เป็นเขาเหล่านั้นแหละซึ่งยำเกรงพระเจ้า (สดด. 14[15]: 4)
แต่เชื่อมั่นว่าความดีที่มีอยู่ในตน
ไม่สามารถมาจากตนเอง แต่ต้องมาจากพระเจ้า
จึงสรรเสริญผลงานของพระเจ้าในตน (สดด. 14[15]: 4)
โดยใช้คำพูดของประกาศกว่า
“ไม่ใช่สำหรับข้าพเจ้า ข้าแต่พระเจ้า ไม่ใช่สำหรับข้าพเจ้า
แต่เพื่อการถวายพระสิริมงคลรุ่งโรจน์แด่พระนามของพระองค์ (สดด. 113[115:1]: 9)
อัครสาวกเปาโลก็เช่นเดียวกัน
ท่านไม่ให้คุณค่าใดต่อความสำเร็จในการเทศนาของท่านต่อตนเอง
แต่กล่าวว่า
“อาศัยพระหรรษทานของพระเจ้า ข้าพเจ้าเป็นสิ่งที่ข้าพเจ้าเป็น” (1 คร. 15: 10)
แล้วท่านยังกล่าวอีกว่า
“ผู้ใดจะทำการสรรเสริญ ขอให้เขาสรรเสริญในพระเจ้า” (2 คร. 10: 17)
Pages
พระเมตตาของพระเยซูเจ้า
จงบอกมนุษยชาติที่กำลังเจ็บป่วย ให้เข้ามาใกล้หัวใจอันเมตตาของเรา แล้วเราจะประทานสันติภาพให้แก่มนุษยชาติ พระเมตตาของเราไม่มีวันสิ้นสุดเลย
พระวาจาวันอาทิตย์ที่ 13 ตุลาคม 2024 พระเยซูเจ้ากับเศรษฐีหนุ่ม
  ขณะที่พระองค์กำลังทรงพระดำเนินอยู่ระหว่างทาง ชายคนหนึ่งรีบเข้ามาคุกเข่าลง ทูลถามว่า “พระอาจารย์ผู้ทรงความดี ข้าพเจ้าต้องทำอะไรเพื่อจะได้ชีวิตนิรันดร” พระเยซูเจ้าตรัสกับเขาว่า “ทำไมเรียกเราว่าผู้ทรงความดี ไม่มีใครทรงความดีนอกจากพระเจ้าเท่านั้น ท่านรู้จักบทบัญญัติแล้ว คือ อย่าฆ่าคน อย่าล่วงประเวณี อย่าลักขโมย อย่าเป็นพยานเท็จ อย่าฉ้อโกง จงนับถือบิดามารดา” ชายผู้นั้นทูลว่า “พระอาจารย์ ข้าพเจ้าได้ปฏิบัติตามบทบัญญัติเหล่านี้ทุกข้อมาตั้งแต่เป็นเด็กแล้ว” พระเยซูเจ้าทอดพระเนตรเขาด้วยพระทัยเอ็นดู ตรัสกับเขาว่า “ท่านยังขาดสิ่งหนึ่ง จงไปขายทุกสิ่งที่มี มอบเงินให้คนยากจน และท่านจะมีขุมทรัพย์ในสวรรค์ แล้วจงติดตามเรามาเถิด” เมื่อได้ฟังพระวาจานี้ ชายผู้นั้นหน้าสลดลงเพราะเขามีทรัพย์สมบัติมากมาย จึงจากไปด้วยความทุกข์
  พระเยซูเจ้าทอดพระเนตรโดยรอบ แล้วตรัสกับบรรดาศิษย์ว่า “ยากจริงหนอที่คนมั่งมีจะเข้าสู่พระอาณาจักรของพระเจ้า” บรรดาศิษย์แปลกใจกับพระวาจานี้ พระเยซูเจ้าจึงตรัสอีกว่า “ลูกเอ๋ย ยากจริงหนอที่จะเข้าสู่พระอาณาจักรของพระเจ้า อูฐจะลอดรูเข็มยังง่ายกว่าคนมั่งมีเข้าสู่พระอาณาจักรของพระเจ้า” บรรดาศิษย์ยิ่งประหลาดใจมากขึ้น พูดกันว่า “ดังนี้ ใครเล่าจะรอดพ้นได้” พระเยซูเจ้าทอดพระเนตรบรรดาศิษย์แล้วตรัสว่า “สำหรับมนุษย์เป็นไปไม่ได้ แต่สำหรับพระเจ้าเป็นเช่นนั้นได้ เพราะพระองค์ทรงทำได้ทุกสิ่ง”
