พระเมตตาของพระเยซูเจ้า

จงบอกมนุษยชาติที่กำลังเจ็บป่วย ให้เข้ามาใกล้หัวใจอันเมตตาของเรา แล้วเราจะประทานสันติภาพให้แก่มนุษยชาติ พระเมตตาของเราไม่มีวันสิ้นสุดเลย

พระวาจาวันอาทิตย์ที่ 28 เมษายน 2024 พระเยซูเจ้าทรงเป็นเถาองุ่นแท้

           เราเป็นเถาองุ่นแท้ และพระบิดาของเราทรงเป็นชาวสวน กิ่งก้านใดในเราที่ไม่เกิดผล พระองค์จะทรงตัดทิ้งเสีย กิ่งก้านใดที่เกิดผล พระองค์จะทรงลิดเพื่อให้เกิดผลมากขึ้น ท่านทั้งหลายก็สะอาดอยู่แล้วเพราะวาจาที่เรากล่าวกับท่าน ท่านทั้งหลายจงดำรงอยู่ในเราเถิด ดังที่เราดำรงอยู่ในท่าน กิ่งองุ่นเกิดผลด้วยตนเองไม่ได้ถ้าไม่ติดอยู่กับเถาองุ่นฉันใด ท่านทั้งหลายก็จะเกิดผลไม่ได้ ถ้าไม่ดำรงอยู่ในเราฉันนั้น เราเป็นเถาองุ่น ท่านทั้งหลายเป็นกิ่งก้าน ผู้ที่ดำรงอยู่ในเรา และเราดำรงอยู่ในเขา ก็ย่อมเกิดผลมาก เพราะถ้าไม่มีเรา ท่านก็ทำอะไรไม่ได้เลย ถ้าผู้ใดไม่ดำรงอยู่ในเรา ก็จะถูกโยนทิ้งไปข้างนอกเหมือนกิ่งก้านและจะเหี่ยวแห้งไป กิ่งก้านเหล่านั้นจะถูกเก็บไปทิ้งในไฟและถูกเผา ถ้าท่านทั้งหลายดำรงอยู่ในเรา และวาจาของเราดำรงอยู่ในท่าน ท่านอยากได้สิ่งใด ก็จงขอเถิด และท่านจะได้รับ พระบิดาของเราจะทรงรับพระสิริรุ่งโรจน์เมื่อท่านเกิดผลมากและกลายเป็นศิษย์ของเรา
(ยอห์น 15:1-8)








วันอาทิตย์ที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2566

ปรีชาญาณที่แท้จริง


ขอให้เราเชื่อมั่นเถิดว่า ผู้ที่มีปัญญาอย่างแท้จริงคือผู้ที่รู้วิธีที่จะได้รับพระหรรษทานอันศักดิ์สิทธิ์และได้รับอาณาจักรแห่งสวรรค์ ขอให้เราวิงวอนพระเจ้าอย่างไม่หยุดหย่อนเพื่อให้ทรงประทานศาสตร์แห่งการเป็นนักบุญแก่เรา ซึ่งพระองค์จะทรงประทานแก่ทุกคนที่วอนขอจากพระองค์ โอ้! ช่างเป็นศาสตร์อันล้ำค่าจริงๆที่จะรู้วิธีรักพระเจ้า,และช่วยวิญญาณของเราให้รอด! 
ถ้าเรารู้ทุกสิ่ง,แต่ไม่รู้วิธีช่วยวิญญาณของเราให้รอด ความรู้ของเราก็ไร้ประโยชน์ และเราจะเป็นทุกข์ตลอดกาล แต่ในทางกลับกัน,แม้ว่าเราจะไม่รู้ทุกสิ่ง, แต่ถ้าเรารู้จักรักพระเจ้า,เรากลับจะได้รับความสุขชั่วนิรันดร “บุคคลนั้นย่อมเป็นสุข” นักบุญออกัสตินกล่าว “คือผู้ที่รู้จักพระองค์แม้ว่าเขาจะไม่รู้เรื่องอื่นก็ตาม” วันหนึ่ง บราเดอร์กิลส์(Brother Giles)พูดกับนักบุญโบนาเวนเจอร์ว่า ท่านช่างมีความสุขจริง,คุณพ่อโบนาเวนเจอร์ผู้รอบรู้มากมาย, ส่วนข้าพเจ้าเป็นเพียงคนยากจน, โง่เขลา, ไม่รู้อะไรเลย ท่านสามารถเป็นผู้ศักดิ์สิทธิ์ได้มากกว่าข้าพเจ้า “ฟังนะ” นักบุญโบนาเวนเจอร์ตอบ “ถ้าหญิงชราผู้โง่เขลารักพระเจ้ามากกว่าข้าพเจ้า เธอก็จะเป็นผู้ศักดิ์สิทธิ์มากกว่าข้าพเจ้า” เมื่อได้ยินดังนั้น,บราเดอร์กิลส์ก็อุทานขึ้นว่า: โอ หญิงชราผู้น่าสงสาร! จงฟัง ฟังข้าพเจ้า: ถ้าเธอรักพระเจ้า เธอสามารถที่จะมีความศักดิ์สิทธิ์มากกว่าคุณพ่อโบนาเวนเจอร์เสียอีก"
#Catholic 4 Life 

