พระเมตตาของพระเยซูเจ้า

จงบอกมนุษยชาติที่กำลังเจ็บป่วย ให้เข้ามาใกล้หัวใจอันเมตตาของเรา แล้วเราจะประทานสันติภาพให้แก่มนุษยชาติ พระเมตตาของเราไม่มีวันสิ้นสุดเลย

พระวาจาวันอาทิตย์ที่ 12 พฤษภาคม 2024 สมโภชพระเยซูเจ้าเสด็จขึ้นสวรรค์

           พระองค์ตรัสกับเขาว่า “ท่านทั้งหลายจงออกไปทั่วโลก ประกาศข่าวดีให้มนุษย์ทั้งปวง ผู้ที่เชื่อและรับศีลล้างบาปก็จะรอดพ้น ผู้ที่ไม่เชื่อจะถูกตัดสินลงโทษ ผู้ที่เชื่อจะทำอัศจรรย์เหล่านี้ได้ คือจะขับไล่ปีศาจในนามของเรา จะพูดภาษาใหม่ ๆ ได้ จะจับงูได้ และถ้าดื่มยาพิษก็จะไม่ได้รับอันตราย เขาจะปกมือเหนือคนเจ็บ คนเจ็บเหล่านั้นก็จะหายจากโรคภัย” เมื่อพระเยซู องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนี้แล้ว พระเจ้าทรงรับพระองค์ขึ้นสู่สวรรค์ ให้ประทับ ณ เบื้องขวา บรรดาศิษย์ก็แยกย้ายกันออกไปเทศนาสั่งสอนทั่วทุกแห่งหน องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงทำงานร่วมกับเขา และทรงรับรองคำสั่งสอนโดยอัศจรรย์ที่ติดตามมา
(มาระโก 16:15-20)








วันพฤหัสบดีที่ 14 เมษายน พ.ศ. 2559

วันทามารีย์7


นักบุญเบอร์นาร์ด และนักบุญหลายท่านกล่าวว่า ยังไม่เคยได้ยินเลยว่า พระนางมารีย์ทรงปฎิเสธคำวิงวอนขอของลูกของพระนางบนโลกนี้ซึ่งสวดภาวนาวอนขอความช่วยเหลือจากพระนาง ทำไมเราจึงไม่ตระหนักในความจริงนี้ล่ะ? ทำไมเราปฏิเสธความรักและความบรรเทาใจซึ่งพระมารดาอ่อนหวานของพระเจ้าทรงเสนอให้กับเราเล่า?
นักบุญ เกอร์ทรูดได้บอกกับเราในหนังสือ "Revelations" ของเธอว่า เมื่อใดก็ตามที่เราขอบพระคุณพระเป็นเจ้าสำหรับพระหรรษทานใดๆที่พระองค์ทรงประทานแก่นักบุญองค์ใดก็ตาม, เราก็จะได้รับส่วนแบ่งพระหรรษทานนั้นๆด้วย.
จะมีพระหรรษทานใดหรือที่เราจะไม่ได้รับเมื่อเราสวดบทวันทามารีอา เพื่อขอบพระคุณพระเป็นเจ้า? เพราะพระหรรษทานทุกประการนั้น พระองค์ทรงประทานให้กับพระมารดาของพระองค์แล้ว

วันพุธที่ 13 เมษายน พ.ศ. 2559

แม่น้ำไนล์สีเลือด


Tuesday, April 5, 2016, 7:01 PM –ภาพจากดาวเทียมของยุโรป <European Space Agency ดูเหมือนแม่น้ำไนล์ของอิยิปต์จะเป็นสีแดงเหมือนสีเลือด ทำให้คิดถึงเรื่องราวในพระคัมภีร์ แต่แท้ที่จริงแล้วมันเป็นอย่างอื่น
รายการโทรทัศน์รายงานอากาศกล่าวว่า สิ่งที่ดูเหมือนเลือดที่ปรากฏในแม่น้ำไนล์ที่อยู่ใจกลางประเทศอิยิปต์นั้นไม่ใช่เลือด  และมันไม่ได้อยู่ในแม่น้ำไนล์  สีแดงที่เห็นเป็นทางยาวนั้นเป็นผักที่ขึ้นอยู่ริมฝั่งแม่น้ำและแผ่ขยายไปตามแม่น้ำจนถึงสันดอน
ภาพข้างบนถ่ายได้เมื่อวันที่ 3 มี.ค. 2016 โดยดาวเทียม   ESA's Sentinel-3

