ถ้าจะมีคำใดที่ใช้บรรยายชีวิตของ
น. ปีเตอร์ จูเลียน เอียมาร์ด
Saint Peter Julian Eymard
ได้แล้วก็คงเป็นคำว่า “เข็นครกขึ้นภูเขา” นั่นแหละ
>>>อ่านต่อ
Pages
พระเมตตาของพระเยซูเจ้า
จงบอกมนุษยชาติที่กำลังเจ็บป่วย ให้เข้ามาใกล้หัวใจอันเมตตาของเรา แล้วเราจะประทานสันติภาพให้แก่มนุษยชาติ พระเมตตาของเราไม่มีวันสิ้นสุดเลย
พระวาจาวันอาทิตย์ที่ 13 ตุลาคม 2024 พระเยซูเจ้ากับเศรษฐีหนุ่ม
  ขณะที่พระองค์กำลังทรงพระดำเนินอยู่ระหว่างทาง ชายคนหนึ่งรีบเข้ามาคุกเข่าลง ทูลถามว่า “พระอาจารย์ผู้ทรงความดี ข้าพเจ้าต้องทำอะไรเพื่อจะได้ชีวิตนิรันดร” พระเยซูเจ้าตรัสกับเขาว่า “ทำไมเรียกเราว่าผู้ทรงความดี ไม่มีใครทรงความดีนอกจากพระเจ้าเท่านั้น ท่านรู้จักบทบัญญัติแล้ว คือ อย่าฆ่าคน อย่าล่วงประเวณี อย่าลักขโมย อย่าเป็นพยานเท็จ อย่าฉ้อโกง จงนับถือบิดามารดา” ชายผู้นั้นทูลว่า “พระอาจารย์ ข้าพเจ้าได้ปฏิบัติตามบทบัญญัติเหล่านี้ทุกข้อมาตั้งแต่เป็นเด็กแล้ว” พระเยซูเจ้าทอดพระเนตรเขาด้วยพระทัยเอ็นดู ตรัสกับเขาว่า “ท่านยังขาดสิ่งหนึ่ง จงไปขายทุกสิ่งที่มี มอบเงินให้คนยากจน และท่านจะมีขุมทรัพย์ในสวรรค์ แล้วจงติดตามเรามาเถิด” เมื่อได้ฟังพระวาจานี้ ชายผู้นั้นหน้าสลดลงเพราะเขามีทรัพย์สมบัติมากมาย จึงจากไปด้วยความทุกข์
  พระเยซูเจ้าทอดพระเนตรโดยรอบ แล้วตรัสกับบรรดาศิษย์ว่า “ยากจริงหนอที่คนมั่งมีจะเข้าสู่พระอาณาจักรของพระเจ้า” บรรดาศิษย์แปลกใจกับพระวาจานี้ พระเยซูเจ้าจึงตรัสอีกว่า “ลูกเอ๋ย ยากจริงหนอที่จะเข้าสู่พระอาณาจักรของพระเจ้า อูฐจะลอดรูเข็มยังง่ายกว่าคนมั่งมีเข้าสู่พระอาณาจักรของพระเจ้า” บรรดาศิษย์ยิ่งประหลาดใจมากขึ้น พูดกันว่า “ดังนี้ ใครเล่าจะรอดพ้นได้” พระเยซูเจ้าทอดพระเนตรบรรดาศิษย์แล้วตรัสว่า “สำหรับมนุษย์เป็นไปไม่ได้ แต่สำหรับพระเจ้าเป็นเช่นนั้นได้ เพราะพระองค์ทรงทำได้ทุกสิ่ง”
  เปโตรทูลพระเยซูเจ้าว่า “ข้าพเจ้าทั้งหลายได้สละทุกสิ่งและติดตามพระองค์แล้ว” พระเยซูเจ้าตรัสว่า “เราบอกความจริงกับท่านว่า ไม่มีใครที่ละทิ้งบ้านเรือน พี่น้องชายหญิง บิดามารดา บุตรหรือไร่นาเพราะเห็นแก่เรา และเพราะเห็นแก่ข่าวดี จะไม่ได้รับการตอบแทนร้อยเท่าในโลกนี้ เขาจะได้บ้านเรือน พี่น้องชายหญิง มารดา บุตร ไร่นา พร้อมกับการเบียดเบียนและในโลกหน้าจะได้ชีวิตนิรันดร
(มาระโก 10:17-30)
พระวาจาวันอาทิตย์ที่ 13 ตุลาคม 2024 พระเยซูเจ้ากับเศรษฐีหนุ่ม
  ขณะที่พระองค์กำลังทรงพระดำเนินอยู่ระหว่างทาง ชายคนหนึ่งรีบเข้ามาคุกเข่าลง ทูลถามว่า “พระอาจารย์ผู้ทรงความดี ข้าพเจ้าต้องทำอะไรเพื่อจะได้ชีวิตนิรันดร” พระเยซูเจ้าตรัสกับเขาว่า “ทำไมเรียกเราว่าผู้ทรงความดี ไม่มีใครทรงความดีนอกจากพระเจ้าเท่านั้น ท่านรู้จักบทบัญญัติแล้ว คือ อย่าฆ่าคน อย่าล่วงประเวณี อย่าลักขโมย อย่าเป็นพยานเท็จ อย่าฉ้อโกง จงนับถือบิดามารดา” ชายผู้นั้นทูลว่า “พระอาจารย์ ข้าพเจ้าได้ปฏิบัติตามบทบัญญัติเหล่านี้ทุกข้อมาตั้งแต่เป็นเด็กแล้ว” พระเยซูเจ้าทอดพระเนตรเขาด้วยพระทัยเอ็นดู ตรัสกับเขาว่า “ท่านยังขาดสิ่งหนึ่ง จงไปขายทุกสิ่งที่มี มอบเงินให้คนยากจน และท่านจะมีขุมทรัพย์ในสวรรค์ แล้วจงติดตามเรามาเถิด” เมื่อได้ฟังพระวาจานี้ ชายผู้นั้นหน้าสลดลงเพราะเขามีทรัพย์สมบัติมากมาย จึงจากไปด้วยความทุกข์
