พระเมตตาของพระเยซูเจ้า

จงบอกมนุษยชาติที่กำลังเจ็บป่วย ให้เข้ามาใกล้หัวใจอันเมตตาของเรา แล้วเราจะประทานสันติภาพให้แก่มนุษยชาติ พระเมตตาของเราไม่มีวันสิ้นสุดเลย

พระวาจาวันอาทิตย์ที่ 28 เมษายน 2024 พระเยซูเจ้าทรงเป็นเถาองุ่นแท้

           เราเป็นเถาองุ่นแท้ และพระบิดาของเราทรงเป็นชาวสวน กิ่งก้านใดในเราที่ไม่เกิดผล พระองค์จะทรงตัดทิ้งเสีย กิ่งก้านใดที่เกิดผล พระองค์จะทรงลิดเพื่อให้เกิดผลมากขึ้น ท่านทั้งหลายก็สะอาดอยู่แล้วเพราะวาจาที่เรากล่าวกับท่าน ท่านทั้งหลายจงดำรงอยู่ในเราเถิด ดังที่เราดำรงอยู่ในท่าน กิ่งองุ่นเกิดผลด้วยตนเองไม่ได้ถ้าไม่ติดอยู่กับเถาองุ่นฉันใด ท่านทั้งหลายก็จะเกิดผลไม่ได้ ถ้าไม่ดำรงอยู่ในเราฉันนั้น เราเป็นเถาองุ่น ท่านทั้งหลายเป็นกิ่งก้าน ผู้ที่ดำรงอยู่ในเรา และเราดำรงอยู่ในเขา ก็ย่อมเกิดผลมาก เพราะถ้าไม่มีเรา ท่านก็ทำอะไรไม่ได้เลย ถ้าผู้ใดไม่ดำรงอยู่ในเรา ก็จะถูกโยนทิ้งไปข้างนอกเหมือนกิ่งก้านและจะเหี่ยวแห้งไป กิ่งก้านเหล่านั้นจะถูกเก็บไปทิ้งในไฟและถูกเผา ถ้าท่านทั้งหลายดำรงอยู่ในเรา และวาจาของเราดำรงอยู่ในท่าน ท่านอยากได้สิ่งใด ก็จงขอเถิด และท่านจะได้รับ พระบิดาของเราจะทรงรับพระสิริรุ่งโรจน์เมื่อท่านเกิดผลมากและกลายเป็นศิษย์ของเรา
(ยอห์น 15:1-8)