  เปโตรทูลพระเยซูเจ้าว่า “ข้าพเจ้าทั้งหลายได้สละทุกสิ่งและติดตามพระองค์แล้ว” พระเยซูเจ้าตรัสว่า “เราบอกความจริงกับท่านว่า ไม่มีใครที่ละทิ้งบ้านเรือน พี่น้องชายหญิง บิดามารดา บุตรหรือไร่นาเพราะเห็นแก่เรา และเพราะเห็นแก่ข่าวดี จะไม่ได้รับการตอบแทนร้อยเท่าในโลกนี้ เขาจะได้บ้านเรือน พี่น้องชายหญิง มารดา บุตร ไร่นา พร้อมกับการเบียดเบียนและในโลกหน้าจะได้ชีวิตนิรันดร
(มาระโก 10:17-30)
พระวาจาวันอาทิตย์ที่ 13 ตุลาคม 2024 พระเยซูเจ้ากับเศรษฐีหนุ่ม
  ขณะที่พระองค์กำลังทรงพระดำเนินอยู่ระหว่างทาง ชายคนหนึ่งรีบเข้ามาคุกเข่าลง ทูลถามว่า “พระอาจารย์ผู้ทรงความดี ข้าพเจ้าต้องทำอะไรเพื่อจะได้ชีวิตนิรันดร” พระเยซูเจ้าตรัสกับเขาว่า “ทำไมเรียกเราว่าผู้ทรงความดี ไม่มีใครทรงความดีนอกจากพระเจ้าเท่านั้น ท่านรู้จักบทบัญญัติแล้ว คือ อย่าฆ่าคน อย่าล่วงประเวณี อย่าลักขโมย อย่าเป็นพยานเท็จ อย่าฉ้อโกง จงนับถือบิดามารดา” ชายผู้นั้นทูลว่า “พระอาจารย์ ข้าพเจ้าได้ปฏิบัติตามบทบัญญัติเหล่านี้ทุกข้อมาตั้งแต่เป็นเด็กแล้ว” พระเยซูเจ้าทอดพระเนตรเขาด้วยพระทัยเอ็นดู ตรัสกับเขาว่า “ท่านยังขาดสิ่งหนึ่ง จงไปขายทุกสิ่งที่มี มอบเงินให้คนยากจน และท่านจะมีขุมทรัพย์ในสวรรค์ แล้วจงติดตามเรามาเถิด” เมื่อได้ฟังพระวาจานี้ ชายผู้นั้นหน้าสลดลงเพราะเขามีทรัพย์สมบัติมากมาย จึงจากไปด้วยความทุกข์
  พระเยซูเจ้าทอดพระเนตรโดยรอบ แล้วตรัสกับบรรดาศิษย์ว่า “ยากจริงหนอที่คนมั่งมีจะเข้าสู่พระอาณาจักรของพระเจ้า” บรรดาศิษย์แปลกใจกับพระวาจานี้ พระเยซูเจ้าจึงตรัสอีกว่า “ลูกเอ๋ย ยากจริงหนอที่จะเข้าสู่พระอาณาจักรของพระเจ้า อูฐจะลอดรูเข็มยังง่ายกว่าคนมั่งมีเข้าสู่พระอาณาจักรของพระเจ้า” บรรดาศิษย์ยิ่งประหลาดใจมากขึ้น พูดกันว่า “ดังนี้ ใครเล่าจะรอดพ้นได้” พระเยซูเจ้าทอดพระเนตรบรรดาศิษย์แล้วตรัสว่า “สำหรับมนุษย์เป็นไปไม่ได้ แต่สำหรับพระเจ้าเป็นเช่นนั้นได้ เพราะพระองค์ทรงทำได้ทุกสิ่ง”
  เปโตรทูลพระเยซูเจ้าว่า “ข้าพเจ้าทั้งหลายได้สละทุกสิ่งและติดตามพระองค์แล้ว” พระเยซูเจ้าตรัสว่า “เราบอกความจริงกับท่านว่า ไม่มีใครที่ละทิ้งบ้านเรือน พี่น้องชายหญิง บิดามารดา บุตรหรือไร่นาเพราะเห็นแก่เรา และเพราะเห็นแก่ข่าวดี จะไม่ได้รับการตอบแทนร้อยเท่าในโลกนี้ เขาจะได้บ้านเรือน พี่น้องชายหญิง มารดา บุตร ไร่นา พร้อมกับการเบียดเบียนและในโลกหน้าจะได้ชีวิตนิรันดร
(มาระโก 10:17-30)