  พระเยซูเจ้าทอดพระเนตรโดยรอบ แล้วตรัสกับบรรดาศิษย์ว่า “ยากจริงหนอที่คนมั่งมีจะเข้าสู่พระอาณาจักรของพระเจ้า” บรรดาศิษย์แปลกใจกับพระวาจานี้ พระเยซูเจ้าจึงตรัสอีกว่า “ลูกเอ๋ย ยากจริงหนอที่จะเข้าสู่พระอาณาจักรของพระเจ้า อูฐจะลอดรูเข็มยังง่ายกว่าคนมั่งมีเข้าสู่พระอาณาจักรของพระเจ้า” บรรดาศิษย์ยิ่งประหลาดใจมากขึ้น พูดกันว่า “ดังนี้ ใครเล่าจะรอดพ้นได้” พระเยซูเจ้าทอดพระเนตรบรรดาศิษย์แล้วตรัสว่า “สำหรับมนุษย์เป็นไปไม่ได้ แต่สำหรับพระเจ้าเป็นเช่นนั้นได้ เพราะพระองค์ทรงทำได้ทุกสิ่ง”
  เปโตรทูลพระเยซูเจ้าว่า “ข้าพเจ้าทั้งหลายได้สละทุกสิ่งและติดตามพระองค์แล้ว” พระเยซูเจ้าตรัสว่า “เราบอกความจริงกับท่านว่า ไม่มีใครที่ละทิ้งบ้านเรือน พี่น้องชายหญิง บิดามารดา บุตรหรือไร่นาเพราะเห็นแก่เรา และเพราะเห็นแก่ข่าวดี จะไม่ได้รับการตอบแทนร้อยเท่าในโลกนี้ เขาจะได้บ้านเรือน พี่น้องชายหญิง มารดา บุตร ไร่นา พร้อมกับการเบียดเบียนและในโลกหน้าจะได้ชีวิตนิรันดร
(มาระโก 10:17-30)
วันอาทิตย์ที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559
วันเสาร์ที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559
วันศุกร์ที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559
สาส์นแม่พระ2+25ก.พ.2016
ลูกที่รักทั้งหลาย
ในเวลาแห่งพระหรรษทานนี้ แม่กำลังเรียกพวกลูกทุกคนให้กลับใจ ลูกน้อยทั้งหลาย
พวกลูกมีความรักเพียงเล็กน้อยและการสวดภาวนายิ่งมีน้อยกว่า
พวกลูกกำลังหลงทางและไม่รู้ว่าเป้าหมายของลูกคืออะไร จงรับกางเขนเถิด มองดูพระเยซูเจ้าและติดตามพระองค์ พระองค์ประทานพระองค์เองแก่พวกลูกด้วยการสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขน ก็เพราะพระองค์ทรงรักพวกลูก ลูกน้อยทั้งหลาย แม่กำลังส่งเสียงร้องเตือนพวกลูกว่า :
จงหันกลับมาสู่การสวดภาวนาด้วยหัวใจ
เพื่อที่ลูกจะได้พบกับความหวังและความหมายของการมีชีวิตของลูก ในการสวดภาวนา
แม่จะอยู่กับลูกและสวดภาวนาเพื่อลูกขอขอบใจที่ตอบสนองเสียงเรียกของแม่
ลูกที่รักทั้งหลาย
แม่ขอเรียกให้พวกลูกมารู้จักกับพระบุตรของแม่อีกครั้ง ขอให้ลูกมารู้จักองค์ความจริง
แม่อยู่กับพวกลูกและสวดภาวนาเพื่อพวกลูกเสมอ
ลูกทั้งหลายของแม่ ลูกต้องสวดภาวนามากๆเพื่อที่ลูกจะได้มีความรักและความอดทนมากขึ้น และจะได้รู้จักที่จะเสียสละทำพลีกรรมและมีความยากจนในจิตใจ
โดยอาศัยพระจิตเจ้า องค์พระบุตรของแม่ทรงอยู่กับพวกลูกเสมอ
พระศาสนจักรของพระองค์บังเกิดในหัวใจทุกดวงที่มารู้จักพระองค์
จงสวดภาวนาเพื่อที่ลูกจะได้รู้จักพระองค์เถิดและจิตวิญญาณของลูกจะได้เป็นหนึ่งเดียวกับพระองค์
นั่นคือการสวดภาวนาและความรักซึ่งจะดึงดูดผู้อื่นและทำให้ลูกเป็นอัครสาวกของแม่
แม่มองดูพวกลูกด้วยความรัก ด้วยความรักเยี่ยงมารดา แม่รู้จักพวกลูก แม่รู้ถึงความเจ็บปวดและความเศร้าโศกของพวกลูก
เพราะแม่ก็เศร้าโศกอยู่อย่างเงียบๆเช่นกัน
ความเชื่อของแม่ให้ความรักและความหวังแก่แม่