วันเสาร์ที่ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2566

การบังเกิดสองครั้ง


พระคริสต์ทรงบังเกิดสองครั้ง ครั้งแรกทรงบังเกิดมาในโลกที่เบทเลเฮม และครั้งที่สองทรงบังเกิดในจิตวิญญาณของเราแต่ละคน 
มนุษย์คิดถึงการบังเกิดครั้งแรกมากกว่าครั้งที่สอง และเฉลิมฉลองทุกปี แต่เบทเลเฮมแห่งจิตวิญญาณนั้นก็มีความสำคัญเท่าเทียมกันที่สมควรจะต้องระลึกถึง 
การบังเกิดครั้งที่สองนี้แหละที่นักบุญเปาโลยืนยันถึงเมื่อท่านเขียนจดหมาย,ขณะที่ถูกขัง.ไปยังคริสตชนในเอเฟซัส ท่านได้วอนขอให้พระคริสต์สถิตย์ในหัวใจของพวกเขาโดยอาศัยความเชื่อและทำให้จิตใจของพวกเขาหยั่งรากลึกในความเชื่อ. 
นี่คือเบทเลเฮมที่สอง,หรือเป็นความสัมพันธ์ส่วนตัวของแต่ละคนกับพระคริสตเจ้า” 
~Ven. Fulton J. Sheen 
 บุญราศี ฟุลตัน เจ. ชีน 

วันศุกร์ที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2566

วันพฤหัสบดีที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2566

วันมหัศจรรย์ของบิชอปชานาฮาน

บิชอปชานาฮาน(Bishop Shanahan)เป็นบิชอปคนแรกของ Vicariate แห่งไนจีเรียตอนใต้ 
เขาลาออกในปี 1931 เมื่ออายุ 59 ปี เนื่องจากสุขภาพไม่ดี เขาได้ไปที่เคนยา,ซึ่งเขาใช้ชีวิตที่เหลือ โดยบังเอิญ บิชอปชานาฮานเสียชีวิตเมื่อวันที่ 25 ธันวาคม 1943 ในประเทศเคนยา 
ขณะที่เขานอนอยู่บนเตียงในโรงพยาบาลในไนโรบี พยาบาลคนหนึ่งปลุกเขาขึ้นมา และเขาถามนางพยาบาลว่าวันนี้เป็นวันอะไร “วันคริสต์มาสค่ะ,พระคุณเจ้า” นางพยาบาลตอบ “คริสต์มาส” ชานาฮานพึมพำ “เป็นวันที่แสนวิเศษในโอนิทชา” 
นั่นเป็นคำพูดสุดท้ายของเขาก่อนที่เขาจะรับศีลมหาสนิท และทุกคนก็ออกไปทิ้งเขาไว้ขณะที่เขาสวดภาวนา 
เขาหลับตาสวดภาวนาและไม่ลืมตาอีกเลย 
เขาถูกฝังในอีกสองวันต่อมาในกรุงไนโรบี เมื่อวันที่ 27 ธันวาคม 1943 
ศพของเขาถูกนำกลับไปยังไนจีเรียในอีก 12 ปีต่อมา และฝังอีกครั้งในอาสนวิหารโฮลีทรินิตี เมืองโอนิทชา เมื่อวันที่ 23 มกราคม 1956 
หมายเหตุ: Onitsha เป็นเมืองในรัฐ Anambra ประเทศไนจีเรีย (อาสนวิหาร: มหาวิหารพระตรีเอกานุภาพสูงสุด อัครสังฆมณฑลโอนิชา) 
 Fada Angelo Chidi Unegbu 
My Love For Catholic Church 

