CNA Vatican City, Feb 4, 2016 / 10:03 am- พระธาตุร่างกายที่ไม่เน่าเปื่อยของคุณพ่อปีโอ
ได้มาถึงกรุงโรมเป็นครั้งแรก
และจะไปตั้งอยู่ใกล้กับพระธาตุของนักบุญลีโอโปลด์ แมนดิค
นี่ถือเป็นการเริ่มต้นของปีศักดิ์สิทธิ์แห่งเมตตาธรรม
พระธาตุทั้งสองจะตั้งอยู่ในอาสนวิหารนักบุญลอเรนซ์ ในกรุงโรมตั้งแต่วันที่
3 ก.พ. 2016 นักบุญทั้งสองท่านมีชื่อเสียงในด้านการเป็นผู้ฟังสารภาพบาป
ทั้งนี้เพื่อบอกทุกคนให้หันกลับมาคืนดีกับพระเป็นเจ้าและพระศาสนจักรในระหว่างปีศักดิ์สิทธิ์นี้ ด้วยการไปสารภาพบาปแก้ไขความผิดของตน
Pages
พระเมตตาของพระเยซูเจ้า
จงบอกมนุษยชาติที่กำลังเจ็บป่วย ให้เข้ามาใกล้หัวใจอันเมตตาของเรา แล้วเราจะประทานสันติภาพให้แก่มนุษยชาติ พระเมตตาของเราไม่มีวันสิ้นสุดเลย
พระวาจาวันอาทิตย์ที่ 5 มกราคม 2025 สมโภชพระคริสตเจ้าแสดงองค์
  ในรัชสมัยกษัตริย์เฮโรด พระเยซูเจ้าประสูติที่เมืองเบธเลเฮมในแคว้นยูเดีย โหราจารย์บางท่านจากทิศตะวันออกเดินทางมายังกรุงเยรูซาเล็ม สืบถามว่า “กษัตริย์ชาวยิวที่เพิ่งประสูติอยู่ที่ใด พวกเราได้เห็นดาวประจำพระองค์ขึ้น จึงพร้อมใจกันมาเพื่อนมัสการพระองค์” เมื่อกษัตริย์เฮโรดทรงทราบข่าวนี้ พระองค์ทรงวุ่นวายพระทัย ชาวกรุงเยรูซาเล็มทุกคนต่างก็วุ่นวายใจไปด้วย พระองค์ทรงเรียกประชุมบรรดาหัวหน้าสมณะและธรรมาจารย์ ตรัสถามเขาว่า “พระคริสต์จะประสูติที่ใด” เขาจึงทูลตอบว่า “ในเมืองเบธเลเฮม แคว้นยูเดีย เพราะประกาศกเขียนไว้ว่า เมืองเบธเลเฮม ดินแดนยูดาห์ เจ้ามิใช่เล็กที่สุดในบรรดาหัวเมืองแห่งยูดาห์ เพราะผู้นำคนหนึ่งจะออกมาจากเจ้า ซึ่งจะเป็นผู้นำอิสราเอล ประชากรของเรา”
  ดังนั้น กษัตริย์เฮโรดทรงเรียกบรรดาโหราจารย์มาเฝ้าเป็นการส่วนพระองค์ ทรงซักถามถึงวันเวลาที่ดาวปรากฏ แล้วทรงใช้บรรดาโหราจารย์ไปที่เมืองเบธเลเฮม ทรงกำชับว่า “จงไปสืบถามเรื่องพระกุมารอย่างละเอียด และเมื่อพบพระกุมารแล้ว จงกลับมาบอกให้เรารู้ เราจะได้ไปนมัสการพระองค์ด้วย” เมื่อบรรดาโหราจารย์ได้ฟังพระดำรัสแล้วก็ออกเดินทาง ดาวที่เขาเห็นทางทิศตะวันออกปรากฏอีกครั้งหนึ่งนำทางให้ และมาหยุดนิ่งอยู่เหนือสถานที่ประทับของพระกุมาร เมื่อเห็นดาวอีกครั้งหนึ่งบรรดาโหราจารย์มีความยินดียิ่งนัก เขาเข้าไปในบ้าน พบพระกุมารกับพระนางมารีย์พระมารดา จึงคุกเข่าลงนมัสการพระองค์ แล้วเปิดหีบสมบัตินำทองคำ กำยาน และมดยอบออกมาถวายพระองค์ แต่พระเจ้าทรงเตือนเขาในความฝันมิให้กลับไปหากษัตริย์เฮโรด เขาจึงกลับไปบ้านเมืองของตนโดยทางอื่น
(มัทธิว 2:1-12)
พระวาจาวันอาทิตย์ที่ 5 มกราคม 2025 สมโภชพระคริสตเจ้าแสดงองค์
