พระเมตตาของพระเยซูเจ้า

จงบอกมนุษยชาติที่กำลังเจ็บป่วย ให้เข้ามาใกล้หัวใจอันเมตตาของเรา แล้วเราจะประทานสันติภาพให้แก่มนุษยชาติ พระเมตตาของเราไม่มีวันสิ้นสุดเลย

พระวาจาวันอาทิตย์ที่ 13 ตุลาคม 2024 พระเยซูเจ้ากับเศรษฐีหนุ่ม

           ขณะที่พระองค์กำลังทรงพระดำเนินอยู่ระหว่างทาง ชายคนหนึ่งรีบเข้ามาคุกเข่าลง ทูลถามว่า “พระอาจารย์ผู้ทรงความดี ข้าพเจ้าต้องทำอะไรเพื่อจะได้ชีวิตนิรันดร” พระเยซูเจ้าตรัสกับเขาว่า “ทำไมเรียกเราว่าผู้ทรงความดี ไม่มีใครทรงความดีนอกจากพระเจ้าเท่านั้น ท่านรู้จักบทบัญญัติแล้ว คือ อย่าฆ่าคน อย่าล่วงประเวณี อย่าลักขโมย อย่าเป็นพยานเท็จ อย่าฉ้อโกง จงนับถือบิดามารดา” ชายผู้นั้นทูลว่า “พระอาจารย์ ข้าพเจ้าได้ปฏิบัติตามบทบัญญัติเหล่านี้ทุกข้อมาตั้งแต่เป็นเด็กแล้ว” พระเยซูเจ้าทอดพระเนตรเขาด้วยพระทัยเอ็นดู ตรัสกับเขาว่า “ท่านยังขาดสิ่งหนึ่ง จงไปขายทุกสิ่งที่มี มอบเงินให้คนยากจน และท่านจะมีขุมทรัพย์ในสวรรค์ แล้วจงติดตามเรามาเถิด” เมื่อได้ฟังพระวาจานี้ ชายผู้นั้นหน้าสลดลงเพราะเขามีทรัพย์สมบัติมากมาย จึงจากไปด้วยความทุกข์
           พระเยซูเจ้าทอดพระเนตรโดยรอบ แล้วตรัสกับบรรดาศิษย์ว่า “ยากจริงหนอที่คนมั่งมีจะเข้าสู่พระอาณาจักรของพระเจ้า” บรรดาศิษย์แปลกใจกับพระวาจานี้ พระเยซูเจ้าจึงตรัสอีกว่า “ลูกเอ๋ย ยากจริงหนอที่จะเข้าสู่พระอาณาจักรของพระเจ้า อูฐจะลอดรูเข็มยังง่ายกว่าคนมั่งมีเข้าสู่พระอาณาจักรของพระเจ้า” บรรดาศิษย์ยิ่งประหลาดใจมากขึ้น พูดกันว่า “ดังนี้ ใครเล่าจะรอดพ้นได้” พระเยซูเจ้าทอดพระเนตรบรรดาศิษย์แล้วตรัสว่า “สำหรับมนุษย์เป็นไปไม่ได้ แต่สำหรับพระเจ้าเป็นเช่นนั้นได้ เพราะพระองค์ทรงทำได้ทุกสิ่ง”
           เปโตรทูลพระเยซูเจ้าว่า “ข้าพเจ้าทั้งหลายได้สละทุกสิ่งและติดตามพระองค์แล้ว” พระเยซูเจ้าตรัสว่า “เราบอกความจริงกับท่านว่า ไม่มีใครที่ละทิ้งบ้านเรือน พี่น้องชายหญิง บิดามารดา บุตรหรือไร่นาเพราะเห็นแก่เรา และเพราะเห็นแก่ข่าวดี จะไม่ได้รับการตอบแทนร้อยเท่าในโลกนี้ เขาจะได้บ้านเรือน พี่น้องชายหญิง มารดา บุตร ไร่นา พร้อมกับการเบียดเบียนและในโลกหน้าจะได้ชีวิตนิรันดร
(มาระโก 10:17-30)








วันจันทร์ที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2567

ปีศาจกลัวศีลมหาสนิท


ในวีดีโอนี้ ปีศาจที่สิงอยู่ในผู้ชายเสื้อเขียว,เมื่อเข้าใกล้ศีลมหาสนิทก็ล้มลงและชักดิ้นพร้อมทั้งส่งเสียงหอน