วันอังคารที่ 12 เมษายน พ.ศ. 2559

วันทามารีย์6


พระสงฆ์องค์หนึ่งถูกเชิญให้ไปพบชายคนหนึ่งซึ่งใกล้ตายและรู้สึกสิ้นหวังเพราะมีบาปหนัก. ไม่ว่าจะพูดอย่างไรก็ตาม, ชายคนนี้ก็ปฎิเสธที่จะสารภาพบาป ในที่สุด,คุณพ่อขอให้เขาสวดบทวันทามารีอาอย่างน้อยหนึ่งบท. ชายคนนี้ยอมทำตาม, หลังจากสวดแล้วเขาก็ยอมสารภาพบาปอย่างเต็มใจและได้สิ้นใจอย่างดี.
พระสงฆ์อีกองค์หนึ่งได้รับการขอร้องให้ไปพบกับสตรีโปรแตสแตนท์ซี่งกำลังป่วยหนักและเธอปรารถนาจะมาเป็นคาทอลิก.
ท่านถามสตรีผู้นั้นว่า เธอเคยไปโบสถ์คาทอลิก, หรือเคยพูดคุยกับคริสตชนคาทอลิก หรือเคยอ่านหนังสือคาทอลิกบ้างหรือไม่? เธอตอบว่า"ไม่เคยเลย"
สิ่งที่เธอจำได้คือ - - - เมื่อตอนเป็นเด็ก --- เธอเคยได้เรียนรู้บทสวดวันทามารีอาจากเด็กหญิงเพื่อนบ้านซึ่งเป็นคาทอลิกคนหนึ่ง. และเธอได้สวดบทวันทามารีอานี้ทุกคืน. เธอได้รับการล้างบาปมาเป็นคาทอลิก และก่อนที่เธอจะสิ้นใจ,เธอมีความสุขมากที่ได้เห็นสามีและลูกๆของเธอได้รับศีลล้างบาปด้วย

วันจันทร์ที่ 11 เมษายน พ.ศ. 2559

กราดิเอเตอร์


อาณาจักรโรมันสมัยโบราณ มีเกมส์การต่อสู้ยอดนิยมอย่างหนึ่ง  นั่นคือการต่อสู้ระหว่างนักโทษในสนามกีฬากลางแจ้ง  เหมือนที่เราเคยดูในภาพยนตร์เรื่องกราดิเอเตอร์ (Gladiator) มันเป็นความบันเทิงของคนดูที่ได้เห็นความรุนแรง  ความโหดร้ายของมนุษย์ซึ่งมักจะจบลงด้วยความตาย
ต่อมาเกมส์การต่อสู้กราดิเอเตอร์นี้ก็หมดสิ้นไป  เท่าที่รู้คือตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม ค.ศ. 404  และมันหมดสิ้นไปได้อย่างไร?
นั่นเป็นเพราะนักบุญองค์หนึ่ง
 เทเลมาคัส Telemachus เป็นนักพรตคริสตศาสนาที่มาจากตะวันออก เดินทางมายังโรม  ท่านได้ชมกีฬาที่น่ากลัวนี้  และถึงแม้เวลานั้นจักรพรรดิทิโอโดซิอุสจะทำให้คริสตศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติแล้วในปี ค.ศ. 380  แต่เกมส์การต่อสู้กราดิเอเตอร์ก็ยังคงมีอยู่ต่อไป
ตามข้อเขียนในศตวรรษที่ 5 ของพระสังฆราชทิโอโดเรทแห่งไซรัส  (bishop Theodoret of Cyrus)ได้เล่าว่า  เทเลมาคัสวิ่งลงไปกลางสนามต่อสู้กราดิเอเตอร์  และพยายามหยุดการต่อสู้ที่กำลังดำเนินอยู่  ทำให้ผู้คนที่กำลังชมโกรธเคืองเป็นอันมาก  พวกเขาขว้างก้อนหินลงมาทำให้เทเลมาคัสเสียชีวิต
จักรพรรดิโฮโนริอุส รู้สึกวุ่นวายพระทัยมากที่มีการฆาตกรรมนักพรตผู้ศักดิ์สิทธิ์ผู้นี้  พระองค์จึงสั่งระงับเกมส์กราดิเอเตอร์เสียตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา  และเกมส์กีฬาที่โหดเหี้ยมนี้ก็ไม่มีอีกเลย
ความกล้าหาญของนักบุญเทเลมาคัส  คงเป็นเครื่องเตือนใจสำหรับความอยุติธรรมในสมัยของเรานี้ด้วย  ความอยุติธรรมซึ่งพระเป็นเจ้าทรงเรียกร้องให้เราคริสตชนแสดงความกล้าหาญที่จะหยุดยั้งมัน  ถึงแม้จะต้องพลีชีพก็ตาม

