โดยนักบุญเทเรซาแห่งอาวิลา
ปราสาทชั้นที่สี่
เนื่องจากปราสาทชั้นที่สี่นี้อยู่ใกล้ที่ประทับขององค์พระมหากษัตริย์,จึงมีความสวยงามมาก และสิ่งที่เห็นและได้ยินในปราสาทชั้นนี้นั้นละเอียดอ่อนมาก จนบุคคลผู้หนึ่งบอกเราว่า “จิตใจไม่สามารถจินตนาการถึงสิ่งนี้ได้” เขาคือคนที่ได้รับพระพรให้ได้มีประสบการณ์เหล่านี้
ดูเหมือนว่าคนๆหนึ่งต้องอยู่ในชั้นเดิมของปราสาทเป็นเวลานานก่อนที่จะเข้ามาถึงชั้นที่สี่ได้ แต่ตามที่ท่านคงเคยได้ยินบ่อยๆว่าไม่มีกฎตายตัว เพราะขึ้นอยู่กับพระเจ้าว่าทรงประทานให้เมื่อใด,อย่างไร,แก่ผู้ซึ่งพระองค์ทรงประสงค์ สมบัตินั้นเป็นของพระองค์ และการเลือกของพระองค์ไม่ได้ทำผิดต่อผู้ใด สัตว์เลื้อยคลานที่มีพิษไม่ค่อยเข้ามาในชั้นนี้ และถ้าพวกมันเข้ามาก็สร้างประโยชน์มากกว่าทำอันตราย ฉันคิดว่ามันดีกว่ามากสำหรับพวกเขาที่จะเข้าไปทำสงครามกับวิญญาณในสถานะของการสวดภาวนานี้ หากไม่ถูกล่อลวง บางครั้งปีศาจอาจหลอกให้เข้าใจผิดเกี่ยวกับการปลอบประโลมจากเบื้องบน....ฉันคิดว่าเป็นไปไม่ได้ที่พระจิตจะสถิตอยู่ภายในเราตลอดเวลาในระดับเดียวกันระหว่างการถูกเนรเทศในโลก
ตอนนี้ฉันจะอธิบายความแตกต่างระหว่างความอ่อนหวานที่เรารู้สึกในระหว่างการสวดภาวนาและการปลอบประโลมฝ่ายจิตตามที่ฉันสัญญาไว้ สำหรับฉันแล้วดูเหมือนว่าสิ่งที่เราได้มาในการพินิจใคร่ครวญและการวิงวอนต่อพระเจ้าอาจเรียกว่าเป็น 'ความอ่อนหวานในความศรัทธา' มันเป็นไปตามธรรมชาติและได้รับความช่วยเหลือจากพระหรรษทานของพระเจ้า ความอ่อนหวานนี้เกิดขึ้นจากการงานที่ดีที่เราทำเป็นหลัก และเป็นผลมาจากการออกแรงของเรา ขอให้เรารู้สึกมีความสุขเถิด เราจะพบว่าเรื่องทางโลกหลายอย่างทำให้เรามีความสุขที่คล้ายกัน เช่น การได้ลาภก้อนโตมาโดยไม่คาดคิด การได้พบเพื่อนรักอย่างกะทันหัน หรือการประสบความสำเร็จในกิจการสำคัญซึ่งทำให้เกิดความรู้สึกในทางโลก....ฉันได้เห็นบางคนร้องไห้เมื่อสัมผัสความสุขเช่นนี้ ฉันถือว่าทั้งความสุขเหล่านี้และสิ่งที่เรารู้สึกในเรื่องทางศาสนาเป็นเรื่องตามธรรมชาติ....กล่าวโดยย่อคือ เริ่มต้นในตัวเราและสิ้นสุดในพระเจ้า ตรงกันข้าม การปลอบประโลมทางวิญญาณเกิดขึ้นจากพระเจ้า และเป็นธรรมชาติของเราเมื่อรู้สึกถึงสิ่งเหล่านั้น,ที่จะชื่นชมยินดีในสิ่งเหล่านั้น
Source: The Interior Castle Or The Mansions
#Catholic 4 Life