เราเคยอ่านในพระวรสารว่า เมื่อพระเยซูเทศน์สอนในศาลาธรรมที่คาเปอร์นาอุม ชายคนหนึ่งถูกปีศาจเข้าสิง เขาร้องตะโกนว่า ท่านมายุ่งกับเราทำไม เยซู ชาวนาซาเร็ธ... พระเยซูทรงดุปีศาจและตรัสสั่งให้ปีศาจออกจากชายผู้นั้น ปีศาจเมื่อทำให้ชายผู้นั้นล้มลงชักและร้องเสียงดังแล้ว มันก็ออกไปจากเขา(มาระโก 1:21)

เหตุการณ์ในวีดีโอนี้ดูเหมือนจะตรงกับเรื่องราวในพระวรสาร

เรื่องนี้เตือนเราว่า พระเยซูทรงอยู่ในศีลมหาสนิทอย่างแท้จริง ผู้ที่จะเข้าไปรับศีลมหาสนิทจึงต้องมีความเคารพ และเขาต้องอยู่ในพระหรรษทานของพระเจ้า ไม่มีบาปหนัก มิฉะนั้นการรับศีลของเขาก็จะไม่เกิดประโยชน์ พระเยซูจะไม่ประทับอยู่กับเขาอย่างแน่นอน ซ้ำยังจะเป็นการซ้ำเติมโทษทัณท์ของเขาเพิ่มอีกด้วย

วันอาทิตย์ที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2567

วันเสาร์ที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2567

วันศุกร์ที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2567

พระธรรมชาติของพระเยซูเจ้า


ทำไมพระเยซูจึงตรัสว่าพระบิดาของเราทรงยิ่งใหญ่กว่าพระองค์ ในพระคัมภีร์ ยอห์น 14:28 พระเยซูตรัสว่า “ท่านได้ยินที่เราบอกกับท่านแล้วว่า เรากำลังจะไป และเราจะกลับมาหาท่านทั้งหลาย ถ้าท่านรักเรา ท่านคงยินดีที่เรากำลังไปเฝ้าพระบิดา เพราะพระบิดาทรงยิ่งใหญ่กว่าเรา”

บางคนแปลข้อความนี้ว่า พระเยซูไม่ใช่พระเจ้า เพราะพระองค์ไม่เทียบเท่าพระบิดาผู้ทรงยิ่งใหญ่ที่สุด อย่างไรก็ตาม การแปลเช่นนี้ขัดแย้งกับความจริงทางเทววิทยาเกี่ยวกับพระธรรมชาติสองอย่างของพระเยซูเจ้า พระเยซูทรงเป็นทั้งพระเจ้าและมนุษย์อย่างสมบูรณ์ในเวลาเดียวกัน เมื่อพระองค์ตรัสว่า พระบิดาทรงยิ่งใหญ่กว่าเรา นั้น พระองค์ตรัสจากพระธรรมชาติมนุษย์ของพระองค์ ไม่ใช่ธรรมชาติพระเจ้า  ในฐานะมนุษย์,พระเยซูทรงมีประสบการณ์ ความหิวโหย,ความกระหายและความโศกเศร้า,ซึ่งพระธรรมชาติพระเจ้าไม่มีประสบการณ์เช่นนี้ ตัวอย่างเช่น พระเยซูทรงร้องไห้ขณะทอดพระเนตรกรุงเยรูซาเล็ม และทรงหิวโหยเมื่อทรงอดอาหารในถิ่นทุรกันดารเป็นเวลาสี่สิบวัน สิ่งเหล่านี้เป็นประสบการณ์ในธรรมชาติมนุษย์ของพระองค์ แต่ในธรรมชาติพระเจ้า,พระเยซูทรงแสดงอัศจรรย์ ทำให้คนตายกลับฟื้นคืนชีพ,ขับไล่ปีศาจออกจากคนที่มันสิง พระธรรมชาติพระเจ้าของพระเยซูเจ้าทรงเทียบเท่ากับพระบิดา แต่ในธรรมชาติมนุษย์,พระเยซูทรงรับรู้ถึงบทบาทอันยิ่งใหญ่ของพระบิดา คริสตศาสนาสอนว่า พระเจ้าได้ลงมาบังเกิดเป็นมนุษย์ในองค์พระเยซูเจ้า ใม่ใช่มนุษย์กลายเป็นพระเจ้า   เพราะฉะนั้นเมื่อพระเยซูตรัสว่า พระบิดาทรงยิ่งใหญ่กว่าเรา พระองค์จึงระบุถึงธรรมชาติมนุษย์อันเนื่องมาจากการเสด็จมาบังเกิดเป็นมนุษย์ของพระองค์และไม่ได้ทรงปฏิเสธความเป็นพระเจ้าของพระองค์   พระองค์ตรัสเพื่อแสดงว่าทรงรับรู้ถึงขีดจำกัดในธรรมชาติความเป็นมนุษย์ของพระองค์เมื่อเปรียบเทียบกับธรรมชาติพระเจ้าของพระองค์  

