พระเมตตาของพระเยซูเจ้า

จงบอกมนุษยชาติที่กำลังเจ็บป่วย ให้เข้ามาใกล้หัวใจอันเมตตาของเรา แล้วเราจะประทานสันติภาพให้แก่มนุษยชาติ พระเมตตาของเราไม่มีวันสิ้นสุดเลย

พระวาจาวันอาทิตย์ที่ 21 เมษายน 2024 พระเยซูเจ้าทรงเป็นผู้เลี้ยงแกะที่ดี

           เราเป็นผู้เลี้ยงแกะที่ดี ผู้เลี้ยงแกะย่อมสละชีวิตเพื่อแกะของตน ลูกจ้างที่ไม่ใช่ผู้เลี้ยงแกะและไม่เป็นเจ้าของแกะ เมื่อเห็นสุนัขป่าเข้ามาก็ละทิ้งบรรดาแกะและหนีไป สุนัขป่าแย่งชิงแกะ และฝูงแกะก็กระจัดกระจายไป ลูกจ้างวิ่งหนีเพราะเขาเป็นเพียงลูกจ้าง ไม่มีความห่วงใยฝูงแกะเลย เราเป็นผู้เลี้ยงแกะที่ดี เรารู้จักแกะของเรา และแกะของเราก็รู้จักเรา พระบิดาทรงรู้จักเราฉันใด เราก็รู้จักพระบิดาฉันนั้น เรายอมสละชีวิตเพื่อแกะของเรา เรายังมีแกะอื่น ๆ ซึ่งไม่อยู่ในคอกนี้ เราต้องนำหน้าแกะเหล่านี้ด้วย แกะจะฟังเสียงของเรา
           จะมีแกะเพียงฝูงเดียวและผู้เลี้ยงเพียงคนเดียว พระบิดาทรงรักเรา เพราะเราสละชีวิตของเราเพื่อจะเอาชีวิตนั้นคืนมาอีก ไม่มีใครเอาชีวิตไปจากเราได้ แต่เราเองสมัครใจสละชีวิตนั้น
           เรามีอำนาจที่จะสละชีวิตของเรา และมีอำนาจที่จะเอาชีวิตนั้นคืนมาอีก นี่คือพระบัญชาที่เราได้รับจากพระบิดาของเรา‘
(ยอห์น 10:11-18)








วันอังคารที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

ศีลมหาสนิท

ศีลมหาสนิท – พันธสัญญาระหว่างพระเยซูเจ้ากับประชากรของพระองค์
พระเยซูเจ้าทรงกระทำพันธสัญญาในการเสกปังระหว่างอาหารค่ำมื้อสุดท้าย  พันธสัญญานี้เป็นความสัมพันธ์ในครอบครัว  ประชาชนจากหลายครอบครัวได้กลายมาเป็นครอบครัวเดียว  ความสัมพันธ์นี้ไม่เหมือนความสัมพันธ์อื่น  อย่างเช่นการซื้อขายแลกเปลี่ยนสินค้าหรือการบริการทางด้านเศรษฐกิจ  แต่เป็นความสัมพันธ์ที่เหมือนกับการแต่งงานซึ่งทำให้คนสองคนกลายเป็นเนื้อเดียวกัน  สิ่งเดียวกันนี้บังเกิดขึ้นในศีลมหาสนิทด้วย  พระเยซูคริสต์ทรงกลายเป็นกายและโลหิตเดียวกันกับเรา  เพราะเรามีเนื้อและพระโลหิตของพระองค์อยู่ในตัวของเรา  และเราก็เป็นเหมือนพระแม่มารีย์ด้วย  เพราะพระนางทรงรับพระเยซูไว้ในครรภ์ของพระนางเป็นเวลา 9 เดือน  พันธสัญญานี้มีความหมายว่าบัดนี้เราเป็นสมาชิกในครอบครัวแล้ว  เปรียบเหมือนเด็กที่เกิดมาแล้วและเขาได้กลายเป็นทายาทที่มีสิทธิในมรดก  เช่นเดียวกับในการรับศีลล้างบาป  เราได้กลายเป็นบุตรของพระเจ้า  เรามีพระเจ้าเป็นบิดาของเรา  มีพระเยซูเจ้าเป็นพระผู้ไถ่ของเรา  และมีพระจิตเจ้าเป็นผู้คอยช่วยเหลือเรา  เมื่อมีการแต่งงาน  คู่แต่งงานได้เข้าไปอยู่ในครอบครัวของแต่ละฝ่าย  บิดามารดาของเจ้าสาวก็กลายเป็นบิดามารดาของฝ่ายชาย  และบิดามารดาของฝ่ายชายก็กลายเป็นบิดามารดาของเจ้าสาวเช่นกัน  เมื่อทั้งคู่มีลูก  ลูกที่เกิดมาก็เข้ามาอยู่ในครอบครัวของพวกเขา  ลูกมีทั้งบิดาและมารดา  ด้วยเหตุนี้พระเยซูเจ้าจึงตรัสกับยอห์นว่า “นี่คือแม่ของท่าน”  (ยน.19:27)  เมื่อเราเป็นศิษย์ของพระเยซูเจ้า เราจึงควรทำเช่นเดียวกับยอห์นซึ่งรับพระมารดามารีย์มาอยู่ในบ้านของตน  เราก็ต้องรับพระมารดามารีย์มาอยู่ในหัวใจของเราเช่นกัน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น