วันพุธที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2566

วันอังคารที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2566

สาส์นแม่พระ 25 ธ.ค.2023

สาส์นแม่พระประทานแก่ มารีจา 25 ธ.ค. 2023
ลูกที่รักทั้งหลาย
          แม่กำลังอุ้มองค์พระบุตรเยซูของแม่มาหาลูกเพื่อเติมเต็มหัวใจของลูกด้วยสันติภาพ, เพราะพระองค์คือองค์สันติภาพ ลูกน้อยทั้งหลาย,จงแสวงหาพระเยซูในความเงียบแห่งหัวใจของลูกเถิด,เพื่อที่พระองค์จะได้ทรงบังเกิดใหม่ โลกต้องการพระเยซู,เพราะฉะนั้นจงแสวงหาพระองค์โดยอาศัยการสวดภาวนา,เพราะพระองค์ทรงประทานพระองค์เองทุกๆวันแก่พวกลูกแต่ละคน”     
          ขอขอบใจที่ตอบสนองเสียงเรียกของแม่           
            ในวันนี้แม่พระเสด็จมาโดยมีพระกุมารน้อยในอ้อมแขนของพระนาง พระเยซูทรงทำพระหัตถ์ในลักษณะอวยพร,ขณะที่แม่พระทรงสวดภาวนาเหนือพวกเราในภาษาอาราเมอิก

วันจันทร์ที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2566

สุขสันต์วันคริสต์มาส 2023-2024



 

เบทเลเฮม   ดินแดน   แม้นต่ำต้อย    

แต่หาใช่   เล็กน้อย    ด้อยคุณค่า

เพราะจากเจ้า   พระผู้ไถ่   จะเกิดมา

ชาวประชา   ทั่วหน้า    จะยินดี


ค่ำคืนหนึ่ง    ค่ำคืน    อันโสภา

กุมารา   บังเกิด   ประเสริฐศรี

จากพระครรภ์  ขององค์พระ   แม่มารีย์

นำความรอด   แห่งชีวี   สู่ผองชน


สรวงสวรรค์   ชั้นฟ้า    สาธุการ

พระภูบาล   ทรงฤทธิ์    พิศวง

ทรงความรัก   ยิ่งใหญ่    และมั่นคง

พระเมตตา   ดำรง    เสมอมา


สันติสุข    จงมี    ณ.แผ่นดิน

ความทุกข์ร้อน   มลายสิ้น    ทุกถิ่นหนา

ดาวสีทอง    เรืองรอง    ส่องนภา

นำวิญญา   สู่พระคริสต์    เป็นนิจเอย


ขอให้สันติสุขแห่งคริสต์มาสบังเกิดในใจของทุกท่านเทอญ 
********************** 

วันอาทิตย์ที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2566

พระนางมารีย์ทรงรับสาส์น

 


 