วันพฤหัสบดีที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562
วันพุธที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562
เสียงร้องของผู้ถูกล่วงละเมิด
หากพวกเขาไม่ทำเช่นนั้นการล่วงละเมิดทางเพศจะกลายเป็น “ระเบิดอีกครั้งหนึ่งในพระศาสนจักรแห่งเอเชีย”
>>>อ่านต่อ
>>>อ่านต่อ
วันอังคารที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562
สาส์นแม่พระ 2+25 ก.พ.2019
ลูกที่รักทั้งหลาย
วันนี้แม่ขอให้ลูกกลับมาสู่ชีวิตใหม่ ไม่สำคัญหรอกว่าลูกจะมีอายุมากเท่าไร จงเปิดใจของลูกแก่พระเยซูเจ้าผู้จะทรงเปลี่ยนแปลงลูกในช่วงเวลาแห่งพระหรรษทานนี้ แล้วลูกจะเกิดใหม่, เหมือนในธรรมชาติ, ในความรักของพระเจ้า และลูกจะเปิดใจให้กับสวรรค์และสิ่งที่เป็นของสวรรค์ แม่ยังคงอยู่กับลูก เพราะพระเจ้าทรงอนุญาติแม่แล้วเพราะความรักที่ทรงมีต่อลูกขอขอบใจที่ตอบสนองเสียงเรียกของแม่
สาส์นแม่พระประทานแก่ มีรยานา 2 ก.พ. 2019
ลูกที่รักทั้งหลาย
ด้วยความรักและพระทัยดีของพระบิดาสวรรค์ พระองค์จึงทรงประทานการเปิดเผยหลายอย่าง(revealations), เพื่อทำให้ความเชื่อเจริญเติบโตขึ้น เพื่อที่เมื่อแปลความหมายแล้ว จะนำมาซึ่งสันติภาพ , ความมั่นใจและความหวัง
และแม่ก็อยู่ในวิธีการนี้เช่นเดียวกัน , ลูกทั้งหลายของแม่ , โดยอาศัยพระเมตตารักของพระบิดาสวรรค์ แม่จึงได้แสดงให้ลูกเห็นถึงหนทางที่จะไปสู่องค์พระบุตรของแม่เสมอ หนทางที่นำไปสู่ความรอด
แต่น่าเสียดาย ที่ลูกของแม่หลายคนไม่ต้องการฟังแม่ ลูกของแม่หลายคนสองจิตสองใจ ส่วนแม่, แม่ได้ไขแสดงถึงองค์พระเยซูเจ้าอย่างสม่ำเสมอ, แก่ทุกคนทั้งในกาลเวลาและนอกกาลเวลา แม่ได้เปิดเผยถึงสิ่งที่พระองค์ทรงกระทำในตัวแม่และผ่านทางแม่
องค์พระบุตรทรงประทานพระองค์เองแก่ลูกและทรงหักขนมปังพร้อมกับลูก พระองค์ตรัสพระวาจาแห่งชีวิตนิรันดรแก่ลูก เพื่อที่ลูกจะนำไปมอบแก่ทุกคน
ส่วนลูก, ลูกทั้งหลายของแม่ , อัครสาวกแห่งความรักของแม่ , ลูกจะกลัวทำไม ในเมื่อองค์พระบุตรของแม่ทรงประทับอยู่กับลูก? จงถวายจิตวิญญาณของลูกแด่พระองค์เถิด เพื่อที่พระองค์จะทรงประทับและทำให้ลูกเป็นเครื่องมือแห่งความเชื่อ เครื่องมือแห่งความรัก
ลูกทั้งหลายของแม่, จงดำเนินชีวิตตามพระวรสาร ดำเนินชีวิตด้วยความเมตตารักต่อเพื่อนบ้านของลูก และเหนือสิ่งอื่นใด, ดำเนินชีวิตเพื่อพระบิดาสวรรค์
ลูกทั้งหลายของแม่, ลูกไม่ได้เป็นหนึ่งเดียวกันเพราะความบังเอิญ พระบิดาสวรรค์ไม่ทรงทำให้ใครเป็นหนึ่งเดียวกันด้วยความบังเอิญหรอก