แม่ขอย้ำว่า การกลับคืนชีพขององค์พระบุตรของแม่และการรับเกียรติยกขึ้นสู่สวรรค์ของแม่เป็นความหวังและความรักสำหรับพวกลูก
เพราะฉะนั้น ลูกๆทั้งหลายของแม่ จงสวดภาวนาเพื่อที่ลูกจะได้รู้จักความจริง จะได้มีความเชื่อที่มั่นคงซึ่งจะนำทางหัวใจของพวกลูกและจะเปลี่ยนความเจ็บปวดและความทุกข์ของพวกลูกให้กลายเป็นความรักและความหวัง
ขอขอบใจลูก
วันพฤหัสบดีที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559
วันพุธที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559
พระพรการรู้ล่วงหน้า2
นักบุญแอนโทนี มารีย์ คลาเรต์ (1807-1870) เป็นผู้ก่อตั้งคณะ the Missionary Sons of the Immaculate Heart of Mary (หรือเรียกอีกชื่อว่า Claretians)
ครั้งหนึ่งท่านจัดให้มีการเข้าเงียบเตรียมจิตใจสำหรับสัตบุรุษ
แต่ช่วงเวลานั้นเป็นฤดูเก็บเกี่ยวพืชผลของชาวบ้าน
และชาวบ้านต้องไปทำงานในทุ่งนาของพวกเขา คุณพ่อได้ไปเยี่ยมแต่ละบ้านและชักชวนให้พวกเขามาร่วมเข้าเงียบเตรียมจิตใจ
ท่านบอกว่าพระเป็นเจ้าจะอวยพรพวกเขาถ้าพวกเขามาร่วม ชาวบ้านหลายคนตอบปฏิเสธ บอกว่ามันเป็นไปไม่ได้
เพราะพืชผลทั้งหมดอาจเสียหายได้ภายในวันเดียว
ในสถานการณ์เช่นนี้ คุณพ่อได้กล่าวทำนายว่า
“ในนามของพระเป็นเจ้า
พ่อขอบอกพวกคุณว่า
ถ้าพวกคุณมาร่วมในการเตรียมจิตใจครั้งนี้
ต้นข้าวสาลีจะให้ผลมากมาย
ฝนและพายุจะไม่มาทำลาย
แต่ถ้าพวกคุณไม่มาร่วมงาน
พืชผลของพวกคุณก็จะเสียหาย” ด้วยคำทำนายนี้
คุณพ่อจึงสามารถดำเนินกิจการงานของท่านต่อไปได้
มีชาวนาและคนงานมาร่วมมากมาย
แต่ก็มีบางส่วนที่ไม่มา
สองวันต่อมา
ชาวนาที่ไม่มาร่วมงานก็ได้เห็นพืชผลที่เขาปลูกไว้ถูกทำลายจนราบเรียบจากพายุหนักที่เกิดขึ้นอย่างไม่รู้ตัว
แต่ในที่นาของชาวนาที่มาร่วมงานกลับไม่ได้รับความเสียหาย
มิหนำซ้ำต้นข้าวสาลีของพวกเขายังออกรวงมีเมล็ดข้าวมากกว่าแต่ก่อนด้วย เป็นไปตามคำทำนายของคุณพ่อ คลาเรต์
คำทำนายอีกอันหนึ่งของคุณพ่อเกิดขึ้นที่สังฆมณฑลวิค
ในสเปน คู่สามีภรรยา โจเซ่
โรวิรา และ โรซ่า มาลาตส์
พวกเขามีลูกสาวสองคน
คนหนึ่งตายตั้งแต่ยังเล็ก
ส่วนอีกคนหนึ่งชื่อ แคนดีดา เธอปรารถนาจะเข้าอารามเป็นนักบวชและได้บอกความปรารถนาให้พ่อแม่ทราบ พ่อแม่ขอให้เธอคิดทบทวนดู พ่อได้พาลูกสาวมาปรึกษากับพระสงฆ์ชื่อ Father Canals ซึ่งเป็นอธิการของคณะคาร์เมไลท์แห่งวิค ท่านได้พูดคุยสอบถามแคนดีดา
และได้เห็นถึงความยากจนและอายุของผู้เป็นพ่อ ท่านจึงรู้สึกลังเลใจ เพราะพ่อแม่ปรารถนาให้ลูกสาวอยู่กับพวกเขาดูแลพวกเขาในยามแก่ชรา คุณพ่อคานาลรู้เรื่องความศักดิ์สิทธิ์ของคุณพ่อคลาเรต์ ท่านจึงส่งพวกเขาไปหาคุณพ่อคลาเรต์
หลังจากคุณพ่อคลาเรต์สอบถามผู้เป็นลูกสาวแล้ว ท่านสวดภาวนาและพูดกับผู้เป็นพ่อโดยกล่าวทำนายว่า “เป็นพระประสงค์ของพระเป็นเจ้า ที่จะให้แคนดีดาเข้าเป็นนักบวช จงอย่าวิตกกังวลไปเลย เพราะภายในหนึ่งปี
พระเป็นเจ้าจะทรงอวยพรพวกคุณให้ได้ลูกชายคนหนึ่ง เขาจะเป็นผู้ปลอบประโลมใจของคุณในยามที่คุณแก่ชรา” ผู้เป็นพ่อฟังแล้วก็ยิ้ม เพราะรู้ดีว่าภรรยาของเขาหมดเวลาที่จะมีลูกได้แล้ว แต่เขาก็ตอบคุณพ่อคลาเรต์ว่า
“ถ้าในหนึ่งปีนี้ผมมีลูกชาย
