พระเมตตาของพระเยซูเจ้า

จงบอกมนุษยชาติที่กำลังเจ็บป่วย ให้เข้ามาใกล้หัวใจอันเมตตาของเรา แล้วเราจะประทานสันติภาพให้แก่มนุษยชาติ พระเมตตาของเราไม่มีวันสิ้นสุดเลย

พระวาจาวันอาทิตย์ที่ 12 พฤษภาคม 2024 สมโภชพระเยซูเจ้าเสด็จขึ้นสวรรค์

           พระองค์ตรัสกับเขาว่า “ท่านทั้งหลายจงออกไปทั่วโลก ประกาศข่าวดีให้มนุษย์ทั้งปวง ผู้ที่เชื่อและรับศีลล้างบาปก็จะรอดพ้น ผู้ที่ไม่เชื่อจะถูกตัดสินลงโทษ ผู้ที่เชื่อจะทำอัศจรรย์เหล่านี้ได้ คือจะขับไล่ปีศาจในนามของเรา จะพูดภาษาใหม่ ๆ ได้ จะจับงูได้ และถ้าดื่มยาพิษก็จะไม่ได้รับอันตราย เขาจะปกมือเหนือคนเจ็บ คนเจ็บเหล่านั้นก็จะหายจากโรคภัย” เมื่อพระเยซู องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนี้แล้ว พระเจ้าทรงรับพระองค์ขึ้นสู่สวรรค์ ให้ประทับ ณ เบื้องขวา บรรดาศิษย์ก็แยกย้ายกันออกไปเทศนาสั่งสอนทั่วทุกแห่งหน องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงทำงานร่วมกับเขา และทรงรับรองคำสั่งสอนโดยอัศจรรย์ที่ติดตามมา
(มาระโก 16:15-20)








วันพุธที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

ผู้ค้นพบบ้านของแม่พระที่เอเฟซัส


“...บ้านของเราจะถูกเรียกว่าเป็นบ้านแห่งการสวดภาวนาของทุกคน” อิสยาห์ 56:7

วันจันทร์ที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

ภูเขาไฟใต้กรุงโรม


             วาติกันเคยได้รับคำเตือนให้ระวังภัยจากผู้ก่อการร้ายซึ่งอาจจะก่อการขึ้นที่วาติกัน  เวลานี้วาติกันได้รับคำเตือนอีกอย่างหนึ่ง  นักวิทยาศาสตร์ได้ศึกษาสภาพทางธรณีวิทยาของอิตาลีได้เตือนว่า  แนวภูเขาไฟที่อยู่ชานกรุงโรมแสดงสัญญาณว่าอาจจะปะทุขึ้นได้
             นักวิทยาศาสตร์กังวลว่าบริเวณตอนกลางของอิตาลีเกิดแผ่นดินไหวบ่อยครั้ง  มีสาเหตุมาจากแรงกดทับที่อยู่ลึกลงไปใต้พื้นดิน  นักวิทยาศาสตร์ได้ศึกษาเรื่องนี้และพบว่าแนวหินแมกมาโบราณที่อยู่ข้างใต้บริเวณชานกรุงโรมมีแมกมาไหลเพิ่มเข้ามา  และอาจแตกเป็นรอยแยก
             พื้นดินบริเวณที่พักร้อนของพระสันตะปาปาคือ Castel Gandolfo สูงขึ้น 2-3 มม.ต่อปี
             บริเวณที่มีปฏิกิริยามากที่สุดคือที่ Alban Hills อยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของโรม
ภูเขาไฟที่อยู่ลึกลงไปใต้เนินเขาได้สงบนิ่งมานาน 36,000 ปี  แต่มันอาจปะทุขึ้นได้อีกครั้งและจะเป็นอันตรายอย่างมากต่อกรุงโรมรวมทั้งวาติกันด้วย  อย่างไรก็ตามเหตุการณ์นี้ไม่ใช่จะเกิดในเร็วๆนี้  อาจต้องใช้เวลาอีกนานหลายสิบปี

วันอาทิตย์ที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

ส่วนล่างสุดของไฟชำระ

พวกเขาไม่ได้รับประโยชน์จากคำภาวนานั้น  เพราะพวกเขาไม่ใส่ใจใยดีในพระเป็นเจ้า  ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ได้รับความใส่ใจใยดีจากผู้อื่นเช่นเดียวกัน
>>>อ่านต่อ

วันเสาร์ที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

พระคูหาศักดิ์สิทธิ์

ตัวอาคารวัดพระคูหาศักดิ์สิทธิ์นี้ มีความซับซ้อนมาก ภายในอาคารมีวัดเล็กวัดใหญ่หลายวัด แบ่งส่วนการครอบครองโดย คริสตชนหลายนิกาย ทั้งกรีกออร์ธอด็อกซ์ อาร์เมเนียนอาโปสโตลิก โรมันคาทอลิก เอธิโอเปียนออร์ธอด็อกซ์ ซีเรียนออร์ธอด็อกซ์ และคอปติกส์ออร์ธอด็อกซ์>>>อ่านต่อ

วันศุกร์ที่ 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

การเปิดฝาหลุมพระศพ


ทีมวิจัยทำงานที่โบสถ์แห่งพระคูหาศักดิ์สิทธิ์ได้พบแท่นศิลาซึ่งเป็น”ที่วางพระศพ” ของพระเยซูเจ้า
ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ได้มีการเปิดฝาหลุมพระศพที่เข้าไปสู่ที่วางพระศพ  ศ.จ. Antonia Moropoulou ซึ่งเป็นหัวหน้าโครงการกล่าวว่า “นี่เป็นแผ่นหินศักดิ์สิทธิ์ที่ได้รับการเคารพเป็นเวลานับศตวรรษ  แต่ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่พวกเราได้เห็น”
             เมื่อหินอ่อนที่ปิดหลุมศพถูกเปิดออกเป็นครั้งแรก  ก็เผยให้เห็นวัตถุที่อยู่ข้างในอย่างชัดเจน  ต้องใช้เวลาหลายชั่วโมงเพื่อเปิดหินที่ปิดทับอยู่ด้านบน  ด้านในคือแท่นศิลาซึ่งเชื่อว่าเป็นที่วางพระศพของพระเยซูเจ้า  ก่อนที่พระองค์จะเสด็จกลับฟื้นคืนพระชนม์

วันพุธที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

นักบุญทั้งหลาย

             วันฉลองนักบุญทั้งหลายมีที่มาจากการฉลองมรณสักขีทั้งหลายในศตวรรษที่ 4 ที่ฉลองในสัปดาห์แรกหลังวันพระจิตเสด็จลงมา ต่อมาพระสันตะปาปาโบนีฟาสที่ 4 (St. Boniface IV: 608-615) ได้บูรณะวิหาร (Pantheon) ของชาวโรมันให้เป็นวิหารแห่งพระชนนีพระเจ้าและบรรดามรณสักขีผู้ศักดิ์สิทธิ์ เพื่อเก็บรักษาอัฐิของบรรดามรณสักขี โดยทำการฉลองในวันที่ 13 พฤษภาคม ค.ศ. 610 ในอีกร้อยปีต่อมาพระสันตะปาปาเกรโกรีที่ 3 (Gregory III:731-741) ได้สร้างวัดน้อยในมหาวิหารนักบุญเปโตรอุทิศให้นักบุญทั้งหลาย และกำหนดให้ฉลองในวันที่ 1 พฤศจิกายน ก่อนที่วันฉลองนี้จะแพร่หลายไปทั่วพระศาสนจักรในเวลาต่อมา
               มีผู้คนจำนวนมากที่มีความเข้าใจผิดเกี่ยวกับนักบุญ ที่หลงคิดว่านักบุญคือผู้ที่ไม่เคยทำบาป หรือไม่เคยกระทำความผิดเลยในชีวิต เป็นผู้มีคุณธรรมสูงส่ง จิตใจดีงาม เข้มแข็งอดทน และสุภาพถ่อมตน ไม่เคยคิดถึงตนเอง คิดถึงแต่พระเจ้าและผู้อื่น ซึ่งเป็นความเข้าใจที่ไม่ถูกต้อง ความจริง นักบุญคือผู้ที่มีความพยายามที่จะกลับใจเปลี่ยนแปลงตนเองอยู่ตลอดเวลา ซึ่งการเปลี่ยนแปลงนี้ไม่ใช่จะเกิดขึ้นชั่วข้ามคืน แต่เป็นผลมาจากความมานะพยายามและการต่อสู้เอาชนะน้ำใจตนเองด้วยความเจ็บปวด
               การเปลี่ยนแปลงจิตใจที่เราเรียกว่า การกลับใจคือสิ่งที่เห็นอย่างเด่นชัดในชีวิตของนักบุญผู้ยิ่งใหญ่ อย่าง นักบุญเปโตร นักบุญเปาโล นักบุญเอากุสติน นักบุญฟรังซิสอัสซีซี นักบุญอิกญาซีโอ ฯลฯ บรรดานักบุญเหล่านี้มีช่วงเวลาแห่งชีวิตที่ได้สัมผัสกับความรักของพระเจ้า และกลับใจเปลี่ยนแปลงตนเอง สิ่งนี้เองที่ทำให้ชีวิตของบรรดานักบุญท้าทายชีวิตเรา ทำให้เราคิดถึงความเป็นจริงแห่งชีวิตที่เป็นคนบาป และเป้าหมายสุดท้ายแห่งชีวิตของเราที่จะต้องมุ่งสู่ความศักดิ์สิทธิ์ครบครัน นั่นคือการเป็น นักบุญ