พระเมตตาของพระเยซูเจ้า

จงบอกมนุษยชาติที่กำลังเจ็บป่วย ให้เข้ามาใกล้หัวใจอันเมตตาของเรา แล้วเราจะประทานสันติภาพให้แก่มนุษยชาติ พระเมตตาของเราไม่มีวันสิ้นสุดเลย

พระวาจาวันอาทิตย์ที่ 22 ธันวาคม 2024 เตรียมรับเสด็จพระคริสตเจ้าสัปดาห์ที่ 4

           หลังจากนั้นไม่นาน พระนางมารีย์ทรงรีบออกเดินทางไปยังเมืองหนึ่งในแถบภูเขาแคว้นยูเดีย พระนางเสด็จเข้าไปในบ้านของเศคาริยาห์และทรงทักทายนางเอลีซาเบธ เมื่อนางเอลีซาเบธได้ยินคำทักทายของพระนางมารีย์ บุตรในครรภ์ก็ดิ้น นางเอลีซาเบธได้รับพระจิตเจ้าเต็มเปี่ยม ร้องเสียงดังว่า “เธอได้รับพระพรยิ่งกว่าหญิงใด ๆ และลูกของเธอก็ได้รับพระพรด้วย ทำไมหนอพระมารดาขององค์พระผู้เป็นเจ้า จึงเสด็จมาเยี่ยมข้าพเจ้า เมื่อฉันได้ยินคำทักทายของเธอ ลูกในครรภ์ของฉันก็ดิ้นด้วยความยินดี เธอเป็นสุขที่เชื่อว่า พระวาจาที่พระเจ้าตรัสแก่เธอไว้จะเป็นจริง”
(ลูกา 1:39-45)








วันพุธที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2566

มอบของขวัญอะไรให้พระกุมารเยซูดี


นักบุญเจอโรม (347-420) เป็นพระสงฆฆ์ชาวดัลเมเชียน,ท่านเป็นนักวิชาการผู้ยิ่งใหญ่และเป็นนักปราชญ์ของพระศาสนจักร ท่านเป็นผู้แปลพระคัมภีร์จากภาษากรีกเป็นภาษาละตินคนแรก 
นักบุญเจอโรม พักอาศัยอยู่ในถ้ำแห่งหนึ่งในเมืองเบธเลเฮมใกล้กับสถานที่ประสูติของพระเยซู ครั้งหนึ่ง,ในคืนวันคริสต์มาส,ท่านกำลังนั่งพิจารณาไตร่ตรองเกี่ยวกับการประสูติของพระเยซู และคิดว่าเขาจะมอบของขวัญอะไรให้กับพระเยซูได้ ทันใดนั้นเขาก็มีนิมิต 
พระเยซูกุมารทรงปรากฏต่อหน้าเขา,ท่ามกลางแสงที่เจิดจ้าและสุกใสและถามเขาว่า “เจอโรม ท่านจะมอบอะไรเป็นของขวัญวันเกิดแก่เรา? "
นักบุญเจอโรมตอบในญาณนิมิตนั้น “โอ พระกุมารแห่งสวรรค์, ข้าพเจ้าขอมอบหัวใจของข้าพเจ้าให้กับพระองค์” “ใช่ แต่มอบสิ่งอื่นอีกสิ” พระเยซูกุมารทรงร้องขอ “ข้าพเจ้าขอมอบคำภาวนาและความรักแห่งหัวใจของข้าพเจ้าทั้งหมดแก่พระองค์” นักบุญตอบ 
พระกุมารศักดิ์สิทธิ์ทรงร้องขอมากขึ้นและมากขึ้น 
ในที่สุด นักบุญเจอโรมกล่าวว่า “ข้าพเจ้าจะมอบทุกสิ่งที่ข้าพเจ้ามีและทุกสิ่งที่ข้าพเจ้าเป็น” 
ถึงกระนั้น, พระเยซูกุมารก็ยังทรงต้องการมากกว่านี้ ตอนนี้นักบุญเจอโรมไม่มีคำตอบ เขาจึงถามว่า “ข้าแต่พระกุมารผู้ศักดิ์สิทธิ์ ข้าพเจ้าไม่มีอะไรอีกแล้ว ข้าพเจ้าจะมอบอะไรแด่พระองค์ได้อีกหรือ” 
พระเยซูกุมารทรงตอบด้วยรอยยิ้มบนพระพักตร์ของพระองค์ว่า “เจอโรม, จงมอบบาปของท่านแก่เรา” 
นักบุญเจอโรมค่อนข้างงุนงงจึงถามว่า “พระเจ้าข้า พระองค์จะทรงทำอะไรกับบาปของข้าพเจ้า?” 
“จงมอบบาปของท่านแก่เรา เพื่อเราจะได้อภัยบาปทั้งหมดของท่าน” พระกุมารตรัสตอบ เมื่อได้ยินดังนี้ นักบุญเจอโรมก็ร้องไห้ด้วยความยินดีและความรักต่อพระเยซูผู้เปี่ยมด้วยความรัก 