วันพฤหัสบดีที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2567

สาส์นแม่พระ 25 ก.ย. 2024

สาส์นแม่พระประทานแก่ มารีจา 25 ก.ย. 2024
ลูกที่รักทั้งหลาย
         ด้วยความรักต่อลูกทั้งหลาย,พระเจ้าจึงทรงส่งแม่มาอยู่ท่ามกลางลูก,เพื่อรักลูกและกระตุ้นจิตใจของลูกให้กลับใจและสวดภาวนาเพื่อสันติภาพในตัวลูกเอง,ในครอบครัวของลูกและในโลก  
          ลูกน้อยทั้งหลาย,อย่าลืมว่าสันติภาพที่แท้จริงมาจากการสวดภาวนาต่อพระเจ้าเท่านั้น พระผู้ทรงเป็นสันติภาพของลูก  
          ขอขอบใจที่ตอบสนองเสียงเรียกของแม่           
            ***************
ประกาศจากสมณกระทรวงแห่งความเชื่อ โดยได้รับความยินยอมจากพระสันตะปาปาฟรังซิส อนุมัติให้แสดงความศรัทธาที่เชื่อมโยงกับเมดจูกอเรจ์ได้ โดยยอมรับผลลัพท์ทางจิตวิญญาณอันอุดมสมบูรณ์ที่ได้รับจากศาสนสถานราชินีแห่งสันติภาพ โดยไม่ต้องประกาศเกี่ยวกับสิ่งเหนือธรรมชาติที่มีการอ้างถึง 
            ***************
ประกาศเพิ่มเติม - วาสุลา ไรเดน ได้เสียชีวิตแล้วเมื่อวันที่ 25 กันยายน 2024 เวลา 2.30 น. 
วาสุลา ไรเดน ผู้ที่ได้รับสาส์นจากพระเยซูเจ้าและพระแม่มารีย์ เธอได้เขียนสาส์นเหล่านั้นในหนังสือชื่อ “ชีวิตแท้ในพระเจ้า”(True Life in God) 

วันพุธที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2567

ซีโมน เฮเรติกคนแรก


โดยนักบุญอัลฟอนโซ เดอ ลิโกวรี

ซีโมน มากัส เฮเรติกคนแรกที่ก่อกวนพระศาสนจักร เขาเกิดในเขตสะมาเรียที่เรียกว่ากีธอนหรือกิตธิส(Githon or Gitthis) เขาถูกเรียกว่ามากัส(Magus) หรือผู้ทำเวทมนตร์ เพราะเขาใช้เวทมนตร์คาถาเพื่อหลอกลวงประชาชน และด้วยเหตุนี้ เขาจึงได้รับฉายาพิเศษในหมู่ชาวเมืองว่า “อานุภาพยิ่งใหญ่ของพระเจ้า” (กิจการ 8:10) “ชายผู้นี้คือพระอานุภาพของพระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่” เมื่อเขาเห็นว่าบุคคลที่อัครสาวกเปโตรและยอห์นวางมือบนศีรษะ,บุคคลนั้นก็ได้รับพระจิต ซีโมนจึงเสนอเงินให้อัครสาวกเพื่อทำให้เขามีอำนาจในการถ่ายทอดพระจิตในลักษณะเดียวกัน และด้วยเหตุนี้ ความผิดอันน่ารังเกียจของการขายสิ่งศักดิ์สิทธิ์จึงถูกเรียกว่า ซีโมนี(Simony) เขาเดินทางไปโรมและมีการสร้างรูปปั้นให้เขาในเมืองนั้น ซึ่งนักบุญจัสตินได้พูดต่อหน้าชาวโรมันเกี่ยวกับซีโมน(ในการพูดในที่สาธารณะครั้งแรกของท่า) โดยนักบุญกล่าวว่า “ในเมืองหลวงของพวกท่าน เขา (ซีโมน) ได้รับการยกย่องว่าเป็นพระเจ้า และมีการสร้างรูปปั้นให้เขาบนเกาะไทเบอร์ ระหว่างสะพานทั้งสองแห่ง โดยมีจารึกภาษาละตินว่า “SIMONI, DEO SANCTO” (ซีโมน พระเจ้าผู้ศักดิ์สิทธิ์) ซีโมนได้พูดผิดพลาดไว้หลายประการ ซึ่งโนเอล อเล็กซานเดอร์(Noel Alexander)ได้กล่าวถึงและหักล้างไว้ ข้อผิดพลาดหลักๆ คือ เขาบอกว่าโลกถูกสร้างขึ้นโดยเหล่าทูตสวรรค์ เมื่อวิญญาณออกจากร่างกาย มันจะเข้าไปในร่างกายอื่น ซึ่งหากเป็นความจริง นักบุญอิเรเนียสกล่าวว่า วิญาณจะระลึกถึงทุกสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่ออยู่ในร่างกายเดิม เพราะความทรงจำซึ่งเป็นคุณสมบัติของวิญญาณนั้นไม่สามารถแยกออกจากวิญญาณได้ ข้อผิดพลาดอีกประการหนึ่งของซีโมนคือข้อผิดพลาดที่ถูกเปิดเผยโดยเฮเรติกในสมัยของเราเอง นั่นคือ มนุษย์ไม่มีจิตอิสระหรือเจตจำนงเสรี และ ดังนั้นการทำความดีจึงไม่มีความจำเป็นต่อความรอด บารอนเนียสและเฟลอรี(Baronius and Fleury)เล่าว่าด้วยพลังของมนตร์สะกด เขาได้ทำให้ปีศาจยกเขาขึ้นไปในอากาศในวันหนึ่ง แต่เมื่อนักบุญเปโตรและนักบุญเปาโลซึ่งอยู่ที่นั่นด้วยและได้เรียกขานพระนามพระเยซูคริสต์ เขาก็ตกลงมาและขาหักทั้งสองข้าง เพื่อนๆของเขาพาเขาไป แต่ความทุกข์ทางร่างกายและจิตใจของเขาทำให้เขาต้องตกที่นั่งลำบากอย่างมาก จนเขาต้องกระโดดลงมาจากหน้าต่างที่สูงด้วยความสิ้นหวัง และด้วยเหตุนี้ เฮเรติกคนแรกที่ก่อกวนพระศาสนจักรแห่งพระคริสต์จึงเสียชีวิต 

วันอังคารที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2567

ปีศาจกลัวแม่พระมาก



โทมัส เอ. เคมปิส(Thomas a Kempis) ผู้ประพันธ์หนังสือจำลองแบบพระคริสต์,ยืนยันว่า “ปิศาจเกรงกลัวราชินีแห่งสวรรค์ถึงขนาดที่เมื่อได้ยินพระนามอันยิ่งใหญ่ของพระนาง พวกมันจะบินหนีจากผู้ที่เรียกพระนามนั้นราวกับว่ากำลังหนีจากไฟที่กำลังลุกไหม้” พระแม่มารีย์ทรงเปิดเผยแก่นักบุญบริจิตเองว่า “ไม่มีคนบาปคนใดบนโลกนี้ ถึงแม้ว่าเขาจะปราศจากความรักของพระเจ้าก็ตาม ปิศาจจะบินหนีจากเขาทันที หากเขาเรียกพระนามศักดิ์สิทธิ์ของพระนางด้วยความมุ่งมั่นที่จะกลับใจ” ในอีกโอกาสหนึ่ง พระนางทรงกล่าวซ้ำเรื่องเดียวกันนี้กับนักบุญโดยกล่าวว่า “ปิศาจทุกตัวเคารพและเกรงกลัวพระนามของพระนางถึงขนาดที่เมื่อได้ยินพระนามนั้น พวกมันจะคลายกรงเล็บที่มันจับวิญญาณไว้ทันที” พระแม่มารีย์ทรงบอกกับนักบุญบริจิตว่า “ในลักษณะเดียวกับที่ทูตสวรรค์ผู้กบฏบินหนีจากคนบาปที่เรียกพระนามของพระนางมารีย์ ทูตสวรรค์ที่ดีก็เข้าใกล้วิญญาณที่ชอบธรรมที่เรียกพระนามของพระนางด้วยความศรัทธาเช่นกัน”  
 ----------------