วันศุกร์ที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2558

ประวัติวันคริสต์มาส


    ประวัติวันคริสต์มาส
          คำว่า "คริสต์มาส" เป็นคำทับศัพท์ภาษาอังกฤษว่า Christmas มาจากคำภาษาอังกฤษโบราณว่า Christes Maesse ที่แปลว่า "บูชามิสซาของพระคริสตเจ้า" ซึ่งพบครั้งแรกในเอกสารโบราณที่เป็นภาษาอังกฤษในปี ค.ศ. 1038 และในปัจจุบันคำนี้ก็ได้เปลี่ยนมาเป็นคำว่า Christmas
          เทศกาล Christmas หรือ X’Mas ตรงกับวันที่ 25 ธันวาคมของทุกปี ซึ่งวันที่ 25 ธันวาคมนั้นเป็นวันประสูติของพระเยซูเจ้า  โดยพระองค์ประสูติที่เมืองเบ็ธเลเฮ็มและเติบโตที่เมืองนาซาเรท ซึ่งปัจจุบันคือประเทศอิสราเอล ตามหลักฐานในพระคัมภีร์ได้บันทึกไว้ว่า พระเยซูเจ้าประสูติในสมัยที่จักรพรรดิซีซาร์ ออกุสตุส แห่งจักรวรรดิโรมัน ซึ่งทรงสั่งให้จดทะเบียนสำมะโนครัวทั่วทั้งแผ่นดิน โดยฝ่ายคีรีนิอัส เจ้าเมืองซีเรียก็รับนโยบายไปปฏิบัติให้มีการจดทะเบียนสำมะโนครัวทั่วทั้งอาณาเขต แต่ในพระคัมภีร์ ไม่ได้ระบุว่า พระเยซูประสูติวันหรือเดือนอะไร
           ด้านนักประวัติศาสตร์ก็มีความเห็นที่ต่างออกไปโดยได้วิเคราะห์ว่า เดิมทีวันที่ 25 ธันวาคม เป็นวันที่จักรพรรดิเอาเรเลียนแห่งโรมัน กำหนดให้เป็นวันฉลองวันเกิดของสุริยะเทพ ตั้งแต่ปี ค.ศ.274 ชาวโรมันซึ่งส่วนใหญ่นับถือเทพเจ้าฉลองวันนี้เสมือนว่า เป็นวันฉลองของพระจักรพรรดิไปในตัวด้วย เพราะจักรพรรดิก็เปรียบเสมือนดวงอาทิตย์ ที่ให้ความสว่างแก่ชีวิตมนุษย์ แต่ชาวคริสต์ที่อยู่ในจักรวรรดิโรมัน รวมถึงชาวโรมันที่เปลี่ยนไปนับถือคริสต์อึดอัดใจที่จะฉลองวันเกิดของสุริยเทพ จึงหันมาฉลองการบังเกิดของพระเยซูซึ่งเปรียบเสมือนความสว่างของโลก และเหมือนดวงจันทร์เป็นความสว่างในตอนกลางคืนแทน หลังจากที่ชาวคริสต์ถูกควบคุมเสรีภาพทางศาสนาตั้งแต่ปี ค.ศ. 64-313 จนถึงวันที่ 25 ธันวาคม ปี ค.ศ.330 ชาวคริสต์จึงเริ่มฉลองคริสต์มาสอย่างเป็นทางการและเปิดเผย
          เทศกาลคริสต์มาสจึงเป็นวันแห่งการเฉลิมฉลองวันประสูติของพระเยซู และเป็นการฉลองความรักที่พระเจ้ามีต่อมนุษย์โลก โดยส่งบุตรชาย คือ "พระเยซู" ลงมาเกิดเป็นมนุษย์เพื่อช่วยไถ่บาป และช่วยให้มนุษย์รอดพ้นจากการทำชั่วนั่นเอง ดังนั้นในวันนี้ถือเป็นวันที่มีความหมายสำคัญชาวคริสต์ทั่วโลก และมีการส่งบัตรอวยพร ให้ของขวัญ แก่กันและกัน รวมทั้งประดับประดาตกแต่งบ้านเรือนด้วยแสงไฟ และต้นคริสต์มาสอย่างสวยงาม

วันพุธที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2558

อิสยาห์ประกาศกแห่งคริสต์มาส


     อิสยาห์ประกาศกแห่งคริสต์มาส
            อิสยาห์เป็นประกาศกแห่งคริสต์มาส  ท่านทำนายถึงการบังเกิดของพระคริสต์มากยิ่งกว่าประกาศกองค์ใด
                “หญิงพรหมจารีย์ผู้หนึ่งจะตั้งครรภ์และจะบังเกิดบุตร  บุตรนั้นจะได้ชื่อว่า “เอ็มมานูเอล”  เพราะกุมารนั้นบังเกิดมาเพื่อเรา  บุตรนั้นถูกประทานมาแก่เรา  การปกครองจะอยู่บนบ่าของท่านและนามของท่านจะถูกเรียกว่า ที่ปรึกษามหัศจรรย์  พระเป็นเจ้าทรงฤทธิ์  บิดาของประชาชาติ  เจ้าชายแห่งสันติภาพ”
ถ้อยคำของอิสยาห์จะถูกอ่านในพิธีมิสซาในช่วงใกล้วันคริสต์มาส
“เสียงของผู้หนึ่งร้องในถิ่นทุรกันดาร”  ทำให้เรานึกถึงท่านยอห์น บัพติส
“ดูเถิด  เรากำลังสร้างสรรพสิ่งขึ้นมาใหม่  เวลานี้มันกำลังจะเกิดขึ้นแล้ว  ท่านไม่สังเกตเห็นหรือ?”อิสยาห์ 43:19 
“พวกเขาจะได้เห็นสิ่งที่ไม่เคยบอกเล่ามาก่อน  พวกเขาจะมองดูสิ่งที่พวกเขาไม่เคยได้ยินมาก่อน”อิสยาห์ 52:15
“ดาบจะถูกเปลี่ยนเป็นผลาญไถนา”
“สิงโตจะนอนอยู่กับลูกแกะ”
“เราจะรดน้ำลงบนแผ่นดินที่แห้งผาก  จะมีลำธารไหลไปตามแผ่นดินที่แห้ง” อิสยาห์ 44:3
“ทะเลทรายและที่แห้งแล้งจะยินดี” อิสยาห์ 35:1
“และเขาจะพูดในวันนั้นว่า มองดูเถิด  นี่คือพระเป็นเจ้าของเรา  พระผู้ซึ่งเรารอคอยให้พระองค์เสด็จมากอบกู้เรา  นี่คือองค์พระเจ้าผู้ที่เรารอคอย” อิสยาห์ 25:9
“หญิงพรหมจารีย์จะตั้งครรภ์  และหญิงที่เป็นหมันไม่มีบุตรจะปรีด์เปรมเมื่อพบว่าเธอจะมีลูกมากมาย  พระเจ้าจะทรงทำให้ที่รกร้างว่างเปล่าชื่นชมยินดีและบังเกิดดอกเบ่งบานจนดูเหมือนเป็นสวนเอเดนแห่งที่สอง”
“ประชาชนที่เดินอยู่ในความมืดจะได้เห็นแสงสว่างอันยิ่งใหญ่  ความสว่างจะส่องแสงเหนือผู้อาศัยอยู่ในดินแดนแห่งความทุกข์ระทม” อิสยาห์ 9
“เราจะนำทางคนตาบอดไปยังทางที่พวกเขาไม่รู้จัก  เราจะเปลี่ยนความมืดให้กลายเป็นความสว่างต่อหน้าเขา” อิสยาห์ 42:16
 “ยามรักษาเมืองของเจ้าจะโห่ร้อง  พวกเขาจะตะโกนด้วยความยินดี  เพราะพวกเขาได้เห็นองค์พระผู้เป็นเจ้าของพวกเขาเสด็จมาสู่ซีโยนต่อหน้าพวกเขา” อิสยาห์ 52:8
“พวกเราจะชื่นชมยินดีและเต็มเปี่ยมด้วยความสุขในการไถ่กู้ให้รอดของพระองค์” อิสยาห์ 25:9