วันอังคารที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2566

สาส์นจากแม่พระแห่งกัวดาลูเป

               สาส์นที่สนับสนุนชีวิต(Pro-Life)สำหรับปัจจุบันนี้จากแม่พระแห่งกัวดาลูเป 
ภาพแม่พระแห่งกัวดาลูเปที่มีชื่อเสียงระดับโลกเกิดขึ้นอย่างน่าอัศจรรย์บนผืนผ้าที่ทอด้วยเส้นใยจากต้นกระบองเพชรหรือเสื้อคลุม "agave" (tilma ทิลมา) ของชาวนาชาวเม็กซิกันในปี 1531 และทำให้เกิดการกลับใจของชาวอินเดียนแดงสิบสองล้านคน ปัจจุบันได้รับการเคารพเทิดทูนว่าเป็นสัญลักษณ์ของ "การสนับสนุนชีวิต"(pro-life) ในทวีปอเมริกา 
เมื่อวันที่ 24 เมษายน 2007 ซึ่งเป็นวันเดียวกันกับที่รัฐสภาออกกฏหมายให้การทำแท้งเป็นสิ่งถูกกฎหมายในเม็กซิโก, หลังจากที่พิธีมิสซาสำหรับทารกในครรภ์ที่ไม่ได้ถือกำเนิดในมหาวิหารซึ่งมีพระรูปแม่พระแห่งกัวดาลูเปอัศจรรย์ประดิษฐานอยู่ ทันใดนั้น,แสงที่เจิดจ้ามากก็ปรากฏขึ้นบนทิลมา, ในตำแหน่งระดับพระครรภ์ แสงปรากฏเป็นรัศมีแวววาว เป็นรูปคล้ายทารกวัยเริ่มแรกในครรภ์มารดา ผู้เชี่ยวชาญให้การเป็นพยานว่านี่ไม่ใช่ภาพสะท้อนหรือสิ่งที่ทำเพิ่มเติมเข้ามา แต่มาจากทิลมาและอยู่ในตำแหน่งที่แน่นอนของมดลูกของผู้หญิง พยานสามารถถ่ายรูปและบันทึกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้หนึ่งชั่วโมงเต็ม 
คุณพ่อหลุยส์ มาตอส Father Luis Matos) แห่งชุมชน the Beatitudes Community เขียนว่า: 
“วิศวกร หลุยส์ จิโรลต์ (Luis Girault)ผู้ศึกษาภาพหนึ่งของรูปถ่ายที่มีแสงนี้,ได้ยืนยันความน่าเชื่อถือของแสง และสามารถระบุได้ว่าแสงนั้นไม่ได้ถูกการแก้ไขหรือเปลี่ยนแปลงด้วยการซ้อนทับของภาพอื่น เขาได้ค้นพบว่าภาพนั้นไม่ได้เกิดจากการสะท้อนกลับแต่แท้จริงแล้วมาจากด้านในของพระรูปแม่พระนั่นเอง แสงที่ได้จะขาวมาก,บริสุทธิ์และเข้มข้น ต่างจากแสงที่ส่องมาจากแฟลชของกล้องถ่ายภาพ แสงมีรัศมีล้อมรอบคล้ายลอยอยู่ในท้องของแม่พระ รัศมีนี้มีรูปร่างและสัดส่วนเหมือนทารกวัยอ่อน ถ้าจะพิจารณาภาพนี้ให้ละเอียดยิ่งขึ้นโดยหมุนเป็นระนาบซากิทัล(sagittal plane) ก็จะสามารถแยกแยะภายใน halo ภายในบริเวณรัศมีได้ โดยมีลักษณะเป็นตัวอ่อนมนุษย์(human embryo)ในครรภ์มารดา”