  ในรัชสมัยกษัตริย์เฮโรด พระเยซูเจ้าประสูติที่เมืองเบธเลเฮมในแคว้นยูเดีย โหราจารย์บางท่านจากทิศตะวันออกเดินทางมายังกรุงเยรูซาเล็ม สืบถามว่า “กษัตริย์ชาวยิวที่เพิ่งประสูติอยู่ที่ใด พวกเราได้เห็นดาวประจำพระองค์ขึ้น จึงพร้อมใจกันมาเพื่อนมัสการพระองค์” เมื่อกษัตริย์เฮโรดทรงทราบข่าวนี้ พระองค์ทรงวุ่นวายพระทัย ชาวกรุงเยรูซาเล็มทุกคนต่างก็วุ่นวายใจไปด้วย พระองค์ทรงเรียกประชุมบรรดาหัวหน้าสมณะและธรรมาจารย์ ตรัสถามเขาว่า “พระคริสต์จะประสูติที่ใด” เขาจึงทูลตอบว่า “ในเมืองเบธเลเฮม แคว้นยูเดีย เพราะประกาศกเขียนไว้ว่า เมืองเบธเลเฮม ดินแดนยูดาห์ เจ้ามิใช่เล็กที่สุดในบรรดาหัวเมืองแห่งยูดาห์ เพราะผู้นำคนหนึ่งจะออกมาจากเจ้า ซึ่งจะเป็นผู้นำอิสราเอล ประชากรของเรา”
  ดังนั้น กษัตริย์เฮโรดทรงเรียกบรรดาโหราจารย์มาเฝ้าเป็นการส่วนพระองค์ ทรงซักถามถึงวันเวลาที่ดาวปรากฏ แล้วทรงใช้บรรดาโหราจารย์ไปที่เมืองเบธเลเฮม ทรงกำชับว่า “จงไปสืบถามเรื่องพระกุมารอย่างละเอียด และเมื่อพบพระกุมารแล้ว จงกลับมาบอกให้เรารู้ เราจะได้ไปนมัสการพระองค์ด้วย” เมื่อบรรดาโหราจารย์ได้ฟังพระดำรัสแล้วก็ออกเดินทาง ดาวที่เขาเห็นทางทิศตะวันออกปรากฏอีกครั้งหนึ่งนำทางให้ และมาหยุดนิ่งอยู่เหนือสถานที่ประทับของพระกุมาร เมื่อเห็นดาวอีกครั้งหนึ่งบรรดาโหราจารย์มีความยินดียิ่งนัก เขาเข้าไปในบ้าน พบพระกุมารกับพระนางมารีย์พระมารดา จึงคุกเข่าลงนมัสการพระองค์ แล้วเปิดหีบสมบัตินำทองคำ กำยาน และมดยอบออกมาถวายพระองค์ แต่พระเจ้าทรงเตือนเขาในความฝันมิให้กลับไปหากษัตริย์เฮโรด เขาจึงกลับไปบ้านเมืองของตนโดยทางอื่น
(มัทธิว 2:1-12)
วันอังคารที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559
วันอาทิตย์ที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559
วันเสาร์ที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559
วันพฤหัสบดีที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559
พระนางมารีย์ที่ฟาติมา
พระนางมารีย์ทรงประจักษ์มาหลายครั้งในระยะสุดท้ายของยุคสมัยนี้ เพื่อเตือนมนุษย์ให้กลับมาหาองค์พระบุตรของพระนาง การประจักษ์ครั้งสำคัญที่สุดคือที่ฟาติมา ประเทศโปรตุเกสในปี 1917 แม่พระทรงเตือนเกี่ยวกับการมาของลัทธิคอมมิวนิสต์และการปฏิวัติที่ปราศจากพระเจ้าซึ่งจะแพร่กระจายไปทั่วโลก แม่พระทรงขอร้องให้เราทุกคนสวดสายประคำทุกวันเพื่อสันติภาพของโลก ครั้งสุดท้ายที่แม่พระประจักษ์คือเดือนตุลาคม
1917 และไม่กี่วันหลังจากการประจักษ์ ก็มีการปฏิวัติของกษฏบอลเชวิคในประเทศรัสเซีย สิ่งที่น่าสนใจคือ
ลัทธิคอมมิวนิสต์ในยุโรปเริ่มต้นโดยบรรดากรรมกรที่ไม่เชื่อในพระเจ้าทำการปฏิวัติบนท้องถนนของรัสเซียในปี
