พระเมตตาของพระเยซูเจ้า

จงบอกมนุษยชาติที่กำลังเจ็บป่วย ให้เข้ามาใกล้หัวใจอันเมตตาของเรา แล้วเราจะประทานสันติภาพให้แก่มนุษยชาติ พระเมตตาของเราไม่มีวันสิ้นสุดเลย

พระวาจาวันอาทิตย์ที่ 19 พฤษภาคม 2024 สมโภชพระจิตเจ้า

           ค่ำวันนั้นซึ่งเป็นวันต้นสัปดาห์ ประตูห้องที่บรรดาศิษย์กำลังชุมนุมกันปิดอยู่เพราะกลัวชาวยิว พระเยซูเจ้าเสด็จเข้ามาประทับยืนอยู่ตรงกลาง ตรัสกับเขาทั้งหลายว่า “สันติสุขจงสถิตอยู่กับท่านทั้งหลายเถิด” ตรัสดังนี้แล้ว พระองค์ทรงให้บรรดาศิษย์ดูพระหัตถ์และด้านข้างพระวรกาย เมื่อเขาเหล่านั้นเห็นองค์พระผู้เป็นเจ้า ก็มีความยินดี พระองค์ตรัสกับเขาอีกว่า “สันติสุขจงสถิตอยู่กับท่านทั้งหลายเถิด พระบิดาทรงส่งเรามาฉันใด เราก็ส่งท่านทั้งหลายไปฉันนั้น”
           ตรัสดังนี้แล้ว พระองค์ทรงเป่าลมเหนือเขาทั้งหลาย ตรัสว่า “จงรับพระจิตเจ้าเถิด ท่านทั้งหลายอภัยบาปของผู้ใด บาปของผู้นั้นก็ได้รับการอภัย ท่านทั้งหลายไม่อภัยบาปของผู้ใด บาปของผู้นั้นก็ไม่ได้รับการอภัยด้วย”
(ยอห์น 20:19-23)








วันเสาร์ที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2557

เด็กชายชาวซีเรีย


เด็กชายชาวซีเรียคนนี้ต้องหลบซ่อนเป็นเวลาสองวันโดยไม่ได้กินอาหารเลย  เขาต้องกินหญ้าเพื่อประทังชีวิต  หลังจากได้รับความช่วยเหลือ สิ่งที่เขาอยากทำคือกินขนมปัง

วันศุกร์ที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2557

สาส์นแม่พระวันที่ 2-25 ธ.ค. 2014

สาส์นแม่พระประทานแก่ มารีจา 25 ธ.ค. 2014
ลูกที่รักทั้งหลาย  
  ในวันนี้  แม่ได้อุ้มพระกุมารเยซูมาหาพวกลูกและแม่ได้วอนขอสันติภาพจากพระองค์สำหรับลูก  ให้สันติภาพดำรงอยู่ท่ามกลายพวกลูก  จงสวดภาวนาและเทิดทูนบูชาองค์พระบุตรของแม่เถิดเพื่อที่สันติภาพและความชื่นชมยินดีของพระองค์จะได้เข้าสู่หัวใจของพวกลูก  แม่ได้สวดภาวนาสำหรับลูกให้เปิดหัวใจของลูกมากขึ้นในเวลาสวดภาวนา
ขอขอบใจลูกที่ตอบสนองเสียงเรียกของแม่