เราจะอนุญาตให้ลูกสาวของเราเข้าคอนแวนต์ครับ” และก็เป็นไปตามคำทำนาย ปีถัดมาพวกเขาก็ได้ลูกชาย คนทั้งเมืองรู้เรื่องเกี่ยวกับคำทำนายนี้ และถือว่านี่เป็นการกำเนิดที่อัศจรรย์ แคนดีดาได้เข้าเป็นคาร์เมไลท์ชั้นที่สาม
ส่วนน้องชายของเธอก็เติบโตเป็นคนที่ดูแลพ่อแม่ในยามแก่ชราตามที่คุณพ่อคลาเรต์ทำนายไว้
วันอังคารที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559
วันจันทร์ที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559
พระพรการรู้ล่วงหน้า
คุณพ่อยอห์น บอสโก(1815-1888), ผู้ก่อตั้งคณะซาเลเซียนได้เคยทำนายเหตุการณ์ที่จะเกิดกับคนบางคนที่ท่านเพิ่งพบเขาเป็นครั้งแรก ดังเช่นกรณีนี้ที่เกิดในปี 1853 เด็กหญิงคนหนึ่งได้พบกับคุณพ่อบอสโกและเล่าให้ท่านฟังว่าเธอได้รับกระแสเรียกที่จะเป็นนักบวช คุณพ่อลังเลใจพักหนึ่งก่อนที่จะตอบว่า
“ลูกจะต้องรอเป็นเวลานานก่อนที่ลูกจะตระหนักใจในความปรารถนาของลูก แต่ในที่สุดลูกจะเข้าสู่คณะนักบวชคณะหนึ่งซึ่งก่อตั้งขึ้นในปีเดียวกับวันเกิดของลูก” สิบสองปีผ่านไป เด็กหญิงผู้นั้นก็ได้เข้าสู่คณะ Little
Sisters of the Assumption ซึ่งก่อตั้งขึ้นในเวลาเดียวกับวันเกิดของเด็กหญิงคนนี้ เป็นไปตามที่คุณพ่อบอสโกได้กล่าวทำนายไว้ ทั้งๆที่คุณพ่อบอสโกเพิ่งพบเด็กหญิงคนนี้เป็นครั้งแรก
วันอาทิตย์ที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559
ความฝันของคุณพ่อบอสโก
เมื่อคนยากจนจะเป็นผู้ประกาศพระวาจาของพระเจ้าแก่โลก
พระสงฆ์จะมาจากคนที่จับจอบ เสียม
และค้อน
>>>อ่านต่อ
>>>อ่านต่อ
วันเสาร์ที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559
การเดินรูป14ภาคที่ภูทอกน้อย
สัตบุรุษ 15 วัดในเขตจังหวัดบึงกาฬ ร่วมใจเดินรูป 14 ภาค รำพึงถึงพระมหาทรมานอันศักดิ์สิทธิ์ของพระ?เยซูคริสตเจ้า นำโดย คุณพ่อบัวทอง บุญทอด หัวหน้าเขตบึงกาฬ คุณพ่ออุทัย ถาวร, C.M. คุณพ่อโฮเซ โรดริเกซ คุณพ่อสุรพงษ์ ลาบุดดี คุณพ่อปรีชา ศิลาโคตร และสังฆานุกร ประเสริฐ คุณโดน โดยเริ่มเดินรูปจากฐานขึ้นสู่ยอดภูทอกน้อย บ้านภูสวาท อ.บุ่งคล้า จ.บึงกาฬ ณ ที่ตั้งไว้ซึ่งกางเขนใหญ่ และพระรูปแม่มารีย์ ในบรรยากาศงดงามที่โอบล้อมด้วยธรรมชาติอัน?งดงามของสองฝั่งโขง วันศุกร์ ที่ 27 มีนาคม 2015 เวลา 16.00 น. จากนั้นได้เข้าสู่ภาควจนพิธีกรรม การรับศีลมหาสนิท และนมัสการกางเขน หลังเสร็จพิธีกรรม ทุกคนได้รับประทานอาหารว่างร่วมกัน พิธีกรรมในครั้งนี้เป็นการแบ่งปันชีวิตแห่?งความเชื่อ ความหวัง ความรัก และความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันของพี่น้องค?ริสตชนในเขตบึงกาฬ
วันพฤหัสบดีที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559
รูปภาพพระเมตตาต้นฉบับ
มีภาพยนตร์สารคดีเรื่องใหม่ถูกสร้างขึ้นและออกฉายแล้ว เกี่ยวกับประวัติของ “ภาพพระเมตตาต้นฉบับ” เป็นเรื่องที่ไม่เคยเล่ามาก่อนเลย ชื่อของภาพยนตร์สารคดีคือ “The Original Image of Divine Mercy: the Untold
Story of an Unknown Masterpiece,” โดยได้รับความร่วมมือจากหลายฝ่าย เช่น comedian
Jim Gaffigan, actor and musician Harry Connick, Jr., George Weigel, Bishop
Robert Barron, and others.