1917 และต่อมาลัทธิคอมมิวนิสต์ก็ถูกโค่นทำลายลงโดยบรรดากรรมกรคาทอลิกที่ลุกขึ้นต่อต้านบนถนนในประเทศโปแลนด์
(ประเทศซึ่งศรัทธาในแม่พระมาก) ในปี 1989 (72 ปี)
ย้อนกลับมาที่ฟาติมาในเดือนตุลาคม มีอัศจรรย์ยิ่งใหญ่เกิดขึ้นต่อหน้าสายตาประชาชนหลายหมื่นคน คืออัศจรรย์ดวงอาทิตย์ และอัศจรรย์สำคัญนี้ถูกบันทึกและแพร่ข่าวในหนังสือพิมพ์ที่ดำเนินงานโดยกลุ่มฟรีเมซอน
แม่พระยังทรงทำนายถึงความทุกข์ยากที่น่ากลัวที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
(เวลานั้นสงครามโลกครั้งที่1 ใกล้จะยุติ)
ถ้าหากประชาชนยังไม่กลับใจ และในปี
1939 เยอรมนีก็ยกทัพโจมตีโปแลนด์
สงครามโลกครั้ง 2
อุบัติขึ้นเมื่อญี่ปุ่นโจมตีสหรัฐที่เพิรล์ฮาเบอร์ในวันที่ 7 ธ.ค. 1947 แต่สุดท้ายญี่ปุ่นก็ยอมแพ้ในวันที่ 15 ส.ค.
1945 ซึ่งตรงกับวันฉลองแม่พระเสด็จขึ้นสวรรค์
วันอังคารที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559
ไม่มีแม่พระก็ไม่มีพระเยซูเจ้า
ไม่มีแม่พระก็ไม่มีพระเยซูเจ้า ไม่รู้จักแม่พระก็ไม่รู้จักพระเยซูเจ้า
แม่พระทรงให้กำเนิดพระเยซูคริสต์
ผู้เป็นปังแห่งชีวิต ที่”เบ็ทเลเฮ็ม” ซึ่งเป็นภาษายิวแปลว่า “บ้านขนมปัง” แม่พระทรงวางพระกุมารไว้ในรางหญ้า (รางหญ้า = manger
มาจากคำว่า mangia ซึ่งแปลว่า “สำหรับกิน”)
รางหญ้ามีไว้เพื่อให้อาหารแกะ
นี่เป็นสัญลักษณ์ในการที่เราเข้าไปรับศีลมหาสนิท พระคริสต์ทรงบังเกิดในสถานที่อันต่ำต้อย
แต่สถานที่อันต่ำต้อยนี้กลายเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์โดยการประทับอยู่ของพระเยซูคริสต์
ลักษณะเดียวกันนี้เกิดขึ้นเมื่อพระเยซูเจ้าทรงมาประทับอยู่ในสถานที่อันต่ำต้อยอีกแห่งหนึ่ง นั่นคือร่างกายที่ต่ำต้อยเพราะบาปของเรา พระองค์ทรงทำให้ร่างกายนี้ศักดิ์สิทธิ์ ถ้าปราศจากพระคริสต์ ซาตานจะเข้าครอบครองพวกเราทั้งหมด แม่พระทรงเป็นมารดาที่น่ารัก พระนางทรงเลี้ยงดูพวกเราด้วยพระบุตรของพระนางในศีลมหาสนิท เพื่อที่พวกเราจะได้มีชีวิตนิรันดร และพระนางปรารถนาให้เราทุกคนทำความสะอาดจิตใจของเราด้วยการไปรับศีลอภัยบาป
ในศีลอภัยบาปพวกเราได้บังเกิดใหม่ได้ชีวิตใหม่ และผู้บังเกิดมาย่อมต้องมีมารดา และพระนางมารีย์ทรงเป็นมารดาของพวกเรา ตามที่พระคัมภีร์วิวรณ์12:17 กล่าวไว้ว่า “และพวกเราจะเป็นลูกของพระนาง ถ้าเราเป็นพยานยืนยันถึงพระคริสต์และปฏิบัติตามพระบัญญัติของพระองค์”
วันจันทร์ที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559
พระดำรัสสำหรับเทศกาลมหาพรต2016
ROME — พระสันตปาปาฟรังซิสทรงเตือน “ผู้ร่ำรวยและมีอำนาจ” ว่า