สาส์นแม่พระประทานแก่ มีรยานา 2 ธ.ค. 2014
ลูกที่รักทั้งหลาย 
จงจำไว้ – แม่ขอบอกลูกว่าความรักจะได้รับชัยชนะ แม่รู้ว่าพวกลูกหลายคนสูญเสียความหวัง เนื่องจากสิ่งรอบๆตัวลูก ลูกได้เห็นความทุกข์ ความเจ็บปวด ความอิจฉา ความริษยา...แต่ แม่ เป็นแม่ของลูก แม่อยู่ในอาณาจักรสวรรค์แต่แม่ก็อยู่ที่นี่กับลูกด้วย องค์พระบุตรของแม่ได้ส่งแม่มาอีกครั้งเพื่อช่วยเหลือพวกลูก เพราะฉะนั้น จงอย่าสูญเสียความหวัง แต่จงติดตามแม่แทน – เพราะชัยชนะแห่งดวงหทัยนิรมลของแม่อยู่ในพระนามของพระเป็นเจ้า องค์พระบุตรสุดที่รักของแม่ทรงคิดถึงพวกลูก พระองค์ทรงคิดถึงพวกลูกอยู่เสมอ จงเชื่อในพระองค์และอาศัยอยู่ในพระองค์เถิด พระองค์ทรงเป็นชีวิตของโลก ลูกทั้งหลายของแม่ การอาศัยอยู่ในองค์พระบุตรหมายถึงการดำเนินชีวิตตามพระวรสาร สิ่งนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย สิ่งนี้หมายถึงความรัก การให้อภัยและการเสียสละตนเอง สิ่งนี้จะชำระล้างลูกให้บริสุทธิ์และเปิดทางสู่อาณาจักรสวรรค์ จงสวดภาวนาด้วยความจริงใจ ไม่ใช่เพียงแต่คำพูดเท่านั้น แต่จงสวดภาวนาโดยให้หัวใจพูด ซึ่งจะช่วยลูก เช่นเดียวกับการอดอาหาร เพราะนั่นทำให้ความรัก การให้อภัยและการเสียสละตนเองเพิ่มพูนขึ้น เพราะฉะนั้น จงอย่าได้สูญเสียความหวังแต่จงติดตามแม่ แม่ขอร้องพวกลูกอีกครั้ง ขอให้สวดภาวนาเพื่อนายชุมพาบาลของลูก เพื่อที่ท่านจะได้เพ่งมององค์พระบุตรของแม่อยู่เสมอ พระองค์ผู้ทรงเป็นนายชุมพาบาลองค์แรกของโลกและทรงเป็นเจ้าของครอบครัวทุกครอบครัวในโลกทั้งมวล
ขอขอบใจลูก

การประจักษ์ประจำปีแก่ยาโคบ วันที่ 25 ธ.ค. 2014
การประจักษ์ทุกวันครั้งสุดท้ายแก่ยาโคบวันที่ที่ 12 ก.ย. 1998 แม่พระทรงบอกยาโคบว่าจะประจักษ์แก่เขาปีละครั้งในวันที่ 25 ธ.ค. ในวันนี้แม่พระประจักษ์แก่เขาเวลาบ่าย  2.40  และยาโคลได้บอกสาส์นของแม่พระแก่เรา
“ลูกที่รักทั้งหลาย

วันนี้ ในวันแห่งพระหรรษทาน  แม่ปรารถนาให้หัวใจของลูกแต่ละคนเป็นเหมือนถ้ำเลี้ยงสัตว์ในเบทเลเฮ็มที่ซึ่งองค์พระผู้ไถ่ของโลกทรงบังเกิดมา  แม่เป็นแม่ของลูกผู้ที่รักลูกมากจนไม่อาจประมาณได้และแม่สนใจลูกแต่ละคน  เพราะฉะนั้น ลูกทั้งหลายของแม่ จงมาพึ่งพิงแม่ผู้นี้  เพื่อที่แม่จะได้นำหัวใจของลูกแต่ละดวงไว้เบื้องพระพักตร์องค์พระกุมารเยซู  เพราะด้วยวิธีนี้  หัวใจของลูกจะได้รับรู้ถึงการบังเกิดของพระเจ้าทุกๆวันในหัวใจของพวกลูก  จงยอมให้พระเป็นเจ้าส่องสว่างชีวิตของลูกและหัวใจของลูกด้วยแสงสว่างและความชื่นชมยินดี  เพื่อที่ลูกจะได้ส่องสว่างและเป็นแบบอย่างให้แก่ผู้อื่นซึ่งยังอยู่ในความมืดมิด และยังไม่ยอมเปิดใจให้แก่พระเป็นเจ้าและพระหรรษทานของพระองค์ 
ขอขอบใจที่ตอบสนองเสียงเรียกของแม่”