ในราตรี ที่มืดมน บนโลกนี้

เวลาที่     บุตรอาดัม    ร้องครวญคร่ำ

และลูกหลาน    ของเอวา   ทุกข์ระกำ

ถูกปีศาจ   ล่อลวงซ้ำ    อยู่ร่ำไป


พระเจ้าทรง   สัญญา   ว่าจะมี

ยอดสตรี   งดงาม    ความสดใส

บุตรของนาง  จะปราบ  กำหราบภัย

พระนางไซร้   จะมีชัย    ต่อมารร้าย


ธ.มั่นคง  รักษา  พระสัญญา

พระวาจา   ไม่มี    เสื่อมสลาย

ทรงเลือกสรร  อับราฮัม  ให้ยิ่งใหญ่

เปิดทางให้    พระผู้ไถ่    เสด็จมา


ครั้นเมื่อถึง    เวลา   พระกำหนด

พระทรงยศ   ส่งกาเบรียล   ลงมาหา

สตรีหนึ่ง    นามว่า   มารีอา

ที่หมู่บ้าน    นาซาเร็ธ    เขตนคร


ทูตสวรรค์ กาเบรียล มาแจ้งสาส์น

แก่พระนาง   มารีย์    ศรีสมร

เธอได้รับ   เลือกสรร    เป็นมารดร

พระภูธร   ทรงฤทธิ์    นิจนิรันดร์


มารีย์ทรง    ทราบความ   ตามประสงค์

แห่งพระองค์     ผู้ดำรง   สรวงสวรรค์

ทรงตระหนัก   สำคัญใน   ฤทัยนั้น

ธ.เชื่อฟัง   โดยพลัน    ดำรัสไป


ข้าพเจ้า     เป็นเพียง    ผู้รับใช้

ขององค์ไท้   ทรงฤทธิ์    อดิศร

โปรดทำตาม   พระประสงค์    องค์ภูธร

แก่นิกร     ผู้ต่ำต้อย    น้อยค่าเทอญ


บัดนั้น   สรวงสวรรค์    พลันยินดี

พระภูมี   ปรีด์เปรม    เกษมสันต์

อัญเชิญ   องค์พระบุตร   รุดโดยพลัน

สู่พระครรภ์    มารีย์      สดศรีเอย



********************** 

วันเสาร์ที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2566

พระสังฆราชในชุดขาว


ฉันเห็นพระสันตปาปาในบ้านหลังใหญ่กำลังคุกเข่าอยู่ข้างๆโต๊ะโดยมีมือป้องกันศีรษะไว้และกำลังร้องไห้
>>>อ่านต่อ

วันศุกร์ที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2566

ผลจากบาปของลูซีเฟอร์


“เมื่อบาปของลูซิเฟอร์ทำให้ระเบียบของสวรรค์กลายเป็นความไร้ระเบียบ ความสยดสยองครั้งใหญ่ก็เกิดขึ้นกับทูตสวรรค์ทุกองค์ ความดีงามของทูตสวรรค์ถูกทำลายลงแล้ว ความเกลียดชังก็บังเกิดขึ้น ด้วยความงุนงงสับสน,พวกเราร้องไห้เพราะความเจ็บปวดของพระเจ้าและพระพิโรธของพระองค์ พวกเราร้องไห้ให้กับสันติสุขของสวรรค์ที่เปลี่ยนแปลงไป, เรารู้สึกท้อแท้และสงสัยว่า 'ความบริสุทธิ์มากเช่นนี้ไร้ประโยชน์จริงหรือ? ใครเล่าที่จะสามารถมอบความรักแด่พระเจ้าได้ดังที่พระองค์ทรงเรียกร้องและสมควรได้รับ ถ้าแม้แต่พวกเราก็ยังทำบาปก็ตาม? เวลานั้นเองที่เราเห็นพระนางมารีย์,ทรงได้รับการเปิดเผยในพระราชดำรินิรันดร โอ้, ความงดงามของช่วงเวลานั้น,ได้ปลอบประโลมใจเหล่าทูตสวรรค์, องค์นิรันดรทรงประทานอัญมณีแห่งความรักและทรงอำนาจของพระองค์แก่พวกเรา! และเราเห็นพระนางทรงถ่อมพระองค์ยิ่งนัก,ทรงถวายสักการะโดยลำพังพระนางเองเพื่อทดแทนความหยิ่งจองหองของบรรดาสิ่งสร้างทั้งหมด เป็นเวลานานมากแล้วที่เราทำงานในความอ่อนหวานของการเปิดเผยอันเจิดจ้าแห่งช่วงเวลานั้น ตลอดชั่วนิรันดร,เราชื่นชมยินดีที่ได้ครอบครองพระนางซึ่งเราใคร่ครวญถึงในจิตวิญญาณ”
- คำบอกเล่าของอาซาริยาห์ อารักขเทวดาของมาเรีย วัลตอร์ตา 