วันอังคารที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2558

อัศจรรย์ครั้งที่2ของคุณแม่เทเรซา

อัศจรรย์ครั้งที่ 2 ของคุณแม่เทเรซา
พระสันตปาปาฟรังซิสทรงลงพระนามรับรองอัศจรรย์ครั้งที่ 2 ของคุณแม่เทเรซา  ซึ่งจะทำให้คุณแม่เทเรซาได้รับการสถาปนาให้เป็นนักบุญในพระศาสนจักรอย่างเป็นทางการในวันที่ 10 กันยายน 2016
อัศจรรย์เกิดขึ้นกับชายชาวบราซิลซึ่งติดเชื้อไวรัสในสมองทำให้มีอาการปวดศีรษะอย่างรุนแรง  เมื่อวันที่ 9 ธ.ค. 2008  อาการของเขารุนแรงมากจนทำให้โคม่าและจะเสียชีวิตจากน้ำที่สะสมในสมอง  และตามที่ Rev. Brian Kolodiejchuk ได้แถลงให้ทราบ  ชายผู้นี้ถูกนำไปยังห้องผ่าตัด  แต่30 นาทีต่อมา  เขาก็ตื่นขึ้นมาสามารถนั่งได้และไม่มีอาการเจ็บปวดอีกเลย   ไม่ได้มีการผ่าตัด  และวันรุ่งขึ้น  ทางแพทย์ก็ประกาศว่าเขาไม่เป็นโรคทางสมองแล้ว
ทางวาติกันได้รับรองว่า  การหายจากโรคของชายผู้นี้เป็นผลจากการสวดภาวนาวอนขอความช่วยเหลือผ่านทางคุณแม่เทเรซา  โดยภรรยาของชายผู้นี้  ในเวลาที่มีกำหนดการที่จะผ่าตัดเขา  เธอเข้าไปในโบสถ์และสวดภาวนาพร้อมกับพระสงฆ์
Sunita Kumar โฆษกของคณะมิชชันนารีแห่งเมตตาธรรมซึ่งอยู่ทางตะวันออกของกัลกัตตา ซึ่งคุณแม่เทเรซาใช้ชีวิตและทำงานที่นั่น  กล่าวว่า “นี่เป็นข่าวที่น่ายินดียิ่ง  พวกเรามีความสุขมาก”
คุณแม่เทเรซาเคยกล่าวไว้ในปี 1977 ว่า “คนยากจนให้เรามากกว่าที่เราให้พวกเขา  พวกเขาเข้มแข็งมาก พวกเขาดำรงชีวิตในแต่ละวันโดยไม่มีอาหาร  แต่ก็ไม่เคยบ่นไม่สาปแช่ง”