องค์พระบุตรตรัสต่อจิตวิญญาณของลูก แม่พูดกับหัวใจของลูก ในฐานะมารดา แม่ขอพูดกับลูกว่า จงเดินหน้าไปพร้อมกับแม่ด้วยการรักซึ่งกันและกันและเป็นพยานยืนยันโดยอาศัยแบบอย่างของลูก อย่ากลัวไปเลย จงปกป้องความจริง ซึ่งก็คือพระวาจาของพระเจ้าซึ่งเป็นนิรันดรและไม่เปลี่ยนแปลง
ลูกทั้งหลายของแม่, ผู้ใดก็ตามที่ปฏิบัติตนในแสงสว่างแห่งความเมตตารักและความจริงจะได้รับความช่วยเหลือจากสวรรค์เสมอและเขาจะไม่อยู่เพียงลำพัง
อัครสาวกแห่งความรักทั้งหลายของแม่, ขอให้ลูกเป็นที่ยอมรับในท่ามกลางผู้อื่นเสมอโดยการปิดบังตนเอง โดยความรักและโดยรัศมีที่ส่องแสงจากลูก แม่จะอยู่กับลูกเสมอ
ขอขอบใจพวกลูก
วันจันทร์ที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562
รีโซเคิลถุวพลาสติก
เมื่อ Thato Kgatlhanye เห็นเด็กๆแบกกระเป๋านักเรียนเดินไปโรงเรียน เธอก็เกิดไอเดียขึ้นมา ที่จะเอาถุงพลาสติกที่ไม่ใช้แล้วกลับมาใช้ประโยชน์ใหม่ แล้วเธอก็เริ่มทำงานทันที เธอทำกระเป๋านักเรียนขึ้นมาจากพลาสติกที่ไม่ใช้แล้ว แต่ได้ติดตั้งไฟส่องสว่างจากโซลาร์เซลเพิ่มเข้าไปด้วย
วันอาทิตย์ที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562
อัศจรรย์ที่ไม่คาดหวังเกิดขึ้นที่ลูรดส์
มีหลายคนที่ได้รับการรักษาทางร่างกายที่ลูรดส์หรือสถานที่ศักดิ์สิทธิ์แห่งอื่นทั่วโลก แต่ส่วนใหญ่ไม่ได้รับการรักษา อย่างไรก็ดี พวกเขาบอกว่าพวกเขาได้รับการรักษาฝ่ายจิตใจ
>>>อ่านต่อ
>>>อ่านต่อ
วันเสาร์ที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562
วันศุกร์ที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562
ความสำคัญของการนอน
การนอนหลับให้เพียงพอสำคัญกว่าที่คิด เพราะส่งผลต่อชีวิตและสังคม
วารสาร Nature Communications เกี่ยวกับสภาพแวดล้อมและสิ่งมีชีวิต ชี้ว่า คนนอนหลับไม่เต็มอิ่มจะรู้สึกโดดเดี่ยว ไม่อยากเข้าสังคม ไปจนถึงหลีกเลี่ยงการคุยกับคนอื่น
ผลการศึกษาดังกล่าวได้สแกนสมองของผู้ที่นอนหลับไม่เพียงพอ ซึ่งโดยปกติแล้วสมองจะมีการทำงานมากขึ้นเมื่อมีคนเข้ามาลุกล้ำพื้นที่ แต่สำหรับผู้ที่นอนไม่เต็มอิ่มสมองจะทำงานน้อยลง ซึ่งหมายความว่า มีการตอบสนองกับสังคมรอบข้างน้อยลงนั่นเอง
นอกจากนี้ แมทธิว วอร์กเกอร์ นักวิจัยด้วยสมองและจิตวิทยา มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย กล่าวว่า ผู้ที่นอนหลับไม่เต็มอิ่มจะไม่ดึงดูดคนรอบข้าง ซึ่งยิ่งทำให้พวกเขาโดดเดี่ยวกว่าเดิม
“ยิ่งนอนน้อยเท่าไร คุณจะยิ่งไม่อยากมีส่วนร่วมกับสังคมมากขึ้นเท่านั้น ซึ่งความรู้สึกมันถูกสะท้อนออกไปยังภายนอกทำให้คนรอบข้างก็ไม่อยากสุงสิงกับคนเหล่านี้”
แมทธิวชี้แจงด้วยว่า การอยู่คนเดียวทำให้เสี่ยงมีปัญหาสุขภาพ และเพิ่มความเสี่ยงเสียชีวิตมากกว่าร้อยละ 45 เมื่อเทียบกับคนทั่วไป ดังนั้นต้องนอนหลับให้เพียงพอ เพราะการนอนหลับอย่างเพียงพอแค่คืนเดียวก็จะทำให้คุณอยากเข้าสังคมและไม่รู้สึกโดดเดี่ยวแล้ว
วารสาร Nature Communications เกี่ยวกับสภาพแวดล้อมและสิ่งมีชีวิต ชี้ว่า คนนอนหลับไม่เต็มอิ่มจะรู้สึกโดดเดี่ยว ไม่อยากเข้าสังคม ไปจนถึงหลีกเลี่ยงการคุยกับคนอื่น
ผลการศึกษาดังกล่าวได้สแกนสมองของผู้ที่นอนหลับไม่เพียงพอ ซึ่งโดยปกติแล้วสมองจะมีการทำงานมากขึ้นเมื่อมีคนเข้ามาลุกล้ำพื้นที่ แต่สำหรับผู้ที่นอนไม่เต็มอิ่มสมองจะทำงานน้อยลง ซึ่งหมายความว่า มีการตอบสนองกับสังคมรอบข้างน้อยลงนั่นเอง
นอกจากนี้ แมทธิว วอร์กเกอร์ นักวิจัยด้วยสมองและจิตวิทยา มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย กล่าวว่า ผู้ที่นอนหลับไม่เต็มอิ่มจะไม่ดึงดูดคนรอบข้าง ซึ่งยิ่งทำให้พวกเขาโดดเดี่ยวกว่าเดิม
“ยิ่งนอนน้อยเท่าไร คุณจะยิ่งไม่อยากมีส่วนร่วมกับสังคมมากขึ้นเท่านั้น ซึ่งความรู้สึกมันถูกสะท้อนออกไปยังภายนอกทำให้คนรอบข้างก็ไม่อยากสุงสิงกับคนเหล่านี้”
แมทธิวชี้แจงด้วยว่า การอยู่คนเดียวทำให้เสี่ยงมีปัญหาสุขภาพ และเพิ่มความเสี่ยงเสียชีวิตมากกว่าร้อยละ 45 เมื่อเทียบกับคนทั่วไป ดังนั้นต้องนอนหลับให้เพียงพอ เพราะการนอนหลับอย่างเพียงพอแค่คืนเดียวก็จะทำให้คุณอยากเข้าสังคมและไม่รู้สึกโดดเดี่ยวแล้ว
วันพฤหัสบดีที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562
วันพุธที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562
วันอังคารที่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562
โบสถ์ในคิวบา
โบสถ์ในเมืองซานดิโน ในคิวบาเริ่มเปิดรับคริสตชนมาร่วมพิธีมิสซาเป็นครั้งแรกในรอบ
60 ปี หลังจากการปฏิวัติและเปลี่ยนการปกครองเป็นระบอบคอมมิวนิสต์
วันจันทร์ที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562
วันอาทิตย์ที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562
วันเสาร์ที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562
วันศุกร์ที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562
วินัยของคณะเบเนดิกติน- 4
ดังนั้นจงคาดเชือกสะเอวของเรา
ด้วยความเชื่อและการกระทำกิจการดี (อฟ. 6: 14)
ขอให้เราเดินไปตามรอยพระบาทของพระองค์
โดยอาศัยการชี้นำของพระคัมภีร์
เพื่อที่เราจะได้เป็นผู้สมควรที่จะพบพระองค์
ผู้ทรงเรียกเราไปยังพระอาณาจักรของพระองค์ (1 ธส. 2: 12)
เพราะหากเราอยากอยู่ในพลับพลาแห่งพระอาณาจักรนั้น
เราต้องรีบวิ่งไปยังเป้าหมายที่นั่นด้วยการกระทำความดี
มิฉะนั้นเราไม่มีทางจะไปถึงได้
แต่ให้เราถามพระเจ้าพร้อมกับประกาศก
“พระเจ้าข้า ผู้ใดจะเข้าไปอยู่ในพลับพลาของพระองค์
หรือผู้ใดจะได้ไปพักผ่อนบนภูเขาศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์” (สดด. 14[15]:1)
พี่น้องชายหญิงที่รัก หลังตั้งคำถามนี้แล้ว
ให้เราคอยฟังคำตอบของพระองค์
ในขณะที่พระองค์ทรงตอบและแสดงให้เราเห็นถึงหนทางไปสู่พลับพลาโดยตรัสว่า
“เขาผู้นั้นเป็นผู้ที่เดินไปโดยไร้จุดด่างพล้อยและปฏิบัติความยุติธรรม
ผู้ที่พูดความจริงจากใจ
ไม่เคยใช้ลิ้นพูดจาโกหกหลอกลวง
‘ไม่เคยประพฤติชั่วต่อเพื่อนบ้าน
ไม่เคยทำให้เพื่อนบ้านเสียใจ”
เขาผู้นี้เป็นผู้ซึ่งแม้อยู่ภายใต้การล่อลวงใดๆจากปิศาจชั่วร้าย
แต่จะไม่ได้รับความเสียหายหรืออันตรายใดๆ (สดด. 14[15]: 4)
เขาจะเหวี่ยงปิศาจและการล่อลวงของมันไปจากสายตาแห่งดวงใจ
และผู้ที่ปลุกปั่นความคิดของเขา
ในขณะที่เขายังเป็นเด็ก
ด้วยความเชื่อและการกระทำกิจการดี (อฟ. 6: 14)
ขอให้เราเดินไปตามรอยพระบาทของพระองค์
โดยอาศัยการชี้นำของพระคัมภีร์
เพื่อที่เราจะได้เป็นผู้สมควรที่จะพบพระองค์
ผู้ทรงเรียกเราไปยังพระอาณาจักรของพระองค์ (1 ธส. 2: 12)
เพราะหากเราอยากอยู่ในพลับพลาแห่งพระอาณาจักรนั้น
เราต้องรีบวิ่งไปยังเป้าหมายที่นั่นด้วยการกระทำความดี
มิฉะนั้นเราไม่มีทางจะไปถึงได้
แต่ให้เราถามพระเจ้าพร้อมกับประกาศก
“พระเจ้าข้า ผู้ใดจะเข้าไปอยู่ในพลับพลาของพระองค์
หรือผู้ใดจะได้ไปพักผ่อนบนภูเขาศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์” (สดด. 14[15]:1)
พี่น้องชายหญิงที่รัก หลังตั้งคำถามนี้แล้ว
ให้เราคอยฟังคำตอบของพระองค์
ในขณะที่พระองค์ทรงตอบและแสดงให้เราเห็นถึงหนทางไปสู่พลับพลาโดยตรัสว่า
“เขาผู้นั้นเป็นผู้ที่เดินไปโดยไร้จุดด่างพล้อยและปฏิบัติความยุติธรรม
ผู้ที่พูดความจริงจากใจ
ไม่เคยใช้ลิ้นพูดจาโกหกหลอกลวง
‘ไม่เคยประพฤติชั่วต่อเพื่อนบ้าน
ไม่เคยทำให้เพื่อนบ้านเสียใจ”
เขาผู้นี้เป็นผู้ซึ่งแม้อยู่ภายใต้การล่อลวงใดๆจากปิศาจชั่วร้าย