วันพฤหัสบดีที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2566

พระเมตตาของพระเยซูเจ้า 2


จงเขียนถ้อยคำเหล่านี้ลงไป,ลูกสาวของเรา,พูดให้โลกรู้เกี่ยวกับพระเมตตาของเรา, จงบอกให้มวลมนุษยชาติรับรู้ถึงพระเมตตาอันสุดจะหยั่งถึงได้ของเรา พระเมตตาเป็นหมายสำคัญบอกถึงวาระสุดท้าย หลังจากนั้น,วันแห่งพระยุติธรรมก็จะมาถึง ขณะที่ยังมีเวลาอยู่, ให้พวกเขาหันกลับมาหาน้ำพุแห่งพระเมตตาของเรา; ให้พวกเขาได้รับประโยชน์จากพระโลหิตและน้ำที่ไหลพุ่งออกมาเพื่อพวกเขา 
โอ วิญญาณมนุษย์เอ๋ย, เจ้าจะไปซ่อนตัวอยู่ที่ไหนในวันแห่งพระพิโรธของพระเจ้า จงหลบภัยณ.บัดนี้ในน้ำพุแห่งพระเมตตาของพระเจ้าเถิด โอ้ เราเห็นวิญญาณมากมายยิ่งนัก! พวกเขานมัสการพระเมตตาของพระเจ้าและจะร้องเพลงสรรเสริญชั่วนิรันดร์ (ไดอารี่, 848) 
คำภาวนาของข้าพเจ้า: 
ข้าแต่พระเยซูเจ้า, เราขอสวดภาวนาร่วมกับนักบุญโฟสตินา อัครสาวกผู้ยิ่งใหญ่แห่งพระเมตตา: โปรดช่วยพวกเราให้หลบภัย ณ น้ำพุแห่งพระเมตตาอันศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์เถิด ขอให้เราจมอยู่ในมหาสมุทรแห่งพระเมตตาของพระองค์, เพื่อว่าแม้ในบัดนี้เราจะได้ “ร้องเพลงแห่งพระเมตตาของพระเจ้าตลอดไป” (สดุดี 89:2): 

วันพุธที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2566

พระเจ้าทรงทราบความอ่อนแอของเรา


“พระเยซูเจ้าไม่เคยร้องขอการเสียสละมากเกินกำลังของเรา บางครั้ง, เป็นความจริงที่พระผู้ช่วยให้รอดองค์นี้ทำให้เรารู้สึกถึงความขมขื่นของถ้วยกาลิกษ์ที่พระองค์ทรงประทานแก่จิตวิญญาณของเรา เมื่อพระองค์ทรงร้องขอให้เราเสียสละของทุกสิ่งอันมีค่าในโลกนี้, มันจะเป็นไปไม่ได้เลยถ้าหากปราศจากพระหรรษทานพิเศษ,ที่จะทำให้เราไม่ร้องไห้ออกมา,เหมือนเช่นพระองค์ในสวนแห่งความทุกข์โศก... เป็นการปลอบใจอย่างยิ่งที่คิดว่าพระเยซู, พระเจ้าผู้เข้มแข็ง, ทรงทราบถึงความอ่อนแอของเรา"-
- นักบุญเทเรซาแห่งลิซิเออซ์: 

วันอังคารที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2566

วิญญาณในไฟชำระช่วยเหลือเราในเวลาใกล้ตาย


พระคาร์ดินัลบาโรเนียส(Cardinal Baronius)นักประวัติศาสตร์ที่มีชื่อเสียงโดดเด่น เล่าใน Ecclesiastical Annals ว่าบุคคลหนึ่งซึ่งมีคุณธรรมที่หาได้ยากพบว่าตัวเองถูกโจมตีอย่างหนักในช่วงเวลาแห่งความตายของเขา และในความโศกเศร้าของเขา,เขาเห็นท้องฟ้าเปิดออกและนักรบราวแปดพันคนสวมชุดเกราะสีขาวได้ลงมาในทันทีเพื่อให้กำลังใจเขาโดยให้ความมั่นใจแก่เขาว่า พวกเขามาเพื่อช่วยเขาในการต่อสู้กับความสงสัย การปลอบประโลมใจอย่างเหลือล้นและด้วยน้ำตาที่หลั่งออกมา,เขาขอให้นักรบเหล่านั้นช่วยบอกให้รู้ว่าพวกเขาเป็นใครและทำไมจึงมีความผูกพันกับเขา พวกเขาตอบว่า "เราเป็นวิญญาณที่ท่านได้ช่วยไว้และท่านได้ปลดปล่อยพวกเราออกจากไฟชำระ บัดนี้,เพื่อเป็นการตอบแทนความกรุณาของท่าน, เราจึงลงมาเพื่อนำท่านสู่สวรรค์ทันที" หลังจากนั้นเขาก็เสียชีวิต