วันจันทร์ที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2558

สีแดงบนแผ่นศีลเป็นเชื้อรา


จากรายงานข่าวที่มีศีลมหาสนิทเป็นสีแดงคล้ายเลือดที่โบสถ์เซนต์เซีเวียร์ใน เซาท์เลคซิตี้  รัฐยูทาห์ ของสหรัฐอเมริกา  บัดนี้ทางสังฆมณฑลได้ประกาศอย่างเป็นทางการหลังจากได้ตรวจวิเคราะห์ในห้องทดลองแล้ว  ปรากฏว่าสีแดงที่อยู่บนแผ่นศีลไม่ใช่เลือด  แต่เป็นเชื้อราสีแดง หรือแบคทีเรียสีแดงประเภท Neurospora cressa or Serratia marcescens
ในอดีตมีปรากฏการณ์อัศจรรย์ศีลมหาสนิทหลายครั้ง  และทางพระศาสนจักรจะทำการตรวจสอบอย่างแน่ชัดเสียก่อน  อัศจรรย์ที่เกิดขึ้นจากพระเป็นเจ้านั้นเป็นไปเพื่อความดีของมนุษย์  เพื่อส่งเสริมความเชื่อให้มั่นคง  ปรากฏการณ์ครั้งนี้ทำให้ประหลาดใจ  แต่ก็เป็นเพียงปรากฏการณ์ทางธรรมชาติอย่างหนึ่งเท่านั้น 

วันอาทิตย์ที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2558

พระประสงค์ของแม่พระย่อมสำเร็จเสมอ

ในการสร้างกางเขน ชาวบ้านในหมู่บ้านที่ทุรกันดาร ต้องขนปูนซีเมนต์จำนวนหลายตันบรรจุในถังและนำขึ้นไปบนภูเขาที่สูงชัน  อะไรคือสาเหตุที่ทำให้มีการก่อสร้างกางเขนขึ้นบนภูเขา?
>>>อ่านต่อ

วันเสาร์ที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2558

จูบของพระสันตปาปา


PHILADELPHIA (CBS) - สามีภรรยา โจอี้ และ คริสเตน มาสเซียโตนีโอ (Joey and Kristen Masciantonio) เล่าว่า เมื่อพระสันตะปาปาเสด็จเยือนฟิลาเดลเฟีย, อเมริกา  พระองค์ทรงจูบเกียนนา (Gianna) ลูกสาวอายุ 1 ขวบของเขา  พระองค์ทรงจูบศีรษะลูกสาวของเขา
เกียนนาเป็นเนื้องอกในสมองที่รักษาไม่ได้  เม็ดเลือดได้โจมตีสมองของเธอหลังจากที่เธอเกิดมาได้หนึ่งสัปดาห์
ครอบครัวมาสเซียโตนีโออยู่ที่ด้านหน้าของกลุ่มคนที่มาต้อนรับพระสันตปาปาซึ่งเสด็จมาที่ Independence Hall พวกเขาหวังว่าพระองค์อาจจะเห็นพวกเขาบ้าง และต้องขอบคุณ Domenico Giani เพื่อนของเขาที่เป็นตำรวจ FBIและเป็นบอดี้การ์ดของพระสันตปาปาในการเสด็จไปที่นั่น  เพื่อนตำรวจผู้นี้ได้อุ้มเกียนนาไปหาพระสันตปาปา
ครอบครัวมาสเซียโตนีโอเชื่อว่านี่เป็นความช่วยเหลือของพระเป็นเจ้า  และเพื่อนตำรวจของเขาก็มีชื่อเหมือนลูกสาวของเขา  พวกเขาพูดว่า ในการสแกนสมองเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา  พบว่ามีเนื้องอกในสมองของเกียนนา
และเมื่อสแกนอีกครั้งในเดือนพฤศจิกายน  ก็ไม่มีสัญญาณของเนื้องอกนั้นแล้ว.

              ผู้เป็นแม่บอกว่า “เธอมีอาการดีขึ้นและแข็งแรงขึ้น  เธอจูบฉัน  เธอเริ่มชี้นิ้วไปที่สิ่งต่างๆ”

วันศุกร์ที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2558

การแสดง-แสง-เสียง-สี



9 ธ.ค. 2015 -การแสดง แสง เสียง สี ที่วาติกัน  เพื่อสนองตอบต่อพระสมณสาส์น "Laudato Si” ของพระสันตปาปาฟรังซิสซึ่งเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม