พระเมตตาของพระเยซูเจ้า

จงบอกมนุษยชาติที่กำลังเจ็บป่วย ให้เข้ามาใกล้หัวใจอันเมตตาของเรา แล้วเราจะประทานสันติภาพให้แก่มนุษยชาติ พระเมตตาของเราไม่มีวันสิ้นสุดเลย

พระวาจาวันอาทิตย์ที่ 20 ตุลาคม 2024 ผู้ที่เป็นใหญ่ในสวรรค์

           ยากอบและยอห์น บุตรของเศเบดี เข้ามาทูลพระองค์ว่า “พระอาจารย์ ข้าพเจ้าทั้งสองปรารถนาให้พระองค์ทรงกระทำตามที่ข้าพเจ้าจะขอนี้” พระองค์ตรัสถามว่า “ท่านปรารถนาให้เราทำสิ่งใด” ทั้งสองทูลตอบว่า “ขอโปรดให้ข้าพเจ้าคนหนึ่งนั่งข้างขวา อีกคนหนึ่งนั่งข้างซ้ายของพระองค์ในพระสิริรุ่งโรจน์เถิด” พระเยซูเจ้าตรัสว่า “ท่านไม่รู้ว่ากำลังขออะไร ท่านดื่มถ้วยซึ่งเราจะดื่มได้ไหม หรือรับการล้างที่เราจะรับได้หรือไม่” ทั้งสองทูลว่า “ได้ พระเจ้าข้า” พระเยซูเจ้าตรัสกับเขาว่า “ถ้วยที่เราจะดื่มนั้น ท่านจะได้ดื่ม และการล้างที่เราจะรับนั้น ท่านก็จะได้รับ แต่การที่จะนั่งข้างขวาหรือข้างซ้ายของเรานั้น ไม่ใช่หน้าที่ของเราที่จะให้ แต่สงวนไว้สำหรับผู้ที่พระเจ้าทรงจัดเตรียมไว้”
           เมื่อได้ยินดังนั้น อัครสาวกอีกสิบคนรู้สึกโกรธยากอบและยอห์น พระเยซูเจ้าจึงทรงเรียกเขาทั้งหมดมาพบ ตรัสว่า “ท่านทั้งหลายย่อมรู้ว่า คนต่างชาติที่คิดว่าตนเป็นหัวหน้าย่อมเป็นเจ้านายเหนือผู้อื่น และผู้เป็นใหญ่ย่อมใช้อำนาจบังคับ แต่ท่านทั้งหลายไม่ควรเป็นเช่นนั้น ผู้ใดที่ปรารถนาจะเป็นใหญ่จะต้องทำตนเป็นผู้รับใช้ผู้อื่น และผู้ใดที่ปรารถนาจะเป็นคนที่หนึ่งในหมู่ท่าน ก็จะต้องทำตนเป็นผู้รับใช้ทุกคน เพราะบุตรแห่งมนุษย์มิได้มาเพื่อให้ผู้อื่นรับใช้ แต่มาเพื่อรับใช้ผู้อื่น และมอบชีวิตของตนเป็นสินไถ่เพื่อมวลมนุษย์”
(มาระโก 10:35-45)








วันจันทร์ที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2567

หัวใจที่ร่ำรวย


วันหนึ่งชายที่ร่ำรวยได้ให้ตะกร้าที่เต็มไปด้วยอาหารที่เน่าแล้วแก่ชายผู้ยากจนคนหนึ่ง

ชายยากจนเดินจากไปพร้อมกับยิ้มให้และตะกร้า....เขาได้นำอาหารที่เน่าแล้วออกจากตะกร้าและทำความสะอาดอย่างดี,

ใส่ดอกไม้ที่สวยงามลงในตะกร้าแล้วกลับไปยังคฤหาสน์ของชายร่ำรวยและยื่นตะกร้าให้แก่เขา

ชายร่ำรวยประหลาดใจมากและถามชายยากจนว่า “ทำไม?

“ฉันให้ตะกร้าเต็มไปด้วยของที่เน่าเสีย แต่คุณกลับนำตะกร้ากลับคืนมาพร้อมด้วยดอกไม้ที่สวยงาม”

ชายยากจนตอบเขาว่า

“ทุกคนจะให้สิ่งที่เขามีอยู่ในหัวใจ”

***

ภายในตัวคุณมีสิ่งใด, คุณจะนำสิ่งนั้นออกมา จงมีใจเมตตากรุณาเสมอ

คุณไม่จำเป็นต้องร่ำรวยก่อนแล้วจึงมีใจเมตตากรุณา ความเมตตากรุณาเป็นของฟรี ไม่ว่าจะร่ำรวยหรือยากจน....ทุกคนมีใจเมตตากรุณาได้,เพียงแค่คุณต้องการเท่านั้น

“หัวใจที่ร่ำรวย”

ย่อมเปี่ยมด้วยความเมตตากรุณา....