วันจันทร์ที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2566

คริสตชนทุกนิกายจะรวมกัน


11 ตุลาคม 2504: การาบังดัล
คำชี้แจงครั้งแรกของการเปิดเผยที่สำคัญของวันที่ 1 ตุลาคม 1961: 
อนาคตของ "การเป็นหนึ่งเดียวกันอย่างสมบูรณ์ของคริสตชนทุกคนนิกาย" 
การสนทนาระหว่างคุณพ่อหลุยส์(Father Luis)กับผู้เห็นแม่พระแห่งการาบังดัล ดูเหมือนว่าสำหรับเราแล้วจะเป็นไปในเชิงบวกสำหรับคริสตชนเสมอ เนื่องในวันสมโภชพระนางมารีย์พระชนนีของพระเจ้า,คุณพ่อหลุยส์และคอนชิตาพูดถึงคำทำนายพิเศษนี้ซึ่งแม่พระทรงเปิดเผยบางส่วนแล้วเมื่อวันที่ 1 ตุลาคมที่ผ่านมา: "อา คริสตจักรต่างๆจะกลับมารวมกันอีกครั้ง . . . ใช่ค่ะ,พวกเขาจะกลับมารวมกันอีกครั้ง! . . " คอนชิตารู้สึกยินดีกับการลงข่าวคำทำนายนี้ ในเดือนพฤศจิกายน 1965 เธอได้พูดมาแล้วหลายครั้งนับตั้งแต่วันที่ 11 ตุลาคม 1961 เธอได้ยืนยันความถูกต้องของการเปิดเผยอันยิ่งใหญ่นั้นต่อบรรณาธิการชาวเยอรมัน อัลเบรชท์ เวเบอร์ เธอยังชี้แจงถึงสิ่งที่พระแม่มารีย์ทรงบอกเธอเกี่ยวกับเหตุการณ์ครั้งใหญ่ของพระศาสนจักรที่จะมาถึง 
“พระนาง (แม่พระ) บอกเราอีกครั้งว่าคริสตจักรที่แตกแยกจะกลับมารวมตัวกันอีกครั้ง จะมี 'ศาสนา' เพียงหนึ่งเดียว คำแปลที่ดีกว่า: "คริสตจักรคริสเตียนจะเป็นหนึ่งเดียวในพระศาสนจักรคาทอลิก" เมื่อพิจารณาถึงการเปิดเผยเชิงพยากรณ์ดังกล่าว ความหมายและขอบเขตของ "พระศาสนจักรหนึ่งเดียว สากล(คาทอลิก),สืบเนื่องมาจากอัครสาวก, และพระศาสนจักรแห่งโรมัน" ที่บรรดาผู้เห็นแม่พระแห่งการาบังดัลประกาศด้วยความปีติยินดีเป็นครั้งแรกในวันที่ 1 สิงหาคม 1961 ในขณะที่พวกเขาอยู่ในญาณนิมิตและกำลังสวดบทข้าพเจ้าเชื่อในพระเจ้า 
นำมาจากหนังสือ 'Garabandal', J. Serre, หน้า 107

วันอาทิตย์ที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2566

หอบาเบลแห่งยุคปัจจุบัน


เราเข้าสู่การต่อสู้ขั้นเด็ดขาดกับมังกรแดงแห่งพระวิวรณ์เพื่อพิชิตความคิดสัมพัทธภาพและความจริงเชิงอัตวิสัยด้วยพระหรรษทานของพระเจ้า
>>>อ่านต่อ

วันเสาร์ที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2566

วันศุกร์ที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2566

พระเมตตาของพระเยซูเจ้า


พระเยซูตรัสกับวิญญาณที่สิ้นหวัง 
พระเยซู: โอ วิญญาณที่จมอยู่ในความมืด … . จงมาและวางใจในพระเจ้าของเจ้า,ผู้ทรงเป็นความรักและพระเมตตาเถิด 
- แต่วิญญาณ,ที่หูหนวกแม้แต่คำวิงวอนนี้, เขากลับห่อหุ้มตัวเองอยู่ในความมืด 
พระเยซูทรงร้องอีกครั้งว่า ลูกเอ๋ย,จงฟังเสียงของพระบิดาผู้เปี่ยมด้วยพระเมตตาเถิด 
— แต่วิญญาณตอบด้วยคำนี้: “สำหรับข้าพเจ้าไม่มีความเมตตา” ทำให้วิญญาณตกอยู่ในความมืดที่ยิ่งใหญ่กว่า … . 
พระเยซูทรงเรียกวิญญาณนี้เป็นครั้งที่สาม,แต่วิญญาณยังคงหูหนวก, ตาบอด, ใจแข็งกระด้างและสิ้นหวัง จากนั้นพระเมตตาของพระเจ้าก็เริ่มแสดงออก, และ,โดยปราศจากความร่วมมือใดๆจากวิญญาณ,พระเจ้าก็ประทานพระหรรษทานสุดท้ายแก่วิญญาณ … วิญญาณรู้ดีว่าสิ่งนี้สำหรับเธอคือพระหรรษทานสุดท้าย,และหากแสดงความปรารถนาดีเพียงเล็กน้อย,พระเมตตาของพระเจ้าก็จะบรรลุผลในส่วนที่เหลือ 
พระเมตตาที่ทรงฤทธานุภาพทุกประการของเราซึ่งสัมฤทธิ์ผล,อยู่ที่นี่แล้ว,วิญญาณที่ใช้ประโยชน์จากพระหรรษทานนี้ก็เป็นสุข (ไดอารี่, 1486) 

วันพฤหัสบดีที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2566

วันพุธที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2566

มอบของขวัญอะไรให้พระกุมารเยซูดี


นักบุญเจอโรม (347-420) เป็นพระสงฆฆ์ชาวดัลเมเชียน,ท่านเป็นนักวิชาการผู้ยิ่งใหญ่และเป็นนักปราชญ์ของพระศาสนจักร ท่านเป็นผู้แปลพระคัมภีร์จากภาษากรีกเป็นภาษาละตินคนแรก 
นักบุญเจอโรม พักอาศัยอยู่ในถ้ำแห่งหนึ่งในเมืองเบธเลเฮมใกล้กับสถานที่ประสูติของพระเยซู ครั้งหนึ่ง,ในคืนวันคริสต์มาส,ท่านกำลังนั่งพิจารณาไตร่ตรองเกี่ยวกับการประสูติของพระเยซู และคิดว่าเขาจะมอบของขวัญอะไรให้กับพระเยซูได้ ทันใดนั้นเขาก็มีนิมิต 
พระเยซูกุมารทรงปรากฏต่อหน้าเขา,ท่ามกลางแสงที่เจิดจ้าและสุกใสและถามเขาว่า “เจอโรม ท่านจะมอบอะไรเป็นของขวัญวันเกิดแก่เรา? "
นักบุญเจอโรมตอบในญาณนิมิตนั้น “โอ พระกุมารแห่งสวรรค์, ข้าพเจ้าขอมอบหัวใจของข้าพเจ้าให้กับพระองค์” “ใช่ แต่มอบสิ่งอื่นอีกสิ” พระเยซูกุมารทรงร้องขอ “ข้าพเจ้าขอมอบคำภาวนาและความรักแห่งหัวใจของข้าพเจ้าทั้งหมดแก่พระองค์” นักบุญตอบ 
พระกุมารศักดิ์สิทธิ์ทรงร้องขอมากขึ้นและมากขึ้น 
ในที่สุด นักบุญเจอโรมกล่าวว่า “ข้าพเจ้าจะมอบทุกสิ่งที่ข้าพเจ้ามีและทุกสิ่งที่ข้าพเจ้าเป็น” 
ถึงกระนั้น, พระเยซูกุมารก็ยังทรงต้องการมากกว่านี้ ตอนนี้นักบุญเจอโรมไม่มีคำตอบ เขาจึงถามว่า “ข้าแต่พระกุมารผู้ศักดิ์สิทธิ์ ข้าพเจ้าไม่มีอะไรอีกแล้ว ข้าพเจ้าจะมอบอะไรแด่พระองค์ได้อีกหรือ” 
พระเยซูกุมารทรงตอบด้วยรอยยิ้มบนพระพักตร์ของพระองค์ว่า “เจอโรม, จงมอบบาปของท่านแก่เรา” 
นักบุญเจอโรมค่อนข้างงุนงงจึงถามว่า “พระเจ้าข้า พระองค์จะทรงทำอะไรกับบาปของข้าพเจ้า?” 
“จงมอบบาปของท่านแก่เรา เพื่อเราจะได้อภัยบาปทั้งหมดของท่าน” พระกุมารตรัสตอบ เมื่อได้ยินดังนี้ นักบุญเจอโรมก็ร้องไห้ด้วยความยินดีและความรักต่อพระเยซูผู้เปี่ยมด้วยความรัก 