วันพุธที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2557

การบังเกิดของพระเยซูเจ้า



พระวรสารนักบุญมัทธิว

18เรื่องราวการประสูติของพระเยซูคริสตเจ้าเป็นดังนี้ พระนางมารีย์ พระมารดาของพระองค์ได้หมั้นอยู่กับโยเซฟ แต่ก่อนที่ท่านทั้งสองจะครองชีวิตอยู่ร่วมกัน ก็ปรากฏว่าพระนางตั้งครรภ์แล้วเดชะพระจิตเจ้า 19โยเซฟคู่หมั้นของพระนาง เป็นผู้ชอบธรรม ไม่อยากฟ้องหย่าพระนางอย่างเปิดเผย จึงคิดถอนหมั้นอย่างเงียบๆ 20 ขณะที่โยเซฟกำลังคิดถึงเรื่องนี้อยู่ ทูตสวรรค์ขององค์พระผู้เป็นเจ้าก็มาเข้าฝัน กล่าวว่า 'โยเซฟ โอรสกษัตริย์ดาวิด อย่ากลัวที่จะรับมารีย์มาเป็นภรรยาของท่านเลย เพราะว่าเด็กที่ปฏิสนธิในครรภ์ของนางนั้นมาจากพระจิตเจ้า 21นางจะให้กำเนิดบุตรชาย ท่านจงตั้งชื่อบุตรนั้นว่า เยซู เพราะเขาจะช่วยประชากรของเขาให้รอดพ้นจากบาป'22เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเพื่อพระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้าที่ตรัสผ่านประกาศกจะเป็นความจริงว่า23หญิงพรหมจารีจะตั้งครรภ์และจะคลอดบุตรชายซึ่งจะได้รับนามว่า"อิมมานูเอล"แปลว่า'พระเจ้าทรงสถิตกับเรา' 24เมื่อโยเซฟตื่นขึ้น เขาก็ทำตามที่ทูตสวรรค์ขององค์พระผู้เป็นเจ้าได้สั่งไว้ คือรับภรรยามาอยู่ด้วยกัน 25แต่เขามิได้มีเพศสัมพันธ์กับนางจนกระทั่งนางได้ให้กำเนิดบุตรชาย โยเซฟจึงตั้งชื่อกุมารนั้นว่า เยซู

             พระวรสารนักบุญลูกา

ครั้งนั้น พระจักรพรรดิออกัสตัสaทรงออกพระราชกฤษฎีกาให้มีการสำรวจสำมะโนประชากรทั่วจักรวรรดิโรมัน 2การสำรวจสำมะโนประชากรครั้งแรกนี้มีขึ้นเมื่อคีรินีอัสเป็นผู้ว่าราชการแคว้นซีเรีย 3ทุกคนต่างไปลงทะเบียนในเมืองของตน 4โยเซฟออกเดินทางจากเมืองนาซาเร็ธในแคว้นกาลิลีไปยังเมืองของกษัตริย์ดาวิดชื่อเบธเลเฮมในแคว้นยูเดีย เพราะโยเซฟสืบเชื้อสายมาจากราชวงศ์กษัตริย์ดาวิด 5ท่านไปลงทะเบียนพร้อมกับพระนางมารีย์ ซึ่งกำลังทรงพระครรภ์ 6ขณะที่อยู่ที่นั่น ก็ถึงกำหนดเวลาที่พระนางมารีย์จะมีพระประสูติกาล 7พระนางประสูติพระโอรสองค์แรกcทรงใช้ผ้าพันพระวรกายพระกุมารนั้น แล้วทรงวางไว้ในรางหญ้า เนื่องจากไม่มีที่ในห้องพักแรมเลยd 8ในบริเวณนั้นมีคนเลี้ยงแกะกลุ่มหนึ่งอยู่กลางแจ้ง กำลังเฝ้าฝูงแกะในยามกลางคืน 9ทูตสวรรค์องค์หนึ่งของพระเจ้าปรากฏองค์ต่อหน้าเขา และพระสิริของพระเจ้าก็ส่องแสงรอบตัวเขา คนเลี้ยงแกะมีความกลัวอย่างยิ่ง 10แต่ทูตสวรรค์กล่าวแก่เขาว่า "อย่ากลัวเลย เพราะเรานำข่าวดีมาบอกท่านทั้งหลาย เป็นข่าวดีที่จะทำให้ประชาชนทุกคนยินดีอย่างยิ่ง 11วันนี้ ในเมืองของกษัตริย์ดาวิด พระผู้ไถ่ประสูติเพื่อท่านแล้ว พระองค์คือพระคริสต์ องค์พระผู้เป็นเจ้าe 12ท่านจะรู้จักพระองค์ได้จากเครื่องหมายนี้ ท่านจะพบกุมารคนหนึ่ง มีผ้าพันกายนอนอยู่ในรางหญ้า" 13ทันใดนั้น ทูตสวรรค์อีกจำนวนมากปรากฏมาสมทบกับทูตสวรรค์องค์นั้น ร้องสรรเสริญพระเจ้าว่า

14พระสิริรุ่งโรจน์จงมีแด่พระเจ้าในสวรรค์สูงสุดและบนแผ่นดิน สันติจงมีแก่มนุษย์ที่พระองค์โปรดปรานf