วันอาทิตย์ที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2567

วันเสาร์ที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2567

วันศุกร์ที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2567

ชีวิตนั้นสั้นนัก


ชีวิตของท่านจะหายวับไป พรุ่งนี้ท่านอาจจะไม่อยู่แล้ว จงพิจารณาอย่างรอบคอบว่าชีวิตหลังความตายจะเป็นอย่างไร วันนี้ท่านอยู่ที่นี่ แต่พรุ่งนี้ท่านอาจไม่อยู่อีกต่อไป เมื่อใครสักคนจากไป พวกเขาก็จะถูกลืมในไม่ช้า เป็นเรื่องโง่เขลาที่จะมุ่งความสนใจไปที่ปัจจุบันเท่านั้นและมองข้ามอนาคต ท่านควรใช้ชีวิตในแต่ละวันราวกับว่ามันเป็นวันสุดท้ายของท่าน ถ้าท่านมีมโนธรรมที่แจ่มใส ท่านจะไม่กลัวความตายมากนัก การระมัดระวังในบาปย่อมดีกว่าการกลัวความตาย วันนี้ท่านยังไม่เตรียมตัวให้พร้อมสำหรับความตาย พรุ่งนี้ท่านจะเตรียมตัวอย่างไรได้? พรุ่งนี้,ไม่แน่นัก! ท่านไม่สามารถรับประกันได้ว่าท่านจะมีหรือเปล่า 
- จำลองแบบพระคริสต์ 
Thomas A Kempis

วันพฤหัสบดีที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2567

อย่าโอ้อวดเลย


อย่าโอ้อวดเกี่ยวกับความมั่งคั่งของท่าน,ถึงแม้ท่านจะมีก็ตาม หรือโอ้อวดเกี่ยวกับมิตรสหายที่มีอำนาจของท่าน แต่จงอวดอ้างในพระเจ้าเถิด,ผู้ทรงประทานทุกสิ่งแก่ท่านและเหนือสิ่งอื่นใด,ทรงปรารถนาที่จะมอบพระองค์เองแก่ท่าน อย่าภูมิใจเพราะความแข็งแกร่งทางร่างกายหรือความงามของท่าน เพราะแม้แต่ความเจ็บป่วยเล็กๆน้อยๆก็สามารถทำให้ท่านอ่อนแอลงได้ อย่าเย่อหยิ่งในทักษะหรือความสามารถของตนเอง เกรงว่าพระเจ้าจะไม่ทรงพอพระทัย,พระเจ้าผู้ทรงประทานสิ่งดีๆแก่มนุษย์ สิ่งต่างๆที่เรามีนั้นล้วนได้รับมาจากพระองค์ 
- จำลองแบบพระคริสต์ 
Thomas A Kempis

คุณธรรมที่นำเราไปสู่สวรรค์


เมื่อนักบุญแอนโทนี ผู้ดำรงชีวิตเป็นฤาษี,เห็นว่ามีบ่วงแห่งสิ่งล่อลวงต่างๆมากมายในโลก ท่านร้องตะโกนว่า “ใครจะรอดพ้นจากภยันตรายต่างๆมากมายเช่นนี้ได้?” และท่านได้ยินเสียงตอบว่า “แอนโทนี่ ความอ่อนน้อมถ่อมตนเพียงอย่างเดียวที่จะทำให้ดำเนินไปได้อย่างปลอดภัย, ผู้ที่ก้มศีรษะลงด้วยความถ่อมตนก็ไม่ต้องกลัวที่จะติดบ่วงเหล่านี้” 

นักบุญอัลฟองโซเขียนว่า “แท้จริงแล้ว ปีศาจกำลังทำงานเพื่อประโยชน์ของนรก,เมื่อมันสร้างแรงบันดาลใจให้วิญญาณหนึ่งปรารถนาที่จะได้รับเกียรติจากโลก เพราะเมื่อวิญญาณสูญเสียความอ่อนน้อมถ่อมตน วิญญาณก็เสี่ยงต่อการถูกเหวี่ยงลงสู่อเวจี” 

นักบุญเทเรซาแห่งอาวีลากล่าวอีกว่า “ยิ่งเรามีน้อยในโลก”....“ความสุขของเราในสวรรค์ก็ยิ่งจะมีมากขึ้นเท่านั้น สง่าราศีของเราในสวรรค์สอดคล้องกับความรักที่เราเลียนแบบชีวิตของพระอาจารย์ศักดิ์สิทธิ์ของเราบนโลกนี้” 