วันอังคารที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2566

สาส์นจากแม่พระแห่งกัวดาลูเป

               สาส์นที่สนับสนุนชีวิต(Pro-Life)สำหรับปัจจุบันนี้จากแม่พระแห่งกัวดาลูเป 
ภาพแม่พระแห่งกัวดาลูเปที่มีชื่อเสียงระดับโลกเกิดขึ้นอย่างน่าอัศจรรย์บนผืนผ้าที่ทอด้วยเส้นใยจากต้นกระบองเพชรหรือเสื้อคลุม "agave" (tilma ทิลมา) ของชาวนาชาวเม็กซิกันในปี 1531 และทำให้เกิดการกลับใจของชาวอินเดียนแดงสิบสองล้านคน ปัจจุบันได้รับการเคารพเทิดทูนว่าเป็นสัญลักษณ์ของ "การสนับสนุนชีวิต"(pro-life) ในทวีปอเมริกา 
เมื่อวันที่ 24 เมษายน 2007 ซึ่งเป็นวันเดียวกันกับที่รัฐสภาออกกฏหมายให้การทำแท้งเป็นสิ่งถูกกฎหมายในเม็กซิโก, หลังจากที่พิธีมิสซาสำหรับทารกในครรภ์ที่ไม่ได้ถือกำเนิดในมหาวิหารซึ่งมีพระรูปแม่พระแห่งกัวดาลูเปอัศจรรย์ประดิษฐานอยู่ ทันใดนั้น,แสงที่เจิดจ้ามากก็ปรากฏขึ้นบนทิลมา, ในตำแหน่งระดับพระครรภ์ แสงปรากฏเป็นรัศมีแวววาว เป็นรูปคล้ายทารกวัยเริ่มแรกในครรภ์มารดา ผู้เชี่ยวชาญให้การเป็นพยานว่านี่ไม่ใช่ภาพสะท้อนหรือสิ่งที่ทำเพิ่มเติมเข้ามา แต่มาจากทิลมาและอยู่ในตำแหน่งที่แน่นอนของมดลูกของผู้หญิง พยานสามารถถ่ายรูปและบันทึกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้หนึ่งชั่วโมงเต็ม 
คุณพ่อหลุยส์ มาตอส Father Luis Matos) แห่งชุมชน the Beatitudes Community เขียนว่า: 
“วิศวกร หลุยส์ จิโรลต์ (Luis Girault)ผู้ศึกษาภาพหนึ่งของรูปถ่ายที่มีแสงนี้,ได้ยืนยันความน่าเชื่อถือของแสง และสามารถระบุได้ว่าแสงนั้นไม่ได้ถูกการแก้ไขหรือเปลี่ยนแปลงด้วยการซ้อนทับของภาพอื่น เขาได้ค้นพบว่าภาพนั้นไม่ได้เกิดจากการสะท้อนกลับแต่แท้จริงแล้วมาจากด้านในของพระรูปแม่พระนั่นเอง แสงที่ได้จะขาวมาก,บริสุทธิ์และเข้มข้น ต่างจากแสงที่ส่องมาจากแฟลชของกล้องถ่ายภาพ แสงมีรัศมีล้อมรอบคล้ายลอยอยู่ในท้องของแม่พระ รัศมีนี้มีรูปร่างและสัดส่วนเหมือนทารกวัยอ่อน ถ้าจะพิจารณาภาพนี้ให้ละเอียดยิ่งขึ้นโดยหมุนเป็นระนาบซากิทัล(sagittal plane) ก็จะสามารถแยกแยะภายใน halo ภายในบริเวณรัศมีได้ โดยมีลักษณะเป็นตัวอ่อนมนุษย์(human embryo)ในครรภ์มารดา”