ถึงแม้จะมีรูปภาพพระเมตตาในหลายรูปแบบที่ใช้กันอยู่ทั่วโลกในปัจจุบัน แต่มีเพียงรูปภาพเดียวเท่านั้นที่ถูกใช้ในเวลาที่นักบุญโฟสตีนายังมีชีวิตอยู่
ซึ่งเป็นรูปภาพที่นักบุญโฟสตีนาเห็นในนิมิต และรูปภาพนี้เกือบถูกทำลายไปแล้ว
“พวกโซเวียตที่แอนตี้คาทอลิกอย่างรุนแรงได้เข้าครอบครองเมืองวิลนีอุส ทำให้ต้องมีการซ่อนรูปภาพพระเมตตาเอาไว้ ในที่สุดก็มีซิสเตอร์สองคนยอมรับภารกิจที่ท้าทายและแทบเป็นไปไม่ได้
นั่นคือการลักลอบนำรูปภาพพระเมตตาข้ามพรมแดนระหว่างลิธูเนียกับเบลารุส”
จนกระทั่งปี 2005
รูปภาพพระเมตตานี้ก็ได้กลับมายังที่อยู่ดั้งเดิมที่เมืองวิลนีอุสตามความปรารถนาของนักบุญโฟสตีนาและบุญราศีคุณพ่อไมเคิล โซปอกโกวันพุธที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559
พระสันตปาปาสวดหน้าพระรูปแม่พระกัวดาลูเป
พระสันตะปาปาเสด็จเยี่ยมอาสนวิหารแม่พระกัวดาลูเป
ในเม็กซิโก และทรงสวดหน้าพระรูปอย่างเงียบๆ
วันอังคารที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559
ศีลมหาสนิท
ศีลมหาสนิท
– พันธสัญญาระหว่างพระเยซูเจ้ากับประชากรของพระองค์
พระเยซูเจ้าทรงกระทำพันธสัญญาในการเสกปังระหว่างอาหารค่ำมื้อสุดท้าย พันธสัญญานี้เป็นความสัมพันธ์ในครอบครัว
ประชาชนจากหลายครอบครัวได้กลายมาเป็นครอบครัวเดียว ความสัมพันธ์นี้ไม่เหมือนความสัมพันธ์อื่น อย่างเช่นการซื้อขายแลกเปลี่ยนสินค้าหรือการบริการทางด้านเศรษฐกิจ
แต่เป็นความสัมพันธ์ที่เหมือนกับการแต่งงานซึ่งทำให้คนสองคนกลายเป็นเนื้อเดียวกัน
สิ่งเดียวกันนี้บังเกิดขึ้นในศีลมหาสนิทด้วย พระเยซูคริสต์ทรงกลายเป็นกายและโลหิตเดียวกันกับเรา เพราะเรามีเนื้อและพระโลหิตของพระองค์อยู่ในตัวของเรา และเราก็เป็นเหมือนพระแม่มารีย์ด้วย
เพราะพระนางทรงรับพระเยซูไว้ในครรภ์ของพระนางเป็นเวลา 9 เดือน พันธสัญญานี้มีความหมายว่าบัดนี้เราเป็นสมาชิกในครอบครัวแล้ว
เปรียบเหมือนเด็กที่เกิดมาแล้วและเขาได้กลายเป็นทายาทที่มีสิทธิในมรดก เช่นเดียวกับในการรับศีลล้างบาป เราได้กลายเป็นบุตรของพระเจ้า เรามีพระเจ้าเป็นบิดาของเรา มีพระเยซูเจ้าเป็นพระผู้ไถ่ของเรา และมีพระจิตเจ้าเป็นผู้คอยช่วยเหลือเรา เมื่อมีการแต่งงาน
คู่แต่งงานได้เข้าไปอยู่ในครอบครัวของแต่ละฝ่าย
บิดามารดาของเจ้าสาวก็กลายเป็นบิดามารดาของฝ่ายชาย
และบิดามารดาของฝ่ายชายก็กลายเป็นบิดามารดาของเจ้าสาวเช่นกัน เมื่อทั้งคู่มีลูก ลูกที่เกิดมาก็เข้ามาอยู่ในครอบครัวของพวกเขา ลูกมีทั้งบิดาและมารดา ด้วยเหตุนี้พระเยซูเจ้าจึงตรัสกับยอห์นว่า “นี่คือแม่ของท่าน” (ยน.19:27)
เมื่อเราเป็นศิษย์ของพระเยซูเจ้า เราจึงควรทำเช่นเดียวกับยอห์นซึ่งรับพระมารดามารีย์มาอยู่ในบ้านของตน เราก็ต้องรับพระมารดามารีย์มาอยู่ในหัวใจของเราเช่นกัน
วันจันทร์ที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559
อัศจรรย์วันพุธรับเถ้าปี 1218
“เราบอกความจริงแก่ท่านว่า ถ้าท่านมีความเชื่อเพียงเท่าเมล็ดมัสตาด ท่านจะบอกแก่ภูเขาว่า ‘จงย้ายไปจากที่นี่’ มันก็จะเชื่อฟังท่าน
ไม่มีสิ่งใดที่ท่านจะทำไม่ได้” – (มธ. 17.20)
จากหนังสือ Butler’s Lives of Saints ได้บันทึกไว้ว่า - วันพุธรับเถ้าของปี 1218 น.โดมินิคซึ่งมีอายุ
48 ปี กำลังปรึกษางานอยู่กับพระคาร์ดินัลในห้อง ทันใดนั้นก็มีคนหนึ่งเปิดประตูเข้ามา เข้าร้องห่มร้องไห้ใหญ่โต เขานำข่าวร้ายมาบอกว่า หลานชายของพระคาร์ดินัลถูกฆ่าตาย
ในตอนแรก ทุกคนรู้สึกงุนงงและเงียบไปพักใหญ่ พระคาร์ดินัลตกใจและเศร้าโศกมาก น.โดมินิคพยายามพูดจากปลอบโยน แล้วน.โดมินิคก็สั่งให้นำศพผู้ตายมาและให้เตรียมประกอบพิธีมิสซาที่โบสถ์ใกล้เคียงทันที