แต่จะไม่ได้รับความเสียหายหรืออันตรายใดๆ (สดด. 14[15]: 4)
เขาจะเหวี่ยงปิศาจและการล่อลวงของมันไปจากสายตาแห่งดวงใจ
และผู้ที่ปลุกปั่นความคิดของเขา
ในขณะที่เขายังเป็นเด็ก
วันพฤหัสบดีที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562
วินัยของคณะเบเนดิกติน - 3
พระเจ้าทรงหาคนงานของพระองค์
ท่ามกลางฝูงชนร้องเสียงดัง
กล่าวซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่า
“ใครเป็นผู้ที่จะมีชีวิตและปรารถนาที่จะได้เห็นวันที่ดี” (สดด. 33 [34 ]: 13)
และหากได้ยินพระองค์แล้ว ท่านตอบว่า
“ข้าพเจ้าเป็นคนหนึ่งพระเจ้าข้า”
พระเจ้าจะตรัสกับท่านว่า
“หากท่านอยากได้ชีวิตแท้จริงและนิรันดร
จงรักษาลิ้นของท่านให้รอดจากการพูดชั่ว
และระวังปากอย่าพูดเท็จ
จงละทิ้งความชั่วและกระทำความดี
จงแสวงหาสันติสุขและเฝ้าติดตาม” (สดด. 33 [34]: 14-15)
เมื่อท่านได้กระทำสิ่งเหล่านี้แล้ว
สายพระเนตของเราจะจ้องมาที่ท่าน
พระกรรณ์ของเราจะคอยฟังท่าน
เราจะเปิดพระกรรณ์ฟังคำภาวนาของท่าน
และก่อนที่ท่านจะเรียกหาเรา
เราจะกล่าวกับท่านว่า
‘นี่แน่ะ เราอยู่ที่นี่แล้ว’ (สดด. 33 [34]: 16; อสย. 65: 24; 58: 9)
ลูกรัก จะมีอะไรที่อ่อนหวานสำหรับเรามากไปกว่านี้
เสียงของพระเจ้าทรงเชื้อเชิญเรา?
ท่านเอ๋ย ในน้ำพระทัยน่ารักของพระองค์
พระเจ้าทรงแสดงให้เราเห็นหนทางแห่งชีวิต
ท่ามกลางฝูงชนร้องเสียงดัง
กล่าวซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่า
“ใครเป็นผู้ที่จะมีชีวิตและปรารถนาที่จะได้เห็นวันที่ดี” (สดด. 33 [34 ]: 13)
และหากได้ยินพระองค์แล้ว ท่านตอบว่า
“ข้าพเจ้าเป็นคนหนึ่งพระเจ้าข้า”
พระเจ้าจะตรัสกับท่านว่า
“หากท่านอยากได้ชีวิตแท้จริงและนิรันดร
จงรักษาลิ้นของท่านให้รอดจากการพูดชั่ว
และระวังปากอย่าพูดเท็จ
จงละทิ้งความชั่วและกระทำความดี
จงแสวงหาสันติสุขและเฝ้าติดตาม” (สดด. 33 [34]: 14-15)
เมื่อท่านได้กระทำสิ่งเหล่านี้แล้ว
สายพระเนตของเราจะจ้องมาที่ท่าน
พระกรรณ์ของเราจะคอยฟังท่าน
เราจะเปิดพระกรรณ์ฟังคำภาวนาของท่าน
และก่อนที่ท่านจะเรียกหาเรา
เราจะกล่าวกับท่านว่า
‘นี่แน่ะ เราอยู่ที่นี่แล้ว’ (สดด. 33 [34]: 16; อสย. 65: 24; 58: 9)
ลูกรัก จะมีอะไรที่อ่อนหวานสำหรับเรามากไปกว่านี้
เสียงของพระเจ้าทรงเชื้อเชิญเรา?
ท่านเอ๋ย ในน้ำพระทัยน่ารักของพระองค์
พระเจ้าทรงแสดงให้เราเห็นหนทางแห่งชีวิต
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)