เราจำเป็นต้องรู้จักควบคุมความคิดของเรา ถึงแม้บางครั้งเราอาจลืมตัวไปบ้าง,แต่ทันทีที่รู้สึกตัว,ให้แทนที่ความคิดที่ผิดเหล่านั้นอย่างรวดเร็วด้วยความคิดที่ถูกต้อง 

การควบคุมตนเองเตรียมเราให้พร้อมสำหรับชีวิตนิรันดร์ 

เราจะมีความสุขแม้ในความทุกข์ยาก 

เริ่มต้นด้วยสิ่งที่คุณทำได้ เพียงแค่ยืนหยัดและอาศัยพระหรรษทานของพระเจ้าช่วยเหลือ พระเจ้าไม่ได้คาดหวังให้คุณสมบูรณ์ครบครันในทันทีทันใด โลกนี้มีสิ่งล่อลวงมากมาย เราจึงต้องเพียรพยายามให้มากที่สุด และสิ่งที่ดูเหมือนเป็นไปไม่ได้! พระเจ้าจะทรงช่วยเหลือเราให้ทำได้ พระองค์ต้องการความเพียรพยายามจากเรา 

ตราบเท่าที่คุณดำรงอยู่ในพระเจ้าและติดตามพระองค์เสมอ,ความมืดมนจะหนีไปจากคุณ และความรู้ก็จะมาสู่คุณ คุณจะมีความรักในพระเจ้าและเพื่อนมนุษย์ได้ดีขึ้น 

เพียงให้แสงสว่างส่องมาในความมืดมิดของวิญญาณ (นี่คือกุญแจสำคัญ: เพียงแค่ชูตะเกียงแห่งความรักไว้) 

#Catholic 4 Life  

วันพุธที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2567

นักบุญเกมมา กัลกินี


รอยแผลลึกลับของนักบุญเกมมา กัลกินี(Gemma Galgini) 
นำมาจากไดอารี่ของเธอ 

ในความรู้สึกภายในนี้, ฉันไม่รู้สึกถึงตัวเอง, และพบว่าตัวเองอยู่เบื้องหน้าพระมารดาแห่งสวรรค์ของดิฉัน และทางด้านขวาของพระนาง,ทูตสวรรค์ผู้พิทักษ์ของฉันยืนอยู่ ท่านบอกให้ฉันสวดภาวนาบทแสดงความทุกข์ และเมื่อฉันสวดจบแล้ว,พระมารดาได้ตรัสกับฉันว่า ลูกสาว, ในพระนามของพระเยซู, บาปของลูกได้รับการอภัยแล้ว จากนั้นพระนางตรัสอีกว่า พระเยซู,องค์พระบุตรของแม่,รักลูกมากและพระองค์ปรารถนาที่จะประทานพระหรรษทานประการหนึ่งแก่ลูก ลูกรู้วิธีทำให้ตัวเองมีค่าคู่ควรหรือไม่? ในความน่าสมเพชของฉัน,ฉันไม่รู้จะตอบอย่างไร พระนางตรัสต่อไป แม่จะเป็นแม่ของลูก, แล้วลูกจะเป็นลูกสาวของแม่หรือไม่? จากนั้นพระนางก็กางเสื้อคลุมของพระนางและคลุมฉันไว้ ทันใดนั้น,พระเยซูทรงปรากฏมา,และบาดแผลทั้งหมดบนพระกายของพระองค์เปิดเผยให้เห็น แต่ไม่มีเลือดไหลออกมาจากบาดแผลเหล่านั้น และในทันใดนั้น, มีเปลวไฟลุกโชนขึ้นเปลวไฟเหล่านี้ก็มาสัมผัสมือ, เท้า, และหัวใจของฉัน และฉันรู้สึกราวกับจะตาย ฉันล้มลงกับพื้น แต่พระมารดาทรงพยุงฉันไว้,โดยคลุมฉันไว้ในเสื้อคลุมของพระนาง 

จากนั้นพระมารดาทรงจูบหน้าผากของฉัน นิมิตนั้นก็หายไป และฉันก็คุกเข่าลง แต่ฉันยังมีอาการปวดอย่างรุนแรงที่มือ เท้า และหัวใจ ฉันลุกขึ้นไปนอน,และเห็นว่ามีเลือดไหลออกมาจากบริเวณที่ฉันปวด ฉันปกปิดรอยแผลอย่างดีเท่าที่จะทำได้ จากนั้นโดยได้รับความช่วยเหลือจากเทวดาผู้พิทักษ์ของฉัน,ฉันจึงเข้านอน