ถ้าพวกเขาละเลยคนยากจนซึ่งอยู่ใกล้พวกเขา (คนยากจนผู้เป็นเหมือนพระคริสต์อีกองค์หนึ่ง) พวกเขาจะจบชีวิตในนรก
พระสันตะปาปาวิงวอนคริสตชนทุกคนให้ใช้เวลา
40 วันในเทศกาลมหาพรตที่จะเริ่มต้นในวันที่ 10 กุมภาพันธ์ เพื่อ”เอาชนะความโน้มเอียงที่ไม่ดี”ของตน โดยฟังพระวาจาของพระเจ้าและปฏิบัติกิจเมตตา
โดยการให้อาหารแก่ผู้หิวโหย ให้เสื้อผ้าแก่ผู้เปล่าเปลือย ให้ที่พักแก่ผู้ไร้บ้าน การเยี่ยมผู้ขัดสน การให้คำปรึกษา และให้อภัยเหมือนที่พระคริสต์ทรงให้อภัย
“โดยการสัมผัสร่างกายของพระเยซูผู้ถูกตรึงกางเขนด้วยความทรมาน คนบาปจะสามารถรับพระพรที่จะทำให้เขาตระหนักว่า พวกเขาก็เป็นคนยากจนขัดสนด้วยเช่นกัน”
พระคริสต์กลับกลายเป็นผู้มองเห็นได้ในผู้ที่ทุกข์ทรมาน ผู้ถูกบดขยี้
ผู้เจ็บป่วย ผู้หิวโหยอดอาหารและผู้ลี้ภัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งคือผู้ที่ได้รับการเบียดเบียนเพราะความเชื่อของพวกเขาซึ่งมีอยู่ทั่วโลก
โดยอาศัยกิจการแห่งความเมตตาเท่านั้นที่ผู้มีอำนาจและคนร่ำรวยสามารถได้รับการโอบกอดและความรักจากพระเยซู
พระผู้ทรงถูกตรึงกางเขนและกลับคืนชีพเพื่อพวกเขา
ความรักของพระคริสต์เป็นคำตอบสำหรับ
“การได้รับความสุขและความรักนิรันดร แทนสิ่งที่เราคิดว่ามันให้ความสุขด้วยอุปมัยของความรู้,
อำนาจและความร่ำรวย”
“แต่อันตรายยังมีอยู่เสมอสำหรับผู้มีใจหยิ่งทะนง คนร่ำรวยและผู้มีอำนาจ ถ้าพวกเขาปิดประตูหัวใจของเขาต่อพระคริสต์ผู้ทรงเคาะประตูเรียกพวกเขาในตัวของผู้ยากจน พวกเขาจะจบชีวิตและสาปแช่งตัวเองให้ตกลงสู่ห้วงมหรรณพอันโดดเดี่ยวอ้างว้างนั่นก็คือนรก”
“พวกเขาคิดว่าตัวเองร่ำรวย
แต่แท้ที่จริงพวกเขายากจนที่สุดในบรรดาความยากจน เพราะพวกเขาเป็นทาสของบาป โดยการไม่ใช้ความร่ำรวยและอำนาจเพื่อรับใช้พระเจ้าและคนอื่นๆ
แต่จงรับรู้ในส่วนลึกของหัวใจของเขาเถอะว่า พวกเขาก็เช่นกัน เป็นเพียงคนยากจนและขอทานเท่านั้น”
“ยิ่งมีอำนาจและร่ำรวยมากเท่าไร ความมืดบอดและการหลอกลวงก็มีมากขึ้นเท่านั้น พวกเขามืดบอดต่อพระคริสต์ พระผู้ทรงพร่ำวิงวอนพวกเขาโดยผ่านทางคนยากจนและสาส์นของเรา”
เทศกาลมหาพระกินเวลา
40 วัน
เป็นเวลาสำหรับทำพลีกรรมการอดอาหาร
สวดภาวนา และกลับใจใช้โทษบาป เริ่มต้นในวันพุธรับเถ้า 10 กุมภาพันธ์ และเตรียมจิตใจสำหรับวันอิสเตอร์ที่จะมาถึงซึ่งตรงกับวันที่
24 มีนาคม
วันอาทิตย์ที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2559
ซาตานเกลียดเมดจูกอเรจ์
เมดจูกอเรจ์เป็นป้อมปราการต่อสู้กับซาตาน, ซาตานเกลียดเมดจูกอเรจ์มากเพราะเป็นสถานที่ของการกลับใจ,
การสวดภาวนา, และการเปลี่ยนแปลงชีวิต.
>>>อ่านต่อ
>>>อ่านต่อ
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)