โอ้ พระแม่มารีย์ผู้ทรงได้รับพระพร ผู้ทรงเป็นคนกลางประทานพระหรรษทาน โปรดวิงวอนพระบุตรศักดิ์สิทธิ์ของพระนางให้ทรงช่วยเหลือวิญญาณในไฟชำระ โดยเฉพาะวิญญาณที่กำลังทำการชดใช้บาปอย่างรุนแรงจากการไม่ให้เกียรติและแสดงความดูถูกพระนางตลอดชีวิตของพวกเขา ขอให้พระโลหิตอันล้ำค่าของพระเยซูทรงชำระล้างมลทินฝ่ายวิญญาณของพวกเขา โปรดทรงปลดปล่อยพวกเขาจากพระพิโรธอันชอบธรรมของพระองค์ และทรงประทานความสงบสุขแก่พวกเขาในที่ซึ่งแสงสว่างจากพระพักตร์ของพระองค์ส่องสว่าง อาแมน † 

ขอสรุปด้วยบทภาวนาอันอ่อนโยนของนักบุญบอนาเวนเจอร์: 

“โอ พระแม่มารีย์ ลูกวิงวอนพระแม่ เพื่อพระเกียรติแห่งพระนามของพระแม่ โปรดเสด็จมายังลูกด้วยในเวลาที่กำลังจะจากโลกนี้ไป และโปรดรับวิญญาณนั้นไว้ในอ้อมแขนของพระนางเทอญ” อาแมน †

วันจันทร์ที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2567

คำพูดของนักบุญ


“จงอย่าท้อแท้หรือท้อถอยหากการกระทำของลูกไม่ประสบผลสำเร็จดังที่ตั้งใจไว้ ลูกคาดหวังอะไร? เราถูกปั้นขึ้นมาจากดินเหนียวและไม่ใช่ว่าดินทุกชนิดจะให้ผลตามที่ช่างปั้นคาดหวังไว้ แต่ให้เรามีใจถ่อมตนและรับรู้ว่าเราไม่มีค่าอะไรเลยหากเราขาดความช่วยเหลือจากพระเจ้า"

-คุณพ่อปิโอ

วันเสาร์ที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2567

ฤทธิ์อำนาจแห่งสายประคำ


ผมจึงไม่ลืมที่จะพกสายประคำติดตัวไว้เสมอและสวดทุกวัน แม้ว่าผมจะไม่ใช่คาทอลิกก็ตาม
>>>อ่านต่อ

วันศุกร์ที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2567

ความช่วยเหลือจากนักบุญอัครเทวดามีคาแอล


นักบุญอัครเทวดามีคาแอลประจักษ์แก่นักบุญยูด็อกซี(EUDOXY)

ความเมตตาอันยิ่งใหญ่ของนักบุญอัครเทวดามีคาแอลแสดงออกมาในกรณีของคนบาปและการสำนึกผิดของบุคคลผู้นี้ และในที่สุด,ท่านได้เป็นมรณะสักขีของพระคริสต์ ท่านคือนักบุญยูด็อกซี ผู้มีชีวิตอยู่ในสมัยการปกครองของจักรพรรดิทราจัน(Trajan) ในช่วงต้นศตวรรษที่ 2

ยูด็อกซี่มีพื้นเพมาจากสะมาเรีย (ในปาเลสไตน์) เธอเคยใช้ชีวิตอย่างอิสระในการเสพสุราเมามาย

พระสงฆ์นักพรต,นักบุญเจอร์เมน(Saint Germain)ได้ทำให้เธอกลับใจ หลังจากกลับใจแล้ว,เธอได้แจกจ่ายทรัพย์สมบัติมหาศาลของเธอให้กับคนยากจน ทรัพย์สมบัติซึ่งได้มาจากการค้าขายที่น่าละอาย เธอให้อิสรภาพแก่ทาสของเธอ และใช้เวลาเจ็ดวันตามลำพังในการสวดภาวนาและอดอาหารก่อนที่จะรับศีลล้างบาป

พระสงฆ์นักพรตผู้ศักดิ์สิทธิ์ได้ให้คำแนะนำแก่ยูด็อกซีและสวดภาวนาให้กับเธอ และท่านยืนยันกับเธอว่าการกลับใจของเธอนั้นอยู่ในความช่วยเหลือของนักบุญอัครเทวดามีคาแอล

เธอเล่าให้พระสงฆ์ฟังว่า “คุณพ่อคะ,ขอบคุณพระเจ้า,สำหรับพระหรรษทานที่พระองค์ทรงประทานให้แก่ลูก ถึงแม้ว่าลูกจะไม่สมควรก็ตาม ลูกใช้เวลา 6 วันร้องไห้เพราะบาปของลูกและปฏิบัติตามคำแนะนำศักดิ์สิทธิ์ที่คุณพ่อกำหนดไว้

ในวันที่เจ็ด, ขณะที่ลูกก้มหน้าลง, ลูกเห็นตนเองรายล้อมไปด้วยแสงอันเจิดจ้า

ลูกเห็นชายหนุ่มคนหนึ่ง สวมอาภรณ์สีขาว, สุภาพเรียบร้อย, จูงมือลูกขึ้นไปสู่สวรรค์ ลูกเห็นคนจำนวนมากแต่งตัวเช่นเดียวกับชายหนุ่มคนนั้น, พวกเขามีความสุขที่ได้พบลูก และเมื่อรู้ว่าวันหนึ่งลูกจะ มีศักดิ์ศรีเช่นเดียวกับพวกเขา

ขณะที่ลูกเห็นนิมิตนี้ ลูกเห็นสัตว์ประหลาดที่น่ากลัวตัวหนึ่งกำลังต่อสู้กับพระเจ้า,มันส่งเสียงหอนน่าสะพรึงกลัว เพราะมันแย่งชิงเหยื่อไปจากพระองค์ ซึ่งเป็นของมันตามชื่อเรียกหลายอย่าง แต่เสียงที่มาจากสวรรค์เริ่มบอกว่า ความดีอันไม่มีสิ้นสุดเป็นของพระองค์ผู้ทรงมีพระเมตตาต่อคนบาปที่สำนึกผิด

เสียงเดียวกันนี้สัญญากับลูกว่าจะให้การคุ้มครองลูกเป็นพิเศษตลอดชีวิตของลูก และลูกได้ยินว่าท่านคือนักบุญอัครเทวดามีคาแอล”

ยูด็อกซี,หญิงชาวสะมาเรียผู้สำนึกผิดคนนี้ได้รับการปกป้องอย่างดีจากนักบุญอัครเทวดามีคาแอล, หลังจากชีวิตแห่งการทำพลีกรรม, ด้วยอัศจรรย์และการกลับใจ, เธอได้รับชัยชนะอันยิ่งใหญ่แห่งการเป็นมรณะสักขี, โดยอาศัยความเชื่อในคริสตศาสนาของเธอ เธอเสียชีวิตเป็นมรณะสักขีในวันที่1 มีนาคม ในปี 114


วันพฤหัสบดีที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2567

จิตใจที่สงบ 2



จงรักษาจิตใจให้สงบ อย่าให้สิ่งใดมารบกวนจิตใจของคุณ แม้แต่ความผิดหรือข้อบกพร่องของคุณ คุณต้องถ่อมตนและแก้ไขความผิดอย่างสงบ, โดยไม่ท้อถอยหรือท้อแท้ เพราะพระเจ้าทรงประทับในจิตใจที่สงบ

— นักบุญมากาเร็ต มารีย์ อาลาก๊อก,อัตชีวิตและข้อเขียน 
      

วันพุธที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2567

กับดักของซาตาน



มีกับดักของซาตานสามอย่างที่ขโมยความสุขและสันติในจิตใจของเราไป

1. ความเสียใจเกี่ยวกับอดีต

2. ความกลัวต่ออนาคต

3. ความเนรคุณต่อปัจจุบัน(ไม่ใช่เวลาปัจจุบันอย่างดี)