วันจันทร์ที่ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2566

การประจักษ์ที่การาบังดัล


คอนชิตา: " ตามที่ดิฉันได้กล่าวไปแล้ว, การประจักษ์เกิดขึ้นในขณะที่ฝนตกหนัก แต่พระแม่มารีย์และพระกุมารเยซูไม่เปียกเลย สำหรับดิฉันเอง, ขณะที่ฉันเห็นแม่พระและพระกุมารเยซู, ฉันไม่รู้ว่าฝนกำลังตก แต่หลังจากการประจักษ์เสร็จสิ้น, ดิฉันตัวเปียกโชกเลย" 
ที่มา - “Conchita’s Diary” Chapter 9 

คอนชิตาเขียนข้อความนี้ถึงคุณแม่มาเรีย เด นีฟส(Rev. Mother Maria des Nieves) 
 “ก่อนที่แม่พระจะเสด็จจากเราไป พระนางทรงจูบเราก่อน เราไม่รู้สึกถึงการสัมผัสทางวัตถุ และเราไม่สามารถจูบตอบพระนางได้เพราะมีบางอย่างขัดขวางเราไม่ให้ทำเช่นนั้น เราอยากจะสัมผัสพระนาง, แต่เมื่อมือของเราเข้าใกล้พระนาง,ก็ไม่สัมผัสสิ่งใดเลย หรือเมื่อตอนที่เราได้อุ้มพระกุมารเยซูไว้ในอ้อมแขนของเรา แต่เราไม่สามารถรู้สึกถึงน้ำหนักของพระองค์ หรือการสัมผัสทางวัตถุใดๆ แม้ว่าพระองค์จะทรงอยู่ที่นั่นจริงๆก็ตาม”  
ที่มา - “The Village Speaks”, by Ramon Perez, pg. 25

วันอาทิตย์ที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2566

วันเสาร์ที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2566

พระสงฆ์ก็เป็นมนุษย์


หน้าที่สำคัญของพระสงห์คือการนำพระคริสต์มาสู่ประชากรของพระองค์
>>>อ่านต่อ

วันศุกร์ที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2566

พระนางมารีย์ทรงปฏิสนธินิรมล

"โดยการบังเกิดของพระนาง, พระมารดาของพระเจ้า, พระนางทรงนำความสุขความยินดีมาสู่คนทั้งโลก  โดยทางพระนาง, ดวงอาทิตย์แห่งความยุติธรรม, พระคริสตเจ้าพระเจ้าของเรา, จึงได้ทรงมาสู่โลก" (บทสวดสรรเสริญแม่พระ)
>>>อ่านต่อ

วันพฤหัสบดีที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2566

จุดประสงค์การมีชีวิตของเรา


อย่าคิดว่าลูกจะอาศัยอยู่ในโลกนี้เพียงเพื่อมีความสนุกสนาน,เพื่อเป็นเศรษฐี,เพื่อกิน,ดื่ม,และนอนหลับเท่านั้น 
จุดประสงค์แรกสุดที่ลูกถูกสร้างขึ้นมานั้นเป็นสิ่งที่ประเสริฐ,สง่างามไม่มีที่สิ้นสุด และมันคือการรักและรับใช้พระเจ้าในชีวิตนี้ และนั่นคือหนทางที่จะทำให้วิญญาณของลูกรอดพ้น
- นักบุญยอห์น บอสโก