วันอาทิตย์ที่ 10 เมษายน พ.ศ. 2559

กล้าในการทูลวอนขอ

มีบางคนที่มีความกล้าในเวลาที่สวดภาวนาโดยเฉพาะอย่างยิ่งในเวลาที่เขารู้สึกโกรธหรือผิดหวังในพระเจ้า
>>>อ่านต่อ 

วันเสาร์ที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2559

วันทามารีย์5


นักบุญ แมคทิลเด, ผู้ที่รักแม่พระมาก, วันหนึ่งสาละวนกับการแต่งบทสวดที่สวยงามเพื่อสรรเสริญแม่พระ. แม่พระได้ประจักษ์มาแก่ท่านและมีอักษรสีทองปรากฏอยู่บนพระหทัยซึ่งเขียนว่า "วันทามารีอาเปี่ยมด้วยหรรษทาน" พระนางตรัสแก่ท่านว่า "ลูกรัก, ไม่ว่าลูกจะคิดบทสวดอะไรก็ตามก็ไม่สามารถจะนำความยินดีมาให้แก่แม่ได้มากเท่ากับบทสวดวันทามารีอานี้"
ท่านนักบุญองค์นี้จึงสวดบทวันทามารีอาอย่างช้าๆเสมอ และได้พบกับปิติสุข. แม่พระทรงประจักษ์แก่ท่านอีกครั้ง, ทรงยิ้มและบอกให้ท่านทราบถึงวันเวลาที่ท่านจะเสียชีวิต และจะทำให้ท่านสิ้นชีวิตอย่างศักดิ์สิทธิ์และมีความสุขที่สุด
หลังจากมรณกรรมของท่าน,มีดอกลีลี่สวยงามได้งอกและเติบโตขึ้นจากปากของท่านและมีคำเขียนไว้บนกลีบดอกของมันว่า "วันทามารีอา"
ท่านเซซารีอุสก็มีปรากฎการณ์คล้ายๆกัน. ท่านเป็นนักพรตที่ศํกดิ์สิทธิ์และถ่อมตน ท่านอาศํยอยู่ในอาราม. ท่านมีความจำที่ไม่ดีนักจนท่านจำบทสวดได้เพียงบทเดียวคือบท "วันทามารีอา" . หลังจากท่านเสียชีวิต,มีต้นไม้เติบโตขึ้นบนหลุมฝังศพของท่านและใบทุกใบของมันจะมีอักษรเขียนไว้ว่า "วันทามารีอา"
เรื่องเล่าอันสวยงามนี้แสดงให้เราเห็นว่าความศรัทธาต่อแม่พระมีคุณค่ามากสักเพียงไร และบทสวดวันทามารีอามีอำนาจมากสักเพียงไร