ในระหว่างพิธีมิสซา น.โดมินิครู้สึกเศร้าใจและร้องไห้ เมื่อถึงตอนเสกศีลก็มีบางสิ่งที่เหลือเชื่อเกิดขึ้น ขณะที่น.โดมินิคยกแผ่นศีลและถ้วยกาลิกส์ขึ้น ท่านก็ตกอยู่ในภวังค์และตัวก็ลอยสูงขึ้น ทุกคนที่อยู่ที่นั่นได้เห็นกันหมด
เมื่อพิธีจบลงแล้ว
น.โดมินิคนำทุกคนไปที่ศพของผู้ตาย
ท่านคุกเข่าและสวดภาวนาอย่างเงียบๆสักพักหนึ่ง แล้วก็ลุกขึ้นยืน ทำสำคัญมหากางเขน แล้วตัวของน.โดมินิคก็ลอยขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง ท่านพูดเสียงดังว่า “เราขอบอกท่าน ในพระนามของพระเยซูคริสต์พระผู้ไถ่ของเรา จงลุกขึ้น”
ด้วยฤทธานุภาพของพระเป็นเจ้า
ต่อหน้าผู้คนทั้งหลาย
คนตายก็กลับฟื้นมีชีวิตและลุกขึ้นยืน
ข่าวอัศจรรย์นี้แพร่กระจายไปในเมืองอย่างรวดเร็ว ชาวเมืองและแม้แต่พระสันตะปาปาก็ทราบข่าวนี้ และทุกคนก็เฉลิมฉลองสรรเสริญพระเป็นเจ้า
วันเสาร์ที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559
พระสันตปาปาพบกับพระอัยกา
HAVANA
-- เมื่อวันศุกร์ที่ 12 ก.พ. 2016 พระสันตปาปาฟรังซิสได้พบก้บพระอัยกาคิริลแห่งศาสนจักรรัสเซียออร์โธดอกซ์
นับเป็นประวัติศาสตร์ของการพัฒนาความสัมพันธ์ในรอบ 1000 ปีจากการแบ่งแยกกัน
ในห้อง
VIP ของสนามบินแห่งชาติในกรุงฮาวานา ของคิวบา เมื่อได้พบกันพระสันตปาปาฟรังซิส ตรัสว่า “ในที่สุด”
แล้วทรงโอบกอดพระอัยกาคิริล แล้วตรัสต่อไปว่า
“เราเป็นพี่น้องกัน”
ทั้งสองจูบทักทายกันสามครั้งตามธรรมเนียมตะวันออก พระอัยกาคิริลตรัสกับพระสันตปาปาผ่านทางล่ามว่า “บัดนี้ สิ่งต่างๆก็ง่ายขึ้นแล้ว” การพบกันนี้ใช้เวลานาน 3 ชั่วโมง
วันพฤหัสบดีที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559
นักบุญอากาทา
อากาทา
แปลว่า ดี,ความดี
ชีวิตของนักบุญอากาทา
ก็คล้ายกับนักบุญอักแนส
ทั้งสองเป็นพรหมจารีย์มรณสักขีในยุคต้นของพระศาสนจักร แต่สำหรับนักบุญอากาทาเกือบไม่มีรายละเอียดเกี่ยวกับเธอในประวัติศาสตร์เลย
เว้นแต่บอกว่าเธอเป็นมรณสักขีที่เมืองซิซิลี ในอิตาลี
ในระหว่างการเบียดเบียนศาสนาของจักรพรรดิ์เดซีอุส ในปี ค.ศ.251
ตามตำนานเล่าไว้ในลักษณะคล้ายกับนักบุญอักแนส
อากาทาถูกจับในฐานะเป็นคริสตชน
เธอถูกทรมานและถูกส่งตัวไปที่สำนักโสเภณี
แต่เธอได้รับการปกป้องให้พ้นจากความไม่บริสุทธิ์ทั้งหลาย ในที่สุดเธอก็ถูกนำไปประหารชีวิต
นักบุญอากาทาเป็นองค์อุปถัมภ์ของเมืองปาเลโม
และคาตาเนีย ในปีที่เธอเสียชีวิต ภูเขาไฟเอ็ตน่าได้ปะทุขึ้น แต่โดยอาศัยการเข้าแทรกแซงช่วยเหลือจากนักบุญอากาทา ตามคำวอนขอของชาวเมือง ภูเขาไฟจึงได้สงบลง
ตามตำนานเล่าว่า เมื่อนักบุญอากาทาถูกจับ เธอสวดภาวนาว่า “พระเยซูเจ้าข้า พระองค์ทรงเป็นเจ้านายของทุกสิ่ง พระองค์ทรงมองเห็นในใจของลูก พระองค์ทรงทราบความปรารถนาของลูก พระองค์เป็นเจ้าของตัวลูก ลูกเป็นแกะของพระองค์ โปรดทำให้ลูกมีคุณค่าพอที่จะเอาชนะปีศาจด้วยเทอญ” และระหว่างที่อยู่ในคุก เธอสวดว่า “พระเยซูเจ้าข้า องค์พระผู้สร้างของลูก พระองค์ทรงปกป้องลูกตั้งแต่ลูกยังอยู่ในเปล พระองค์ทรงนำลูกให้พ้นจากความรักต่อโลกและทรงประทานความอดทนและความทุกข์แก่ลูก บัดนี้โปรดรับวิญญาณของลูกด้วยเถิด”
วันพุธที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559
พระสันตปาปาจะพบกับพระอัยกาคิริล
VATICANCITY : พระสันตปาปาฟรังซิสจะเสด็จเยือนเม็กซิโกในระหว่างวันที่ 12-18
กุมภาพันธ์นี้ และจะทรงหยุดแวะที่คิวบาเพื่อพบกับพระอัยกาแห่งพระศาสนจักรออร์โธดอกซ์แห่งรัสเซีย นับเป็นการพบกันครั้งสำคัญของประวัติศาสตร์ของพระศาสนจักร ต่อไปนี้เป็นข่าวจากหนังสือพิมพ์ Fuller
พระศาสนจักรและศาสนจักรแห่งรัสเซียมีความยินดีที่จะประกาศว่า ด้วยพระหรรษทานของพระเป็นเจ้า
พระสันตปาปาฟรังซิสและพระอัยกาคิริลแห่งมอสโคและแห่งรัสเซียจะพบกันในวันที่
12 กุมภาพันธ์ 2016
การพบกันจะมีขึ้นที่คิวบา โดยพระสันตะปาปาจะหยุดแวะในระหว่างการเดินทางไปเม็กซิโก
ส่วนพระอัยกาจะเยี่ยมคิวบาอย่างเป็นทางการ จะมีการสนทนากันที่สนามบิน โจเซี่ มาร์ติในกรุงฮาวานา และจะมีการลงนามประกาศร่วมกันด้วย
การพบกันระหว่างหัวหน้าพระศาสนจักรคาทอลิกและศาสนจักรออร์โธดอกซ์รัสเซีย
หลังจากที่มีการเตรียมการอย่างเป็นเวลานานครั้งนี้ จะเป็นการพบกันครั้งแรกในประวัติศาสตร์และจะเป็นขั้นสำคัญในความสัมพันธ์ระหว่างศาสนจักรทั้งสอง
พระสันตปาปาและพระอัยกาแห่งมอสโคยังหวังว่านี่จะเป็นเครื่องหมายแห่งความหวังสำหรับประชาชนผู้ที่มีน้ำใจดีทั้งหลาย
ทั้งสองท่านต่างเชื้อเชิญให้คริสตชนทุกคนสวดภาวนาเพื่อที่พระเป็นเจ้าจะทรงประทานพระพรสำหรับการพบกันครั้งนี้ เพื่อที่จะได้บังเกิดผลที่ดีตามมา
วันอังคารที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559
ร่างของคุณพ่อปีโอถึงกรุงโรม
CNA Vatican City, Feb 4, 2016 / 10:03 am- พระธาตุร่างกายที่ไม่เน่าเปื่อยของคุณพ่อปีโอ
ได้มาถึงกรุงโรมเป็นครั้งแรก
และจะไปตั้งอยู่ใกล้กับพระธาตุของนักบุญลีโอโปลด์ แมนดิค
นี่ถือเป็นการเริ่มต้นของปีศักดิ์สิทธิ์แห่งเมตตาธรรม
พระธาตุทั้งสองจะตั้งอยู่ในอาสนวิหารนักบุญลอเรนซ์ ในกรุงโรมตั้งแต่วันที่
3 ก.พ. 2016 นักบุญทั้งสองท่านมีชื่อเสียงในด้านการเป็นผู้ฟังสารภาพบาป
ทั้งนี้เพื่อบอกทุกคนให้หันกลับมาคืนดีกับพระเป็นเจ้าและพระศาสนจักรในระหว่างปีศักดิ์สิทธิ์นี้ ด้วยการไปสารภาพบาปแก้ไขความผิดของตน
วันอาทิตย์ที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559
วันเสาร์ที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559
วันพฤหัสบดีที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559
พระนางมารีย์ที่ฟาติมา
พระนางมารีย์ทรงประจักษ์มาหลายครั้งในระยะสุดท้ายของยุคสมัยนี้ เพื่อเตือนมนุษย์ให้กลับมาหาองค์พระบุตรของพระนาง การประจักษ์ครั้งสำคัญที่สุดคือที่ฟาติมา ประเทศโปรตุเกสในปี 1917 แม่พระทรงเตือนเกี่ยวกับการมาของลัทธิคอมมิวนิสต์และการปฏิวัติที่ปราศจากพระเจ้าซึ่งจะแพร่กระจายไปทั่วโลก แม่พระทรงขอร้องให้เราทุกคนสวดสายประคำทุกวันเพื่อสันติภาพของโลก ครั้งสุดท้ายที่แม่พระประจักษ์คือเดือนตุลาคม
1917 และไม่กี่วันหลังจากการประจักษ์ ก็มีการปฏิวัติของกษฏบอลเชวิคในประเทศรัสเซีย สิ่งที่น่าสนใจคือ
ลัทธิคอมมิวนิสต์ในยุโรปเริ่มต้นโดยบรรดากรรมกรที่ไม่เชื่อในพระเจ้าทำการปฏิวัติบนท้องถนนของรัสเซียในปี
1917 และต่อมาลัทธิคอมมิวนิสต์ก็ถูกโค่นทำลายลงโดยบรรดากรรมกรคาทอลิกที่ลุกขึ้นต่อต้านบนถนนในประเทศโปแลนด์
(ประเทศซึ่งศรัทธาในแม่พระมาก) ในปี 1989 (72 ปี)
ย้อนกลับมาที่ฟาติมาในเดือนตุลาคม มีอัศจรรย์ยิ่งใหญ่เกิดขึ้นต่อหน้าสายตาประชาชนหลายหมื่นคน คืออัศจรรย์ดวงอาทิตย์ และอัศจรรย์สำคัญนี้ถูกบันทึกและแพร่ข่าวในหนังสือพิมพ์ที่ดำเนินงานโดยกลุ่มฟรีเมซอน
แม่พระยังทรงทำนายถึงความทุกข์ยากที่น่ากลัวที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
(เวลานั้นสงครามโลกครั้งที่1 ใกล้จะยุติ)
ถ้าหากประชาชนยังไม่กลับใจ และในปี
1939 เยอรมนีก็ยกทัพโจมตีโปแลนด์
สงครามโลกครั้ง 2
อุบัติขึ้นเมื่อญี่ปุ่นโจมตีสหรัฐที่เพิรล์ฮาเบอร์ในวันที่ 7 ธ.ค. 1947 แต่สุดท้ายญี่ปุ่นก็ยอมแพ้ในวันที่ 15 ส.ค.