- เซนต์ แอนโทนี่แห่งทะเลทราย

พระเจ้าข้า  โปรดอภัยบาปในอดีตของข้าพเจ้าด้วยเถิด โปรดช่วยข้าพเจ้าให้ใช้เวลาในปัจจุบันอย่างดีตามพระประสงค์ของพระองค์  และในอนาคต,เมื่อถึงเวลาแห่งความตาย,โปรดนำข้าพเจ้าไปสู่สวรรค์ด้วยเทอญ  อาแมน
 

วันอังคารที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2567

สถานที่ 3 แห่ง



เพื่อทำความเข้าใจว่าชีวิตคืออะไร คุณต้องไปสถานที่สามแห่ง

1. โรงพยาบาล

2.เรือนจำและ

3. สุสาน

ที่โรงพยาบาล คุณจะเข้าใจว่าไม่มีอะไรสวยงามไปกว่าสุขภาพ

ในเรือนจำ คุณจะเห็นว่าอิสรภาพเป็นสิ่งที่มีค่าที่สุด

ที่สุสาน คุณจะรู้ว่าชีวิตไม่มีค่าอะไรเลย พื้นดินที่เราเดินในวันนี้จะเป็นหลังคาของเราในวันพรุ่งนี้

เหตุฉะนั้นให้เราถ่อมตน,ยำเกรงพระเจ้าและเคารพซึ่งกันและกัน

วันจันทร์ที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2567

จิตใจที่สงบ


“พระเจ้าทรงสำแดงพระองค์แก่ผู้ที่ก้าวเข้าไปอยู่ในความสงบและความถ่อมตนในหัวใจของเขา หากท่านมองลงไปในน้ำที่มืดมนและปั่นป่วน ท่านจะไม่สามารถเห็นภาพสะท้อนของใบหน้าของท่านได้ ถ้าท่านต้องการเห็นพระพักตร์ของพระคริสต์ จงหยุดและรวบรวมความคิดของท่านในความเงียบและปิดประตูแห่งวิญญาณของท่านต่อเสียงรบกวนของสิ่งภายนอก”

— นักบุญแอนโทนีแห่งปาดัว

วันอาทิตย์ที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2567

ความเชื่อของไยรัส


พระองค์ทรงรักษาเด็กน้อยให้หายตามความเชื่อของบิดาที่แสดงออกมา
>>>อ่านต่อ

วันเสาร์ที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2567

วันศุกร์ที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2567

มงกุฏแห่งชัยชนะของนักบุญ


คืนนั้น ผมถามพระมารดาของพระเจ้าว่าผมจะเป็นอย่างไร? แล้วพระนางก็ทรงเข้ามาหาผมโดยถือมงกุฎสองอัน มงกุฎหนึ่งมีสีขาว และอีกมงกุฎหนึ่งมีสีแดง พระนางทรงถามผมว่าผมยินดีจะรับมงกุฎอันใดอันหนึ่งหรือไม่? มงกุฎสีขาว หมายความว่าผมควรจะมีความเพียรทนในความบริสุทธิ์และสีแดงหมายถึงผมจะเป็นมรณสักขี ผมตอบว่าผมจะยอมรับมงกุฏทั้งสองอัน”

— นักบุญแม็กซิมิเลียน โคลเบ

วันพฤหัสบดีที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2567

คำพูดของคุณแม่เทเรซาแห่งกัลกัตตา


1 ถ้าคุณเลี้ยงดูประชาชนหนึ่งร้อยคนไม่ได้ จงเลี้ยงดูคนหนึ่งคน

2 บางคนมาหาคุณเป็นดั่งการอวยพรสำหรับคุณ บางคนมาหาคุณเป็นดังบทเรียนให้คุณ

3 ถ้าคุณต้องการเปลี่ยนแปลงโลก ให้รักคนในครอบครัวของคุณ

4 จงแพร่กระจายความรักไปในทุกแห่งที่คุณไป

5 พระเจ้าทรงเรียกฉันไม่ใช่เพื่อให้เป็นผู้ประสบความสำเร็จ พระองค์ทรงเรียกฉันเพื่อให้เป็นคนซื่อสัตย์