วันพฤหัสบดีที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2559

คำแนะนำของคุณพ่อบอสโกในการมีชีวิตที่มีความสุข

 
คุณพ่อบอสโกเคยได้รับความยากลำบากมาตั้งแต่เด็ก  แต่ท่านก็มีชีวิตที่มีความสุขมีความร่าเริงยินดีในจิตใจเสมอ  ท่านเขียนจดหมายถึงคนในคณะซาเลเซียนว่า “มิตรสหายที่รัก  พ่อเป็นคนที่จิตใจร่าเริงยินดีและพ่อรักในสภาพเช่นนี้  เพราะฉะนั้น  พ่อจึงปรารถนาให้เธอและทุกๆคนมีความสุข  ถ้าพวกเธอทำตามที่พ่อแนะนำ  พวกเธอก็จะมีจิตใจร่าเริงยินดีและมีความสุขในหัวใจ
และนี่เป็นคำแนะนำ 6 ข้อของคุณพ่อบอสโกในการมีชีวิตที่มีความสุข
1.            มีชีวิตเพื่อพระเป็นเจ้าเท่านั้น – “จงถวายเกียรติและสรรเสริญพระเป็นเจ้าให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ด้วยจิตวิญญาณทั้งสิ้นของท่าน  ถ้าท่านมีบาปในจิตใต้สำนึก  จงกำจัดมันออกไปให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ โดยการไปสารภาพบาปอย่างดี”
2.            เป็นเพียงคนรับใช้  - “อย่าต่อต้านผู้ใด  เหนือสิ่งอื่นใด จงเต็มใจที่จะรับใช้ผู้อื่น  จงเข้มงวดกับตัวเองมากกว่าเข้มงวดกับผู้อื่น”
3.            ระมัดระวังในการสมาคม – “อย่าวางใจผู้ที่ไม่มีความเชื่อในพระเป็นเจ้าและผู้ที่ไม่เชื่อฟังคำสั่งสอนของพระองค์  ระวังคนที่ไม่มีศิลธรรมและกระทำผิดต่อพระบัญญัติของพระเจ้าและผู้ที่ไม่ทำสิ่งที่พวกเขาควรทำในด้านศิลธรรมอันดีงาม  เขาอาจจะทรยศต่อท่านได้เมื่อเขามีโอกาส
4.            ใช้จ่ายเงินอย่างระมัดระวัง – “ถ้าท่านไม่ต้องการตกในความยากลำบาก  จงอย่าใช้จ่ายเงินมากเกินกว่าที่หามาได้  ท่านต้องจดจำเรื่องนี้ไว้เสมอและรู้จักสถานะของตัวเอง”
5.            เป็นคนถ่อมตน – “จงถ่อมตน  พูดให้น้อยเกี่ยวกับตัวเองและอย่าพูดยกย่องตัวเองต่อผู้ใด  คนที่ยกย่องตัวเอง  ถึงแม้เขาจะมีความดีก็จริง  เขาก็เสี่ยงที่จะสูญเสียความรู้สึกดีๆจากผู้อื่น  คนที่แสวงหาแต่การยกย่องสรรเสริญและเกียรติเพื่อตัวเอง  แน่ใจได้ว่าเขาจะมุ่งหน้าไปสู่ความว่างเปล่าไร้แก่นสาร  เขาจะไม่มีสันติสุขในจิตใจและจะกลายเป็นคนที่ไม่น่าเชื่อถือ”
6.            แบกกางเขนของตนเอง – “จงแบกกางเขนด้วยบ่าของท่านและรับแบกไม่ว่าจะเป็นกางเขนที่ใหญ่หรือเล็ก  ไม่ว่าจะเป็นกางเขนที่มาจากเพื่อนหรือศัตรู  และไม่ว่ามันจะทำด้วยไม้หรือสิ่งอื่น  ผู้ที่ฉลาดที่สุดและมีความสุขมากที่สุดก็คือผู้ที่รู้ตัวว่าเป็นภาระของเขาที่จะต้องแบกกางเขนไปตลอดชีวิต  ด้วยความเต็มใจและยอมรับสิ่งที่พระเป็นเจ้าทรงส่งมาให้เขา”
เราสามารถมีจิตใจที่ชื่นชมยินดีอยู่เสมอเหมือนคุณพ่อบอสโกได้  เมื่อเราปฏิบัติตามคำแนะนำเหล่านั้น  แล้วเราจะค้นพบความลับว่าความศักดิ์สิทธิ์เป็นความสุขที่แท้จริงนั่นเอง  เหมือนที่บรรดานักบุญทั้งหลายได้ค้นพบมาก่อนแล้ว  และบรรดานักบุญเหล่านั้นก็ปรารถนาให้เราได้ค้นพบเหมือนกับท่านด้วย