15เมื่อบรรดาทูตสวรรค์จากเขากลับสู่สวรรค์แล้ว คนเลี้ยงแกะเหล่านั้นจึงพูดกันว่า "เราจงไปเมืองเบธเลเฮมกันเถิด จะได้เห็นเหตุการณ์นี้ที่พระเจ้าทรงแจ้งให้เรารู้" 16เขาจึงรีบไปและพบพระนางมารีย์ โยเซฟ และพระกุมารซึ่งบรรทมอยู่ในรางหญ้า 17เมื่อคนเลี้ยงแกะเห็น ก็เล่าเรื่องที่เขาได้ยินมาเกี่ยวกับพระกุมาร 18ทุกคนที่ได้ยินต่างประหลาดใจในเรื่องที่คนเลี้ยงแกะเล่าให้ฟัง 19ส่วนพระนางมารีย์ทรงเก็บเรื่องทั้งหมดเหล่านี้ไว้ในพระทัยและยังทรงคำนึงถึงอยู่ 20คนเลี้ยงแกะกลับไปโดยถวายพระพรและสรรเสริญพระเจ้าgในเรื่องต่าง ๆ ที่พวกเขาได้ยินและได้เห็น ตามที่ทูตสวรรค์บอกไว้

เทียนในวันคริสต์มาสที่เยอรมนี



ในระหว่างเทศกาลคริสต์มาส บ้านหลายหลังในเยอรมนีจะประดับหน้าต่างด้วยแสงเทียน  ธรรมเนียมนี้เริ่มต้นโดยคนงานเหมืองถ่านหิน  ในฤดูหนาวพวกเขาจะลงใต้ดินก่อนพระอาทิตย์ขึ้นและกลับขึ้นมาหลังพระอาทิตย์ตก  แสงเทียนจะเป็นเหมือนสิ่งล่อใจพวกเขา Schwibbogen เป็นแท่นวางเทียนรูปโค้งที่ประดิษฐ์อย่างสวยงาม  มีที่มาจากภูเขาแร่ Ore Mountains (Erzgebirge)ซึ่งอยู่แถวแซกโซนี ในเยอรมนี มันถูกทำขึ้นในปี 1740 ในเมือง Johanngeorgenstadt แท่นวางเทียนในสมัยแรกจะมีแร่ประดับอยู่ด้วยเสมอ จำนวนเทียนขึ้นอยู่กับขนาดของแท่น สมัยแรกจะมี 11 เล่ม

วันเสาร์ที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2557

O Come, O Come Emmanuel



เพลง O Come, O Come Emmanuel แต่งขึ้นในศตวรรษที่ 12 เป็นภาษาลาติน และต่อมาได้แปลเป็นภาษาอังกฤษ  เนื้อเพลงให้ความรู้สึกของความหวังในการรอคอยองค์พระผู้ไถ่  จึงเหมาะที่จะเป็นเพลงในเทศกาลแห่งการรอรับเสด็จพระคริสตเจ้า

