทษในนรกก็เปลี่ยนจิตใจของเศรษฐีไม่ได้ เขาวอนขออับราฮัมว่าลาซารัสสามารถมาหาเขาได้เพื่อที่ลาซารัสจะได้บรรเทาทุกข์ความทรมานของเขา เศรษฐีไม่เข้าใจด้วยซ้ำว่าลาซารัสเป็นบุคคลที่ควรรัก,ให้ความช่วยเหลือและไม่ใช่สิ่งของที่จะใช้สนองความต้องการ และนั่นเป็นประตูสำหรับเขาที่จะเข้าสู่ความพินาศนิรันดร!
วันจันทร์ที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2566
นักบุญแองเจลา เมริชี
เมื่อนักบุญแองเจลา เมริชีอายุได้ 32 ปีและเป็นสตรีฆราวาส เธอได้รับนิมิตซึ่งเธอเห็นบันไดทอดขึ้นไปสู่สวรรค์และมีหญิงสาวและทูตสวรรค์จำนวนหนึ่งเดินขึ้นและลง หญิงสาวคนหนึ่งเข้ามาหาเธอและพูดกับเธอว่า "รู้ไว้เถิด แองเจลา พระเยซูเจ้าทรงส่งนิมิตนี้มาสอนเธอว่าก่อนที่เธอจะตาย เธอจะพบกลุ่มหญิงสาวพรหมจารีย์เช่นนี้ในเบรสเซีย(Brescia) นี่คือพระประสงค์ของพระองค์ที่มีต่อเธอ" บรรดาสตรีที่มาเข้าร่วมกับแองเจลาในงานสอนคำสอนยังคงใช้ชีวิตอยู่ในบ้านของพวกเขา และไม่ต้องทำสัตย์ปฏิญาณ พวกเขาเพียงแต่มารวมตัวกันเพื่อสวดภาวนาและสอนหนังสือเท่านั้น หลังจากการเสียชีวิตของนักบุญแองเจลา,นักบุญชาร์ลส์ บอร์โรเมโอ,พระสังฆราชแห่งมิลาน,ได้จัดกลุ่มฆราวาสขึ้นใหม่เป็นองค์กรทางศาสนา ซึ่งในที่สุดได้พัฒนาเป็นคณะอุร์สุลิน ซึ่งเป็นคณะแรกในพระศาสนจักรที่อุทิศตนในการสอนหนังสือ
# Catholic 4 Life
วันอาทิตย์ที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2566
วันเสาร์ที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2566
การทรมานกายเพื่อเอาชนะตนเอง
เราจึงต้องร่วมมือกับพระองค์ด้วยจิตใจอิสระในเรื่องคุณธรรมแห่งการทรมานกายเพื่อเอาชนะตนเองเพื่อให้ชีวิตฝ่ายจิตพัฒนาอย่างเต็มที่
>>>อ่านต่อ
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)