6 ถ้าเราต้องการที่จะรัก เราต้องเรียนรู้ที่จะให้อภัย

วันพุธที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2567

เทิดเกียรตินักบุญโยเซฟ


ครั้งหนึ่ง ในวันสมโภชแม่พระรับสาส์นจากอัครเทวดากาเบรียล, นักบุญเยอร์ทรูดได้เห็นนิมิตพระมารดาบนสวรรค์ทรงเปิดเผยเกียรติอันรุ่งโรจน์ของนักบุญโยเซฟ ภัสดาผู้บริสุทธิ์ของพระนาง เพื่อส่งเสริมให้เยอร์ทรูดมีความรักต่อนักบุญโยเซฟมากขึ้น และเพื่อกระตุ้นให้เธอมีความมั่นใจในคำวิงวอนต่อนักบุญโยเซฟ นักบุญเยอร์ทรูดเขียนเกี่ยวกับนิมิตนี้ว่า:

“ดิฉันเห็นสวรรค์เปิดออกและนักบุญโยเซฟนั่งอยู่บนบัลลังก์ที่สวยสดงดงามยิ่งนัก ดิฉันรู้สึกประทับใจอย่างมากที่,เมื่อทุกครั้งที่มีการเอ่ยชื่อนักบุญโยเซฟ, นักบุญทุกองค์บนสวรรค์จะโค้งคำนับไปที่ท่านอย่างลึกซึ้ง โดยแสดงให้เห็นจากความสงบและความอ่อนหวานในแววตาของพวกท่าน ซึ่งแสดงออกว่าพวกท่านชื่นชมยินดีกับนักบุญโยเซฟเพราะท่านนักบุญโยเซฟมีศักดิ์ศรีอันสูงส่ง”  

วันอังคารที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2567

จงวางใจในพระเจ้า




พระเยซูขณะที่อยู่ในสวนเกทเซเมนี มีคนของสมณะมากับยูดาส พวกเขาเข้ามาจับกุมพระเยซู เปโตรเอาดาบฟันคนรับใช้ของสมณะ ใบหูขาด พระเยซูจึงบอกให้เขาเก็บดาบเสีย และตรัสว่า “ท่านคิดว่าเราจะอ้อนวอนพระบิดาเจ้าให้ส่งทูตสวรรค์มากกว่าสิบสองกองพลมาช่วยเราบัดนี้มิได้หรือ” (มัทธิว 26:53) เป็นสิ่งที่น่าสนใจ ทหารหนึ่งกองพล ประกอบด้วยทหาร 6000 นาย ดังนั้นทูตสวรรค์สิบสองกองพล ประกอบด้วยทูตสวรรค์ 72,000 องค์ ความจริงทูตสวรรค์เพียงองค์เดียวก็มีพละกำลังมหาศาลแล้ว ในพระธรรมเก่าได้บอกว่า ทูตสวรรค์หนึ่งองค์สามารถฆ่าทหารของศัตรูได้ถึง 185,000 คนในค่ำคืนเดียว(ดู 2 พงศ์กษัตริย์ 16:35) นั่นแสดงว่า ถ้าหากพระเยซูทรงประสงค์,ผู้ที่ตั้งตัวเป็นศัตรูก็จะถูกทำลายโดยปราศจากความเมตตา แต่พระองค์ไม่ประสงค์เช่นนั้น เพราะพระองค์มายังโลกเพื่อไถ่กู้มนุษยชาติให้ได้รับความรอด

ให้เราวางใจในพระเจ้า,แม้ในยามที่อยู่ในอันตราย สดุดี 91:10-12 กล่าวว่า

ไม่มีอันตรายใดจะเกิดขึ้นกับท่าน 
         ไม่มีภัยพิบัติใดจะเข้ามาใกล้กระโจมของท่าน 
เพราะพระองค์ทรงบัญชาบรรดาทูตสวรรค์ไว้แล้ว 
         ให้พิทักษ์รักษาท่าน ไม่ว่าท่านจะไปทางไหน 
ทูตสวรรค์จะโอบอุ้มท่านไว้ 
         มิให้เท้าของท่านสะดุดก้อนหิน