วันศุกร์ที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2557

อาสนวิหารแห่งโลเรตโตในอิตาลี



บทแปล
           ระฆังของโลเรตโต มีเส้นผ่าศูนย์กลางเกือบสองเมตรและหนักมากกว่า 7,000 กก. ส่งเสียงเชื้อเชิญให้ผู้คนเข้ามาในอาสนวิหารที่มีชื่อเสียงมากที่สุดแห่งหนึ่งในยุโรป  อาสนวิหารนี้ไม่เหมือนกับแห่งอื่น  เป็นอาสนวิหารแห่งแรกที่สร้างอุทิศแด่พระแม่มารีย์  เป็นสถานที่ซึ่งได้พบบ้านเดิมของพระนาง  โดยถูกย้ายจากแผ่นดินศักดิ์สิทธิ์มายังอิตาลีอย่างอัศจรรย์  อาสนวิหารแห่งโลเรตโตอยู่ที่จังหวัด แอนโคนา ในอิตาลี  การก่อสร้างอาสนวิหารเริ่มต้นในเดือนมีนาคม รูปแบบสถาปัตย์โกธิคของศตวรรษที่ 15 สิ้นสุดการก่อสร้างในศตวรรษที่ 16  เมืองโลเรตโตในปัจจุบันมีประชากรเพียง 11,000 คน อาศัยอยู่รอบๆอาสนวิหาร  ตามความเชื่อของท้องถิ่น  ในวันที่ 10 ปี 1294 บ้านของแม่พระแห่งนาซาเร็ธถูกเคลื่อนย้ายโดยเหล่าเทวดามายังสถานที่ตั้งในปัจจุบันนี้  แต่การวิจัยเมื่อไม่นานนี้  กล่าวว่าบ้านถูกเคลื่อนย้ายมาทางเรือโดยครอบครัวแองเจลิส( Angelis family) เพื่อปกป้องให้พ้นจากการถูกทำลายจากพวกซาราเซ็นในสงครามครูเสด  อาสนวิหารถูกสร้างขึ้นครอบบ้านของแม่พระ  เหนือพระแท่นบูชามีพระรูปแม่พระแห่งโลเรตโตประดิษฐานอยู่  พระรูปทำด้วยไม้ถูกแกะสลักตามคำสั่งของพระสันตะปาปาปีโอที่ 11 โดยใช้ไม้ซีดาร์เลบานอนซึ่งขึ้นในสวนของวาติกัน  มีผ้าคลุมสีทองคลุมพระรูปอยู่ด้วย
          ในปี 1922 มีการสวมมงกุฎให้แก่พระรูปแม่พระนี้และนำไปประดิษฐานไว้ในอาสนวิหาร ในศตวรรษที่ 16 ผู้แสวงบุญเริ่มสวดบทเร้าวิงวอนแม่พระที่เรียกว่า “บทเร้าวิงวอนแห่งโลเรตโต”  ในไม่ช้าอาสนวิหารก็กลายเป็นที่แสวงบุญที่สำคัญแห่งหนึ่งของคริสตชนทั่วโลก  พระสันตะปาปายอห์นปอลที่ 2 เคยเสด็จมาเยี่ยมที่นี่หลายครั้ง และทรงพบปะกับเยาวชนในปี 1995 และ 2004  ในเดือนกันยายน 2007 พระสันตะปาปาเบเนดิกต์ที่ 16 ทรงเสด็จมาที่อาสนวิหารเพื่อพบกับเยาวชนอิตาเลียนที่อาโกรา  ในระหว่างการเสด็จเยี่ยมพระองค์ทรงอธิบายว่าบ้านแท้ของแม่พระนั้นมีกำแพงเพียงสามด้านเท่านั้น  ไม่ใช่สี่ด้าน  ดังนั้นบ้านจึงเปิดสำหรับทุกคนให้เข้ามา ไม้กางเขนที่ถูกพบปักอยู่ในหินในบ้านศักดิ์สิทธิ์นี้เป็นแบบเดียวกับไม้กางเขนที่ใช้กันอยู่ในที่นาซาเร็ธในศตวรรษที่ 2
          เรื่องเล่าเกี่ยวกับบ้านศักดิ์สิทธิ์ซึ่งถูกเคลื่อนย้ายโดยเหล่าเทวดา กลายเป็นเรื่องที่บรรดานักบินชื่นชอบจึงได้ขอให้แม่พระแห่งโลเรตโตเป็นองค์อุปถัมภ์ของพวกเขา  และมีบทสวดเพื่อขอการปกป้องในการบินของนักบินด้วย
         “ข้าแต่พระมารดาแห่งโลเรตโต  พระแม่ผู้ศักดิ์สิทธิ์ยิ่ง  เราวางใจมาพึ่งท่าน โปรดฟังคำภาวนาของเราด้วยความถ่อมตนด้วยเถิด  ศัตรูของความสุภาพถ่อมตนต้องการทำลายคุณธรรมนี้  รวมทั้งสันติภาพ,ความยุติธรรม, ความจริงและความรัก มันต้องการให้เราอยู่ห่างไกลจากองค์พระบุตรของท่าน  โอพระมารดาผู้ทรงรับองค์พระผู้ไถ่ไว้ในพระครรภ์อันนิรมลทินของท่านและทรงอาศัยอยู่กับพระองค์ในบ้านศักดิ์สิทธิ์นี้  ซึ่งได้มาประทับอยู่ที่เนินเขาโลเรตโต  โปรดประทานพระหรรษทานแก่เราเพื่อให้เราแสวงหาและทำตามพระฉบับแบบของพระองค์  ผู้ทรงนำเราไปสู่ความรอดด้วยเถิด”

หมายเหตุ  บ้านแม่พระแห่งโลเรตโตเป็นบ้านที่อยู่ที่นาซาเร็ธ  คนละที่กับบ้านที่เอเฟซุสซึ่งเป็นบ้านที่แม่พระทรงอยู่หลังจากพระเยซูเจ้าเสด็จขึ้นสวรรค์แล้ว