1945 ซึ่งตรงกับวันฉลองแม่พระเสด็จขึ้นสวรรค์
วันอังคารที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559
ไม่มีแม่พระก็ไม่มีพระเยซูเจ้า
ไม่มีแม่พระก็ไม่มีพระเยซูเจ้า ไม่รู้จักแม่พระก็ไม่รู้จักพระเยซูเจ้า
แม่พระทรงให้กำเนิดพระเยซูคริสต์
ผู้เป็นปังแห่งชีวิต ที่”เบ็ทเลเฮ็ม” ซึ่งเป็นภาษายิวแปลว่า “บ้านขนมปัง” แม่พระทรงวางพระกุมารไว้ในรางหญ้า (รางหญ้า = manger
มาจากคำว่า mangia ซึ่งแปลว่า “สำหรับกิน”)
รางหญ้ามีไว้เพื่อให้อาหารแกะ
นี่เป็นสัญลักษณ์ในการที่เราเข้าไปรับศีลมหาสนิท พระคริสต์ทรงบังเกิดในสถานที่อันต่ำต้อย
แต่สถานที่อันต่ำต้อยนี้กลายเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์โดยการประทับอยู่ของพระเยซูคริสต์
ลักษณะเดียวกันนี้เกิดขึ้นเมื่อพระเยซูเจ้าทรงมาประทับอยู่ในสถานที่อันต่ำต้อยอีกแห่งหนึ่ง นั่นคือร่างกายที่ต่ำต้อยเพราะบาปของเรา พระองค์ทรงทำให้ร่างกายนี้ศักดิ์สิทธิ์ ถ้าปราศจากพระคริสต์ ซาตานจะเข้าครอบครองพวกเราทั้งหมด แม่พระทรงเป็นมารดาที่น่ารัก พระนางทรงเลี้ยงดูพวกเราด้วยพระบุตรของพระนางในศีลมหาสนิท เพื่อที่พวกเราจะได้มีชีวิตนิรันดร และพระนางปรารถนาให้เราทุกคนทำความสะอาดจิตใจของเราด้วยการไปรับศีลอภัยบาป
ในศีลอภัยบาปพวกเราได้บังเกิดใหม่ได้ชีวิตใหม่ และผู้บังเกิดมาย่อมต้องมีมารดา และพระนางมารีย์ทรงเป็นมารดาของพวกเรา ตามที่พระคัมภีร์วิวรณ์12:17 กล่าวไว้ว่า “และพวกเราจะเป็นลูกของพระนาง ถ้าเราเป็นพยานยืนยันถึงพระคริสต์และปฏิบัติตามพระบัญญัติของพระองค์”
วันจันทร์ที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559
พระดำรัสสำหรับเทศกาลมหาพรต2016
ROME — พระสันตปาปาฟรังซิสทรงเตือน “ผู้ร่ำรวยและมีอำนาจ” ว่า
ถ้าพวกเขาละเลยคนยากจนซึ่งอยู่ใกล้พวกเขา (คนยากจนผู้เป็นเหมือนพระคริสต์อีกองค์หนึ่ง) พวกเขาจะจบชีวิตในนรก
พระสันตะปาปาวิงวอนคริสตชนทุกคนให้ใช้เวลา
40 วันในเทศกาลมหาพรตที่จะเริ่มต้นในวันที่ 10 กุมภาพันธ์ เพื่อ”เอาชนะความโน้มเอียงที่ไม่ดี”ของตน โดยฟังพระวาจาของพระเจ้าและปฏิบัติกิจเมตตา
โดยการให้อาหารแก่ผู้หิวโหย ให้เสื้อผ้าแก่ผู้เปล่าเปลือย ให้ที่พักแก่ผู้ไร้บ้าน การเยี่ยมผู้ขัดสน การให้คำปรึกษา และให้อภัยเหมือนที่พระคริสต์ทรงให้อภัย
“โดยการสัมผัสร่างกายของพระเยซูผู้ถูกตรึงกางเขนด้วยความทรมาน คนบาปจะสามารถรับพระพรที่จะทำให้เขาตระหนักว่า พวกเขาก็เป็นคนยากจนขัดสนด้วยเช่นกัน”
พระคริสต์กลับกลายเป็นผู้มองเห็นได้ในผู้ที่ทุกข์ทรมาน ผู้ถูกบดขยี้
ผู้เจ็บป่วย ผู้หิวโหยอดอาหารและผู้ลี้ภัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งคือผู้ที่ได้รับการเบียดเบียนเพราะความเชื่อของพวกเขาซึ่งมีอยู่ทั่วโลก
โดยอาศัยกิจการแห่งความเมตตาเท่านั้นที่ผู้มีอำนาจและคนร่ำรวยสามารถได้รับการโอบกอดและความรักจากพระเยซู
พระผู้ทรงถูกตรึงกางเขนและกลับคืนชีพเพื่อพวกเขา
ความรักของพระคริสต์เป็นคำตอบสำหรับ
“การได้รับความสุขและความรักนิรันดร แทนสิ่งที่เราคิดว่ามันให้ความสุขด้วยอุปมัยของความรู้,
อำนาจและความร่ำรวย”
“แต่อันตรายยังมีอยู่เสมอสำหรับผู้มีใจหยิ่งทะนง คนร่ำรวยและผู้มีอำนาจ ถ้าพวกเขาปิดประตูหัวใจของเขาต่อพระคริสต์ผู้ทรงเคาะประตูเรียกพวกเขาในตัวของผู้ยากจน พวกเขาจะจบชีวิตและสาปแช่งตัวเองให้ตกลงสู่ห้วงมหรรณพอันโดดเดี่ยวอ้างว้างนั่นก็คือนรก”
“พวกเขาคิดว่าตัวเองร่ำรวย
แต่แท้ที่จริงพวกเขายากจนที่สุดในบรรดาความยากจน เพราะพวกเขาเป็นทาสของบาป โดยการไม่ใช้ความร่ำรวยและอำนาจเพื่อรับใช้พระเจ้าและคนอื่นๆ
แต่จงรับรู้ในส่วนลึกของหัวใจของเขาเถอะว่า พวกเขาก็เช่นกัน เป็นเพียงคนยากจนและขอทานเท่านั้น”
“ยิ่งมีอำนาจและร่ำรวยมากเท่าไร ความมืดบอดและการหลอกลวงก็มีมากขึ้นเท่านั้น พวกเขามืดบอดต่อพระคริสต์ พระผู้ทรงพร่ำวิงวอนพวกเขาโดยผ่านทางคนยากจนและสาส์นของเรา”
เทศกาลมหาพระกินเวลา
40 วัน
เป็นเวลาสำหรับทำพลีกรรมการอดอาหาร
สวดภาวนา และกลับใจใช้โทษบาป เริ่มต้นในวันพุธรับเถ้า 10 กุมภาพันธ์ และเตรียมจิตใจสำหรับวันอิสเตอร์ที่จะมาถึงซึ่งตรงกับวันที่
24 มีนาคม
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)